Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1436 บารมีที่หลั่งไหลออกมา

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินสวินก็ออกจากค่ายทัพอีกครั้ง

สิ่งที่กำลังรอเขาอยู่คือสายตาข้องใจและซับซ้อน ไม่มีแววดูถูกเหยียดหยามเหมือนที่ผ่านมา เริ่มเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เลวแล้ว

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากที่เขาออกไป ผู้แข็งแกร่งมากมายภายในค่ายก็เคลื่อนไหวตามไปด้วย หอบเอาความคิดที่จะค้นหา เสาะแสวงหาความจริง

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือต้องการใช้ข้อเท็จจริงมาพิสูจน์ ว่าในฐานะหลินสวินที่เป็นตัวมอด ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาเมื่อวานทั้งหมดล้วนกุเรื่องแหกตา!

นี่ก็เป็นเรื่องปกติมาก ความเข้าใจผิดตลอดหนึ่งปี อคติที่เกิดขึ้นย่อมไม่อาจหายไปเพียงชั่วข้ามคืน

แต่ว่า หลินสวินคร้านจะสนใจเรื่องพวกนี้

ทั้งหมดนี้แค่ให้ความจริงพิสูจน์ก็สิ้นเรื่อง

……

ยามสายัณห์

หลินสวินเหยียบย่างบนเส้นทางกลับค่าย

สิ่งที่ได้รับในวันนี้เมื่อเทียบกับเมื่อวานก็ถือว่าไม่เลว หลังจากวิ่งวนภายในอาณาเขตพันลี้ เขาก็สามารถรวบเอาอาณาเขตในครอบครองของค่ายพ่อมดเถื่อนและพันธมิตรหมื่นเผ่าได้สำเร็จ

ในการฆ่าฟันเจ็ดหนนั้น ยอดฝีมือที่ได้พบเจอไม่มากนัก แต่การเคี่ยวกรำพลังหลอมกายก็ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์มหาศาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการต่อสู้ครั้งหนึ่ง เขาได้พบกับพวกร้ายกายจากเผ่าพ่อมดเถื่อน ชื่อว่าจินหมานเอ๋อร์ พลังต่อสู้แข็งแกร่งทนทานถึงขีดสุด พลังมหามรรคที่เชี่ยวชาญก็ค่อนข้างหายากและน่ากลัว

การต่อสู้ครั้งนี้หลินสวินใช้พลังหลอมกายเข้าใส่สุดแรง และเสียเวลาไปหนึ่งเค่อเต็มๆ กว่าจะรุกสังหารอีกฝ่ายได้

‘หลอมกายก็คือการใช้กำลังต่อกำลัง ใช้พลังบริสุทธิ์ทำการกำราบอย่างสมบูรณ์ คำกล่าวที่ว่าหนึ่งพลังปราบสิบพรรค คงจะเป็นประมาณนี้แหละ’

‘แต่ว่าการเคี่ยวกรำวิชาต่อสู้หลอมกายยังไม่มากพอ ถ้าสมบูรณ์กว่านี้อีกหน่อยตอนที่สังหารจินหมานเอ๋อร์นั่นก็คงไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนั้น…’

หลินสวินใคร่ครวญประสบการณ์การต่อสู้ไปพลาง เดินเข้าไปให้ค่ายภูเขาเมฆาครามไปพลาง

ทันใดนั้นเขาก็อึ้งงัน จู่ๆ ก็พบว่าตอนที่ผู้แข็งแกร่งมากมายมองมาที่ตนอีกที สายตาล้วนเจือแววแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

บรรยากาศที่แต่เดิมครึกครื้นก็พลอยเงียบกริบในฉับพลันพร้อมๆ กับการมาถึงของตน

“ข้ากลับไปก่อนนะ”

หลินสวินไม่ได้ซักถาม บอกกับสืออวี่ที่คอยตามหลังตลอดทางไว้หนึ่งประโยค แล้วหันตัวเดินกลับไปที่ยอดเขา

เดิมทียังมีคนมากมายลังเลที่จะเอ่ยปาก แต่เมื่อเห็นหลินสวินจากไปก็กลืนคำพูดที่มาจ่อริมฝีปากกลับลงท้องในทันที

สืออวี่กลับคล้ายจะเข้าใจขึ้นมา อดกล่าวกลั้วหัวเราะไม่ได้ “ในที่สุดตอนนี้พวกเจ้าก็ตาสว่างกันแล้ว?”

