Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1465 หยุดเวลา

ชายหนุ่มจักจั่นทองจ้องมองหลินสวิน ในส่วนลึกนัยน์ตาที่ใสสะอาดราวเด็กทารกนั่นปรากฏแสงลึกลับไร้สิ้นสุดออกมา ราวสามารถหยั่งรู้สรรพสิ่ง

เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ เขาก็เก็บสายตาอย่างหมดจด สีหน้ามึนงง

เขามองออกว่าผ่านการเคี่ยวกรำของพลังบันไดมรรคเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ในกระบวนการนี้มรรควิถีของหลินสวินได้รับประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินแล้ว

และเขาก็มองออกว่าแม้พลังปราณของหลินสวินยามนี้จะแห้งเหือด แต่กลับปลุกอภินิหารพรสวรรค์ในสายเลือดภายใต้การขัดเกลาถึงขีดสุดแล้ว

เพียงแต่…

กลิ่นอายของอภินิหารพรสวรรค์นั้น เขาไม่อาจหยั่งรู้ได้!

นี่เพียงพิสูจน์ได้ว่า พลังอภินิหารพรสวรรค์ที่หลินสวินปลุกขึ้นมานั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!

นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มจักจั่นทองมึนงง

‘หุบเหวกลืนกิน… ปีนั้นอภินิหารพรสวรรค์ที่เจ้าคนดุร้ายชื่อซิงเยียนนั่นครอบครองก็คือ ‘วิชาดับดารา’ จู่โจมคราเดียวยิงดาวทลายจันทร์ ดับสลายพลังชีวิต ทรงพลังหาใดเปรียบ…’

นัยน์ตาของชายหนุ่มจักจั่นทองเจือความรู้สึกหวนถึงความหลัง ‘เพียงแต่อภินิหารพรสวรรค์ที่เจ้าหนูนี่ปลุกขึ้นมาในตอนนี้ เหมือนจะต่างกับดับดาราอย่างสิ้นเชิง…’

‘น่าสนใจ พลังสายเลือดแบบเดียวกัน อภินิหารพรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นมากลับแตกต่าง พลังสายเลือดเช่นนี้พบเห็นได้น้อยนัก’

วู้ม…

ยามชายหนุ่มจักจั่นทองใคร่ครวญ บนตัวหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิกับพื้นกลับแผ่คลื่นประหลาดส่องประกายออกมา

จิตรับรู้ที่เดิมว่างเปล่าของเขาราวกับลอยล่องอยู่ในสายน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล ฟองคลื่นม้วนตลบไม่หยุด

และจิตรับรู้ของเขาก็อยู่ในฟองคลื่นไหลไปตามกระแส

เขาได้เห็นภาพที่คาดไม่ถึงมากมาย

กาลเวลาสับเปลี่ยน สี่ฤดูหมุนเวียน ทั่วแดนเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์เจริญและเสื่อมถอย…

สรรพชีวิตผ่านการเกิดแก่เจ็บตาย ฟ้าดินผ่านประสบการณ์โชกโชนปรวนแปร สรรพสิ่งทั่วหล้าดับสลายและเกิดใหม่ไปมาตามลำดับ…

ในความรางเลือนคือหนึ่งฤดูกาล

ชั่วดีดนิ้วคือหนึ่งปีแสง

เหมือนผ่านเส้นทางแห่งทัศนียภาพที่หลายหลากแปลกตาในกาลเวลา

ตูม!

ไม่นานทุกอย่างนี้ก็แตกระเบิดดังสนั่น แม่น้ำกว้างใหญ่ไพศาลถูกหุบเหวหนึ่งกลืนกิน เกิดเป็นภาพแห่งการดับสูญปั่นป่วนที่ไม่อาจบรรยายทันที

เวลานี้ร่างกายหลินสวินเกิดการตอบสนองโดยสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง ‘พลังเร้นชะตาสวรรค์’ ที่เดิมผนึกอยู่ในห้วงนิมิตพุ่งลงไปยังเส้นปราณหัวใจ

พลังเร้นชะตาสวรรค์คือหนึ่งในรางวัลที่ได้มาหลังจากทะลวงด่านในห้องโถงมรรคาสวรรค์ มีอานุภาพอัศจรรย์ในการกระตุ้นพรสวรรค์ ปลุกพลังต้นกำเนิด

เวลานี้ทุกอย่างในพลังนี้กำลังถูกชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของหลินสวินกลืนกิน

จากนั้นในจิตรับรู้ของหลินสวินก็เห็นภาพหนึ่งที่เรียกได้ว่าไร้ใดเปรียบ

ในแม่น้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้น กลิ่นอายของกาลเวลาถูกหุบเหวใหญ่กลืนกิน!

กาลเวลาก็คือช่วงเวลา เวลาคือระเบียบแห่งปวงสวรรค์สูงสุด เป็นพลังซึ่งสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิต่างอับจนหนทาง

แต่ยามนี้ในหุบเหวหนึ่งกลับเก็บกลิ่นอายของกาลเวลาไว้!

จิตรับรู้ของหลินสวินพลันเจ็บปวดสาหัส ทุกการมองเห็นและความรู้สึกเหมือนเครื่องแก้วที่แตกละเอียด กลายเป็นเศษเสี้ยวแล้วหายไป

ตูม!

จากนั้นจิตรับรู้ของเขาก็กลับคืนสู่ร่างอีกครั้ง ทั้งตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที จุดชีพจร ผิวหนัง เส้นลมปราณ ห้วงนิมิต อวัยวะตันห้ากลวงหก… ทุกส่วนไม่มีตรงไหนไม่อัดแน่นด้วยพลังเรืองรองแปลกประหลาดที่ซัดโหม

และตรงเส้นปราณหัวใจ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดท่อนหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ เหมือนภาพมายาจนราวกับแสงสายหนึ่ง ในเงาแสงนั้นมีลายมรรคประหลาดผลุบโผล่อยู่คลุมเครือ

ลายมรรคนี้พิเศษไม่เหมือนใครเกินไป ลักษณะคล้ายขนนก ขาวกระจ่างพร่างพราย กลิ่นอายเร้นลับคลุมเครือหลายสายแผ่อบอวล ในความรางเลือนเหมือนมีร่องรอยของกาลเวลาไหลวนอยู่ในลายมรรค เดี๋ยวชัดเดี๋ยวหายไม่นิ่ง

หยุดเวลา!

ในใจหลินสวินเกิดการรู้แจ้ง

นี่ก็คืออภินิหารพรสวรรค์ที่ตนปลุกขึ้นมา จากชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นพลังหยุดการเคลื่อนคล้อยของเวลา

เพียงแต่ในใจเขากลับไม่อาจสงบได้

ด้วยพลังพันธนาการของ ‘หยุดเวลา’ ช่างสะเทือนใต้หล้า น่าอกสั่นขวัญแขวนและคาดไม่ถึงเกินไป

หยุดเวลาได้หนึ่งพริบตา!

นี่ก็คืออานุภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอภินิหารพรสวรรค์ ‘หยุดเวลา’

มีเพียงบรรลุระดับอริยะจึงจะควบคุมนัยเร้นลับแห่งห้วงอากาศว่างเปล่า ครองวิธีเคลื่อนผ่านห้วงอากาศได้

แต่ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิ เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎเกณฑ์แห่งเวลาก็ยากจะสัมผัส ไร้แรงต้านทาน!

ไม่ว่าระดับจักรพรรดิหรือมดปลวก ทันทีที่ตายไปก็ต้องถูกพลังของกาลเวลากัดกร่อน จากนั้นก็ถูกกำจัด

ถึงแม้ระดับจักรพรรดิจะปรารถนาการคงอยู่ชั่วนิรันดร์ แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด ก็คือเวลา!

และอภินิหารหยุดเวลาก็สามารถหยุดการเคลื่อนคล้อยของเวลาได้หนึ่งพริบตา พลังนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว น่ากลัวถึงขั้นทำให้หลินสวินยังยากจะเชื่อ

กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงค่อยใจเย็นลง สัมผัสอย่างละเอียด

ภาพมายาที่ดูประหนึ่งขนนกนั้น ลายมรรคประหลาดที่ขาวกระจ่างงามตระการ ลึกลับและยากหยั่งถึง แต่ยามหลินสวินไปสัมผัส กลับรู้สึกเพียงเหมือนเข้าไปในหุบเหวหนึ่ง ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ลึกล้ำยากหยั่งถึง

นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอีก

หลินสวินอึ้งงัน ยิ้มเยาะตนเองในใจ พลังพรสวรรค์ของตัวเอง แต่แม้แต่ตัวเองยังสัมผัสความอัศจรรย์ที่อยู่ข้างในไม่ได้ นี่… ช่างแปลกประหลาดผิดธรรมดาจริงๆ

แต่เมื่อคิดดูแล้วหลินสวินก็ปล่อยวาง

อภินิหารหยุดเวลา สิ่งที่พันธนาการคือเวลาหนึ่งพริบตา เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์เวลา แม้แต่ระดับจักรพรรดิก็ใช่ว่าจะสัมผัสความเร้นลับนี้ได้ ตอนนี้เขายังไม่บรรลุอริยะ ยิ่งห่างไกลจากระดับจักรพรรดิอยู่มาก แล้วจะสัมผัสความเร้นลับของกฎเกณฑ์เวลาได้อย่างไร

ได้แต่พูดว่าอภินิหารหยุดเวลาคือวิชาหนึ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เป็นพลังที่สามารถนำไปใช้และควบคุมได้

นัยเร้นลับแห่งแก่นแท้ของมัน ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินในตอนนี้สามารถสัมผัสและควบคุมได้

ต่อให้เป็นเช่นนั้นในใจหลินสวินก็ยังร้อนระอุขึ้นมาทันที เขาฝึกปราณมาถึงวันนี้ มีหรือจะไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของอภินิหารหยุดเวลา

แม้สิ่งที่พันธนาการจะเป็นเวลาแค่พริบตาเดียว แต่เพียงพริบตานี้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้มากมาย!

ที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือในการต่อสู้ ชั่วพริบตาก็สามารถตัดสินผลแพ้ชนะและเป็นตายได้!

ไม่นานหลินสวินก็ลืมตา

“เจ้าตื่นแล้ว”

ชายหนุ่มจักจั่นทองที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปาก

หลินสวินกำลังจะยืนขึ้นก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งตัว ใช้พลังไปจนหมด แม้แต่นิ้วหนึ่งก็ยกไม่ขึ้น

สุดท้ายเขาได้แต่เผยรอยยิ้มขื่น

ชายหนุ่มจักจั่นทองเหมือนเข้าใจ ตบมือลงบนบ่าของหลินสวินลวกๆ

พลังที่เรียบง่ายหนักแน่นและบริสุทธิ์อ่อนโยนสายหนึ่งพุ่งสู่ร่างหลินสวินราวแม่น้ำใหญ่ในทันที แค่เวลาสั้นๆ ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ไม่เพียงทำให้ความอ่อนล้าทั่วร่างของหลินสวินพลันหายไป แม้แต่พลังปราณยังฟื้นคืนกลับมาดังเดิมด้วย

หลินสวินชะงัก เขารู้อยู่ว่าชายหนุ่มจักจั่นทองเป็นตัวตนที่ลึกล้ำยากหยั่งถึงคนหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฝีมือของเขาจะร้ายกาจเช่นนี้!

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มกล่าว “ไม่เข้าใจใช่ไหม ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ยามขึ้นบันไดหินข้าถึงไม่ช่วยเจ้า”

หลินสวินลุกขึ้นกล่าว “ตอนนี้เข้าใจแล้ว เพื่อเคี่ยวกรำ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองหัวเราะเบิกบานขึ้นมาค่อยกล่าว “ไม่เลวๆ นี่ก็คือการตามหามรรคา ยามทำด้วยตัวเองได้ ทางที่ดีอย่าให้คนอื่นเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้นจะมีแต่โทษไร้ประโยชน์”

เวลานี้เมื่อยืนอยู่หน้าประตูตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ ก็เหมือนยืนตระหง่านอยู่ในฟ้าสูงหมื่นจั้ง ตรงหน้าคือบันไดหินที่ทอดยาวลงไปหลายขั้น ทัศนวิสัยกว้างไกลอย่างยิ่ง

ด้านหลังเขาประตูตำหนักจักรพรรดิเปิดอยู่ตลอด มีแสงแผ่อบอวลออกมา ดูลึกลับหาใดเปรียบ

“ไปเถอะ คำนวณเวลาดูแล้ว การช่วงชิงจุดเปลี่ยนใหญ่นี้ก็ใกล้จะตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว”

ชายหนุ่มจักจั่นทองหันหลังกลับ เดินเข้าไปในประตูตำหนักจักรพรรดิ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยถามเรื่องอภินิหารพรสวรรค์กับหลินสวิน

หลินสวินอึ้งไป ไม่พูดอะไรมากแล้วเดินตามเข้าไป

ตำหนักจักรพรรดิ ในการคาดเดาของหลินสวินที่นี่จะต้องวิเศษมหัศจรรย์ เต็มไปด้วยความลี้ลับ มีทัศนียภาพที่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามอัศจรรย์ใจและกริ่งเกรง

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินตกตะลึงคือ ในตำหนักจักรพรรดินั้นว่างเปล่า มีเพียงโต๊ะตัวหนึ่งกับเบาะรองนั่งอีกหนึ่ง

สีของโต๊ะเก่าแก่ ทำมาจากไม้ดอกสาลี่ที่ธรรมดาที่สุด เบาะรองนั่งก็ทอมาจากใบต้นกกที่ธรรมดาที่สุดเช่นกัน

สิ่งของสองอย่างนี้พบเห็นได้ทั่วไปในบ้านสามัญชน

แต่ยามนี้กลับถูกจัดวางอยู่ในตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์นี่ ด้วยประการฉะนี้สิ่งของที่ดูเหมือนธรรมดานี้จึงไม่ธรรมดาอย่างยิ่งแล้ว

“ก้อนหินธรรมดาก้อนหนึ่ง หากมีอริยะนั่งแจ้งมรรคอยู่บนนั้นนานปีจะถูกกลิ่นอายของอริยะแทรกซึม หินก้อนนี้ก็ย่อมเปลี่ยนต่างออกไป หากคนรุ่นหลังมาพิจารณาอาจถึงขั้นสังเกตเห็นนัยเร้นลับแห่งอริยมรรคบางอย่างจากหินก้อนนี้ได้”

“เหมือนกับโต๊ะและเบาะรองนั่งตรงหน้านี้ ก็คือโต๊ะหนังสือและที่พักผ่อนซึ่งมารดาเตรียมไว้ให้เขายามมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ยังเด็ก เขาก็พกติดตัวไว้เสมอตั้งแต่ยังอายุน้อยจนกระทั่งบรรลุมรรค ถูกมองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด กระทั่งตายไปเขายังอดไม่ได้ที่จะนำของสองอย่างนี้ติดตัวไปด้วย…”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเจือความทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่ง “ต่อให้โต๊ะและเบาะรองนั่งจะธรรมดาเพียงใด แต่หลังจากติดตามหนทางสู่มรรคของมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ก็ย่อมไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว”

หลินสวินไหวหวั่น รู้สึกตกตะลึง

โต๊ะและเบาะรองนั่งนี้อาจไม่ใช่ยอดสมบัติที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน แต่กลับประทับประสบการณ์ทั้งหมดของมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ย่อมไม่ใช่สิ่งที่สมบัติอื่นสามารถเทียบเทียมได้แน่นอน

“ทางที่ดีเจ้าอย่าไปลองสัมผัสสองสิ่งนี้จะดีกว่า” ชายหนุ่มจักจั่นทองกล่าวเตือน “พลังที่อยู่ในนั้น นอกจากบุคคลระดับจักรพรรดิแล้วก็ไม่มีใครต้านทานได้”

หลินสวินผงะในใจวูบหนึ่ง ไม่นานก็กล่าว “แล้วชามใบนั้นมีประวัติความเป็นมาอะไรหรือ”

บนโต๊ะมีชามกระเบื้องหยาบดำสนิทใบหนึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยว ดูไปแล้วก็ธรรมดาอย่างยิ่ง

“ตามข้ามา”

ชายหนุ่มจักจั่นทองก้าวมาถึงหน้าโต๊ะ ก้มมองชามกระเบื้องนั้นแล้วกล่าว “เจ้าดู ผู้แข็งแกร่งที่ช่วงชิงจุดเปลี่ยนใหญ่เหล่านั้นล้วนอยู่ในนี้”

อะไรนะ

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด รีบก้าวไปข้างหน้าแล้วก้มลงมอง ก็เห็นว่าในชามกระเบื้องนั้นมีไอคลุมเครืออบอวล สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าในนั้นราวกับปกคลุมโลกกว้างใหญ่ไพศาลใบหนึ่งไว้

ชามกระเบื้องนี้มีขนาดแค่ฝ่ามือเท่านั้น แต่ก้นชามกลับแบกรับพิภพแห่งหนึ่ง?

นี่ทำให้หลินสวินตะลึงงัน

“หนึ่งบุปผาหนึ่งโลกหล้า หนึ่งใบหนึ่งโพธิญาณ ต่อให้เป็นกรวดทรายเม็ดหนึ่งก็สามารถโอบรับจักรวาลแห่งหนึ่งได้”

ชายหนุ่มจักจั่นทองกล่าว “นี่ก็คือความสามารถของระดับจักรพรรดิ”

“สรรสร้างจากความว่างเปล่าหรือ” หลินสวินหลุดปากออกมา

ชายหนุ่มจักจั่นทองชะงักไปครู่หนึ่ง แปลกใจอยู่บ้างอย่างยากจะพบเห็น เหลือบมองหลินสวินแล้วกล่าว “เจ้าก็เข้าใจขอบเขตนี้แล้วหรือ”

หลินสวินส่ายศีรษะ “แค่ผ่านตาขอรับ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองชื่นชมแล้วเบี่ยงสายตาออก ความจริงในใจเขาไม่อาจสงบอยู่บ้าง

ขอบเขตสรรสร้างจากความว่างเปล่า นั่นเป็นขอบเขตที่แม้แต่ระดับจักรพรรดิมากมายยังไม่เคยสังเกตเห็น แต่ยามนี้กลับถูกคนหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งพบเจอ

นี่เกือบจะล้มล้างความเข้าใจของชายหนุ่มจักจั่นทองแล้วจริงๆ!

“นี่ไม่ใช่สรรสร้างจากความว่างเปล่า หากแต่เป็นวิธีเล็กจ้อยซุ่มซ่อนความยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง เป็นแค่การใช้กฎเกณฑ์ของห้วงอากาศว่างเปล่าถึงที่สุดเท่านั้น”

ชายหนุ่มจักจั่นทองพูดพลางมองไปยังชามกระเบื้องดำสนิทนั้นอีกครั้ง

………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset