หลินสวินที่บุกเคลื่อนเต็มกำลังจะแข็งแกร่งแค่ไหน
ครู่ต่อมาพวกองค์ชายเซ่าเฮ่าก็ได้เห็นกับตาแล้ว
สวบ!
ดาบหักเคลื่อนขวางโจมตี คมกริบกร้าวแกร่งประหนึ่งพลิกฟ้าห่อหุ้มด้วยแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์สีเงินแสบตา ดุจดั่งหิมะหนาเวิ้งว้างปิดครอบลงมา
ชายกลางคนที่บาดเจ็บสาหัสตั้งแต่แรกแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงทัดทานสักนิด ถูกท่วมมิดท่ามกลางกระแสของคมดาบอันลุกโชน
ร่างกายของเขาแตกระเบิด เลือดเนื้อล้วนถูกป่นแหลกระเหยหาย
พลังจิตของเขาพุ่งโฉบ ทว่าท่ามกลางเสียงร้องตกใจกลัวไร้ทางช่วยก็ถูกดาบหักที่พุ่งมาสังหาร กวาดล้างอย่างสิ้นเชิง
พร้อมกันนั้น อีกด้านหนึ่งค่ายกลกระบี่ที่รวมตัวขึ้นจากสามพันปราณกระบี่ไท่เสวียนก็ขวางเคลื่อนตัดผสาน ฝนกระบี่แน่นขนัดทำให้เผิงเทียนหลินนั่นไม่สามารถต้านทานได้สักนิด ไม่นานร่างกายก็ถูกฟันเฉือน บาดแผลเหวอะหวะ
ก่อนสิ้นใจเขายังคงคำรามขัดขืน เปี่ยมด้วยความไม่ยินยอมและตกใจกลัว แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล ถูกค่ายกลกระบี่กวาดสังหารไปจากโลก
อึดใจเดียวเท่านั้น มกุฎอริยะสองคนก็ถูกฆ่า!
จิตใจของเซ่าเฮ่าล้วนรู้สึกถึงแรงจู่โจมที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่ง ในฐานะมกุฎอริยะ เขารู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าบุคคลในระดับนี้ถูกฆ่าตายยากเย็นแค่ไหน
แม้จะทอดสายตามองไปทั่วทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน มกุฎอริยะยังเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ดุจดั่งนายเหนือหัว
แต่ตอนนี้ ด้วยน้ำมือหลินสวิน พริบตากลับถูกฆ่าล้างถึงสองคน!
อานุภาพของการบุกพิฆาตที่ประหนึ่งไร้เทียมทานระดับนั้น เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้เซ่าเฮ่าไม่เคยคิดถึงอย่างสิ้นเชิง ทำเอาเขายังใจสั่นน้อยๆ มุมปากกระตุกไม่หยุด
เจ้าหมอนี่ไม่บรรลุอริยะก็แล้วไป พอบรรลุอริยะแล้ว ช่างพาให้คนในระดับเดียวกันล้วนไม่อาจรอดชีวิตแล้วชัดๆ!
“พูดไม่ออกเลยใช่หรือไม่”
รั่วอู่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปาก เพราะนางเคยเห็นภาพนองเลือดที่สั่นสะท้านมากยิ่งกว่านี้ ฉะนั้นเมื่อเทียบกันแล้วก็เห็นได้ชัดว่านิ่งกว่ามาก
เมื่อเห็นว่าเซ่าเฮ่าก็เหมือนกับตนในคราแรก สะท้านสะเทือนอึ้งงัน ในใจนางถึงกับมีความรู้สึกหัวอกเดียวกันอย่างหนึ่ง
การเทียบกับปีศาจอย่างหลินสวินนั่น ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกจนคำพูดยิ่งจริงๆ
“ไม่ใช่พูดไม่ออก แต่หัวเสียมากต่างหาก”
เซ่าเฮ่ายิ้มขื่น “ปีนั้นตอนที่อยู่ในแดนมกุฎ ข้าก็ตระหนักได้แล้วว่า ในระดับมกุฎราชันเกรงว่าคงไม่มีโอกาสวัดฝีมือกับหลินสวินสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงลอบตั้งมั่นว่า ตั้งใจว่าตอนที่อยู่ระดับมกุฎอริยะจะต้องต่อสู้กับเจ้าหมอนี่ให้ได้ วัดฝีมือกันสักตั้ง แต่ไหนเลยจะคิดว่า…”
รั่วอู่กล่าวด้วยท่าทางเข้าอกเข้าใจ “ไหนเลยจะคิดว่าพออยู่ระดับมกุฎอริยะ เจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนไม่รู้สึกสนใจอยากเทียบฝีมือกับเขา?”
เซ่าเฮ่าเห็นด้วยสุดซึ้ง “เฮ้อ เจ้าช่างเข้าใจข้าจริงๆ”
รั่วอู่บื้อใบ้ไป
นางย่อมเข้าใจอยู่แล้ว ถึงขั้นรู้ดียิ่งกว่าเซ่าเฮ่า ถึงรากฐานพลังทั้งหมดที่หลินสวินมีตั้งแต่เหยียบย่างมกุฎอริยะ
…
ตูม!
ในลานแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์เปล่งรัศมี แสงมรรคสะเทือนสนั่น กลางฟ้าดินถูกกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงปิดครอบ
หลินสวินอานุภาพดุจเทพสงครามไร้เทียมทาน ก้าวย่างแกร่งกร้าว เหินทะยานห้วงอากาศ ทุกท่วงท่าอิริยาบถล้วนมีอานุภาพกลืนกินภูผาธารา
คู่ต่อสู้ของเขาคือมกุฎอริยะสิบกว่าคนเต็มๆ!
หากเปลี่ยนเป็นพวกระดับเดียวกันคนอื่นๆ เกรงว่าคงได้แต่หลบประกายคมของอีกฝ่าย เผ่นหนีอุตลุด
แต่หลินสวินไม่เพียงแต่ไม่หลบเลี่ยง ตรงข้าม ตั้งแต่ต้นจนจบเคลื่อนขวางกลางลาน อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไร้ทัดเทียม พลานุภาพไม่อาจต้าน ไม่มีวี่แววถูกกดกำราบสักนิด
กล่าวง่ายๆ คือ เขาคนเดียว มีพลังสยบมกุฎอริยะทั้งกลุ่ม!
นี่ทำให้พวกเจ้าคางคก อาหลู่ยังกลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่ง จิตใจสั่นสะท้าน พวกเขารู้จักหลินสวินดีที่สุด แต่ตอนนี้ถึงกับมองไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
ฉัวะ!
ทวนศึกสำริดเล่มหนึ่งถูกหลินสวินเงื้อมือฟันสะบั้น
ท่ามกลางเสียงสะเทือนสนั่นหู คู่ต่อสู้ของเขาซึ่งเป็นบุรุษร่างสูงกำยำดั่งภูเขา ผิวหนังทั่วร่างประทับสัญลักษณ์รอยสักคนหนึ่ง ถูกหลินสวินบีบคอบดขยี้ในหมับเดียว
จากนั้นชายผู้นี้ถูกโยนเข้าไปใน ‘ถุงวัสดุ’ สร้างเมืองที่หลินสวินเตรียมไว้เป็นการเฉพาะเหมือนขยะก็ไม่ปาน
“ขะ… เขาแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน”
มีคนคำรามตกใจแกมโกรธ
มกุฎอริยะพวกนั้นล้วนสะท้านสะเทือน สีหน้าเขียวคล้ำ
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้ถึงตอนนี้ มีมกุฎอริยะสามคนประสบเคราะห์แล้ว และพวกเขาร่วมมือกัน กลับยังไม่สามารถกำราบอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่เสี้ยว
นี่เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ควรรู้ว่า ในฐานะมกุฎอริยะเหมือนกัน ซ้ำยังร่วมมือกันสิบกว่าคน ในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้ล้วนสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่งแล้ว
แต่ตอนนี้ ถึงกับเอาชนะชายหนุ่มผู้หนึ่งไม่ได้!
นี่จะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร
“ตาย!”
ไม่ทันไรพร้อมๆ กับเสียงกึกก้องสะเทือนฟ้าสะท้านดิน เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดที่ดุจสร้างขึ้นจากทองเทพพลันเปล่งแสง ถูกหลินสวินยกขึ้นแล้วกระแทกลงไปอย่างจัง
ทอดสายตามองจากที่ไกลๆ ประหนึ่งราชันเทพชูกระถาง มีอานุภาพกระแทกจมเก้าสวรรค์!
ปึง!
ชายหนุ่มที่เล็กเตี้ยเหมือนคนแคระฝั่งตรงข้ามคนหนึ่งร่างแยกกระเด็นเป็นสี่ชิ้นห้าเสี่ยง เลือดสดสาดกระเซ็นภายใต้เสียงร้องครวญอย่างสิ้นหวังตกใจกลัว
มกุฎอริยะคนที่สี่ ถูกสังหาร!
แต่ตอนนี้ห่างจากตอนเริ่มต่อสู้เพิ่งไม่เท่าไรเท่านั้น แม้แต่ครึ่งเค่อก็ยังไม่ถึง
“น่าชังนัก!”
มีคนคำราม
ทันใดนั้นมกุฎอริยะจำนวนหนึ่งพุ่งโผนออกมา แต่กลับไม่ได้กรูไปทางหลินสวิน หากแต่ฉวยโอกาสนี้กระโจนไปทางพวกรั่วอู่ เซ่าเฮ่าและคนอื่นๆ แทน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหมายจะใช้วิธีนี้พันธนาการการโจมตีของหลินสวิน ใช้มันควบคุมอำนาจ
ขณะเดียวกันการโจมตีพวกรั่วอู่ ก็สามารถทำให้หลินสวินแบ่งสมาธิได้เหมือนกัน
แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ สามารถจับตัวพวกรั่วอู่ไว้ได้ เช่นนี้ก็จะข่มขู่บีบบังคับหลินสวินได้ ทำให้เขาต้องกล้ำกลืนฝืนทน!
ดังคาด หลินสวินมุ่นคิ้วทันที นัยน์ตาดำเจือไอสังหารเยียบเย็น
มกุฎอริยะห้าคนพุ่งไปทางพวกรั่วอู่พร้อมกัน
และฝั่งนี้ยังมีมกุฎอริยะเก้าคนบุกโจมตีเต็มกำลัง กักขังเขาอย่างแน่นหนา เห็นชัดว่าคิดใช้กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว ชักภัยไปให้ผู้อื่น ใช้สิ่งนี้มาบงการหลินสวิน!
หนำซ้ำสถานการณ์ตรงหน้าหลินสวินยังไม่สามารถไปไล่สังหารทีละคน เพราะไม่ทันกาลแล้ว
“คิดจริงๆ หรือว่าทำแบบนี้แล้วจะพลิกสถานการณ์ได้ เปล่าประโยชน์!”
ในน้ำเสียงเยียบเย็น กลิ่นอายหลินสวินพลันเปลี่ยนเป็นดุดันไร้ทัดเทียมทันที กระบี่ที่ดุจดั่งซ่อนเร้นมาหมื่นกาล ในเวลานี้ปรากฏสู่โลก คมกริบทะลวงเวิ้งฟ้า
สวบ!
เขายื่นมือข้างเดียวออกไป รวบนิ้วเป็นกระบี่ ตวัดวาดกลางห้วงอากาศ
ราบเรียบง่ายดาย ไม่เจือกลิ่นอายโลกีย์สักเสี้ยว
ทว่าในเวลานี้ ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครไม่ใจสะท้าน ในครรลองสายตาประหนึ่งปรากฏปราณกระบี่สายหนึ่ง เบียดแน่นเต็มจักรวาล กรีดวาดทลายฟ้าดิน ภายในประทับนัยเร้นลับที่ไม่อาจบรรยายได้
ความคมของมันไร้เทียมทาน ไม่อาจพันธนา
อานุภาพของมันไม่มีสอง เทพผีลี้หลีก!
ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ไม่มีใครไม่เกิดความรู้สึกเล็กจ้อย สิ้นหวัง หายใจติดขัด เสมือนนั่นไม่ใช่ปราณกระบี่สายหนึ่ง แต่เป็นเทพผู้ควบคุมความเป็นความตาย!
พนึ่งกระบี่พุ่งโฉบ
ฟ้าดินล้วนเงียบงัน เวลาดุจดั่งหยุดนิ่ง ปรากฏความเงียบสงัดสุดขีดที่แปลกพิกลอย่างหนึ่ง
จากนั้นหัวคนที่โชกเลือดกระเด็นลอยขึ้นมากลางอากาศ
สีหน้ายังคงฉายไอสังหารมืดทะมึนกราดเกรี้ยว แววตายังคงเจือแววได้ใจและโหดเหี้ยม ไม่ได้รับรู้สึกนิดว่ากระบี่นี้จะบุกทะยานเข้ามาได้อย่างไร
พรูดๆๆๆ!
จากนั้นศีรษะหัวเเล้วหัวเล่าลอยคว้างมาติดๆ ย้อมภาพฉากอันเงียบสงัดแปลกพิกลนี้ให้แดงฉานชุ่มโชก
แดงจนบาดตา
แดงจนน่าตกใจ!
ก็ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงร้องแหลมออกมา ทำลายบรรยากาศอันน่าสะพรึงนี้
ตอนที่ทุกคนได้สติ เหงื่อเย็นก็ไหลชุ่มแล้ว เมื่อมองดูมกุฎอริยะห้าคนที่พุ่งไปทางพวกรั่วอู่อีกครั้ง ทั้งหมดล้วนกลายเป็นศพไร้หัวแล้ว!
ที่น่าขันที่สุดคือ ศพของพวกเขายังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้า
ศีรษะที่ลอยคว้างกลางอากาศของพวกเขายังคงฉายรอยยิ้มเหี้ยม ก่อนสิ้นใจยังไม่รู้ว่าความตายมาเยือนในชั่วกระบี่เดียวตั้งแต่แรกแล้ว
“นี่…”
รั่วอู่และเซ่าเฮ่าล้วนเตรียมพร้อมตั้งรับไว้แล้ว แต่ในเวลานี้ก็ยังศัดสะเทือน ปราณกระบี่สายนนั้นทำให้พวกเขาต่างจิตใจสั่นสะท้าน
ส่วนพวกเจ้าคางคก กลับไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะยามกระบี่นี้บั่นเฉือนออกมาจนกระทั่งปิดฉาก ล้วนแล้วแต่ฉับไวถึงขีดสุด ทำให้พวกเขายังไม่ทันได้รับรู้และตอบสนองใดๆ สักนิด
แต่เมื่อเห็นมกุฎอริยะแต่ละคนที่พุ่งสังหารมาพวกนั้น กลับถูกฟันหัวขาดกระเด็นทีละคน พวกเขาล้วนพากันอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ปากอ้าตาค้าง
หากไม่ใช่เพราะมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จ พวกเขายังสงสัยว่าตัวเองเกิดภาพหลอนแล้วใช่หรือไม่
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงมกุฎอริยะห้าคน ในสายตาพวกเขา เป็นพวกที่ไม่อาจต่อกรและสั่นคลอนได้ชัดๆ!
“เป็นไปได้อย่างไร”
มกุฎอริยะคนอื่นๆ ที่กำลังปิดล้อมหลินสวิน แต่ละคนประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาด ถูกกระบี่เดียวที่ตราตรึงหาใดเปรียบนี้ซัดสะเทือน นัยน์ตาหดรัดทันควัน
เสียงดังตุบตับๆ ระลอกหนึ่งดังขึ้น ศีรษะและศพทั้งหมดลงพื้น พลังชีวิตหดหาย ไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพได้อีกต่อไป
นี่ก็คือ ‘ไปไร้หวน’!
สิ่งที่จักรพรรดิสงครามอู๋ยางศึกษามาทั้งชีวิต หาใช่กระบวนท่ากระบี่ แต่กลับทุ่มเทศึกษาความน่าสะพรึงของนัยเร้นลับที่แผงอยู่ภายในทั้งหมด มีหรือที่กระบวนท่าทั่วไปจะเทียบชั้นได้
ก่อนหน้านี้ความแข็งแกร่งของอานุภาพกระบวนท่านี้ก็เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว ถูกหลินสวินใช้เป็นท่าไม้ตาย ไม่นำออกมาใช้ง่ายๆ
ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาปลดปล่อยกระบี่นี้ออกมาเต็มที่โดยใช้พลังของระดับมกุฎอริยะ และการหยั่งถึงไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง
อานุภาพระดับนั้น ไม่ได้ทำให้หลินสวินผิดหวังจริงๆ
หนึ่งกระบี่นี้ สังหารมกุฎอริยะห้าคน!
หนึ่งกระบี่นี้ ยังเขย่าขวัญของมกุฎอริยะคนอื่นๆ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง จิตใจสะท้านสะเทือนไม่สามารถควบคุมได้
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้หลินสวินบุกสังหารมุกฎอริยะทีละคน คือพลังเข่นฆ่าพลิกฟ้าที่พอจะฝืนทำความเข้าใจได้อย่างหนึ่ง
ตอนนี้อานุภาพที่กระบี่นี้ปลดปล่อยออกมา ก็เห็นได้ชัดว่าสะท้านโลกเกินไป ทำให้พวกเขาล้วนไม่อาจทำความเข้าใจได้สักนิด!
อย่างไรเสียในระดับเดียวกัน ใครเคยเห็นพลังที่สามารถสังหารอริยะห้าคนพร้อมกันได้บ้าง
ทอดสายตามองไปทั่วแปดดินแดน จากอดีตจนปัจจุบัน จะมีสักกี่คนที่สามารถใช่กระบี่เดียวทลายศัตรูในระดับนี้ได้
หนี!
นี่คือความคิดเดียวของมกุฎอริยะเก้าคนที่เหลืออยู่พวกนั้น
จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้โอ้เอ้แต่อย่างใด เผ่นหนีจ้าละหวั่น เคลื่อนย้ายออกไปยังสี่ทิศแปดทาง แต่ละคนเหมือนกระต่ายเฒ่าที่ตื่นตูมขวัญหนี แย่งกันวิ่งแข่ง
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามาถสู้ต่อไปได้อีกสักนิด แม้หลินสวินจะยังหนุ่ม แต่พลังที่มีกลับมีพลานุภาพกวาดล้าง ดุจดั่งไร้ศัตรู!
ถึงขั้นที่ในสายตาของพวกเขา ในสมรภูมิเก้าดินแดนในตอนนี้ ผู้ที่สามารถต่อกรกับหลินสวินได้ เห็นจะมีแต่บุคคลแห่งยุคระดับแกนนำอย่างแปดยอดนภาครามเท่านั้นแล้ว
หลินสวินมีหรือจะมองพวกเขาหนีไปตาปริบๆ
เขาไม่ลังเลสักนิด เริ่มไล่ล่าสังหาร
ปราณกระบี่ไท่เสวียน ดาบหัก เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร… สมบัติแต่ละชิ้น วิชาลับแต่ละอย่างล้วนถูกเขาปลดปล่อยเต็มกำลัง!
ตูมโครม!
กลางฟ้าดินประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ เสียงธรรม แสงสมบัติสะท้านสะเทือนน่าสะพรึงแถบหนึ่งหอบม้วน แผ่กระจายขยายกว้างออกไป
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็มีมกุฎอริยะหลายคนถูกสังหารต่อเนื่อง
คนหนึ่งถูกศรนภาครามทะลุร่าง โลหิตสาดทั่วเวิ้งฟ้าคราม
คนหนึ่งถูกดาบหักฟันขาดเป็นสองท่อน ศพนอนขวางกลางแผ่นดิน
มกุฎอริยะที่หนีช้าที่สุดคนหนึ่ง ถูกปราณกระบี่ไท่เสวียนและเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดกระหน่ำสังหารพร้อมกันตรงๆ สภาพการตายก็อเนจอนาถเป็นที่สุด เลือดและกระดูกล้วนถูกป่นแหลก
เมื่อจิตต่อสู้พังล้ม ต่อให้เป็นมกุฎอริยะก็หนีไม่พ้นจุดจบแพ้พ่าย!
——