ทุกคนต่างพยักหน้ายิ้มๆ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นออกจะแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด

วันนี้พวกเขาก็ออกไปตรวจสอบข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ ผลลัพธ์กลับพาให้พวกเขาตะลึงพรึงเพริด ร่องรอยการต่อสู้ที่เคยเกิดขึ้นพวกนั้น ไม่ว่าใครได้เห็นล้วนไม่อาจทำใจให้สงบได้

อาณาเขตส่วนหนึ่งที่อยู่ในครอบครองของศัตรูล้วนถูกหลินสวินตียับเพียงลำพัง!

ความจริงข้อนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจข้องใจอะไรได้อีก

สุดท้ายในที่สุดพวกเขาก็เชื่อแล้วว่า เจ้าคนที่ถูกพวกเขามองเป็นตัวมอดคนนั้น ถึงขั้นกลับตัวกลับใจ แก้ไขความผิดได้แล้วจริงๆ!

อีกอย่างความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ที่สำแดงออกมายังน่าตกใจถึงที่สุด!

พรึ่บ!

สืออวี่ไม่ได้พูดมากความอะไร โบกแขนเสื้อหนึ่งครา โอสถเทพและผลึกกำเนิดเจตะก็เทกองกันเต็มพื้น ดึงดูดความสนใจของสายตาทุกคู่อีกครั้งในชั่วขณะเดียว

เมื่อเทียบกับเมื่อวานแล้ว ทรัพย์หลังศึกในวันนี้ไม่ได้ด้อยกว่ากันนัก ซ้ำยังมีมากกว่าหน่อยด้วยซ้ำ

ทุกคนพากันหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ จิตใจไหววูบ

“นี่… นี่คงไม่ใช่ของที่หลินสวินรวบรวมมาในวันนี้ทั้งหมดอีกแล้วกระมัง”

มีคนร้องเสียงหลง

“พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”

สืออวี่ทอดถอนใจ กล่าวว่า “ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของค่าย ข้าแค่อยากเตือนทุกคนสักประโยค หลินสวินเจ้าหมอนี่… ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะเหยียบหัวได้สักนิด!”

ทุกคนสายตาไหวหวั่นไม่นิ่ง ในใจค่อนข้างละอาย ก่อนหน้านี้หลินสวินทำตัวเหมือนมอดตัวหนึ่งจริงๆ นี่นา

เพียงแต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลินสวินจะซ่อนคมในฝัก ไม่เผยประกายได้ขนาดนี้!

ถ้าเขาหลินสวินเผยศักยภาพของตนให้เห็นตั้งแต่แรก ทุ่มเทแรงกายเพื่อค่ายทัพจักรวรรดิให้มากๆ มีหรือจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดมากมายขนาดนี้

“หลินสวินไม่ได้คิดถือโทษโกรธเคืองพวกเจ้าหรอก เขาก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ถึงได้ชดเชยให้”

สืออวี่ถอนหายใจอีกครั้ง กล่าวว่า “พวกเจ้าน่ะ ควรแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดได้แล้ว การทำให้คนแบบหลินสวินแบกรับคำด่าทอว่าเป็นตัวมอด หากแพร่งพรายออกไป อีกสองค่ายใหญ่ที่เหลือจะมองพวกเราอย่างไรกัน”

ทุกคนได้ยินดังนี้ก็พากันอดพยักหน้าไม่ได้

คนไม่น้อยต่างสีหน้าละอายใจ พอลองคิดว่าตนถึงกับมองบุคคลสะท้านโลกอย่างหลินสวินเป็นตัวมอด ช่างเห็นได้ชัดว่าเบาปัญญาจริงๆ

ขนาดพวกจ้าวจิ่งเฟิ่ง ฉินเฟยอวี่ยังพากันใบ้สนิท พวกเขาจะพูดอะไรได้

หลินสวินใช้การเคลื่อนไหวดุจเหล็กกล้ามาพิสูจน์ความกร้าวแกร่งของเขา!

“จริงสิ วันนี้จินหมานเอ๋อร์ที่ติดอันดับ ‘สิบสุดยอดราชันพ่อมดระดับอมตะเคราะห์’ ในค่ายพ่อมดเถื่อนถูกหลินสวินฆ่าตายแล้ว”

จู่ๆ สืออวี่ก็เอ่ยปาก

หินก้อนเดียวก่อคลื่นนับพัน!

ใครบ้างไม่รู้ว่าจินหมานเอ๋อร์เป็นถึงบุคคลกร้าวแกร่งที่เทียบได้กับซ่งอู่เชวีย แต่ตอนนี้เขากลับถูกหลินสวินฆ่าเสียแล้ว!

ทุกคนขนพองสยองเกล้าเหลือล้น ต่างอดคิดถึงช่วงเดือนที่สามที่หลินสวินมาถึงภูเขาเมฆาครามขึ้นมาไม่ได้ ซ่งอู๋เชวียเคยมุ่งหน้าขึ้นยอดเขาไปท้าดวลหลินสวิน

ผลลัพธ์กลับล้มเลิกการท้าดวลเพราะประโยคเดียวของหลินสวิน

ตอนนั้นเพราะการท้าประลองแบบท่าดีทีเหลวครั้งนี้ปิดม่านปุบปับ ผู้คนมากมายแทบจะอัดอั้นใจจนส่งผลเสียต่อร่างกาย

แต่ตอนนี้เพราะการตายของจินหมานเอ๋อร์ พวกเขาถึงกล้ามั่นใจว่าทำไมซ่งอู๋เชวียถึงถอดใจ

“หากข้าเป็นพวกเจ้า เริ่มจากพรุ่งนี้ก็จะไปจัดการและควบคุมอาณาเขตที่ถูกหลินสวินโค่นลงพวกนั้นซะ สถานที่พวกนั้นเป็นถึงแหล่งสมบัติชั้นยอด ต้องมีผลึกกำเนิดเจตะที่ยังไม่ถูกขุดอีกมากมายแน่นอน”

กล่าวจบสืออวี่ก็หันตัวเดินออกไป

และในคืนนี้ทั่วทั้งค่ายจักรวรรดิก็เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง

หลินสวินใช้การกระทำของตนในการเปลี่ยนทัศนคติและท่าทีของทุกคนที่มีต่อเขา หนำซ้ำเป็นเพราะความสำเร็จอันโดดเด่นที่เขาสร้างขึ้นทั้งหมด ก็ส่งผลให้เกิดความสั่นสะเทือนและตระหนกตกใจขึ้นมากมาย

เช้าตรู่วันที่สาม หลินสวินออกจากค่ายอีกครั้ง

วันที่สี่ วันที่ห้า…

ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

ทุกๆ วันเขามักจะนำทรัพย์หลังศึกกลับมาเพียบ

และท่าทีของผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปไม่เว้นแต่ละวัน ไม่มีใครเรียกขานหลินสวินว่าตัวมอดอีกแล้ว

ไม่เพียงในแง่คำพูดเท่านั้น ข้างในใจก็ไม่กล้าใช้คำเรียกขานพรรค์นี้มาสบประมาทอีกเช่นกัน

หลินสวินค่อยๆ ค้นพบว่าทุกครั้งตอนที่เดินทางออกไปหรือขากลับมายังค่ายทัพ สายตาที่ผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิพวกนั้นมองมาที่ตนล้วนเจือแววเคารพ เลื่อมใส และประหลาดใจ

ถึงขั้นที่หญิงสาวส่วนหนึ่งล้วนเผยแววรักใคร่ชื่นชมไม่มากก็น้อย แต่น่าเสียดายที่ทุกคนล้วนถูกหลินสวินเพิกเฉย สิ่งนี้พาให้หญิงสาวไม่น้อยรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ

ถึงแม้จ้าวซิงเย่จะปรากฏตัวน้อยครั้ง แต่ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ในสายตาทั้งสิ้น ในใจก็อดรู้สึกโล่งอกไม่ได้

หลายปีมาแล้วค่ายจักรวรรดิล้วนถูกอีกสองค่ายใหญ่ที่เหลือหมายหัวและกดข่มอยู่ตลอด โดยเฉพาะช่วงปีล่าสุด สถานการณ์ของค่ายจักรวรรดิยิ่งกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอานางต้องข่มเพลิงโทสะเอาไว้ในใจ

แต่การบบุกโจมตีในช่วงหลายวันมานี้ของหลินสวิน วิธีกำชัยอย่างง่ายดายเหมือนผ่าลำไผ่นั้น ช่วยค่ายจักรวรรดิระบายเพลิงแค้นนี้ได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องสงสัย

สะใจ!

มีเพียงสองคำนี้เท่านั้นที่สามารถบรรยายอารมณ์ในขณะนี้ของจ้าวซิงเย่ได้

นางเชื่อว่าในใจของผู้แข็งแกร่งจักรวรรดิคนอื่นๆ ก็ต้องเป็นเหมือนกับตนแน่นอน รู้สึกสะใจเปลี่ยมล้น ปลาบปลื้มปิติ!

……

ครึ่งเดือนให้หลัง

ยังไม่ทันถึงช่วงสายัณห์ หลินสวินก็กลับมาก่อนหลายชั่วยาม สิ่งนี้พาให้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในค่ายต่างอดแปลกใจและสงสัยไม่ได้

“พี่หลิน คงไม่ได้เจอเรื่องยุ่งยากหรอกกระมัง ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”

มีคนอดถามไม่ได้

“นั่นสิพี่หลิน ถ้ามีปัญหาท่านแค่บอกมา พวกข้าช่วยท่านแบ่งเบาภาระได้เหมือนกัน”

คนอื่นๆ ก็พากันล้อมวงเข้ามา

เมื่อเทียบกับครึ่งเดือนก่อน สีหน้าของพวกเขาล้วนเจือแววเคารพจากก้นบึ้งหัวใจ

นี่ก็คือการเปลี่ยนแปลง

เพียงแต่พวกเขาต่างสงสัยยิ่งนัก ที่ผ่านมาหลินสวินไม่เคยกลับมาค่ายถ้าไม่ถึงยามสายัณห์เย็นย่ำ ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น

หลินสวินหัวเราะร่วน “ไม่มีอะไร แค่เดินเตร่ครึ่งค่อนวันก็ไม่ค่อยเห็นเงาศัตรูสักเท่าไหร่ อาณาเขตส่วนหนึ่งที่อยู่ในการครอบครองของพวกเขาก็ถูกทิ้งร้างตั้งนานแล้ว หมดสนุกเลย ทั้งวันมานี้ก็เท่ากับเสียแรงเปล่า”

ทุกคนอึ้งงันก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นค่อยหัวเราะผสมโรงขึ้นมา

“แม่งเอ๊ย! พวกสวะนั่นต้องขวัญเตลิด หนีตายหัวซุกหัวซุนแล้วแน่นอน!”

“ก่อนหน้านี้ไม่ยักเคยเห็นพวกเขาขี้ขลาดเช่นนี้มาก่อน ต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าพี่หลินไม่ได้หาเรื่องง่ายๆ ถึงได้หนีเอาตัวรอดตั้งแต่เนิ่นๆ”

ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกสนาน

เมื่อเร็วๆ นี้สถานการณ์เสื่อมถอยของค่ายจักรวรรดิเปลี่ยนไปฉับพลัน เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่

และในทางกลับกันทางฝั่งค่ายพ่อมดเถื่อนและพันธมิตรหมื่นเผ่ากลับเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกทำร้าย เริ่มล่าถอยทีละก้าว

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ย่อมพาให้ผู้คนฮึกเหิมและดีใจ

และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ต่างเกิดขึ้นเพราะหลินสวินเพียงคนเดียว!

ไกลออกไปพวกจ้าวจิ่งเฟิงและฉินเฟยอวี่เห็นหลินสวินที่ถูกทุกคนรายล้อม สีหน้าล้วนเจือแววซับซ้อนอย่างอดไม่ได้

จนป่านนี้ถึงจะไม่เต็มใจแต่พวกเขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าตั้งแต่หลินสวินบุกโจมตีเป็นต้นมา สถานการณ์ของค่ายจักรววรดิก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีถึงขีดสุดจริงๆ!

ถึงขั้นที่ส่วนลึกภายในใจ พวกเขาเองก็รู้สึกฮึกเหิมและดีใจกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

น่าเสียดาย เพราะความคับข้องใจและข้อพิพาทก่อนหน้านี้ จึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยุติความคับข้องใจที่มีต่อหลินสวิน และไม่มีทางผูกมิตรกันได้อย่างแน่นอน

แต่ในทำนองเดียวกัน พวกเขาเองก็ไม่มีความคิดที่จะเล่นงานหลินสวินตั้งนานแล้ว เหตุผลง่ายมาก ค่ายจักรวรรดิในตอนนี้ ใครตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับหลินสวินก็เท่ากับเป็นศัตรูกับทุกคนชัดๆ!

นี่ก็คือบารมีที่หลั่งไหลออกมา

“หลินสวิน นับแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าอย่าเพิ่งออกไปข้างนอกสุ่มสี่สุ่มหน้าอีกดีกว่า ถึงแม้จะออกไปก็ต้องแจ้งกับข้าล่วงหน้าก่อน”

ตอนที่กลับยอดเขา จ้าวซิงเย่มาหาหลินสวินและเอ่ยกำชับอย่างจริงจัง “อริยะทางฝั่งค่ายพ่อมดเถื่อนและพันธมิตรหมื่นเผ่าตอนนี้ต่างรู้ถึงการมีตัวตนของเจ้าแล้ว ซ้ำยังจับตามองเจ้าแล้วด้วย ข้าห่วงว่าพวกเขาอาจลงมือในเงามืด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”

ในใจหลินสวินเย็นวูบ จากนั้นก็ถอนใจกล่าว “น่าเสียดาย จนป่านนี้ข้ายังไม่เคยเจอพวกชั้นนำแท้จริงอย่าง ‘คู่แฝดรุ่งรัตติกาล’ จากค่ายพ่อมดเถื่อน และพวกที่ติดห้าอันดับแรกใน ‘กระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า’ เลยสักคน”

จ้าวซิงเย่อดหัวเราะไม่ได้ “คนระดับนี้คงไม่ปรากฏตัวง่ายๆ ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะถูกอริยะของอีกฝ่ายหมายหัว อริยะฝ่ายนั้นเองก็กังวลใจเหมือนกันว่าพวกชั้นนำในการดูแลของตนจะถูกข้าหมายหัว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครกล้ากระทำบุ่มบ่าม”

นิ่งไปครู่หนึ่งนางกล่าวต่อไปว่า “แต่เมื่อศึกถกมรรคเขาพินิจมรรคอีกหนึ่งปีให้หลังเริ่มขึ้น เจ้าจะมีโอกาสไปประลองฝีมือกับพวกชั้นนำฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่า”

หลินสวินลูบจมูกป้อยๆ กล่าวว่า “เห็นทีคงต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้นแล้ว”

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset