Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1494

นอกหอเซียนเมามายมีอริยะถอนหายใจ “ดินแดนรกร้างโบราณในอนาคต ถูกกำหนดให้เป็นของเหล่าคนรุ่นเยาว์ในหอเหล่านั้น!”

คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นเหยียบย่างขอบเขตมกุฎ มรรคาอมตะเรียกได้ว่าเป็นราชัน กำราบคนรุ่นเดียวกัน เปรียบเสมือนตะวันฉายฉาน แขวนอยู่เหนือท้องฟ้าดินแดนรกร้างโบราณ

ตอนที่พวกเขาบรรลุมกุฎอริยะ ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอริยะในดินแดนรกร้างโบราณ จะเอาอะไรไปเปรียบกับพวกเขา

“หากไม่มีการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนก็เป็นเช่นนี้จริง แต่ตอนนี้ใครก็รู้ว่าการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง คนรุ่นเยาว์ที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ ถูกกำหนดให้เข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน”

จู่ๆ อริยะคนหนึ่งก็พูดขึ้น “และถามทุกท่านว่า พวกเจ้าคิดว่าในบรรดาพวกเขา จะมีสักกี่คนที่สามารถรอดกลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดนได้”

ประโยคเดียวทำเอาเหล่าอริยะต่างนิ่งเงียบ ในใจหนักอึ้ง

การต่อสู้แห่งเก้าดินแดน!

สงครามเช่นนี้ในอดีตเคยนำพาการโจมตีอันหนักหน่วงให้กับดินแดนรกร้างโบราณ และเคยทำให้ผู้กล้าไม่รู้เท่าไหร่เคียดแค้น ฝังกระดูกในสนามรบ เต็มไปด้วยน้ำตาเลือดและความอดสู

และการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่กำลังจะมาเยือนครั้งนี้ ดินแดนรกร้างโบราณจะเกิดสถานการณ์ย่ำแย่เช่นนี้อีกหรือไม่

ในหอเซียนเมามาย บุคคลขอบเขตมกุฎรวมตัวกัน ตอนที่ดื่มเหล้าพูดคุยอยู่ก็เอ่ยถึงเรื่องการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเช่นเดียวกัน

“หากสมรภูมิเก้าดินแดนเริ่มขึ้น ฝั่งดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราจะมีผู้แข็งแกร่งระดับอริยะแท้กลุ่มหนึ่งนำทัพเข้าสู่สงครามครั้งนี้”

หมีเหิงเจินพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เกี่ยวข้องกับความเป็นตายและการอยู่รอดของดินแดนรกร้างโบราณ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสำนักโบราณใดก็ล้วนเคลื่อนกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตน”

“แต่ทุกคนต่างรู้ว่า การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนแบ่งออกเป็นสองสนามรบใหญ่”

“หนึ่งคือสนามรบแนวหน้า เป็นปราการที่ดินแดนรกร้างโบราณใช้ต้านทานแปดดินแดน มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับอริยะขึ้นไปจึงจะมีคุณสมบัติไปเยือน คนอื่นๆ ไปก็เหมือนรนหาที่ตาย”

“อีกหนึ่งคือสมรภูมิเก้าดินแดน ตั้งอยู่ระหว่างโลกของเก้าดินแดนใหญ่ ประกอบด้วยผืนแผ่นดินของแต่ละดินแดน”

“เพราะการจำกัดของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน สมรภูมิเก้าดินแดนรองรับได้มากสุดเพียงผู้แข็งแกร่งระดับอริยะแท้เท่านั้น”

“แต่โดยทั่วไปแล้วผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าระดับราชันล้วนยากจะรอดในสมรภูมิเก้าดินแดน เพราะฉะนั้นการต่อสู้ในสมรภูมิเก้าดินแดน น่าจะเป็นสถานที่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งที่ระดับราชันขึ้นไปแต่ต่ำกว่าระดับอริยะ”

“ที่ที่เราจะไปในครั้งนี้ ก็คือสมรภูมิเก้าดินแดน”

พูดถึงตรงนี้หมีเหิงเจินสูดหายใจลึกแล่วเอ่ยว่า “ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งของแปดดินแดนอื่นก็จะเข้าร่วมด้วย”

“สิ่งที่มั่นใจได้คือ หากการต่อสู้ปะทุขึ้น ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนอื่นจะต้องพุ่งเป้ามายังดินแดนรกร้างโบราณในทันทีแน่!”

ฟังถึงตรงนี้ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างนัยน์ตาหดรัด

“แปดดินแดนแม้ไม่ได้เป็นพันธมิตรกัน แต่ทุกท่านต่างรู้ดีว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อนหน้านี้ ระหว่างพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงหนึ่ง ตัดรกร้างโบราณก่อนค่อยประชันสูงต่ำ!”

“หมายความว่าอย่างไร”

หมีเหิงเจินหัวเราะเสียงเย็น “นั่นก็คือร่วมกันลงมือกวาดล้างผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณก่อน แล้วค่อยไปสู้กันเองระหว่างผู้แข็งแกร่งแปดดินแดน!”

ในโถงที่เดิมทีบรรยากาศกลมเกลียวพลันเงียบกริบขึ้นมา สีหน้าของบุคคลขอบเขตมกุฎทุกคนต่างแฝงความมืดทะมึน

ตัดรกร้างโบราณก่อนค่อยประชันสูงต่ำ!

ประโยคเพียงสั้นๆ ความหมายที่เผยออกมากลับทำให้ทุกคนในดินแดนรกร้างโบราณเดือดดาล!

“ครั้งนี้จะต้องแตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”

มีคนลอบกัดฟัน

“ถึงตอนนั้นข้าจะดูซิว่าพวกเขามีความมั่นใจอะไร ถึงกล้าเจาะจงเล่นงานเราเช่นนี้!”

คนส่วนใหญ่ต่างนิ่งเงียบ

ถูกผู้แข็งแกร่งของแปดดินแดนใหญ่เจาะจงเล่นงานพร้อมกัน แค่คิดก็รู้ว่าหลังจากพวกเขาเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน สถานการณ์ที่ต้องเผชิญจะอันตรายเพียงใด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ในแปดดินแดนอื่นมกุฎมรรคาไม่เคยขาด ซึ่งก็หมายความว่าแค่เลือกผู้แข็งแกร่งออกมาลวกๆ คนหนึ่ง ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎ

ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยว่า ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎอริยะแท้ก็มีมากเช่นกัน!

ในสถานการณ์เช่นนี้หากอยากอยู่รอดในสมรภูมิเก้าดินแดน มีความเป็นไปได้สูงมากว่าต้องเผชิญความท้าทายอันรุนแรง

ส่วนการจะพลิกสถานการณ์ โจมตีการบุกรุกของแปดดินแดนให้ย่อยยับ จะมีหวังแค่ไหน

ทันใดนั้นทุกคนต่างขบคิดแตกต่างกันไปการดื่มเหล้าก็ไร้รสชาติไปด้วย

จู่ๆ องค์ชายเซ่าเฮ่าก็ยิ้มบางๆ พร้อมพูดว่า “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ถูกกำหนดให้แตกต่างจากที่ผ่านมา แม้สถานการณ์จะอันตรายแค่ไหน แต่อย่างไรพวกเราก็ยังมีหวัง!”

“ไม่ผิด หลังจากเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน พวกเราแสวงหาหนทางแห่งการบรรลุมกุฎอริยะทันที เช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวคู่ต่อสู้คนใดแล้ว”

เทพธิดารั่วอู่เองก็พูดเสียงกระจ่างขึ้นมา

พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่สภาวะจิตและเจตจำนงแน่วแน่ ย่อมไม่มีทางถูกเรื่องพวกนี้กระทบ

“พี่หลินคิดว่าอย่างไร”

จู่ๆ เทพธิดารั่วอู่ก็เคลื่อนสายตาคู่ใสมองไปยังหลินสวินที่ไม่ได้พูดอะไร

หลินสวินอึ้งไปเล็กน้อยค่อยพูดว่า “ข้าไม่ได้มีความคิดอะไร เพียงแค่กำลังคิดว่าควรสังหารศัตรูกี่คน รวบรวม ‘ชะตามรรคผลงานรบ’ ได้เท่าไหร่ จึงจะสามารถกระตุ้นป้ายคำสั่งเซียนเหิน ครอบครองสิทธิ์การเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน”

ทุกคนต่างอึ้งงัน จากนั้นอดขันไม่ได้

ในใจคนเหล่านี้ต่างอดถอนหายใจไม่ได้ ช่างสมกับเป็นเทพมารหลิน ตอนที่พวกเขากำลังกังวลใจกับอันตรายที่ต้องเผชิญในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน เขากลับดีนัก เป็นห่วงเรื่องที่จะเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนโดยตรงเลย

“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าในมือพี่หลินต้องครอบครองป้ายคำสั่งเซียนเหินไว้ชิ้นหนึ่งแล้วแน่”

องค์ชายเซ่าเฮ่าพูดพร้อมรอยยิ้มเปิดเผย

“ไม่ผิด”

หลินสวินเองก็ไม่ได้ปิดบัง

“พี่หลิน งั้นเจ้าต้องระวังหน่อย สิ่งที่ศัตรูแปดดินแดนอื่นปรารถนาที่สุดก็คือป้ายคำสั่งเซียนเหิน หากพวกเขารู้เรื่องนี้ จะต้องเห็นเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ต้องสังหารให้ได้อย่างแน่นอน”

เย่หมัวเฮอพูดเตือน

หลินสวินยิ้ม “เช่นนี้ยิ่งดีมิใช่หรือ เท่ากับว่าชะตามรรคผลงานรบมหาศาลมาเยือนถึงที่ ข้าเก็บทีละคนก็ได้แล้ว”

ทุกคนหัวเราะเกรียวกราวอีกครั้ง บรรยากาศในโถงผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย

ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะต้องมีคนหาว่าหลินสวินอวดดีเกินไปอย่างแน่นอน คำพูดเกินจริง แต่ตอนนี้ทุกคนต่างคิดอย่างสมเหตุสมผลว่าหลินสวินพูดเช่นนี้จึงจะเป็นเรื่องปกติ

ไม่เช่นนั้นจะสมกับชื่อเสียงล้นฟ้าที่เขาครอบครองในตอนนี้ได้อย่างไร!

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ตอนที่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเริ่มขึ้นจริงๆ พวกเขากล้ามั่นใจว่าแม้เป็นหลินสวินก็ไม่กล้าประมาทแน่

……

จวบจนกระทั่งดึกดื่น งานเลี้ยงจึงจบลง

หลินสวินกับกลุ่มเพื่อนเก่าอย่างพวกเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน จี้ซิงเหยาพูดคุยกันอยู่นานมาก ถึงค่อยแยกย้ายจากไป

หลายเดือนก่อนหน้านี้เขาเหมือนนักเดินทางที่เดินทางไปทั่วฟ้าดิน ท่องเที่ยวทั่วโลก มองดูความงามของภูผาธารา สภาพต่างๆ ของโลกทั้งหมด

และในมรรคแห่งหินสลักที่ท่านเซิ่นสอน เมื่อผ่านเวลามาหนึ่งเดือน ได้เรียบเรียงสภาวะจิตของตน ทำให้สภาวะจิตเกิดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับ

ตอนนี้เขาตัดสินใจจะกลับทะเลหมากดารา รอการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนมาเยือนเงียบๆ!

“ออกมาเถอะ”

กลางดึกบนห้วงอากาศเหนือเนินเขาเวิ้งว้าง หลินสวินที่ก้าวเดินอยู่ในทะเลเมฆเพียงลำพังชะงักฝีเท้ากะทันหัน สายตามองไปด้านหลัง

ในทะเลเมฆปรากฏชายชราชุดดำที่ผมและเคราสีขาวขุ่น ลักษณะผอมตอบ หลังตรงราวกับกระบี่คนหนึ่ง

“สหายน้อยอย่าได้เข้าใจผิด ข้ามาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า มาคราวนี้เพียงมีเรื่องหนึ่งอยากหารือกับสหายน้อย”

ชายชราชุดดำพูดราบเรียบ ไม่ได้มีเจตนากดดัน

นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นอริยะกระบี่ผู้หนึ่ง กลิ่นอายแม้จะไม่เผยออกมา แต่อานุภาพอันไร้รูปร่างนั่นยังคงอยู่

“อ้อ เรื่องใด”

ดวงตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ เงาร่างยืนนิ่งอย่างสบายๆ พลังในกายกลับโคจรสมบูรณ์ถึงที่สุดแล้ว

“ไม่มีเรื่องใด เพียงหวังให้สหายน้อยทิ้งกระบี่เทียมฟ้าเอาไว้”

ชายชราชุดดำประสานหมัดพูด “หากสหายน้อยตอบรับ ข้าสามารถเป็นตัวแทนของสำนักกระบี่เทียมฟ้า คลี่คลายความแค้นที่ผ่านมากับสหายน้อยได้”

หลินสวินย้อนถาม “หากข้าไม่ตอบรับล่ะ”

ชายชราชุดดำเงียบ ครู่ใหญ่เขาจึงพูดว่า “สหายน้อยคงรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสดีในการสลายความแค้น”

หลินสวินหัวเราะเยาะ “ที่ผ่านมาสำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเจ้าเล่นงานข้าไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ตามหลักแล้วควรเป็นข้าที่แค้นพวกเจ้าถึงจะถูก ตอนนี้เหตุใดจึงกลายเป็นพวกเจ้ามาให้อภัยข้า”

ชายชราชุดดำสีหน้าขรึมลง ประกายเย็นเยียบไหววาบในดวงตา เอ่ยว่า “สหายน้อย ยังคงคิดให้ดี ชื่อเสียงที่เจ้ามีตอนนี้ไม่มีใครเทียบได้ก็จริง แต่หากคิดว่าด้วยชื่อเสียงพวกนี้ก็จะสามารถมองข้ามทุกอย่างได้ นั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์”

หลินสวินหุบยิ้มกล่าว “เจ้าคงรู้ดีว่าข้าไม่เคยกลัวการคุกคามใดๆ อยากได้กระบี่เทียมฟ้าหรือ ง่ายมาก ก็แค่ลงมือ”

ชายชราชุดดำสีหน้าอึมครึมไม่นิ่ง จ้องหลินสวินอยู่นาน สุดท้ายถอนหายใจพูดว่า “ช่างเถอะ เจ้าไปเถอะ”

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด ประหลาดใจอยู่บ้าง

“กระบี่นี้ข้าชิงมาจากมืออวิ๋นชิ่งไป๋ ตอนนี้เขาตายแล้ว แต่ข้ารู้ว่าเขาตายอย่างไม่จำยอม”

จากท่าทีของชายชราชุดดำ หลินสวินตัดสินใจจะอธิบายอีกครั้ง สีหน้าของเขานิ่งสงบ ไม่ดีใจหรือเสียใจ

“แม้ข้ากับเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่วันหนึ่งข้าจะใช้กระบี่นี้บูชาวิญญาณของเขา” พูดจบเขาก็ทะยานจากไป

อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นคู่ต่อสู้ที่สมควรตายเป็นหมื่นๆ ครั้งในใจหลินสวิน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้เขาไม่อาจไม่เลื่อมใส

นี่คือบุคคลแห่งยุคที่มีชีวิตอันน่าเศร้า

บางคราวมาคิดดูแล้ว หากตนอยู่ในสถานการณ์อย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ เริ่มตั้งแต่วันแรกที่ฝึกปราณก็ไม่เคยมีทางเลือกอื่นอีกเลย ก็ไม่รู้ว่าตนจะทำได้ดีกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋หรือไม่

ชายชราชุดดำมองเงาร่างของหลินสวินค่อยๆ จากไปไกล สุดท้ายยังคงข่มกลั้นไม่ลงมือ ถอนหายใจเบาๆ

“ผู้อาวุโส เหตุใดไม่รั้งเขาไว้”

เงาร่างส่วนหนึ่งเคลื่อนออกจากบริเวใกล้ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดเด็กคนนี้ถึงกล้าเดินทางเพียงลำพัง”

ชายชราชุดดำย้อนถาม

ทุกคนต่างอึ้ง

“หากไม่มีใครหนุนหลัง เขาจะกล้าปฏิเสธข้าอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้ได้อย่างไร”

ชายชราชุดดำสีหน้าซับซ้อน

เขาเป็นอริยะกระบี่ที่เก็บตัวมานาน แต่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เลือกอดกลั้นต่อหน้าคนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ทิ้งความคิดที่จะลงมือ

ไม่ใช่เพราะระวังเกินไป แต่เป็นเพราะเขาคาดเดาได้ว่า ต่อให้ลงมือ เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะรั้งหลินสวินไว้ได้!

“มีอัจฉริยะถือกำเนิดทุกยุคสมัย น่าเสียดาย หากอวิ๋นชิ่งไป๋ยังอยู่ ความสำเร็จที่ได้รับในตอนนี้ต้องไม่ด้อยกว่าเด็กคนนี้แน่ น่าเสียดาย…”

ชายชราชุดดำเอามือไพล่หลัง ก้าวเท้าจากไป เงาร่างเฉยชา หมดสิ้นความสนใจ

คนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน

พวกเขาไม่เข้าใจ ในใจยังคงไม่ยินยอม

นี่บางทีคงเป็นช่องว่างระหว่างพวกเขากับชายชราชุดดำ

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม เป็นช่วงเวลาก่อนรุ่งสางพอดี

หลินสวินที่เดินอยู่เหนือห้วงอากาศภูเขาธารน้ำแถบหนึ่งชะงักเท้าอีกครั้ง ครั้งนี้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยกับตัวเองว่า “ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเลยจริงๆ…”

ตอนที่พูดเขาหมุนตัวมองไปยังที่มืดในระยะไกล สายตาราวกับสายฟ้า เย็นเยียบน่าสะพรึง

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset