“ไม่เคยมีใครกล้าข่มขู่และดูแคลนพวกเรามาก่อน ต้องสังหารคนผู้นี้!”
ราชันต่างเผ่าคนหนึ่งเอ่ยเสียงเยียบเย็น ตะโกนเดือดดาล
ครานี้เป็นชายหนุ่มผมเทาคนหนึ่ง เขาแข็งแกร่งยิ่ง สถานะดูไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด สายตาไม่น้อยที่มองเขาล้วนเจือแววเกรงกลัวและเคารพยำเกรง
อันฮว่าเทียน ทายาทเผ่าเหยี่ยวมังกร!
ผู้แข็งแกร่งน่าสะพรึงที่ไต่เต้าขึ้นอันดับที่สี่ในกระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า
“หากเปลี่ยนเป็นข้าลงสนาม ไอ้หมอนี่ต้องตายแน่”
ข่งซิ่วสีหน้ามืดทะมึน ไอสังหารเดือดพล่าน
สำหรับเรื่องนี้หลินสวินทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น หรืออาจกล่าวได้ว่าไม่อยู่ในสายตาเลยก็ได้ กล่าวว่า “ต่อไป”
ยังคงเป็นสองคำนี้เช่นเดิม แต่กลับเปี่ยมด้วยแววเหยียดหยัน
สิ่งนี้ทำเอาผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าโกรธจนกัดฟันกรอด แต่ละคนนัยน์ตาฉายแววคุกรุ่น เพลิงโทสะปะทุทบทวี กลิ่นอายชวนสยอง
ฝ่ายค่ายจักรวรรดิต่างถอนหายใจยาว รู้สึกผ่อนคลายทั่วร่าง สะใจสุดๆ!
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ ฝ่ายจักรวรรดิประสบเคราะห์ไม่หยุด บุคคลชั้นยอดล้มตายคนแล้วคนเล่า บรรยากาศหดหู่โหวงเหวง เหมือนดั่งมีก้อนจุกในใจ
เวลานี้หลินสวินชนะสองครั้งติด อานุภาพยิ่งยงกวาดล้างความเสื่อมถอยในคราเดียว ทำให้เลือดระอุเดือดปะทุ
“ข้าจะไปฆ่าเขา”
ท่ามกลางเสียงราบเรียบเยียบเย็น เงาอรชรสูงเพรียวสายหนึ่งย่างก้าวออกมาจากฝั่งค่ายพันธมิตรหมื่นเผ่า ทันทีที่ปรากฏตัวก็ทำให้บรรยากาศทั่วลานเงียบกริบ ดึงดูดสายตาทุกคู่
เมิ่งเหลียนชิง เผ่าหงส์หิรัณย์!
นางสวมชุดกระโปรงสีทอง ชายอาภรณ์โบกพลิ้ว ทั่วร่างเปล่งแสงทองแสบตา ราวกับเทพธิดาที่เยื้องย่างออกมาจากป่าเซียนมาเยือนโลกหล้า
“ฆ่าเขาซะ!”
ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าฮึกเหิม ร้องตะโกนเสียงดังลั่น ส่งกำลังใจให้เมิ่งเหลียนชิง
นัยน์ตาดำของหลินสวินหรี่ลง สัมผัสได้ว่าบนตัวหญิงสาวคนนี้มีกลิ่นอายเฉพาะตัว เหมือนจะมีปราณแค่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า แต่ภายในร่างของนางกลับประหนึ่งมีสัตว์ร้ายอำมหิตน่าสะพรึงจำศีลอยู่
พร้อมๆ กับการก้าวย่างของนาง ฟ้าดินสั่นโคลงส่งเสียงก้องกระหึ่ม หินผาละแวกสนามประลองล้วนแตกสลายกลายเป็นผุยผง ห้วงอากาศปั่นป่วน
ผิวหนังของนางปกคลุมด้วยรัศมีเทพสีทองดั่งมายาชั้นหนึ่ง สว่างไสวไหลเวียน ตระการตาหาใดเปรียบ
“ปีนั้นบนยอดคีรีแห่งดวงกมล ข้าประมาณไปหน่อยถึงได้พ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือเจ้า แต่ครั้งนี้… จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว”
เสียงของเมิ่งเหลียนชิงเยียบเย็น กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ชวนสะท้านหาใดเปรียบเช่นกัน
ทุกคนในค่ายจักรวรรดิต่างกลั้นหายใจ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แม้แต่หลี่ตู๋สิงก็ยังเผยท่าทางเคร่งขรึม
ในการจัดอันดับพลังต่อสู้ของพันธมิตรหมื่นเผ่า เมิ่งเหลียนชิงครองตำแหน่งที่หนึ่งและที่สองอย่างมั่นคง ผลัดกันขึ้นลงกับหนิวทุนเทียนเสมอมา
ธิดาเทพจากเผ่าหงส์หิรัณย์คนนี้ไม่เพียงพลังต่อสู้แกร่งกล้า พลังที่ครอบครองยังน่ากลัวอย่างที่สุด
“ปีนั้นพวกเจ้าร่วมมือกันหลายคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า นับประสาอะไรกับตอนนี้”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาดำยิ่งลุ่มลึกเยียบเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ
ในสายตาคนอื่น เมิ่งเหลียนชิงเป็นหญิงสาวที่เลอโฉมบุคลิกสะท้านโลกคนหนึ่ง ได้แต่มองไกลๆ ไม่อาจคว้ามาเชยชม แต่ในสายตาหลินสวิน นางมีแค่สถานะเดียวนั่นคือ…
ศัตรู!
“เจ้าบ้าเกินไปแล้ว จะต้องพ่ายสถานเดียว”
ขณะเมิ่งเหลียนชิงเอ่ยวาจาก็ก้าวขึ้นมา แขนเสื้อสีทองโบกสะบัด เมื่อคลี่ออกประกายแสงเทพสีทองแถบหนึ่งโฉบพุ่งออกมา ปกคลุมไปทางหลินสวิน
นางเหิมหาญและเชื่อมั่นยิ่ง ยามแขนเสื้อโบกไสว แสงมรรคไหลเวียน อร่ามเรื่อดั่งริ้วอรุณ ในแขนเสื้อซุกซ่อนจักรวาล แฝงพลังน่ากลัวเอาไว้
สีหน้าหลินสวินยังคงเรียบเฉยเช่นเดิม ย่างเท้าก้าวออกมา ระหว่างที่สองแขนเคลื่อนขยับ พลังหลอมกายแปรเปลี่ยนเป็นประทับรบสายแล้วสายเล่าหลอมรวมอยู่กลางอากาศ
นี่คือประทับรบมายาพิสุทธิ์ที่ใช้คู่กับกลั่นหลอมกับวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ ใช้พลังกายเป็นรากฐาน ประทับรบแต่ละอันล้วนมีอานุภาพสยบจักรวาล ขับไล่เทพผีให้หวาดผวา
เพียงชั่วอึดใจเท่านั้นการบุกโจมตีของเมิ่งเหลียนชิงก็ถูกซัดเป็นจุณ อานุภาพโจมตีของนางก็ถูกสกัดกั้นเช่นเดียวกัน
“หืม?”
นัยน์ตาใสกระจ่างของเมิ่งเหลียนชิงนิ่งแข็ง นางมีต้นทุนให้ลำพองตน อำนาจบารมีไพศาลดั่งเทพธิดามาเยือนโลก มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะศัตรูทุกคนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้
และในความคิดของนาง ถึงแม้พลังหลอมกายของหลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็อยู่แค่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดเท่านั้น ยังห่างกับตนถึงสองระดับ
เพราะฉะนั้นนางจึงมั่นใจกับเรื่องนี้เต็มที่
ไหนเลยจะคาดคิดว่าทันทีที่เริ่มต่อสู่ อานุภาพการโจมตีของนางก็ถูกสกัดเสียแล้ว!
“ก็มีฝีมืออยู่บ้าง” กลางฝ่ามือเมิ่งเหลียนชิงปรากฏลายสลักสีทองแปลกพิสดาร นั่นคือพลังสายเลือดโดยกำเนิดอย่างหนึ่ง
ชิ้ง!
ชั่วอึดใจลวดลายสีทองนั้นก็โฉบพุ่ง แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เทพสีทองเล่มหนึ่งพาดขวางกลางฝ่ามือเมิ่งเหลียนชิง คมกริบชวนสยอง ไอสังหารพุ่งเสียดฟ้า!
กระบี่อัฐิหงส์หิรัณย์!
นี่คือสมบัติประจำเผ่าหงส์หิรัณย์ ใช้พลังสายเลือดต้นกำเนิดฟูมฟักออกมา มีอานุภาพอัศจรรย์สุดหยั่ง
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง กระบี่อัฐิหงส์หิรัณย์นั้นคมกริบอย่างที่สุด ลำแสงน่าสะพรึง สามารถเสียบทะลวงสรรพชีวิต
ขนาดหลินสวินยังนึกแปลกใจอยู่บ้าง
ไม่ใช่กริ่งเกรง แต่คิดไม่ถึงว่าพลังพรสวรรค์ของเผ่าหงส์หิรัณย์จะถึงกับมีเอกลักษณ์และหายากเช่นนี้ ถึงขั้นสามารถแปลงกระบี่เทพที่สั่งสมพลังอภินิหารเล่มหนึ่งออกมาได้
เมื่อกระบี่อยู่ในมือ อานุภาพของเมิ่งเหลียนชิงก็เปลี่ยนไปฉับพลัน กร้าวแกร่งไร้เทียมทาน รอบกายนางราวกับรายล้อมด้วยปราณกระบี่นับไม่ถ้วนส่งเสียงชิ้งๆ แสบแก้วหู สำแดงไอพิฆาตเสียดฟ้าออกมา
ภาพเช่นนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ให้ความรู้สึกขึงขังที่ไม่อาจต้านทานแก่ผู้คน
“เฉือน!”
เมื่อเมิ่งเหลียนชิงคิด ธารปราณกระบี่สีทองอร่ามทอดยาวสายหนึ่งพุ่งขวางอากาศ ราวกับมีปราณกระบี่นับพันหมื่นพลุ่งพล่านอยู่ในนั้น พลิกม้วนแน่นขนัด ครอบฟ้าคลุมดิน
เสียงร้องตกใจดังขึ้นในลานพักหนึ่ง หัวใจผู้คนมากมายต่างห้อยต่องแต่ง
ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าส่งเสียงร้องอุทานออกมาระลอกหนึ่ง!
ฟึ่บ!
ร่างกายทั้งบนล่างของหลินสวินปรากฏรุ้งเทพสีใสเป็นสายๆ ออกมาฉับพลัน แสงมรรคต้นพิสุทธิ์ หยกพิสุทธิ์ ยอดพิสุทธิ์ วิญญาณพิสุทธิ์ แรกพิสุทธิ์ มายาพิสุทธิ์ต่างเรียงรายพรั่งพรูออกมา
เมื่อพินิจโดยละเอียด ผิวกายของหลินสวินล้วนเปล่งแสง พ่นรัศมีมรรค!
แสงมรรคทั้งหมดกลายเป็นเหวลึกโคจรรอบตัวหลินสวิน
ครึ่กๆ!
ปราณกระบี่สีทองมากมายที่โฉบเข้ามาล้วนถูกเหวลึกกลืนกิน บดขยี้ กลายเป็นจุณทั้งสิ้น
กระนั้นยังคงมีปราณกระบี่สีทองมากมายทะลวงเข้ามา พร่างพราวแสบตา คมกริบสะท้านโลก เผยไอสังหารไร้ขอบเขต
ตูม!
กลางเหวลึกรอบกายหลินสวินถูกปราณกระบี่มากมายเสียบทะลุ เริ่มสะเทือนขึ้นมาพลัน จวนจะจมหายเข้าไปภายในร่างของเขา
“ดี!”
“ฆ่าเดรัจฉานนั่นซะ!”
ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าส่วนหนึ่งเห็นเช่นนี้ต่างอดไม่อยู่ตะโกนเสียงดังลั่นออกมา
เพียงแต่ในฉับพลันเสียงอึกทึกของการเสียดสีกระทบกันระลอกหนึ่งดังสะเทือนแก้วหู อีกทั้งพร้อมกันนั้นยังมีลำแสงน่ากลัวพุ่งขึ้นมา ดวงตาของผู้คนมากมายล้วนแสบร้อน
เหวลึกรอบกายหลินสวินก้องกระหึ่ม ประหนึ่งตื่นจากความเงียบงันอย่างสมบูรณ์ก็ไม่ปาน
ปราณกระบี่ทั้งหมดล้วนถูกบดขยี้สิ้นซาก ถูกดับทำลายหายเกลี้ยง!
ตูม!
ระหว่างที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้เมิ่งเหลียนชิงถูกพลังสะท้อนกลับ เลือดไหลที่มุมปาก ถอยกรูดอย่างรวดเร็ว ดวงหน้าเลอโฉมเจือแววตกใจ
ถึงกับถูกสกัดไว้ได้?
ระดับอมตะเคราะห์หลอมกายด่านเจ็ดคนหนึ่ง เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้
ในลานเสียงโห่ร้องยินดีของผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าก็ชะงักไป แววคึกคะนองในสีหน้าแข็งค้าง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้เจ้าจะต้องทำผิดซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว นี่เรียกว่าความจำสั้นใช่หรือไม่”
หลินสวินก้าวไปข้างหน้า ผมดำปลิวไสว เหวลึกรอบกายไหวเคลื่อน แสงมรรคสีใสซัดสาด ทำให้อานุภาพของเขายิ่งกร้าวแกร่งหาใดเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ดวงหน้างามของเมิ่งเหลียนชิงเคร่งขรึม ถูกเยาะเย้ยเช่นนี้พาให้นางเองก็เดือดดาลขึ้นมา
“ฟัน!”
กลางฝ่ามือ กระบี่อัฐิหงส์หิรัณย์ลอยขึ้นกลายเป็นรุ้งทองแหวกฟ้า บั่นสังหารออกไป
ตูม!
และพร้อมกันนั้นหลินสวินย่าวเท้าบุกเข้ามา ชูหมัดโจมตี
ท่วงท่าเช่นนี้เผด็จการ ตรงไปตรงมายิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เริ่มกำราบอย่างกร้าวแกร่ง
ปังๆๆ!
ในสนามประลองปราณกระบี่พุ่งยิง พลังหมัดกึกก้อง ทั้งคู่สู้โรมรันกันในพริบตา
กระนั้นเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ พลังโจมตีของเมิ่งเหลียนชิงก็ถูกสลายอย่างสิ้นเชิง เริ่มถูกหลินสวินรุก ทำเอานางตกเป็นฝ่ายผู้ถูกกระทำ
พลังโจมตีของหลินสวินรุนแรงเกินไป ก้าวขวางไปเบื้องหน้าทีละก้าว ไม่เคยถอยหลังสักก้าว แต่ละหมัดที่ซัดใส่เหมือนเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำ บดขยี้ปราณกระบี่ให้พังครืนอย่างจัง
ปัง!
ผ่านไปครู่หนึ่งพร้อมๆ กับการชนปะทะสะเทือนฟ้าดิน กระบี่อัฐิหงส์หิรัณย์ในมือเมิ่งเหลียนชิงถูกซัดลอยคว้างออกไปตรงๆ กรีดร้องโหยหวนไม่หยุด
ส่วนตัวเมิ่งเหลียนชิงเองก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาด เลือดลมตีกลับ แขนข้างขวาถึงขั้นเป็นตะคริวเพราะพลังหมัดดุเดือดที่กระหน่ำเข้ามา
นางซวนเซถอยกรูด ดวงหน้างามซีดขาว เต็มไปด้วยแววไม่อยากเชื่อ
นางไม่อาจจินตนาการได้!
ไม่เพียงแค่เมิ่งเหลียนชิง ยามนี้ทั่วลานล้วนถูกทำให้ตกใจ ไม่กล้าเชื่อ ทุกคนล้วนดูออกว่าพลังหลอมกายของหลินสวินห่างชั้นกับเมิ่งเหลียนชิงสองระดับ
แต่พลังต่อสู้ที่เขาสำแดงออกมาไม่ใช่สิ่งที่คนระดับนี้จะมีได้อย่างสิ้นเชิง น่าสะพรึงเหนือจินตนาการ เหลือเชื่อนัก
“ฆ่า!”
เมิ่งเหลียนชิงกัดฟันแน่น กลิ่นอายน่าสะพรึงสายหนึ่งในร่างนางตื่นขึ้น ปรากฏออกมา ทำให้อานุภาพของนางถึงกับพุ่งทะยานขึ้นช่วงใหญ่!
หลังศีรษะของนางปรากฏวงแหวนเทพสายหนึ่งขึ้นมารางๆ มีหงส์หิรัณย์ตัวหนึ่งปรากฏอยู่ในนั้น กำลังกวาดขวางจู่โจมสวรรค์ ประหนึ่งอริยเทพ!
จ้าวซิงเย่ที่นิ่งเงียบมาตลอดหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พลังระดับอริยะหรือ ไม่ถูก… หาใช่พลังระดับอริยะอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ราชันระดับอมตะเคราะห์จะมีกันได้
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งเหลียนชิงผู้นี้เรียกใช้พลังอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่ของนางเอง!
‘พลังต้นกำเนิดสายหนึ่งของบรรพบุรุษหงส์หิรัณย์ นางช่างทำลงไปได้ นี่เป็นการทำลายฐานมรรคของตัวเอง ทว่าจากตรงนี้ก็พอดูออก ว่าเมิ่งเหลียนชิงคนนี้เป็นที่คาดหวังเพียงใด’
นัยน์ตาหนิวเจิ้นอวี่วาววาบ จำพลังนั้นได้
สิ่งนี้ทำให้เขามั่นใจอย่างยิ่ง
ในเวลาไล่เลี่ยกันหลินสวินเองก็ตระหนักถึงอันตราย
หรือกล่าวได้ว่านับตั้งแต่เมิ่งเหลียนชิงเหยียบลงบนสนามประลอง เขาก็รับรู้ได้ว่าภายในร่างหญิงคนนี้มีพลังแกร่งกล้าอย่างที่สุดอยู่
และตอนนี้ในที่สุดเขาก็มองออกแล้ว นี่คือพลังที่เป็นของอริยะ!
‘มิน่าถึงได้มั่นใจเช่นนี้ ที่แท้ก็มีพลังนี่เป็นที่พึ่ง น่าเสียดาย สำหรับข้าแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการเผชิญหน้ากับอริยะเทียม…’
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวหลินสวิน
ตูม!
เงามายาหงส์หิรัณย์ตัวหนึ่งบุกทะลวงเข้ามา ปีกปักษ์ทองอร่ามกางกระพือ แผ่อานุภาพและกลิ่นอายประหนึ่งอริยเทพ ทำให้ฟ้าดินต่างหมองมัว
ในลานมีเสียงร้องอุทานดังขึ้นไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว ทุกคนล้วนตระหนักถึงความน่าสะพรึงของการโจมตีคราวนี้
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็คือ… ในเวลาแบบนี้หลินสวินถึงกับทะยานอากาศขึ้นมา ยังคงมีแต่หมัดเปล่าๆ เข้ากรำศึก
ตูม!
เสียงปะทะเลื่อนลั่น ลำแสงสว่างพร่างพราวทะลักปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง โชติช่วงและน่าสะพรึงเกินไป ทำให้ผู้คนยากจะมองเห็นสภาพจริงได้ถนัดตา
นี่…
ไม่ว่าศัตรูหรือฝ่ายตน หัวใจของทุกคนล้วนกระดอนขึ้นมาจ่อคอหอย ล้วนตระหนักได้ว่าการโจมตีครานี้จะต้องตัดสินแพ้ชนะเป็นแน่แท้
เพียงแต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
“ได้ตายภายใต้การโจมตีนี้ เจ้าก็นอนตายตาหลับได้แล้ว…” ไกลออกไปดวงหน้างามของเมิ่งเหลียนชิงซีดขาว พลังดั้งเดิมเสียหายอย่างหนัก
ไม่มีใครรู้ดีกว่านาง ตอนที่หยิบยืมพลังอริยะเช่นนี้มาใช้ จะสร้างภาระและถูกพลังสะท้อนกลับมหาศาลปานใด
แต่ขอเพียงฆ่าหลินสวินได้ ทั้งหมดนี้ล้วนคุ้มค่า!
ทว่าตอนที่ละอองแสงในการต่อสู้ดุเดือดเลือนหายไปนั้น เมิ่งเหลียนชิงกลับเห็นภาพที่ทำเอานางยากจะทำใจยอมรับ
——