Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1496

มีคนต้องการจัดการตน นี่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่หอหลอมจิตนครหยกขาวของตนในตอนนั้น และเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่กำลังจะมาเยือน

นี่ก็คือการคาดเดาของหลินสวิน

แต่ที่ทำให้เขาทอดถอนใจก็คือ แนวโน้มทั่วไปในใต้หล้าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนไม่ต้องการเห็นตนประสบเคราะห์

เช่นเฒ่ากระบี่เมาที่ขี่ลา พกน้ำเต้ากระบี่ผู้นั้น

หรืออย่างเช่นหญิงแต่งงานแล้วผมขาวที่ถูกคนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เรียกว่าย่าทวดผู้นำลัทธิไร้สวรรค์

หรือเซียนเทพจากที่ต่างๆ ซึ่งคอยสกัดกั้นภัยพิบัติให้ตนอย่างลับๆ มาตลอดทาง

ศัตรูก็ย่อมเป็นคนที่เคยผูกแค้นกันในอดีตเหล่านั้น อย่างสำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เผ่าอีกาทอง เผ่าวิญญาณสมุทร สำนักยุทธ์นครนิล เขาวิญญาณหมื่นอสูรเป็นต้น

แต่คนที่ช่วยตนเป็นใคร ณ ตอนนี้หลินสวินกลับไม่อาจชี้ชัดได้อย่างแน่นอน

‘ทำดีไม่ประสงค์ออกนามหรือ’

คิดถึงตรงนี้ หลินสวินก็นึกถึงคำที่เฒ่ากระบี่เมาเคยพูดไว้ขึ้นมาอีก…

มุ่งหน้าอย่างกล้าหาญ!

……

หอฤทธิ์เทพ

ท่านเซิ่นพลิกม้วนหนังสืออ่านโดยละเอียดไม่รีบร้อน มีความสุขจากสิ่งที่ทำ

อีกด้านหนึ่งท่านเมี่ยวเสวียนกลับแค่นหัวเราะหยันออกมา เอ่ยว่า “เป็นไปตามที่ศิษย์พี่คาดไว้จริงๆ ตลอดทางนี้มีพวกโง่โผล่ออกมามากมายดังคาด พวกเขาจะต้องฆ่าเด็กคนนี้ให้ได้ถึงจะยอมหรือ”

ท่านเซิ่นยิ้มให้ กล่าวว่า “นี่ก็คือความแค้น สำนักโบราณพวกนั้นไม่ได้คิดว่าเด็กหลินสวินนี่จะไปต้านทานคลื่นคลั่งในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนได้ หากไม่ติดที่แนวโน้มกระแสของใต้หล้าบีบบังคับ พวกเขามีแต่จะยิ่งเหิมเกริมไม่หวั่นกลัว”

ท่านเมี่ยวเสวียนถอนใจเบาๆ “ในรังล่มๆ จะไปมีไข่เต็มฟองได้อย่างไร แม้เป็นความแค้นใหญ่เท่าฟ้า ค่อยสะสางกันทีหลังไม่ได้หรือไร”

ท่านเซิ่นปิดม้วนหนังสือในมือ แววตาแจ่มกระจ่างเอ่ยว่า “เพราะพวกเขารีบน่ะสิ หากไม่ถือโอกาสตอนนี้จัดการเด็กคนนี้ ภายหน้า… เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกสักเท่าไรแล้ว”

ท่านเมี่ยวเซวียนตะลึง ทันใดนั้นก็แจ้งแก่ใจขึ้นมา พยักหน้าเอ่ยว่า “เป็นเช่นนี้เอง”

หลินสวินตอนนี้เหมือนเป็นบุคคลที่แทบจะไร้ศัตรูในหมู่ผู้มีระดับต่ำว่าอริยะแล้ว!

รากฐานพลังของเขาแข็งแกร่ง พรสวรรค์เลิศล้ำเกินธรรมดา ตัวคนเดียวก็สามารถส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของใต้หล้า สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันในดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นต่างสิ้นหวังได้

ด้วยคุณสมบัติของหลินสวินในตอนนี้ หลังเข้าไปในสมรภูมิเก้าดินแดนแล้ว หากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันต้องบรรลุมกุฎอริยะแน่

ระดับมกุฎอริยะ!

ความหมายที่คำเพียงไม่กี่คำนี้เผยออกมา ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอริยะในดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นต่างอกสั่นขวัญแขวน

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยรากฐานพลังและพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาในตอนนี้ ต่อให้บรรลุมกุฎอริยะก็ต้องไม่ใช่อริยะขอบเขตมกุฎทั่วๆ ไป!

ถึงตอนนั้นในสำนักโบราณในดินแดนรกร้างโบราณแต่ละแห่ง ใครจะกล้าต่อกรกับหลินสวินอย่างตอนนี้

“ถ้าตอนนี้ฆ่าหลินสวินไม่ได้ รอเขากลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดน สำนักโบราณเหล่านี้ก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว”

ท่านเซิ่นเอ่ยปากเรียบเฉย “หากภายหน้าไม่อยากถูกหลินสวินคิดบัญชีย้อนหลัง พวกเขาก็ทำได้เพียงคว้าโอกาสสุดท้ายนี้ทุ่มหมดหน้าตัก”

ท่านเมี่ยวเสวียนถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง ฉับพลันคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้เอ่ยว่า “ศิษย์พี่คิดว่าเด็กคนนี้มีหวังจะกลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดนมากเพียงไหน”

ท่านเซิ่นนิ่งคิดแล้วเอ่ยว่า “พูดยาก แต่ที่แน่ใจได้ก็คือหากเด็กคนนี้รอดกลับมาจากสมรภูมิเก้าดินแดน ยามเขากลับมา มองไปทั้งดินแดนรกร้างโบราณ เกรงว่าอริยะยังทำได้เพียงก้มหัวให้เขา”

ท่านเมี่ยวเซวียนดวงตานิ่งขึง

เขาเอาพู่กันวสันตสารทกับหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ออกมา คิดจะจดบันทึก

ท่านเซิ่นกล่าวอย่างจนใจว่า “เรื่องพวกนี้อย่าบันทึกเลย เป็นเพียงการพูดคุยเรื่อยเปื่อยระหว่างข้ากับเจ้าเท่านั้น”

ท่านเมี่ยวเซวียนคิดๆ แล้วก็เก็บหนังสือและพู่กัน เอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ จะไม่เกิดเรื่องกับเด็กคนนี้ระหว่างทางจริงๆ ใช่ไหม”

ท่านเซิ่นยิ้มขึ้นมา ชูมือขึ้นนับนิ้วแล้วเอ่ยว่า “เฒ่ากระบี่เมา เยวี่ยอู๋เทียน เยี่ยจิ่วเซียว เซี่ยวปู้กุย เหวยฉางอวิ๋น…”

ครู่เดียวเขาก็ท่องชื่อออกมาชุดใหญ่แล้วจึงเอ่ยว่า “มีเจ้าเฒ่ามากมายขนาดนี้ร่วมกันลงมือ เด็กคนนี้ต่อให้เป็นขนร่วงไปสักเส้นยังยากเลย”

ท่านเมี่ยวเซวียนก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้แล้ว

เขารู้ว่าทั้งหมดนี้ต่างเป็นสิ่งที่ศิษย์พี่ของตนจัดการ

หลังจากการประลองที่นครหยกขาวครั้งนั้นปิดฉากลง ศิษย์พี่ก็เหมือนจะคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จึงวางทางหนีทีไล่ไว้มากมาย

ท่านเมี่ยวเซวียนเอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ คำถามสุดท้าย เหตุใดท่านถึงให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้นัก”

ท่านเซิ่นนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่แล้วจึงพูดว่า “ในสมรภูมิเก้าดินแดน ถ้าจะมีความหวังสักนิดที่จะพลิกความพ่ายแพ้ของดินแดนรกร้างโบราณได้ เช่นนั้นความหวังน้อยนิดนี้ก็อยู่ที่เด็กคนนั้น”

ท่านเมี่ยวเซวียนอึ้งไป จิตใจสั่นสะท้าน

……

หลายวันผ่านไป

ทะเลหมากดาราอันไพศาลมีหมอกหนาแน่น เกาะแต่ละเกาะดุจดั่งดวงดาวกระจัดกระจายบนผิวน้ำ ปรากฏขึ้นชัดบ้างไม่ชัดบ้างกลางสายหมอก

หลังมาถึงที่นี่จิตใจเคร่งเครียดของหลินสวินก็ผ่อนคลายลง หันไปมองทางที่มา ที่นั่นทั้งสี่ทิศไร้ผู้คน

แต่หลินสวินกลับกุมมือเอ่ยด้วยสีหน้ายำเกรง “ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่านที่มาส่งตลอดทาง บุญคุณใหญ่หลวงนี้หลินสวินจะจารึกไว้ในใจไม่ลืมเลือนชั่วนิรันดร์”

พูดจบรอบทิศเวิ้งว้าง ไม่มีคนตอบกลับ

หลินสวินยิ้มแล้วหันตัวมุ่งหน้าไปทะเลหมากดารา

ในที่ลับที่หลินสวินไม่สามารถสังเกตเห็น ชายชราผู้หนึ่งปรารภกับตัวเอง “การเคลื่อนไหวของพวกเราคราวนี้ ก็ถือว่าเป็นการผูกกรรมดีกับสรรพชีวิตในดินแดนรกร้างโบราณ คุณชายรักษาตัวด้วย”

กระทั่งมองส่งหลินสวินเข้าไปในทะเลหมากดารา เงาร่างชายชราก็หลอมเข้าไปในห้วงอากาศแล้วหายลับอย่างรวดเร็ว

“ล้มเหลวแล้ว?”

วันนี้เหล่าขุมอำนาจที่เคยผูกแค้นกับหลินสวินอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เผ่าอีกาทอง สำนักยุทธ์นครนิล ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต่างรู้ข่าวว่าหลินสวินกลับสู่ทะเลหมากดาราอย่างปลอดภัยแล้ว

ชั่วขณะเดียวคนใหญ่คนโตในขุมอำนาจเหล่านี้ไม่รู้เท่าไรต่างเดือดดาลกับเรื่องนี้

“จบกัน ภายหน้าคิดจะฆ่าเจ้าเด็กนี่ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว”

มีคนทอดถอนใจ

“หวังให้เด็กนี่ตายในสมรภูมิเก้าดินแดนจะดีที่สุด หาไม่ถ้าปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ ภายหน้า… ใครจะไปคุมมันได้”

มีคนทุกข์ใจ

เรื่องเหล่านี้ต่างเกิดขึ้นในที่ลับ สรรพชีวิตในใต้หล้าแทบไม่สังเกตเห็น แต่สำหรับขุมอำนาจโบราณเหล่านั้นแล้ว กลับรู้อยู่เต็มอกว่าการเคลื่อนไหวที่หมายใจให้หลินสวินตายเหล่านั้น ได้ล้มเหลวลงอีกครั้งแล้ว

……

หลังจากกลับมาที่ทะเลหมากดารา หลินสวินก็เริ่มฝึกตน

เจ้าคางคกยังคงปิดด่าน หลินสวินไม่คิดจะไปรบกวนเขา เพียงแต่ในใจออกจะกังวล ทั้งไม่รู้ว่าเมื่อไรจ้าวจิ่งเซวียนถึงจะกลับมารวมตัวกับพวกเขา

ในวันต่อๆ มา หลินสวินขัดเกลาพลังปราณไปพลางอนุมานมรรควิถีของตนด้วยมรรคแห่งหินสลัก

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ข้างกายเขามีรูปปั้นหินชิ้นแล้วชิ้นเล่ากองพูนขึ้นช้าๆ

หินสลักเหล่านี้ล้วนเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เต็มไปด้วยท่วงทำนองเทพมหามรรคยากบรรยาย แต่ละชิ้นล้วนถือเป็นสิ่งที่แปลงมาจากมรรควิถีของหลินสวินเอง

รูปปั้นหินสลักก็เหมือนการประกอบสร้างมรรควิถีใหม่ จดจ่อกับการหยั่งรู้มหามรรคครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นกลิ่นอายที่รูปปั้นหินแต่ละชิ้นแสดงออกมาจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ในกระบวนการนี้ แม้ระดับของหลินสวินยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความเข้าใจต่อมหามรรคกลับตกตะกอนถึงที่สุด

การตกตะกอนเช่นนี้ยิ่งสะสมจนหนักแน่น ยามปะทุออกมา การยกระดับที่เกิดขึ้นก็ยิ่งน่าตื่นตะลึง!

สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือรูปปั้นหินแต่ละชิ้นต่างขาดดวงตาทั้งสองไปเท่านั้น

ดวงตาคู่นั้นก็คือจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคบรรลุอริยะ

พูดง่ายๆ ก็คือระหว่างการเสาะแสวงในมรรคาอมตะ หลินสวินได้บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้เพียงขาดจุดเปลี่ยน

จุดเปลี่ยนที่จะบรรลุมกุฎอริยะ!

……

สามเดือนผ่านไป มีข่าวกระจายออกมาว่าองค์ชายเซ่าเฮ่าชักนำเคราะห์มรรคบรรลุอริยะ อสนีเทพพิฆาตเก้าชั้นฟ้า เมฆเคราะห์ทลายหมื่นลี้ บรรลุระดับมกุฎอริยะ

เมื่อข่าวนี้ออกมา ใต้หล้าอึกทึกครึกโครม ทำให้ทั้งดินแดนรกร้างโบราณตกอยู่ในความตื่นตะลึง

พูดได้ว่าตั้งแต่สามด่านเคราะห์ต้องห้ามมาเยือนดินแดนรกร้างโบราณ ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมานี้ องค์ชายเซ่าเฮ่าเป็นคนเดียวที่บรรลุมกุฎอริยะ!

เรื่องใหญ่ปานนี้ใครจะไม่สนใจ

เมื่อเทียบกับคลื่นแห่งความวุ่นวายที่หลินสวินสร้างขึ้นตอนเอาชนะศัตรูที่นครหยกขาวเมื่อสามเดือนก่อนแล้ว เหตุการณ์บรรลุมกุฎอริยะครั้งนี้ขององค์ชายเซ่าเฮ่าสะเทือนเลื่อนลั่นยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“ฮ่าๆ ขอเพียงมีเหล่าคนที่เป็นบรรลุมกุฎอริยะ ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ ดินแดนรกร้างโบราณของเราก็ถือว่าพอเห็นความหวังแล้ว”

ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรกำลังโห่ร้องยินดี

องค์ชายเซ่าเฮ่าก็กลายเป็นสุริยันโชติช่วงอันเป็นที่จับตามองของใต้หล้าในชั่วขณะเดียว พลานุภาพเหลือประมาณ

ผู้มีระดับต่ำกว่าอริยะต่างเหมือนมดตัวจ้อย

เทียบกับมรรคาอมตะแล้ว ระดับอริยะเป็นสิ่งที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง องค์ชายเซ่าเฮ่าบรรลุอริยะในคราวเดียว เท่ากับพุ่งสูงเหนือผู้มีขอบเขตมกุฎทั้งปวง ไม่เหมือนผู้อื่นโดยสมบูรณ์แล้ว

แต่ไม่ทันให้ความอึกทึกครึกโครมที่องค์ชายเซ่าเฮ่าก่อให้เกิดขึ้นสงบลง ไม่นานนักก็มีข่าวแว่วว่าเทพธิดารั่วอู่ ลูกหลานเผ่าวิหคชาดก่อให้เกิดมหาเคราะห์บรรลุอริยะ เลื่อนระดับเป็นมกุฎอริยะ!

ชั่วขณะเดียว ทั้งดินแดนรกร้างโบราณต่างฮือฮาขึ้นมาเสียแล้ว

ท่ามกลางภูมิหลังใหญ่ที่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนกำลังจะมาถึง บุคคลแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่บรรลุระดับมกุฎอริยะตามมา จะไม่ทำให้ผู้อื่นตื่นเต้นได้อย่างไร

“คนที่สองแล้ว!”

สำนักโบราณหลายแห่งต่างทอดถอนใจ รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ในโลกหล้าครั้งนี้ ดินแดนรกร้างโบราณต่างจากแต่ก่อนแล้ว

นี่ทำให้ทุกคนตั้งตาคอยอย่างห้ามไม่อยู่ หลังการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้มาเยือน ดินแดนรกร้างโบราณจะชะล้างคำเหยียดหยาม เปลี่ยนจุดจบที่ต้องพ่ายแพ้แน่นอนอย่างแต่ก่อนได้หรือไม่

“ก็ไม่รู้ว่าเทพมารหลินจะเลื่อนระดับบรรลุมกุฎอริยะเมื่อไร”

หลายคนต่างนึกถึงหลินสวิน

เพราะว่าด้วยรากฐานพลัง พลังต่อสู้ พรสวรรค์ หลินสวินไม่ได้ด้อยกว่าองค์ชายเซ่าเฮ่าหรือเทพธิดารั่วอู่แต่อย่างใด

ที่ทำให้พวกเขาเสียดายก็คือ ในช่วงเวลาต่อมาก็ไม่มีใครบรรลุมกุฎอริยะ หลินสวินก็ย่อมไม่เป็นข้อยกเว้น

“แต่ก่อนในระดับเดียวกันเทพมารหลินโดดเด่นเป็นสง่าเพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้กลับมีองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่เป็นสองผู้กล้าแห่งยุคเคียงกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ”

“ถึงอย่างไรหลินสวินกับพวกเขาต่างกันหนึ่งระดับใหญ่ ก็กลายเป็นต่างกันราวฟ้ากับเหวไปแล้ว ไม่อาจยกขึ้นมาพูดถึงด้วยกันได้อีก”

“เป็นเช่นนี้จริงๆ หลังการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเริ่มขึ้น ดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราก็ต้องมีองค์ชายเซ่าเฮ่าและเทพธิดารั่วอู่เป็นหัวเรือใหญ่”

การวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนี้ดำเนินไปในพื้นที่ต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณ

ทว่าสำหรับหลินสวินกลับไม่มีผลกระทบสักนิด เพราะเขาปิดด่านฝึกตนอยู่ที่ทะเลหมากดารา แทบจะตัดขาดจากโลก ย่อมไม่รู้ข่าวคราวพวกนี้

กาลเวลาเคลื่อนคล้อย โดยไม่ทันตั้งตัวก็ผ่านไปแล้วหนึ่งปีหลังจากกลับไปฝึกตนที่ทะเลหมากดารา

ในช่วงหนึ่งปีเกิดเรื่องใหญ่มากมายในดินแดนรกร้างโบราณ

เช่นสำนักโบราณแต่ละแห่งเริ่มสะสมกำลังพล เตรียมตัวเพื่อการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่กำลังจะมาเยือน

หรืออย่างเช่นมีบุคคลขอบเขตมกุฎล้มเหลวในการตีฝ่าเคราะห์ระดับอริยะ ร่างตายมรรคสลาย ก่อให้เกิดเสียงทอดถอนใจไม่รู้เท่าไร

วันนี้

หลินสวินอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง กำลังสลักรูปปั้นหินชิ้นหนึ่ง สีหน้าผ่อนคลายเรื่อยเฉื่อย มีดสลักถูกเขาหยิบจับดั่งใจ เริงระบำบินวน

ทันใดนั้นเขาครุ่นคิดในใจ เงยหน้าขึ้นฉับพลัน มองไปยังชายฝั่งทะเลหมากดาราที่อยู่ไกลออกไป

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset