ท่ามกลางฝุ่นควันแสงระเรื่อคละคลุ้ง ปรากฏเงาร่างสูงโปร่งผงาดกร้าวของหลินสวิน
เขายืนอยู่ตรงนั้น ผมดำทั่วศีรษะปลิวไสวตามสายลม กลิ่นอายพวยพุ่งดุจเทพมาร
ไร้สภาพยับเยินแต่อย่างใด!
ภายใต้การเผชิญหน้ากับพลังจู่โจมของเงามายาหงส์หิรัณย์ที่เหมือนการโจมตีจากอริยบุคคลนั้น เขาถึงกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลย…
เมิ่งเหลียนชิงเบิกตากว้าง ใบหน้าที่ซีดขาวแต่เดิมปรากฏแววมึนงง นี่… เป็นไปได้อย่างไร
ทั่วลานเงียบกริบ
ไม่ว่าศัตรูหรือฝ่ายตนต่างก็แข็งค้างอยู่ตรงนั้น จิตใจฉงนงุนงง
การโจมตีก่อนหน้านั้นน่าสะพรึงถึงขีดสุด ทำให้หัวใจผู้คนกระดอนจ่อที่คอหอย แต่ผลลัพธ์กลับเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่คิดไม่ฝัน
หลินสวินปลอดภัยไร้อันตราย!
จ้าวซิงเย่ยังอึ้งงัน หว่างคิ้วฉายแววประหลาดใจ ในการคาดเดาของนาง หลินสวินน่าจะมีศักยภาพต้านทานการโจมตีครั้งนี้ได้ แต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
นางถึงขั้นเริ่มคิดคำนวณว่าหากหลินสวินจบไม่สวย ฝ่ายจักรวรรดิเหลือเพียงผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นที่จะดำเนินศึกถกมรรคต่อ ยังพอมีโอกาสชนะอีกเท่าไร
ไหนเลยจะคาดคิด หลินสวินกลับสร้างความประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึงให้แก่นาง!
“นี่เป็นถึงสมบัติอริยะที่มีอานุภาพป้องกันอัศจรรย์อย่างหนึ่ง…”
ไกลออกไปนัยน์ตาหนิวเจิ้นอวี่วาบวาว ประกายเทพน่าตระหนกฉายสาดออกมา เพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้ว่าเบื้องหน้าหลินสวินปรากฏโล่สำริดลายพร้อยเปื้อนเลือดอันหนึ่ง กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาเก่าแก่และไพศาล มีกลิ่นอายอริยเทพหลอมรวมซ่อนอยู่ข้างใน
ทั่วลานเงียบกริบ
ผู้แข็งแกร่งหมื่นเผ่าเหล่านั้นต่างไม่อาจยอมรับได้ การโจมตีอันแข็งแกร่งเช่นนี้กลับไม่สามารถทำอะไรเจ้าหมอนี่ได้แม้แต่ปลายขนเลยหรือ
เป็นไปได้อย่างไร
ท่ามกลางความเงียบงัน หลินสวินเก็บโล่สำริดแล้วย่างเท้าก้าวเดินไปทางเมิ่งเหลียนชิง สีหน้าราบเรียบเยียบเย็น
ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าไม่ดังมากนัก แต่ท่ามกลางบรรยากาศนิ่งเงียบเช่นนี้กลับเหมือนกลองยักษ์ที่เทพสงครามกระหน่ำตี ทุบเคาะหัวใจผู้คนอย่างรุนแรง
เมิ่งเหลียนชิงหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ในใจปรากฏความหนาวเหน็บขึ้นมา
นี่เป็นของประหลาดชนิดใดกันแน่ ถึงได้มีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าน่าสะพรึงเช่นนี้ภายในมือของระดับอมตะเคราะห์หลอมกายด่านเจ็ด
ขณะนี้นางรู้สึกถึงความหวาดกลัวแล้ว
แต่นี่เป็นศึกถกมรรค ไม่มีทางให้ถอยหนี ไม่ชนะก็ตาย!
นี่ต่างหากที่เป็นจุดที่ทำให้เมิ่งเหลียนชิงสิ้นหวัง
ก่อนหน้านี้ใช่ว่านางไม่เคยเข้าร่วมศึกถกมรรคมาก่อน ถึงขั้นเคยบุกสังหารคู่ต่อสู้อย่างง่ายดายในศึกถกมรรคที่ผ่านมาด้วยซ้ำ
ตอนนั้นนางไม่สนใจไยดีคู่ต่อสู้ที่ตายด้วยน้ำมือตน ไม่เห็นอยู่ในสายตา ย่อมไม่เคยสัมผัสรสชาติแห่งความสิ้นหวังเช่นนี้เป็นธรรมดา
ตอนนี้เมิ่งเหลียนชิงได้สัมผัสถึงมันแล้ว ถึงได้ค้นพบว่าตนกำลังก้าวสู่เงามืดแห่งความตาย!
ความไม่จำยอมอันแรงกล้ากระตุ้นให้นางเกิดแรงปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอด ไม่รอให้หลินสวินเข้าใกล้นางก็กรีดร้องเสียงแหลมออกมา ควงกระบี่บุกเข้าไป
สวบ!
กระบี่อัฐิหงส์หิรัณย์ทะยานฟ้า ส่งเสียงดังชิ้งๆ ประหนึ่งรุ้งเทพสีทองพาดขวางโลกหล้า บั่นเฉือนห้วงอากาศขาดสะบั้น
แต่เมื่อเข้าใกล้หลินสวินกลับถูกหมัดเดียวซัดปลิว ร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง เศษหินและฝุ่นควันฟุ้งกระจายเต็มพื้น ครวญคร่ำไม่หยุด
พรูด!
เมิ่งเหลียนชิงที่พลังดั้งเดิมบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้วกระอักเลือด ร่างอรชรสั่นสะท้าน
ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าต่างเบิกตาแทบถลน ในใจเปี่ยมด้วยความหวั่นวิตก ตกใจระคนเดือดดาล และความหวาดหวั่น
ทุกคนล้วนดูออกว่าเมิ่งเหลียนชิงใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
“ให้นางถอนตัวยอมแพ้ ในการต่อสู้ครั้งต่อไปข้าจะให้โอกาสเจ้ายอมแพ้สักครั้ง”
ทันใดนั้นข่งซิ่วที่ยืนอยู่นอกสนามประลองเอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงเยียบเย็น เจือความขัดใจเสี้ยวหนึ่ง
ประโยคเดียวเรียกสายตาคนทั้งลาน
ข้อเสนอนี้ช่างเย้ายวนอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นเท่ากับมอบหนทางรอดให้แก่ทั้งสองฝ่าย
แต่น่าเสียดายหลินสวินปฏิเสธตรงๆ “ข้าบอกแล้ว มีข้าอยู่ในสนามประลองแห่งนี้ พวกเจ้าล้วนต้องตาย!”
น้ำเสียงไม่ยินยอมให้สงสัยใดๆ
ฝ่ายค่ายจักรวรรดิต่างเลือดลมสูบฉีด จิตใจเดือดพล่าน ถูกท่าทางผงาดกร้าวเด็ดเดี่ยวของหลินสวินกระตุ้น
ทว่าข่งซิ่วและเหล่าผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าแต่ละคนล้วนสีหน้าเคร่งขรึม สายตาเหมือนจะฆ่าคน
ในศึกถกมรรคที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยรู้สึกอดสูเช่นนี้มาก่อน!
และในใจเมิ่งเหลียนชิงก็หนาวเหน็บอย่างสิ้นเชิง นางรู้ว่าตนไม่มีโอกาสแล้ว…
จากนั้นประกายเย็นเยียบผุดขึ้นกลางนัยน์ตาของนาง คล้ายกับทำการตัดสินใจ
แต่ยามนี้หลินสวินได้บุกมาถึงแล้ว ความเร็วน่าเหลือเชื่อ เดิมทีเขาเดินเข้ามา แต่ตอนนี้เงาร่างกลับหายวับจากจุดเดิมฉับพลัน
“แย่แล้ว!”
เมิ่งเหลียนชิงพลันหน้าเปลี่ยนสี เบี่ยงหลบสุดแรง
ตูม!
แสงหมัดพร่างพราวสายหนึ่งปรากฏขึ้น ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในครรลองสายตาของนาง กลายเป็นหมัดที่เหมือนแผ่ครอบสิบทิศ ประหนึ่งแทรกซึมทุกอณู หลบหนีไม่ได้
จากนั้นนางรู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าเป็นสีดำ บริเวณอกก็ถูกแหวกออก!
ครึ่ก!
ร่างกายของนางถูกพลังหมัดแข็งแกร่งสายนั้นทึ้งทะลวงตรงๆ จากนั้นก็ระเบิดเป็นจุณ กลายเป็นละอองเลือดสีแดงฉานงดงามสยดสยองสาดพรม
ก่อนตายนางรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน มีคำพูดมากมายที่ยังไม่ได้พูด เรื่องราวมากมายที่ยังไม่ได้ทำ ทั้งหมดล้วนกลายเป็นความไม่จำยอมอย่างหนึ่งที่ถูกแทนที่ด้วยความตาย
“ลำพังแค่เจ้า ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะตายไปพร้อมกับข้า”
หลินสวินกล่าวเสียงเรียบเฉย
เงาร่างของเขาผึ่งผาย อาบชโลมแสงมรรคสีใส ทั่วร่างแผ่อานุภาพดุจดั่งเทพมาร ละอองเลือดสาดกระเซ็นอยู่ไม่ไกลนัก
ภาพนองเลือดเช่นนี้สะเทือนทั่วลานในบัดดล
เมิ่งเหลียนชิงถูกพิฆาต!
ครั้งนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าล้วนตระหนักถึงภัยคุกคามร้ายแรง รู้สึกใจเต้นเนื้อกระตุก
เมิ่งเหลียนชิงเป็นพวกชั้นยอดที่อยู่อันดับหนึ่งอันดับสองในกระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า แต่สุดท้ายกลับถูกสังหารอย่างไร้ปรานี เรื่องนี้สะเทือนผู้คนไม่น้อย ทำเอาหัวใจพวกเขาหนักอึ้ง
ต่อสู้มาจนตอนนี้ หลินสวินเริ่มจากสังหารปี้อวิ๋นเซิง จากนั้นก็ฆ่าเซี่ยงหลงเจี่ย ตอนนี้แม้แต่เมิ่งเหลียนชิงก็ยังถูกเขาสังหาร ชนะสามครั้งรวด!
แต่ละครั้งต่างนองเลือดหาใดเปรียบ
แต่ละครั้งล้วนเผด็จการอำมหิต
ไม่ว่าใครล้วนมองออก หลินสวินแข็งแกร่งยิ่ง แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคาดไว้!
เมื่อลองคิดดู ก่อนหน้านี้พวกเขายังนิ่งนอนใจ เสียดสีหมิ่นเกียรติอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด มองผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิเหมือนไร้ตัวตน
แต่ตอนนี้พร้อมๆ กับการชนะสามครั้งติดต่อกันของหลินสวิน พวกเขาต่างหัวเราะไม่ออก หว่างคิ้วปกคลุมด้วยพยับทะมึนเข้มข้น
รวมถึงอริยะหนิวเจิ้นอวี่ สีหน้าก็มืดมนลงเช่นกัน
“ต่อไป”
หลินสวินเอ่ยปาก เสียงเยียบเย็นไร้อารมณ์ดังก้องทั่วลาน
เป็นคำว่า ‘ต่อไป’ อีกแล้ว แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่ากลับเป็นความรู้สึกที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้พวกเขามองการกระทำเช่นนี้ของหลินสวินว่าเป็นการยั่วโทสะ คิดว่าเขาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กำลังรนหาที่ตาย
แต่ตอนนี้พอสองคำนี้กระทบโสตหู กลับเหมือนได้ยินเสียงระฆังมรณะดังขึ้น ทำเอาพวกเขาแต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ผลงานการต่อสู้มีให้เห็นคาตา กลิ่นคาวเลือดของการสังหารยังคละคลุ้ง ขนาดเมิ่งเหลียนชิงยังถูกฆ่า ใครจะกล้าสบประมาท ใครยังจะกล้าเสียดสีและดูหมิ่นได้อีก
นี่เป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่งอย่างแน่นอน!
“น่าชังนัก! เจ้าหมอนี่ชนะสามครั้งรวดยังไม่ยอมหยุดเชียวหรือ” อันฮว่าเทียนกัดฟันแค่นเสียงเย็น สีหน้าคล้ำเขียวมืดทะมึน
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อย่างหนิวทุนเทียน ข่งซิ่งล้วนสีหน้าอึมครึมวูบไหว
ฝ่ายค่ายจักรวรรดิกลับระเบิดเสียงโห่ร้องยินดีออกมาระลอกหนึ่ง สีหน้าทุกคนล้วนเจือแววเปล่งปลั่ง สำลักความสุขจนล้น
หลินสวินชนะติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ สร้างขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สิ่งสำคัญคือ ไม่เพียงผลงานความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อครู่ที่ทำให้ผู้คนสลดหดหู่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ในศึกถกมรรค จักรวรรดิล้วนถูกกดขี่ โงหัวไม่ขึ้น ทิ้งหยาดเลือดและคราบน้ำตามากมายเอาไว้ อดสูหาใดเปรียบมาโดยตลอด
และตอนนี้หลินสวินยืนอยู่กลางสนามประลองเพียงคนเดียว ราวกับเทพสงครามไร้พ่ายที่ไม่อาจทัดเทียม สังหารจนผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าใจสะท้าน ผู้คนจะไม่สะใจได้อย่างไร
“ต่อไป? หลายปีมานี้ไม่เคยมีใครดูหมิ่นผู้แข็งแกร่งหมื่นเผ่าของข้าเช่นนี้ วันนี้กลับถูกคนสังหารจนเกิดความกริ่งเกรงในใจในสถานที่เช่นนี้ ช่าง… ขายหน้าซะจริงๆ!”
เสียงหนิวเจิ้นอวี่ราวกับสายฟ้า กึกก้องกลางฟ้าดิน
ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าพวกนั้นไม่มีใครไม่หน้าเจื่อน ยามที่เผชิญหน้ากับหลินสวิน เมื่อครู่พวกเขาถูกทำให้หวาดหวั่นจริงๆ นี่ช่างขายขี้หน้าแท้ๆ
“หากรู้สึกละอายก็จงปลุกจิตวิญญาณนักรบและความกล้าหาญของพวกเจ้าออกมา แล้วไปฆ่าเจ้านั่นซะ!”
หนิวเจิ้นอวี่ตะโกนลั่น
จิตต่อสู้สายแล้วสายเล่าพุ่งทะยานเสียดฟ้า พวกหนิวทุนเทียนไม่มีใครที่จิตต่อสู้ในใจไม่ถูกกระตุ้น กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
“เอะอะอะไร เขาคนเดียวเท่านั้น ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราทุกคนได้ ต้องตายอย่างแน่นอน และต้องชดใช้ชีวิตที่เสียไป!” อันฮว่าเทียนตะโกนลั่น
“ในศึกถกมรรคที่ผ่านมา พวกข้ากำชัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า สังหารคนของจักรวรรดิพวกเจ้า และไม่ได้บ้าระห่ำถึงเพียงนี้เหมือนเจ้า ตอนนี้เจ้ากำแหงอะไร”
เวลานี้เสียงเกรี้ยวกราดของฝั่งพันธมิตรหมื่นเผ่าและเสียงโห่ร้องยินดีของฝั่งค่ายจักรวรรดิประชันกันอย่างเด่นชัด
ส่วนหลินสวินยังยืนนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าราบเรียบ “สุนัขที่รู้จักแต่เห่าหอนไม่มีประโยชน์ ถ้ากล้าก็ไสหัวขึ้นมา!”
“ฆ่า!”
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าคนหนึ่งกระโจนออกมา ระงับไอสังหารและความเดือดดาลภายในใจไม่ไหวแล้ว
ครานี้เป็นชายหนุ่มที่ร่างกายอบอวลด้วยหินหนืดหลอมระอุพลุ่งพล่าน หนวดเคราเผ้าผมดุจไฟโหม กลิ่นอายดุเดือดและสยดสยองหาใดเปรียบ
ตูม!
ทันทีที่ปรากฏตัวก็จู่โจมทันที แผ่นดินกว้างใหญ่ล้วนแหวกออก หินหนืดหอบม้วนลุกโหมห้วงอากาศ กลิ่นอายทำลายล้างน่าสะพรึง
น่าเสียดาย เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็ถูกหลินสวินฟันคอขาดด้วยฝ่ามือเดียว จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบร่างของเขาจนแหลก ตัวขาดลอยไปคนละทิศคนละทาง
“ต่อไป”
หลินสวินเปล่งเสียงเยียบเย็น แม้ผ่านการรบราฆ่าฟันหลายหนเขาก็ยังคงสะอาดหมดจด ไม่มีจุดไหนเสียหาย ถึงขั้นที่กลิ่นอายไม่เคยลดทอนลงแม้แต่น้อย
ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าล้วนตาแดงก่ำ เบิกตาแทบถลน พ่ายแพ้ติดต่อกันสี่ครั้งรวด ทำให้พวกเขายากจะยอมรับได้
“ข้าแค้นนัก!” หนิวทุนเทียนแหงนหน้าคำราม ดวงตาแดงก่ำจวนจะคลั่งอยู่รอมร่อ
ยามนี้เขาคล้ายจะรู้รสชาติตอนที่หลินสวินอดทนรอก่อนหน้านี้แล้ว ศัตรูอวดดีไม่ว่า แค้นก็แต่ตนไม่มีโอกาสลงสนาม
และฝ่ายค่ายจักรวรรดิก็เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง
ชนะสี่ครั้งรวด!
ผลงานต่อสู้ระดับนี้ ในศึกถกมรรคที่ผ่านมาไม่เคยมีมาก่อน!
ตัดเสวียนหลัวจื่อที่ถูกซ่งอู๋เชวียสังหาร ตอนนี้ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าเหลือแค่ห้าคนเท่านั้น
กล่าวได้ว่าแม้หลินสวินจะถอนตัวออกจากสนามประลองตอนนี้ ฝ่ายจักรวรรดิก็ครองสถานการณ์ได้เปรียบระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรเสียพวกหลี่ตู๋สิง สืออวี่ก็ยังไม่ได้ลงสนาม
แต่หลินสวินไม่ทำเช่นนั้น
เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับหินดึกดำบรรพ์ไม่โคลงเคลง หมายจะฆ่าจนถึงที่สุด!
ไม่มีใครรู้ว่าเขาอดกลั้นมาโดยตลอด เกรงว่าพลังที่ระเบิดออกมาจะแข็งแกร่งเกินไป เรียกความประหลาดใจโดยไม่จำเป็น
อย่างเช่นอริยะอย่างหนิวเจิ้นอวี่ หากตอนที่รู้ว่าในลานไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้สักคน จะขายหน้าจนพาลโกรธแล้วแหกกฎขึ้นมาหรือไม่
ใครก็บอกไม่ได้
เพราะฉะนั้นหลินสวินจึงยั้งมือมาโดยตลอด ก็เหมือนนักตกปลาที่อดทน อานุภาพและพลังต่อสู้ที่สำแดงออกมาในแต่ละครั้งล้วนลงมือแบบเก็บงำกดข่ม ทั้งยังไม่ให้เป็นที่น่าตกใจขนาดนั้นอีกด้วย
ก็เหมือนตอนที่สังหารเมิ่งเหลียนชิง เขาไม่จำเป็นต้องหยิบยืมโล่สำริดเปื้อนเลือดชิ้นนั้นมาต้านพลังเลยก็ได้ แค่ต้านตรงๆ ก็สกัดการโจมตีระดับนั้นได้แล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ จากพลังหลอมกายระดับอมตะเคราะห์ของเขา ตอนที่สังหารคู่ต่อสู้สี่คนก่อนหน้านี้ก็สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ภายในเวลาอันสั้น!
——