Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1499 ของเหลวสีทอง

ซ่า!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่งเมฆสีเขียวราวแสงทอโบยบินขึ้นไป สานกันไปทั่วห้วงอากาศ แปรสภาพเป็นกระบวนผนึกลายมรรคกระบวนหนึ่ง ปกคลุมบริเวณที่ตนอยู่เอาไว้

ทันใดนั้นก็ทำให้ตัวเขาลับตาไปด้วย แม้แต่กลิ่นอายยังถูกบดบัง

นี่เป็น ‘กระบวนผนึกเก็บปราณ’ ตอนมุ่งหน้ามาหลินสวินยังได้มอบจานกระบวนให้พวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่ และนกทมิฬคนละชุด

เพียงเรียกออกมาก็สามารถปิดบังกลิ่นอายได้ เว้นแต่พบกับผู้มีวิชาลับเสาะหาพิเศษ หรือไม่ก็ผู้มีระดับมกุฎอริยะ หาไม่แล้วคู่ต่อสู้อื่นย่อมสังเกตร่องรอยไม่ได้สักนิด

พอทำทุกอย่างนี้เสร็จ หลินสวินยื่นมือออกมาพลิกครั้งหนึ่ง ในห้วงอากาศก็มีป้ายคำสั่งเพิ่มขึ้นชิ้นแล้วชิ้นเล่า

สองชิ้นเป็นป้ายคำสั่งเซียนเหิน สามารถเก็บสะสมชะตามรรคผลงานรบ เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน

ชิ้นหนึ่งเป็นป้ายคำสั่งรกร้างโบราณ มอบให้โดยข้ารับใช้วิญญาณ ถ่ายเจตจำนงของตนไว้ภายใน ยามการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสิ้นสุดลง สามารถอาศัยป้ายคำสั่งนี้เคลื่อนย้ายกลับไปยังดินแดนรกร้างโบราณ

ในขณะเดียวกันป้ายคำสั่งรกร้างโบราณยังมีประโยชน์เก็บสะสมผลงานรบ สามารถนำมาใช้แลกเปลี่ยนโชควาสนามหามรรคได้

ชิ้นหนึ่งเป็นยันต์ปักวิญญาณ พวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่ และนกทมิฬก็มีอยู่คนละชิ้น หากใช้พลังวิญญาณกระตุ้นยันต์นี้ จะสามารถรับรู้ถึงตำแหน่งที่คนอื่นอยู่ได้คร่าวๆ

หลินสวินเก็บป้ายคำสั่งเซียนเหิน ป้ายคำสั่งรกร้างโบราณไว้อย่างดีทีละอัน จากนั้นจึงถือยันต์ปักวิญญาณไว้ในฝ่ามือ แล้วกระตุ้นเงียบๆ

วิ้ง!

ลวดลายห้าแฉกอันหนึ่งฉายขึ้นบนยันต์ปักวิญญาณ ส่องแสงเจิดจ้า แต่ละแฉกแทนตำแหน่งของคนผู้หนึ่ง

เมื่อตำแหน่งของอีกฝ่ายเคลื่อนย้าย แฉกทุกแฉกบนลวดลายจะเกิดความเปลี่ยนแปลง

แต่เพียงครู่เดียวหลินสวินก็สีหน้าหดหู่

ยันต์ปักวิญญาณเสื่อมฤทธิ์เสียแล้ว ไม่อาจสืบหาตำแหน่งของพวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่ และนกทมิฬได้!

‘ไม่ใช่เพราะพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดินของสมรภูมิเก้าดินแดนรบกวน ก็เป็นเพราะตำแหน่งที่ข้าอยู่ตอนนี้ห่างจากพวกเขาเกินไป…’

หลินสวินคาดการณ์แล้วเก็บยันต์ปักวิญญาณลง

สวบ!

จากนั้นหลินสวินก็กางแผนที่ที่หยาบถึงที่สุดฉบับหนึ่งออก

นี่เป็นแผนที่การกระจายตัวของพื้นที่ในสมรภูมิเก้าดินแดน เป็นฝีมือของจ้าวจิ่งเซวียน

ในอดีตกาลเคยมีการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนปะทุขึ้นสองครั้ง ดังนั้นคิดจะเข้าใจการกระจายตัวของพื้นที่ในสมรภูมิเก้าดินแดนบ้างก็ไม่ใช่เรื่องยาก

บนแผนที่ปรากฏกรอบตัวอักษรรูปบ่อน้ำ (井) มองเป็นตารางเก้าช่องได้เช่นกัน

เก้าดินแดนใหญ่ อาณาเขตของอีกแปดดินแดนตั้งอยู่ตามแปดทิศบนแผนที่มาโดยตลอด

เช่น อาณาเขตของดินแดนโบราณต้าหลัวตั้งอยู่ทิศเหนือ เป็นตำแหน่ง ‘วังทักษิณ’ ในเก้าวัง

ในสมรภูมิเก้าดินแดนกลับถูกเรียกว่า ‘โลกต้าหลัว’ แทนอาณาเขตของดินแดนโบราณต้าหลัว

ในโลกต้าหลัวสร้าง ‘เมืองอารักษ์มรรค’ ไว้ และก็เป็นค่ายทัพใหญ่ที่ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณต้าหลัวรวมตัวอยู่

หรืออย่างดินแดนโบราณมารโลหิต ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในตำแหน่ง ‘วังหรดี’ ในเก้าวัง ถูกขนานนามว่าโลกมารโลหิต แทนอาณาเขตของดินแดนโบราณมารโลหิต

รูปแบบของดินแดนอื่นก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน

ทุกครั้งที่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเริ่มขึ้น ผู้แข็งแกร่งจากค่ายทัพใหญ่แต่ละทัพที่ถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดนต่างมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของค่ายทัพตนทันที แล้วจึงรวมรวมกำลังพล ทำตามเป้าหมายร่วมกันในสงคราม

ส่วนดินแดนรกร้างโบราณตั้งอยู่ตรงกลาง!

ที่นี่เป็น ‘วังกลาง’ ในสมรภูมิเก้าดินแดน ถูกมองเป็นจุดศูนย์กลางของสมรภูมิ ดูที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เหมือนเป็นสถานที่ที่ได้เปรียบเป็นอย่างยิ่ง

แต่ในแปดทิศล้อมรอบ ‘วังกลาง’ ล้วนเป็นขุมอำนาจศัตรูต่างดินแดน เหมือนกับซุ่มโจมตีอยู่แปดทิศ กักอาณาเขตดินแดนรกร้างโบราณไว้ตรงกลางอย่างแน่นหนา!

เพียงแค่ตำแหน่งของค่ายทัพเช่นนี้ ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนแล้ว

ซุ่มโจมตีแปดด้าน เท่ากับรับศัตรูแปดด้าน!

ดังนั้นหลังสมรภูมิเก้าดินแดนครั้งนี้เริ่มขึ้น ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณต่างแทบไม่เลือกไปยัง ‘ดินแดนรกร้างโบราณ’ ที่อยู่ใจกลางสมรภูมิ ต่างจากผู้แข็งแกร่งจากแปดดินแดนอื่น

ใครก็รู้ดีว่าศัตรูภายนอกจากแปดดินแดนมีความร่วมมือ ‘ตัดรกร้างโบราณก่อน ค่อยประชันสูงต่ำ’ กันอยู่ก่อนแล้ว หากผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณปรากฏตัวในโลกรกร้างโบราณ ต้องกลายเป็นเป้าที่ทุกคนเพ่งเล็งแน่

หลินสวินก็รู้ดีว่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดนมาคราวนี้ ทางเลือกแรกไม่ใช่การสังหารศัตรู

แต่เป็นการซ่อนตัว!

กำลังพลกระจายตัวถึงหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแปดดินแดนอื่นร่วมกันกำจัด

อีกทั้งหนีพ้นจนกว่าจะบรรลุมกุฎอริยะได้จะดีที่สุด ถึงตอนนั้นจึงอาจจะมีความสามารถมางัดข้อกับแปดดินแดนอื่นได้

การเลือกเช่นนี้ย่อมน่าคับข้องใจ แต่นี่ก็คือความเป็นจริง

ในสมรภูมิเก้าดินแดน หน้าตาและเกียรติยศไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว จะมีชีวิตรอดได้หรือไม่ต่างหากถึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงรูปแบบพื้นที่คร่าวๆ ของสมรภูมิเก้าดินแดน

สมรภูมิเก้าดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลถึงที่สุด แต่ละพื้นที่เหมือนแผ่นดินใหญ่ไพศาลแถบหนึ่ง ในผืนดินแห่งนี้ยังมีสิ่งที่เป็นอันตรายมากมายกระจายอยู่ด้วย

เช่นรอยแยกห้วงอากาศ บึงหมอกพิฆาต กระแสแสงโลหิตเป็นต้น เต็มไปด้วยความพิสดารและสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ได้

นอกจากนี้ยังมีพิภพแดนลับมากมายประหนึ่งฟองอากาศประดับตามพื้นที่ต่างๆ ในสมรภูมิเก้าดินแดน

พิภพแดนลับบางแห่ง ต่อให้อริยะเข้ามาก็มีแต่ตายอยู่ดี

แต่พิภพแดนลับบางแห่งกลับมีศุภโชคสะท้านโลกยากจินตนาการได้อยู่…

เพียงดูแผนที่หยาบๆ ในมือหลินสวินก็นิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ ที่ที่เขาอยู่เป็นพื้นที่ทะเลทรายสีเลือดแห่งหนึ่ง ไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าอยู่ที่ไหน

‘ช่างเถอะ ตอนนี้ทำได้เพียงประเมินสถานการณ์ เคลื่อนไหวตามโอกาสแล้ว’

ครุ่นคิดครู่ใหญ่ หลินสวินสะบัดแขนเสื้อถอนกระบวนผนึกลายมรรคออก เงาร่างไหวเคลื่อนออกไปไกล

สวบ!

ชั่วพริบตาตัวเขาเหมือนหายไปในความว่างเปล่า ไอซวนหนีที่ปกคลุมทั้งกายทำให้กลิ่นอายทั้งตัวเขาถูกบดบัง

การเคลื่อนไหวของหลินสวินไม่ได้ว่องไว ไม่ได้ท่องไปอากาศ เพราะสูงขึ้นไปหมื่นจั้งมีไอพิฆาตปกฟ้า หากบินท่องในนั้น แม้แต่อริยะยังถูกพัดจนขวัญกระเจิง

อีกทั้งเพราะพลังจิตรับรู้ครอบคลุมเพียงหนึ่งพันกว่าจั้ง ถ้าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ทันทีที่พบกับเรื่องไม่คาดฝันย่อมถูกเล่นงานโดยที่รับมือไม่ทัน

หลินสวินกล้าแน่ใจ ว่าต่อให้เป็นอริยะก็ไม่กล้าใช้วิชาเคลื่อนที่ผ่านห้วงอากาศในสมรภูมิเก้าดินแดนส่งเดช

เพราะไม่แน่ว่าหากมีรอยแยกห้วงอากาศปรากฏขึ้นสักรอย คงสามารถกลืนกินเขาได้!

……

เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา

สุดเขตทะเลทรายสีเลือด ป่าสีดำคล้ายต่อเนื่องไม่ขาดสายแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น ห้วงอากาศเหนือป่ามีแสงเลือดเข้มข้นหาใดเทียบ พิสดารน่าสะอิดสะเอียนปกคลุมอยู่

หลินสวินมองดูรอบทิศ แค่เห็นบรรยากาศก็ทำให้ใจเขาหวาดผวาขึ้นมาระลอกหนึ่ง

ป่าแห่งนี้ปกคลุมอยู่กลางฟ้าดิน เก่าแก่วิเวกวังเวง มีกลิ่นอายคาวเลือดพิสดารแผ่กระจายออกมา ถึงกับมีกลิ่นน่าสะพรึงกลัวอันดุร้าย

ราวกับที่นั่นไม่ใช่ป่า แต่เป็นดินแดนแห่งความตาย!

พบป่าอย่าเข้า

ความหมายของคำพูดนี้คือ หากพบกับพื้นที่ป่าต้องระวังภยันตรายและการซุ่มโจมตีภายในนั้น

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ป่าสีดำพิสดารตรงหน้านี้กลับถูกตนใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

อย่างน้อยหลังจากเข้าไปในนั้น ต่อให้พบกับศัตรูที่ไม่อาจต้านทานได้ ก็อาจจะมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดมากมายให้เลือกได้

นิ่งคิดครู่หนึ่ง หลินสวินก็ไม่ลังเลพุ่งวาบเข้าไปในนั้น

ในป่าดำมืด ไม้โบราณสูงใหญ่เทียมฟ้า มืดครึ้มและอากาศชื้น ใบไม้เน่าบนพื้นกองสุมหนา เถาวัลย์ที่หนาเท่าถังน้ำเถาแล้วเถาเล่าพันอยู่บนกิ่งก้านต้นไม้ ประหนึ่งอสรพิษใหญ่ยักษ์ตัวแล้วตัวเล่านอนหมอบอยู่ตรงนั้น

หลินสวินเคลื่อนไหวในป่า เปลี่ยนเป็นรอบคอบหาใดเทียบ

เปรี๊ยะ!

หนึ่งเค่อผ่านไป เมื่อเดินทางมาได้หลายสิบลี้ ในจิตรับรู้ของหลินสวินพลันจับเสียงคล้ายกิ่งไม้หักได้ระลอกหนึ่ง

หลินสวินหรี่ตาลง ในป่าแปลกประหลาดเงียบวิเวกนี้ จู่ๆ เกิดความเคลื่อนไหวอย่างนี้ ต่อให้เล็กจ้อยถึงที่สุดก็ดูผิดปกติมากแล้ว

เขาครุ่นคิดเล็กน้อยค่อยเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบไปยังต้นเสียงที่แว่วมา

ผ่านไปครู่สั้นๆ เงาร่างหลินสวินไหววูบ เคลื่อนมาอยู่ในส่วนลึกของกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอย่างเงียบงัน พอหลับตาลงจิตรับรู้ก็ทะลุผ่านใบไม้กิ่งก้านชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างระมัดระวัง ออกสืบเสาะในบริเวณที่ไกลออกไป

ไม่นานนักเขาก็ ‘เห็น’ เงาร่างร่างหนึ่ง

นั่นเป็นผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์เหมือนเด็กสาวคนหนึ่ง ผมแดงทั้งศีรษะ ใบหน้าเย็นชาดุดัน สีหน้าระแวดระวัง สวมชุดทหารหนังสัตว์ทั้งตัว

นางมีผมยาวสีเขียวน้ำหมึก ที่ใต้เอวลงมาเป็นหางงูที่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีทอง ราวกับเป็นคนครึ่งงู

ในสมองหลินสวินพลันมีข้อมูลบางอย่างปรากฏขึ้น เผ่างูมารทองคำ หนึ่งในสิบเผ่าใหญ่ของดินแดนโบราณมารโลหิต

เผ่านี้เชี่ยวชาญการจู่โจมจิตวิญญาณ ทั้งชื่นชอบการกลืนกินและหลอมจิตวิญญาณของศัตรูมาเพิ่มพูนพลังปราณของตน ดังนั้นจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ผู้กระหายวิญญาณ’

ไม่ต้องสงสัยว่าผู้หญิงชุดทหารที่รูปลักษณ์เหมือนเด็กสาวคนนั้นก็คือลูกหลานของเผ่างูมารทองคำ!

ตอนนี้เด็กสาวชุดทหารกำลังนั่งยองซุ่มอยู่ที่รากต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอย่างระแวงระไว มือจับดาบกระดูกขาวรูปร่างหยาบกระด้าง ตัดรากฝอยหนาเท่าหัวแม่โป้งเส้นหนึ่งของรากต้นไม้ใหญ่นั้นเบาๆ

นางดูตั้งใจจดจ่อนัก สีหน้าเคร่งเครียดถึงที่สุด ท่าทางเหมือนมีมหาศัตรูมาเยือน

ไม่นานนักรากฝอยเส้นหนึ่งก็ถูกตัดขาดลงมา ตรงรอยตัดรากฝอยมีของเหลวสีทองหยดแล้วหยดเล่าหลั่งออกมา ถูกเด็กสาวชุดทหารเก็บเข้าไปในขวดหยกมันแพะขวดหนึ่ง

เด็กสาวชุดทหารถอนหายใจราวยกภูเขาออกจากอก ลุกขึ้นยืนแล้วหันกายจากไป

ไม่นานนักนางก็หาเป้าหมายพบอีก นั่นคือต้นไม้โบราณที่กิ่งก้านโล้นเตียนคล้ายมังกรขดตัวต้นหนึ่ง

สิ่งที่ต่างจากต้นไม้โบราณต้นอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กันก็คือต้นไม้ต้นนี้เปลือกไม้แตกระแหง ลำต้นเหมือนหล่อขึ้นจากสำริดเหลว มีประกายเหมือนโลหะ

เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เด็กสาวนั่งยองลงไปอีกครั้ง นำดาบกระดูกขาวออกมาตัดไปที่รากฝอยรากหนึ่งในนั้นอย่างระแวดระวัง

ตั้งแต่เริ่มจนจบ นางไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องนางอยู่ในที่ลับมาตลอด

ไม่นานนักเด็กสาวชุดทหารก็เก็บสะสมของเหวสีทองหยดแล้วหยดเล่าอีกครั้ง นี่ทำให้มุมปากของนางเผยรอยยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

ต่อมาเด็กสาวชุดทหารก็ลอบเดินทางไปในป่าแห่งนี้ จดจ่อกับการเลือกต้นไม้โบราณที่มีกิ่งก้านเหมือนหล่อขึ้นจากสำริด แล้วเก็บเอาของเหลวสีทองลึกลับนั้น

ในที่ลับหลินสวินติดตามนางเงียบๆ เหมือนเงาตามตัว ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายตกใจ

ในด้านความเข้าใจต่อสมรภูมิเก้าดินแดน แปดดินแดนอื่นนั้นชนะดินแดนรกร้างโบราณไปไกล พวกเขารู้จักสิ่งต่างๆ ในสมรภูมิเก้าดินแดนดี และรู้ดีว่าอะไรคือวาสนา อะไรคืออันตราย ของสิ่งไหนควรแตะต้อง ของสิ่งไหนถึงอย่างไรก็ห้ามแตะ

สาเหตุง่ายดายนัก ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน อีกแปดดินแดนเป็นผู้ได้รับชัยชนะ ข้อมูลเกี่ยวกับสมรภูมิเก้าดินแดนที่ครอบครองได้ล้วนถูกถ่ายทอดต่อโดยสมบูรณ์ ต่อให้กาลเวลาอันไร้สิ้นสุดผ่านผัน ผู้แข็งแกร่งรุ่นหลังก็ล่วงรู้และคุ้นเคยเป็นอย่างดี

ส่วนดินแดนรกร้างโบราณเพราะพ่ายแพ้ย่อยยับ บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน ที่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาจากสมรภูมิมีน้อยนิด

ย่อมไม่มีทางส่งต่อข้อมูลของการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนได้อย่างสมบูรณ์เหมือนอย่างแปดดินแดนอื่น

นี่ก็คือความห่างชั้น!

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset