“ถึงกับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยหรือ!”
ถูว่านคงนัยน์ตาหดรัด จากนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี “พลังหลอมกายของเขาก็ถึงกับเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะแล้ว!”
ไกลออกไปทั่วร่างหลินสวินเรืองแสง สายตาราวกับประกายอสนีเยียบเย็น ทุกอณูรูขุมขนบนผิวหนังล้วนสาดพรมแสงมรรคเก้าพิสุทธิ์ ดุจดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ปาน
และเมื่อเห็นภาพนี้ ในใจพวกเล่อเซวี่ยซิวก็หนักอึ้ง
พวกเขาล้วนบรรลุมกุฎอริยะแล้ว ความเข้าใจที่มีต่อศาสตร์หลอมกายนำหน้าคนอื่นๆ ไกลโข ต่างรู้ดีว่าผู้หลอมกายที่หมายจะเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ ยิ่งต้องลำบากและตรากตรำขึ้นไปอีก!
เหมือนอย่างในหมู่พวกเขาเจ็ดคน ก็มีแต่ถูว่านคงคนเดียวเท่านั้นที่เหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ
และทอดสายตามองทั่วแปดดินแดน ในหมู่มกุฎอริยะหนึ่งพันคน อย่างมากที่สุดก็มีพวกกายหยาบบรรลุอริยะเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ถูว่านคงโจมตีสุดกำลัง น่าสะพรึงแค่ไหน เดิมคิดว่าเพียงพอจะทำให้หลินสวินบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว
แต่ตอนนี้ดูท่า พวกเขาเดาผิดแล้ว!
กล่าวอีกในหนึ่งได้ว่าผิดตั้งแต่เริ่มแล้ว เพราะจนกระทั่งตอนนี้พวกเขาถึงตระหนักได้ว่า ในด้านการเคี่ยวกรำพลังหลอมกาย หลินสวินก็บรรลุขอบเขตมกุฎเช่นเดียวกัน!
ฟู่!
เมื่อเห็นว่าหลินสวินไม่เป็นไร เสี่ยวอิ๋นและรั่วอู่ต่างถอนหายใจโล่งอก
“พลังถือว่าไม่เลว แต่คิดจะทำให้ข้าบาดเจ็บ ฝึกอีกหมื่นปีก็ทำไม่ได้”
สายตาหลินสวินจับจ้องถูว่านคงที่อยู่ไกลๆ “ตอนนี้ ตาเจ้ารับหมัดข้าสักหมัดแล้ว!”
ตูม!
เขาสาวเท้าออกไป อาศัยเพียงพลังกายก็เคลื่อนย้ายผ่านอากาศ ชั่วอึดใจก็มาหยุดต่อหน้าถูว่านคง เงื้อหมัดโจมตี
พลังหมัดเจิดจ้าปลดปล่อยเสียงธรรมประหนึ่งคชสารมังกรแผดคำรามออกมา คล้ายหมายจะสยบกำราบธารดารา
มรดกแห่งจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ!
เพียงแต่กลับถูกหลินสวินใช้นัยเร้นลับของเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์สำแดงออกไป
ก็เห็นกลางฟ้าดินดุจดั่งถูกหมัดนี้อัดแน่น แสงมรรคน่าสะพรึงบีบคั้นจนห้วงอากาศละแวกใกล้เคียงล้วนระเบิดทรุดครืนทั้งอย่างนั้น
“แย่แล้ว!”
ถูว่านคงหน้าเปลี่ยนสี
ถึงเขาจะเป็นมกุฎอริยะหลอมกาย ทระนงตนผงาดกร้าวอย่างที่สุด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดนี้ของหลินสวิน กลับทำให้เขารู้สึกใจสั่นเนื้อกระตุก ขวัญหนีวิญญาณบิน!
“เปิด!”
เขาตะโกนลั่น ร่างกายที่ดุจดั่งหลอมขึ้นจากแสงศักดิ์สิทธิ์แผ่พลังทะยานฟ้า ปั่นป่วนเมฆลมแปดทิศ
ปึง!
ทั้งคู่ปะทะกัน แขนขวาของถูว่านคงตั้งแต่ฝ่ามือไปจนถึงเลือดเนื้อบริเวณแขนล้วนแตะระเบิด เลือดเนื้อเหลวเละ
ทั้งตัวถูกซัดสะเทือนลอยออกไป
เขากระอักเลือด สีหน้าหวาดผวา
เป็นมกุฎอริยะหลอมกายเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับพลังของหลินสวิน เขาถึงกับมีความรู้สึกเล็กจ้อยไร้ปัญญา ไม่อาจสั่นคลอนได้อย่างหนึ่ง
ตูม!
หลินสวินไม่ให้เวลาถูว่านคงครุ่นคิดสักนิด รุกสังหารเข้ามาแล้ว
ชั่วพริบตาหลินสวินโจมตีออกมาสามหมัด
หมัดแรก ร่างของถูว่านคงสั่นสะท้าน เลือดลมพลิกม้วน เลือดออกเจ็ดทวาร ถูกซัดจนเบื้องหน้าปรากฏดาวสีทอง
หมัดที่สอง ถูว่านคงถอยกรูดหลบเลี่ยง กลับถูกไล่ต้อนไม่ลดละ แขนสองข้างล้วนแตกระเบิด
หมัดที่สาม พลังหมัดน่าสะพรึงทำลายการป้องกันร่างกายของถูว่านคงอย่างสิ้นเชิง บาดแผลเหวอะหวะ เลือดเนื้อแหลกกระจุย กระดูกยังไม่รู้แตกหักไปกี่ท่อน
ตูม!
ร่างของเขาทรุดลงกับพื้น แต่ที่น่าพิศวงคือ เพียงไม่กี่อึดใจอาการบาดเจ็บทั่วตัวเขาก็กลับสู่สภาพปกติดังเดิม
มีเพียงสีหน้าซีดขาว และกลิ่นอายรวยรินที่ยืนยันว่าอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับก่อนหน้านี้สาหัสเพียงใด
นี่ก็คือผู้ที่ใช้กายหยาบบรรลุอริยะ!
บุคคลระดับนี้ เว้นแต่จะบดขยี้กำจัดเลือดเนื้อทุกอณูของพวกเขาให้หมดสิ้น หาไม่ ลำพังแค่เลือดหยดเดียวก็สามารถรอดชีวิตฟื้นคืนกลับมาได้
“ก็แค่นี้เท่านั้น”
หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น โบกแขนเสื้อดังพรึ่บคราหนึ่ง “ต่อไปข้าจะส่งเจ้าไปตาย!”
ตูม!
ค่ายกลกระบี่ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายก่อตัวกันขึ้นมา ปราณกระบี่แน่นขนัด หว่านครอบลงมา
ถูว่านคงขวัญผวาอย่างสิ้นเชิง
“รีบหยุดเขาเร็วเข้า!”
พวกเล่อเซวี่ยซิวเข้ามาช่วยเต็มกำลัง
ก่อนหน้านี้เดิมพวกเขาก็ล้อมกรอบโจมตีหลินสวินมาโดยตลอด เพียงแต่ความเร็วของหลินสวินเร็วเกินไป พลังที่ซัดหมัดโจมตีถูว่านคงน่าสะพรึงเกินไป ทำให้พวกเขาล้วนถูกกดข่ม
และตอนนี้พอเห็นถูว่านคงใกล้ยืนหยัดไม่ไหวเต็มที พวกเขาแต่ละคนต่างเริ่มทุ่มสุดชีวิตแล้ว
หากถูกโจมตีทีละคน วันนี้เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีใครรอดชีวิตออกไปได้!
ชิ้ง!
และขณะเดียวกันหลินสวินก็เรียกดาบหักออกมา
ดาบหักที่ขาวแวววาวดุจหิมะ งามวิจิตรดั่งมายากระวัดกรีดแสงเจิดจรัสสายหนึ่ง เคลื่อนขวางออกมากลางอากาศ เผยกลิ่นอายเข่นฆ่าพลิกฟ้า
และพลังหลอมจิตของหลินสวินก็ปะทุออกมาอย่างเต็มที่ในเวลานี้เช่นกัน
เคล็ดวิชาอักษรปฐม เคล็ดวิชาอักษรยอด เคล็ดวิชาอักษรสังหาร… พลังมรดกสามอย่างกระตุ้นดาบหักในพริบตา เข้าโจมตีศัตรูทั่วทิศ!
ปึงๆๆ!
ก็เห็นในที่นั้นดาบหักขยับไหวฟันฉับ แผ่กลิ่นอายเข่นฆ่าดุดันสะท้านฟ้า กวาดล้างการโจมตีทั้งหมดอย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะเป็นเล่อเซวี่ยซิว หรือมกุฎอริยะคนอื่นๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสีอีกระลอก พลังหลอมจิตของเจ้าหนูนี่ก็น่ากลัวขนาดนี้เชียวหรือ
ส่วนตัวหลินสวินเองกำลังควบคุมปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายเข้าสังหารถูว่านคง
พรูด!
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นร่างของถูว่านคงถูกกรีดเฉือนออกเป็นรอยแผลโชกเลือดนับไม่ถ้วน โลหิตสดไหลสาดราวกับน้ำตก
เขาร้องด้วยความเจ็บปวด ฮึดสู้ขัดขืน มกุฎอริยะหลอมกายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง กลับถูกปรารกระบี่พร่างพราวหนาแน่นปกคลุมเอาไว้ เหมือนสัตว์ร้ายในกรงขังก็ไม่ปาน!
อันที่จริงเดิมทีเขาก็ถูกพลังหมัดมากมายของหลินสวินกระหน่ำใส่จนบาดเจ็บสาหัสแล้ว ถึงแม้จะพึ่งพลังหลอมกายฟื้นคืนสภาพเดิม แต่อย่างไรก็ยังเจ็บหนัก หาใช่ร่างอมตะไม่ตายอย่างแท้จริง
“หากตัดขยี้ หลอมละลายเลือดเนื้อจิตวิญญาณของเจ้าจนหมด ไม่รู้ว่าจะยังฟื้นคืนชีพได้อีกหรือไม่”
สายตาหลินสวินเยียบเย็น
ขณะพูดความคิดเขาก็ขยับไหว พื้นผิวของปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายผุดระลอกคลื่นที่เป็นส่วนหนึ่งของมรรคดับดารากลืนกินสายแล้วสายเล่าออกมา
ทุกครั้งที่ร่างกายเลือดเนื้อของถูว่านคงถูกตัดขาด ก็จะประสบกับพลังดับสลายอันน่าสะพรึงเคี้ยวกลืนหลอมละลาย อันตรธานหายไป
ถูว่านคงส่งเสียงคำรามเจ็บปวดหาใดเปรียบออกมา เขาตระหนักถึงอันตรายได้อย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ว่าจะขัดขืนอย่างไรก็ล้วนไม่เป็นผล
หลินสวินคิดจะสังหารให้จงได้ มีหรือจะปล่อยให้เขาหนีรอดหลุดไปได้อีก
ก็เห็นถูว่านคงที่ถูกปิดครอบภายใต้ปราณกระบี่นับไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ร่างกายถูกตัดเฉือน ก็จะกลับคืนสภาพเดิม แต่ไม่นานก็ถูกตัดเฉือดอีกครั้ง…
วนเวียนเช่นนี้ สีหน้าเขายิ่งซีดขาวลงเรื่อยๆ สายตายิ่งหม่นแสงลงทุกที กลิ่นอายก็ยิ่งอ่อนแอลง
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ทุกครั้งที่ถูกตัดเฉือนร่าง ช่างเหมือนถูกแล่เนื้อเถือหนังอย่างทารุณ ทรมานจนถูว่านคงจวนจะพังทลาย
“ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้า!”
ถูว่านคงตกใจกลัวสุดขีด ส่งเสียงร้องคำรามดุจสัตว์ป่าดิบเถื่อนออกมา
ไกลออกไปพวกเล่อเซวี่ยซิวก็ร้อนใจดุจไฟเผา แต่กลับทำได้เพียงมองตาปริบๆ เพราะพลังโจมตีของพวกเขาถูกดาบหักขวางไว้จนหมดสิ้น!
ไม่ว่าจะสำแดงวิชามรรคมากมาย เรียกสมบัติอริยะมากเท่าไรออกมา ล้วนไม่สามารถบุกฝ่าออกไปได้!
“ช่วยข้าสิ…!”
สติของถูว่านคงเลือนราง รู้ว่าตนใกล้ยืนหยัดไม่ไหวแล้ว ก่อนสิ้นใจยังคงแผดเสียงคำรามอย่างไม่ยินยอมออกมา
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรอความช่วยเหลือได้ไหว
ตูม!
ค่ายกลกระบี่สามพันปิดครอบ ดับสังหารร่างของเขาอย่างสิ้นเชิง เลือดเนื้อล้วนถูกบดขยี้ดับสูญ ถูกกวาดล้างไปจากโลกอย่างหมดจด
เห็นเช่นนี้หลินสวินก็อดลอบทอดถอนใจกับตัวเองไม่ได้ มกุฎอริยะหลอมกาย… ฆ่าให้ตายยากจริงๆ!
ยังดีที่ถูว่านคงตายแล้ว!
หลินสวินเก็บปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายที่ดื่มเลือดศัตรูอิ่มแปล้ ทอดสายตามองไปทางพวกเล่อเซวี่ยซิว
บนเวิ้งฟ้าละอองเลือดดุจดั่งม่าน เสียงครวญโหยดังกึกก้อง ทำให้ฟ้าดินล้วนสะเทือน
“ถูว่านคงก็ตายแล้ว…”
เล่อเซวี่ยซิวหน้าเปลี่ยนสีอย่างที่สุด ริมฝีปากล้วนสั่นระริก ไร้ซึ่งความเยือกเย็นเหมือนแต่ก่อน
ก่อนหน้านี้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ เขาเหยียดหยันดูแคลนอย่างยิ่ง วางตัวสูงส่ง มองอีกฝ่ายเป็นแพะสองขา เหมือนสัตว์เดรัจฉานที่สามารถเข่นฆ่าได้ตามใจชอบ
แต่ตอนนี้เขาเองก็เริ่มใจฝ่อ ตกใจกลัวแล้ว!
ก่อนหน้านี้เป็นเสอไท่สิง ต่อมาเป็นถูว่านคง ล้วนร่วงหล่นอยู่ที่นี่ เป็นผลให้เกิดลักษณ์ประหลาดที่อริยะร่วงหล่น ใครบ้างจะไม่กลัว
“นายท่านของเจ้าจัดการคนที่ฆ่าได้ยากที่สุดไปแล้ว ต่อไป… ในหมู่เดรัจฉานเฒ่าพวกนี้ เกรงว่าคงไม่มีใครสักคนสามารถต้านพลังของเขาได้”
จิตใจรั่วอู่สะท้าน เอ่ยปากเนิบนาบ
เสี่ยวอิ๋นพยักหน้าหงึกๆ กล่าวด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง “รอก่อนเถอะ ข้าเองก็จะบรรลุมกุฎอริยะโดยเร็ววัน ตอนที่ข้าปลุกพรสวรรค์พิฆาตจิต ก็ต้องฆ่าเดรัจฉานเฒ่าพวกนี้ได้เหมือนฆ่าไก่เช่นเดียวกันนายท่าน!”
ตูม!
ตอนที่ทั้งคู่สนทนากัน หลินสวินที่อยูในลานสำแดงการเข่นฆ่า ไม่มัวรีรออีกต่อไปดังคาด
ความแข็งแกร่งปะทุออกมาแล้ว มกุฎอริยะห้าคนที่เหลือขอเพียงไม่โง่ ย่อมไม่มีทางเข้าสู้สุดกำลังเหมือนก่อนหน้านี้อีก หากแต่ขบคิดวิธีหนีเอาชีวิตรอดแทน
เวลานี้ต้องรีบสู้รีบจบ!
“ฟัน!”
อานุภาพหลินสวินดุจเจินหลงคืนสมุทร ดาบหักโฉบพุ่ง ปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายบุกโจมตีอีกครั้ง
และในเวลาเดียวกัน อาศัยความดุดันของพลังหลอมกาย ทำให้เขาเข้าโรมรันโจมตีประหนึ่งไม่หวาดกลัวสักนิด สามารถเคลื่อนขวางหวดกระแทกอย่างไม่กลัวเกรง
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินสวินยังไม่เกิดจิตสังหาร ก็กดข่มจนมกุฎอริยะพวกนี้โงหัวไม่ขึ้น นับประสาอะไรกับตอนนี้
ไม่นานพวกเล่อเซวี่ยซิวทั้งห้าคนล้วนถูกกดดันจนไม่อาจเงยหน้า แต่ละคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี บังเกิดความหวาดกลัวภายในใจ
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่พวกเขาผงาดกลายเป็นมกุฎอริยะ ล้วนไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่เย้ยฟ้าเช่นนี้มาก่อน ตัวคนเดียวก็ทำให้พวกเขาเหมือนถูกมัดมือ ไร้แรงปัดป้อง!
พรูด!
ไม่ทันไรดาบหักพริบไหว บั่นเฉือนศีรษะโชกเลือดหัวหนึ่ง
เป็นถูเยี่ยนเหวิน ในการต่อสู้ตอนแรกเขาเป็นคนแรกที่ลงมือกับหลินสวิน ผลคือถูกหลินสวินโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสอย่างง่ายดาย
สิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็นคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุด และถูกหลินสวินสังหารในเวลานี้!
ศีรษะของเขาลอยคว้างกลางอากาศ แววตาโกรธจัดเบิกกว้าง ยังคงเหมือนไม่อยากเชื่อ ส่วนร่างไร้หัวของเขาระเบิดกลางอากาศ ละอองเลือดพร่างพรม
มกุฎอริยะคนที่สาม สิ้นชีพ!
“คนต่อไป!”
หลินสวินไม่ได้หยุดพักสักนิด ขยับเคลื่อนกลางห้วงอากาศ สายตาจับจ้องเฟิงอวิ๋นเชวีย
คนผู้นี้สวมชุดนักพรตสีแดงโลหิต อันที่จริงเป็นบุคคลที่เหมือนเพชฌฆาตมาจากเผ่าผึ้งมารลายดำคนหนึ่ง ฝีมืออำมหิตถึงขีดสุด
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของหลินสวิน ในใจเฟิงอวิ๋นเชวียพลันสะท้าน จากนั้นก็ส่งเสียงคำรามลั่นออกมา “เจ้าสวะตัวจ้อย ไปตายซะ!”
ประทับใหญ่สีเลือดที่เก่าแก่อันหนึ่งทะยานอากาศ บนนั้นประทับแผนภาพมรรคนองเลือดที่ดุจดั่งนรกสิบแปดขุม มีภูเขาศพทะเลเลือด มีกระดูกขาวกองดุจภูผา มีสรรพชีวิตสูบเลือด…
ประทับฝังโลหิต!
ศาสตรามารอริยมรรคชิ้นหนึ่ง ชั่วร้ายและนองเลือด อานุภาพก็แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นกัน
หากไม่ใช่สู้สุดกำลัง เฟิงอวิ๋นเชวียก็คงทำใจเรียกสมบัติสูงสุดที่ถูกเขามองเป็นของรักของหวงชิ้นนี้ออกมาไม่ได้
หวิว…
กลางฟ้าดินลมยะเยือกโบกกระโชก ธารโลหิตเดือดปุดๆ เงาร่างที่ประดุจยักษ์นองเลือดตัวแล้วตัวเล่ากรูออกมาจากประทับฝังโลหิต
พริบตาเดียวฟ้าดินก็เหมือนแดนมารสีเลือดแห่งหนึ่ง!
ต่อให้เป็นหลินสวินนัยน์ตาก็ยังหดรัด นี่ต้องสังหารผู้แข็งแกร่งไปเท่าไหร่กัน จึงจะสามารถหลอมสมบัติชิ้นหนึ่งที่นองเลือดน่าสะพรึงขนาดนั้นได้
วู้ม!
ครู่ต่อมาหลินสวินพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดปรากฏ ตัวเจดีย์ดุจดั่งสร้างขึ้นจากกระจกแก้วทองเทพ คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายไม่เสื่อมคลาย
“ไป!”
เขายื่นมือออกไป เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดส่งเสียงก้องกระหึ่ม หมุนติ้วพุ่งออกไป
เพียงแค่ตัวเจดีย์สาดแสงมรรคทองนิลกาฬแถบหนึ่งออกมาเท่านั้น กลิ่นอายนองเลือดกลางฟ้าดินก็ถูกกวาดล้างไปจนเกลี้ยง!
——