Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1448 ปีกผลาญเทพ

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

ทันใดนั้นเงาร่างของจ้าวซิงเย่ได้ปรากฏในสนามประลอง มือหยกกำหมัด เปลี่ยนเป็นประทับกฎเกณฑ์อริยมรรคสังหารออกไป

ตึง!

เพียงการโจมตีเดียวราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย พื้นที่แถบนี้ล้วนมีสัญญาณของการพังทลาย

ในเวลาเดียวกันนางสะบัดแขนเสื้อซ้าย พลังที่อ่อนโยนห่อหุ้มหลินสวิน เคลื่อนย้ายเขาออกจากสนามประลอง

“หึ!”

ไม่สามารถสังหารหลินสวินได้ ทำให้ใบหน้ามืดทะมึนของหนิวเจิ้นอวี่วาบแววอึมครึม การออกโจมตีของจ้าวซิงเย่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าพลาดโอกาสไปแล้ว

“เปิด!”

เขาไม่อาจคิดอะไรมาก ยามตะโกนก็โบกมือโดยพลัน แสงดำแถบหนึ่งรวมตัว ขวางพลังหมัดของจ้าวซิงเย่ไว้

โครม!

ทั้งสองปะทะกัน แม้แต่สนามประลองอันยิ่งใหญ่ยังระเบิดออก

ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์คือ เขาพินิจมรรคที่ดูเหมือนโล้นเลี่ยนไม่มีพืชพรรณกลับไม่สะเทือน ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย

เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นในลาน

ผู้แข็งแกร่งของค่ายจักรวรรดิต่างถอยหนี สีหน้าหวาดกลัว ทั้งโกรธทั้งตกใจ

ใครก็คิดไม่ถึงว่าในช่วงสำคัญที่กำลังจะสังหารหนิวทุนเทียน อริยะอย่างหนิวเจิ้นอวี่กลับไม่ห่วงหน้าและศักดิ์ศรี โจมตีอย่างแข็งกร้าว หมายจะสังหารหลินสวิน!

พอคิดว่าหากเมื่อครู่นี้หลินสวินหนีไม่ทันจะต้องประสบเคราะห์อย่างแน่นอน ทุกคนก็ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว

“ต่ำช้า!”

“เป็นถึงอริยะเผ่าวัวมารทรงพลัง กลับเหยียบย่ำกฎศึกถกมรรค ช่างไม่รู้จักอายจริงๆ!”

“น่าชังนัก…!”

พวกสืออวี่ก่นด่าอย่างเดือดดาล

ห่างออกไปหนิวเจิ้นอวี่กับจ้าวซิงเย่แยกออกจากกันแล้ว สีหน้าของเขาเย็นชาและอึมครึม พูดว่า “กฎหรือ กฎก็พวกเรามิใช่หรือที่กำหนดขึ้น นับแต่นี้เป็นต้นไปยกเลิกกฎศึกถกมรรคนี่เสียก็สิ้นเรื่อง!”

“ไร้ยางอาย!”

ดวงตากระจ่างของจ้าวซิงเย่ราวกับสายฟ้า สีหน้าเยียบเย็นจนน่ากลัว นางคิดไม่ถึงว่าเพื่อหนิวทุนเทียนคนเดียว หนิวเจิ้นอวี่จะทำตามอำเภอโดยไม่เกรงกลัวใครเช่นนี้

“ฮ่าๆๆ จ้าวซิงเย่ เจ้าคงรู้ดีว่าอีกไม่นานในป่าต้นหม่อนจะมีจุดเปลี่ยนใหญ่มาเยือน ผู้แข็งแกร่งที่เข้าไปข้างในถูกกำหนดให้ต้องตัดสินแพ้ชนะกัน ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าคิดว่าศึกถกมรรคนี่มีความจำต้องดำเนินต่อหรือไม่”

หนิวเจิ้นอวี่หัวเราะลั่น เสียงเย็นชา “ยิ่งไปกว่านั้น แม้ข้าทำลายกฎ เจ้าจะทำอะไรข้าได้”

ยามอริยะคนหนึ่งไม่สนใจเกียรติโดยสมบูรณ์ นอกจากโกรธ ดูถูกและรังเกียจแล้ว ยังจะทำอะไรได้

ตอนนี้พวกสืออวี่โกรธจนสั่นไปทั้งตัว

ในศึกถกมรรคครั้งนี้ ค่ายทัพจักรวรรดิของพวกเขากำลังจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ลบล้างความอับอายที่ผ่านมาในรวดเดียว

ใครจะคิดว่าในช่วงเวลาสำคัญท้ายสุดของศึกถกมรรคกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน!”

ผมยาวของจ้าวซิงเย่พลิ้วไหว ลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด

นางดูเหมือนงดงามไร้ที่ติ มีเสน่ห์เย้ายวน ทว่าหากลงมือขึ้นมากลับดุดันเผ็ดร้อนอย่างที่สุด การกระทำยิ่งเด็ดขาด ไม่เยิ่นเย้อเลยสักนิด

ตูม!

กฎเกณฑ์อริยะมรรคสีม่วงที่น่ากลัวปรากฏบนเงาร่างอ่อนช้อยงดงามของจ้าวซิงเย่ ศักดิ์สิทธิ์เคร่งขรึม กลิ่นอายสะเทือนเก้าสวรรค์

พร้อมๆ กับที่นางก้าวเดิน ปักษาเพลิงสีม่วงตัวหนึ่งโฉบออกมา กางปีกร้องเสียงกระจ่าง เจิดจ้าบาดตา แปลงมาจากพลังกฎเกณฑ์อริยมรรคที่บริสุทธิ์ทั้งหมด

การโจมตีระดับนั้น ทุกคนเห็นแล้วต่างอึ้งจนพูดไม่ออก จิตใจสั่นสะท้าน

“คิดว่าจะกลัวเจ้าหรือ”

ในเสียงตะโกนร่างของหนิวเจิ้นอวี่แสงศักดิ์สิทธิ์เพิ่มพูน อานุภาพทะลวงฟ้า ทำให้เมฆแปดทิศยุบตัว ความรุนแรงของกลิ่นอายถึงขั้นทำเอารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องและรู้สึกเล็กจ้อยขึ้นมา

ตูม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นแล้ว

นี่คือศึกอริยะที่แท้จริง น่ากลัวเกินไปแล้ว หลินสวินพาพวกสืออวี่ถอยออกจากพื้นที่แห่งนี้และหลบไปไกลทันที

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ มองอริยะเข่นฆ่ากันจากไกลๆ ทุกคนยังคงขวัญหนีดีฝ่ออดกลัวไม่ได้

พลังของระดับอริยะ น่ากลัวเกินไป!

“ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ครั้งนี้หนิวเจิ้นอวี่ไม่รอดแน่!”

ดวงตาดำของหลินสวินวาบวาว

เขาไม่ได้ปลอบใจ แต่มั่นใจในตัวจ้าวซิงเย่อย่างยิ่ง

“เจ้าหนุ่ม อย่าพูดอย่างมั่นใจเกินไป ตอนนี้จ้าวซิงเย่เองก็ไม่มีเวลาห่วงอย่างอื่น พวกเจ้า… คงต้องตายก่อนแล้ว”

เสียงที่เย็นชา แก่ชรา แหบพร่าเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน

ห้วงอากาศในบริเวณที่ห่างออกไปปรากฏเงาร่างชายชราชุดดำที่ผอมซูบ ทั้งร่างของเขาเหมือนเงามืด ปกคลุมด้วยแสงสีดำทั่วร่าง ทำให้คนยากจะเห็นรูปลักษณ์ของเขา

แต่แวบแรกที่เห็นเขา ในหัวของพวกหลินสวินปรากฎความคิดหนึ่งโดยไม่ได้นัดหมาย…

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬแห่งค่ายทัพพ่อมดเถื่อน!

“เป็นเขา!”

พวกสืออวี่ตกใจจนหน้าเสีย หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม สั่นไปทั้งตัว

รู้สึกได้รางๆ ว่านี่เหมือนเป็นกลอุบาย ทันทีที่ศึกอริยะเริ่มขึ้น พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬนี่ก็ปรากฏตัวทันที ไม่เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เหมือนวางแผนไว้นานแล้ว!

“พี่หนิว เจ้าตั้งใจต่อสู้ รอข้าฆ่าเจ้าพวกนี้ได้เมื่อไหร่ค่อยไปฆ่าจ้าวซิงเย่พร้อมกับเจ้า”

เสียงของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬแหบพร่า เผยความเย็นเยียบไร้จำกัด ทันใดนั้นพื้นที่แถบนี้พลันมืดมน

อานุภาพอริยมรรคที่น่ากลัวจนไม่สามารถเปรียบเทียบได้สายหนึ่งแผ่ออกมา

“ที่แท้พวกเจ้าก็ร่วมมือกันตั้งนานแล้ว!”

จ้าวซิงเย่ที่ต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ห่างออกไปพูดเสียงเย็น สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ นางในชั่วขณะนี้ดูนิ่งสงบมาก ไม่ได้เสียอาการขึ้งโกรธ

“ผายลม! ข้าไม่ร่วมมือกับใครหรอกนะ!”

หนิวเจิ้นอวี่ตวาด

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ แม้แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬจะปรากฏตัว

หากพวกเขาร่วมมือกันเพื่อจะเล่นงานจ้าวซิงเย่ตั้งนานแล้วจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจัดศึกถกมรรคครั้งนี้ขึ้น ทนเห็นผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์เหล่านั้นถูกสังหาร

ดวงตากระจ่างของจ้าวซิงเย่วูบไหว นางคร้านจะคาดเดาและวิเคราะห์ อย่างไรวันนี้ก็ถูกกำหนดให้เกิดการต่อสู้อันรุนแรงแน่นอนแล้ว

ตูม!

คิดถึงตรงนี้การโจมตีของนางก็ยิ่งรุนแรงและเด็ดขาดขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลาเดียวกันพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็มองไปทางพวกหลินสวิน สีหน้าเต็มไปด้วยความเฉยชาราวกับมองคนตาย

“มดฝูงหนึ่ง!”

เขาสะบัดแขนเสื้อ ท่าทางผ่อนคลายสบายๆ อย่างที่สุด

ในฐานะอริยะแท้ที่อาวุโสยิ่ง ในสายตาของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ พวกหลินสวินไม่มีแรงคุกคามใดๆ ทั้งสิ้น

สิ่งที่เขาสนใจคือศึกใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไป

‘ครั้งนี้ฉวยโอกาสนี้ ก็สามารถถอนรากถอนโคนค่ายทัพจักรวรรดิได้ในคราเดียวแล้ว และในศึกถกมรรค บุคคลชั้นยอดของพันธมิตรหมื่นเผ่าแทบจะถูกจัดการจนราบคาบ ต่อไปในการต่อสู้กับทัพพ่อมดเถื่อนจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน ไม่น่าเป็นกังวลเช่นกัน’

‘น่าเสียดาย ถ้าหนิวเจิ้นอวี่ร่วมมือกับข้าเร็วกว่านี้ ค่ายจักรวรรดินี่คงไม่อยู่ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วแล้ว’

‘แต่ยังดี ตอนนี้ก็ยังไม่สาย’

‘หนิวเจิ้นอวี่จะเดือดดาลแค่ไหน ก็ไม่มีทางปฏิเสธความช่วยเหลือของข้า’

สายตาของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬวับวาว เขารอโอกาสนี้มานานมากแล้ว ออกโจมตีตอนนี้สามารถยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว ทำให้ในใจเขาเบิกบานอย่างมาก

เพียงแต่เพิ่งคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็หดรัดลงโดยพลัน สังเกตเห็นความผิดปกติ

ฟุ่บ!

ก็เห็นด้านหลังหลินสวินพลันมีปีกสีดำคู่หนึ่ง ราวกับภาพมายา ดำสนิทดุจดั่งสีแห่งรัตติกาลนิรันดร์ ให้ความรู้สึกถึงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่เลื่อนลอยไร้ตัวตน

จากนั้นหลินสวินและคนรอบข้างเขาต่างฉวยจังหวะก่อนที่พลังอริยมรรคตรงแขนเสื้อนั่นจะสะบัดลงมา หายไปจากกลางอากาศ

เคลื่อนย้ายผ่านอากาศ!

สีหน้าของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่เป็นสมบัติระดับใด ถึงกับมีผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์พลิกฟ้าเช่นนี้

ขวับ!

ครู่ต่อมาภายใต้จิตรับรู้ที่น่ากลัวของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬกวาดมอง ก็สังเกตเห็นว่าบริเวณที่ห่างออกไปสามพันลี้ เงาร่างของหลินสวินปรากฏกลางอากาศ

“หึ! สมบัตินี้อยู่ในมือของมดปลวกอย่างเจ้า ช่างเป็นการลดคุณค่านัก เอามาให้ข้าเสียเถอะ!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬแค่นเสียงเย็น เงาร่างหายไปกลางอากาศ ครู่ต่อมาก็ปรากฏในบริเวณที่ไกลออกไปสามพันลี้ ยื่นมือตบไปทางหลินสวิน

ตูม!

พลังอริยมรรคที่น่าสะพรึงล้อมอยู่ในพลังหมัด ทำเอาห้วงอากาศระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ความน่ากลัวนั้นไม่สามารถอธิบายได้ ทั้งยังรุนแรงอย่างที่สุด

แต่ตอนนี้หลินสวินเพิ่งจะเก็บพวกสืออวี่เข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ ปีกด้านหลังเขาก็พริบไหวอีกครั้ง

เงาร่างของเขาหายไปอีกครั้ง ทำให้การโจมตีนี้ของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเปล่าประโยชน์

“สมควรตาย!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าอึมครึม ในใจยิ่งโลภ สมบัติอริยะที่มหัศจรรย์ชิ้นนี้ ถึงกับสามารถทำให้มดปลวกระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่งเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศได้ ครอบครองวิธีเคลื่อนย้ายที่สามารถเทียบกับอริยะ น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬอยู่มานานขนาดนี้ เคยเห็นสมบัติอริยะมากมาย แต่ยังไม่เคยเห็นสมบัติที่มหัศจรรย์ขนาดนี้

คิดถึงตรงนี้เขาก็ทนไม่ไหว ออกโจมตีอีกครั้ง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ชั่วขณะเดียวก็เห็นว่ากลางฟ้าดินเงาร่างของหลินสวินและพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬล้วนพริบไหว เคลื่อนย้ายผ่านอากาศ คนหนึ่งตามคนหนึ่งหนี ความเร็วน่ากลัวตกตะลึง

“สุดยอดมาก หากข้ามีสมบัติชิ้นนี้ อานุภาพที่สำแดงออกมาต้องไม่ง่ายดายแค่นี้แน่!”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬยิ่งไล่ตามยิ่งตกใจ ด้วยพลังของเขาถึงกับไม่สามารถตามหลินสวินทันได้ในทันที นี่เห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อมาก

ขณะเดียวกันในใจเขาก็ยิ่งโลภ ตระหนักได้ว่าปีกสีดำสนิทที่อยู่ด้านหลังหลินสวินนั่นมีที่มาน่ากลัวอย่างที่สุด

“เหอะๆ เจ้าหนู ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ใช่อริยะ แม้ยืมใช้สมบัติชิ้นนี้ ก็ทำได้เพียงเคลื่อนย้ายไปในตำแหน่งที่ห่างไปสามพันลี้เท่านั้น เจ้าคิดว่ายังสามารถหนีจากมือข้าได้อีกหรือ”

พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าเยาะเย้ยเต็มประดา

“เดรัจฉานเฒ่า เจ้าตามข้าให้ทันก่อนค่อยพูด”

หลินสวินสีหน้าเย็นเยียบ

ปีกด้านหลังเขาก็คือ ‘ปีกผลาญเทพ’ ที่ได้รับในห้องโถงมรรคาสวรรค์

ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของสมบัติชิ้นนี้คือเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ ไม่ต่างจากวิชาเคลื่อนย้ายที่อริยะครอบครอง เรียกได้ว่าพลิกฟ้า

แต่ข้อเสียเดียวก็คือ หากใช้สมบัตินี้ด้วยพลังปราณที่ต่ำกว่าระดับอริยะ จะสูญเสียสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณในตัว ทำลายอายุขัย หากรุนแรงอาจถึงขั้นทำลายรากฐานมหามรรค

หญิงลึกลับเคยเตือนหลินสวินว่า หากไม่ใช่ช่วงสำคัญเป็นตาย อย่าใช้สมบัตินี้ง่ายๆ

สถานการณ์ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงเป็นตายแล้ว หลินสวินจะเก็บสมบัตินี้ไว้โดยไม่ใช้ได้อย่างไร

ทว่าหากสังเกตให้ดีจะพบว่า แม้หลินสวินจะหลบหนีแต่กลับไม่ได้หนีไปไกล หากแต่วนอ้อมโดยมีเขาพินิจมรรคเป็นศูนย์กลาง

ตอนนั้นในดินแดนรกร้างโบราณ ด้วยความช่วยเหลือของ ‘จิตสถูปปลิดชีพ’ เขาเคยสังหารอริยะแท้ไปหลายคน ย่อมรู้ดีว่าอานุภาพของอริยะแท้น่ากลัวเพียงใด

ทว่าตอนนี้สีหน้าของเขายังคงราบเรียบมาก ไม่ตกตื่นสักนิด แม้ถูกอริยะแท้คนหนึ่งตามฆ่า ก็ยังคงไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

ไม่มีจิตสถูปปลิดชีพ เขาก็ไม่กลัว!

ไม่เช่นนั้น เขาไม่มีทางคิดจะไปป่าต้นหม่อนที่อันตรายเกินคาดเดานั่น!

‘คงจะใกล้แล้ว…’

ในใจหลินสวินคาดการณ์เงียบๆ กำลังคิดถึงสถานการณ์การต่อสู้ของจ้าวซิงเย่

หากพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬรู้ว่ายามหลินสวินซึ่งถูกเขามองว่าเป็นมดปลวกถูกตนตามฆ่า ไม่เพียงไม่ลนลานสิ้นหวัง กลับยังคิดอีกเรื่อง ก็ไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร

……………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset