Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1548 บุคลิกผู้นำ

เซวี่ยชิงอีกล่าวจบก็เรียกตัวปี้เจี้ยนฉยงไว้ แล้วไล่ทุกคนในโถงใหญ่ออกไป

“อาจารย์อาเข้าใจเจตนาที่ข้าทำเช่นนี้หรือไม่”

จนกระทั่งในโถงใหญ่ไม่มีใคร เซวี่ยชิงอีจึงเอ่ยปากกล่าว

ปี้เจี้ยนฉยงครุ่นคิดเนิ่นนาน นัยน์ตาพลันสว่างวาบขึ้นมา กล่าวว่า “รักษาความแข็งแกร่ง ยืมดาบฆ่าคน?”

เซวี่ยชิงอีร้องอืมคราหนึ่ง ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “ครั้งนี้ค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเรา เมื่อรวมกับพวกเล่อเซวี่ยซิวด้วย รวมทั้งสิ้นมีมกุฎอริยะสามสิบคนร่วงหล่น ความสูญเสียนี้… ไม่อาจเรียกว่าไม่ใหญ่!”

“ต่อไประหว่างพวกเราแปดดินแดนจะต้องทำการต่อสู้ ลำพังแค่ความเสียหายนี้ก็สามารถทำให้ดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเราอยู่ในสภาพเสียเปรียบได้แล้ว”

“ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ ขืนข้ายังไม่สนใจทุกสิ่ง ไปโจมตีสังหารหลินสวินนั่นอีก ถ้าสามารถฆ่าเขาตายในคราวเดียวได้นั่นย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดฆ่าไม่ตายล่ะ”

ปี้เจี้ยนฉยงอดกล่าวไม่ได้ “ชิงอี จากพลังในตอนนี้ของเจ้า หลินสวินนั่นมีหรือจะใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”

นัยน์ตาสีแดงฉานของเซวี่ยชิงอีทอประกายน่าสยดสยอง “ท่านคิดว่าด้วยนิสัยหลินสวินนั่น จะรอให้ข้าไปฆ่าเขาหรือ”

“ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…”

สายตาเขาจับจ้องปี้เจี้ยนฉยง กล่าวว่า “อาจารย์อา ท่านเคยเห็นฝีมือของหลินสวินกับตาตัวเอง ตอนนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าหากต้องการฆ่าคนผู้นี้ ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้นเสียที่ไหน”

“เล่อเซวี่ยซิวร่วมกันลงมือเจ็ดคนยังพ่ายแพ้”

“เล่อเทียนเหิงลงมือกันสามคนยังพ่ายแพ้”

“เลี่ยอวี้ลงมือกันห้าคน รวมถึงมกุฎอริยะคนอื่นๆ อีกสิบหกคนออกโจมตีพร้อมกัน ก็ยังลงเอยด้วยความพ่ายแพ้”

“เมืองอารักษ์มรรคอันกว้างใหญ่ ถูกเขาคนเดียวปิดล้อมไว้แน่นหนา!”

พูดถึงตรงนี้ในสายตาเซวี่ยชิงอีทอประกายน่าสยดสยองออกมา น้ำเสียงต่ำลึกชวนผวา “อาจารย์อา ท่านยังคิดว่าการไปแก้แค้นตอนนี้เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดอยู่อีกหรือ”

ปี้เจี้ยนฉยงสั่นเทิ้มทั่วร่าง แผ่นหลังผุดไอหนาวเหน็บขึ้นมา

เซวี่ยชิงอีเก็บสายตากลับมา สีหน้ากลับสู่แววเรียบเฉยกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว เจ้าหลินสวินนี่ก็คือดาบเล่มหนึ่ง ในเมื่อทำร้ายพวกเราได้ ก็สามารถตัดชิ้นเนื้อเจ็ดดินแดนอื่นทิ้งได้เหมือนกัน! ดินแดนอื่นอยากเห็นเรื่องตลกไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขาสมปรารถนาแน่”

“ถ้าจะสูญเสีย ทุกคนก็ต้องสูญเสียด้วยกัน ใครก็หนีไม่พ้น!”

กล่าวถึงตอนท้ายทั่วร่างเซวี่ยชิงอีก็แผ่อานุภาพบีบคั้นออกมาวูบหนึ่ง สีหน้าเปี่ยมด้วยแววเย็นเยียบ

ปี้เจี้ยนฉยงอดถามไม่ได้ “เช่นนั้น… พวกเราจะอดทนเช่นนี้ ไม่ทำอะไรเลยหรือ”

เซวี่ยชิงอีกล่าวอย่างใคร่ครวญ “แน่นอนว่าจะไม่ทำอะไรเลยคงไม่ได้”

ปี้เจี้ยนฉยงพลันเหิมฮึก

กลับได้ยินเซวี่ยชิงอีกล่าวอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว “เรียกกองกำลังดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเราถอนทัพกลับจากโลกรกร้างโบราณให้หมด ต่อไปหากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามเหยียบเข้าสู่โลกรกร้างโบราณอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”

อะไรนะ

ปี้เจี้ยนฉยงงงเป็นไก่ตาแตก เกือบจะร้องออกมาแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นการบอกขุมอำนาจดินแดนอื่น ว่าดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเรากำลังก้มหัวให้ดินแดนรกร้างโบราณหรอกหรือ

“อาจารย์อา เรื่องนี้แน่นอนว่าจะกลับมาแบบเปิดเผยโจ่งแจ้งไม่ได้”

เซวี่ยชิงอีถอนหายใจเบาๆ ค่อนข้างผิดหวังต่อปฏิกิริยาตกอกตกใจของปี้เจี้ยนฉยง และคร้านจะอธิบายอีก กล่าวว่า “ไปเถอะ แค่ทำตามที่ข้าบอก”

ถึงแม้ในใจปี้เจี้ยนฉยงจะยังคงกังขาอยู่บ้าง แต่ก็ยังรับคำสั่งจากไป

เซวี่ยชิงอียืนตระหง่านอยู่ในโถงใหญ่คนเดียว นิ่งเงียบเนิ่นนาน บนร่างผุดไอสังหารน่าสะพรึงที่ไม่อาจควบคุมได้ออกมา

ประสบกับความอัปยศใหญ่หลวงระดับนี้ มีหรือเขาจะไม่เดือดดาล

“หลินสวิน! จะยอมให้เจ้ากระโดดโลดเต้นอีกสักระยะ ก็ดูว่าดาบอย่างเจ้าจะคมสักแค่ไหน ต่อไปข้าจะค่อยๆ คิดบัญชีนี้กับเจ้า!”

เสียงชัดถ้อยชัดคำ ไอสังหารพวยพุ่ง เผยความแค้นอันไร้สิ้นสุดออกมา ก้องสะท้อนโถงใหญ่อันเงียบสงัดว่างเปล่าแห่งนี้

“อะไรนะ เซวี่ยชิงอีถึงกับอดทนไว้?”

“อย่าบอกนะว่าครั้งนี้ความสูญเสียของโลกมารโลหิตใหญ่โตเกินไป ทำให้เซวี่ยชิงอีไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก”

“เฮอะ เซวี่ยชิงอีนี่ต้องมีอุบายอย่างอื่นอีกเป็นแน่”

“ฮ่าๆ เซวี่ยชิงอีเจ้าหมอนี่ เห็นได้ชัดว่าไม่ยินดีถูกผู้อื่นใช้เป็นปืนใหญ่”

ไม่ทันไรการตัดสินของเซวี่ยชิงอีก็แพร่สะพัดออกไป ถูกบุคคลชั้นนำของดินแดนอื่นรู้กันทั่ว

ชั่วขณะเดียวทุกคนล้วนรู้สึกตกใจสงสัยไม่หาย ต่างฝ่ายต่างทำการสันนิษฐาน

แค้นใหญ่ระดับนี้ เซวี่ยชิงอีถึงกับอดทนไว้ได้ ในหัวเจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่

และก็เพราะข่าวนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งของดินแดนอื่นไม่มีใครไม่หัวเราะผสมโรง คิดว่าบุคคลระดับผู้นำของดินแดนยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง บุคคลแห่งยุคหนึ่งในแปดยอดนภาครามอย่างเซวี่ยชิงอี เวลาแบบนี้กลับอดทนอดกลั้นเอาไว้ ออกจะขี้ขลาดและไม่เอาไหนเกินไป

“เซวี่ยชิงอีนี่ใจเสาะเกินไปแล้วชัดๆ ข้าล่ะสงสัยนักว่าเขากลายเป็นหนึ่งในแปดยอดนภาครามได้อย่างไร”

“นี่เขายังรังเกียจว่าดินแดนโบราณมารโลหิตขายหน้าไม่พออีกหรือ”

“ถึงกับถูกมกุฎอริยะดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งข่มขวัญเอาได้ เซวี่ยชิงอีนี่… ช่างทำให้คนผิดหวังเกินไปแล้ว”

เมื่อข่าวนี้ถูกรับรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ในดินแดนอื่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะทุกรูปแบบ ทำให้เกียรติยศชื่อเสียงของเซวี่ยชิงอีเสียหายอย่างที่สุด

เซวี่ยชิงอีไม่ได้อธิบายอะไร หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็เอาแต่นั่งสมาธิฝึกปราณ เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ค่อยออกมา

นิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน

ไม่ว่าอย่างไรคลื่นลมที่หลินสวินกระพือขึ้นฉากนี้ก็เงียบลงไปทั้งอย่างนี้ ภายใต้ความอดกลั้นของเซวี่ยชิงอี

แต่ชื่อเสียงของหลินสวินก็พลอยเข้าสู่ครรลองสายตาของแปดดินแดน เป็นที่รู้จักของทุกคน

ตอนนี้ใครต่างก็รู้ดี ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณที่หมดสภาพไม่เหลือชิ้นดี อ่อนแอถึงขีดสุด ในที่สุดก็ปรากฏบุคคลที่พอเข้าตาขึ้นมาคนหนึ่ง

แต่ก็แค่นี้เท่านั้น

ถึงอย่างไรสุดท้ายหลินสวินก็ตัวคนเดียว ในสมรภูมิเก้าดินแดนที่ขุมอำนาจมากมาย เป็นแหล่งรวมผู้กล้าแห่งยุคนี้ ย่อมเปลี่ยนแปลงบทสรุปที่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณต้องพ่ายแพ้ไม่ได้อย่างแน่นอน

นี่ก็คือความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ของผู้แข็งแกร่งแปดดินแดน

ส่วนหลินสวินในเวลานี้กำลังอยู่ในเศษซากเมืองอารักษ์มรรค ลาดตระเวนสี่ทิศ ทำการคาดการณ์และครุ่นคิดเป็นครั้งคราว

หมายจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคที่ทนทานไม่แตกหักแห่งหนึ่ง การจัดวาง ‘กระบวนค่ายกลพิทักษ์เมือง’ เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ในฐานะนักสลักลายมรรคคนหนึ่ง จากฝีมือในตอนนี้ของหลินสวิน การจัดวางกระบวนค่ายกลใหญ่แห่งหนึ่งไม่ถือเป็นเรื่องยากลำบาก เพียงแต่ต้องสิ้นเปลืองความคิดและเวลามหาศาลมาอนุมาน

นี่เป็นวันที่เก้าแล้วที่เขาสำรวจภูมิประเทศ อนุมานกระบวนค่ายกล

ในช่วงนี้เซ่าเฮ่า รั่วอู่และผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนอื่นๆ ต่างก็รวมตัวกัน สร้างค่ายประจำการชั่วคราวบนซากปรักหักพังแถบนี้

ขณะเดียวกันในช่วงนี้ไม่รู้มีศัตรูจากแปดดินแดนมากน้อยเท่าไหร่ที่เหมือนแมลงวันได้กลิ่นคาวเลือด พากันบุกตะลุยเข้ามา

แต่ยังไม่ทันรอให้เฉียดใกล้ ก็ถูกเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ร่วมมือกันสังหาร ไม่มีใครเคราะห์ดีรอดไปสักคน

ศพและหยาดเลือดที่หลงเหลือของศัตรูต่างก็ถูกเก็บรวบรวมไว้นับไม่ถ้วน นี่คือวัสดุที่จะสร้างเมืองต่อไป ยิ่งมีมากยิ่งดีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

“ในช่วงสองวันนี้จำนวนครั้งและจำนวนคนที่ศัตรูมุ่งหน้ามารุกรานเห็นได้ชัดว่าลดลงไปไม่น้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คิดอยากรวบรวมวัสดุสร้างเมืองย่อมต้องเป็นปัญหาแน่นอน”

รั่วอู่กล่าวครุ่นคิด

“พวกของแข็งแท้จริงยังไม่โผล่มา”

สายตาของเซ่าเฮ่าแน่วแน่ ทอดมองไปยังที่ไกลๆ

“เจ้าน่าจะรู้ดี ตอนนี้ศัตรูจากแปดดินแดนที่เหิมเกริมอยู่ในโลกรกร้างโบราณนี้ ส่วนใหญ่ล้วนนำทัพโดยอริยะแท้ทั่วไป สำหรับพวกเราแล้วย่อมไม่มีภัยคุกคามเป็นธรรมดา”

“เชื่อว่าตอนนี้พวกเขาจะต้องตระหนักได้แล้วแน่นอนว่าพวกเราไม่ได้รังแกง่ายๆ พวกที่พลังไม่แข็งแกร่งพอย่อมไม่กล้ามุ่งหน้ามาตายเปล่าแน่”

“แต่ว่าตอนที่รู้จุดประสงค์ที่พวกเรารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เหล่าคนใหญ่คนโตพวกนั้นที่อยู่ในแปดดินแดนจะต้องนั่งไม่ติดแน่”

“ถึงอย่างไรในพวกเขาจะมีใครทนมองพวกเราสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ตาปริบๆ ได้”

รั่วอู่พยักหน้า เนตรดาราพริบไหว “กล่าวเช่นนี้ ตอนที่พวกเราเริ่มลงมือสร้างเมืองอย่างแท้จริง จะต้องประสบกับอุปสรรคขัดขวางที่ไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน?”

“นี่ย่อมแน่อยู่แล้ว”

เซ่าเฮ่าน้ำเสียงราบเรียบ “คลื่นลมครั้งนี้ช้าเร็วก็ต้องมา แต่ว่าในช่วงเวลานี้สถานการณ์ยังไม่ถือว่าร้ายแรงขนาดนั้น”

พูดถึงตรงนี้เขาอดยิ้มขมขื่นไม่ได้ “สิ่งสำคัญที่สุดคือ หลินสวินตัดสินใจใช้ศพและเลือดเนื้อศัตรูเป็นวัสดุสร้างเมือง แต่เมืองที่ใหญ่โตแห่งหนึ่ง วัสดุที่จำเป็นทั้งหมดก็มากมายมหาศาลอย่างไม่อาจจินตนาการได้เช่นกัน”

“ที่พวกเรารวบรวมได้ในตอนนี้ก็แค่เศษเสี้ยวขี้ปะติ๋วเท่านั้น ขนาดจะก่อกำแพงหนึ่งขึ้นมายังสร้างไม่ได้ด้วยซ้ำ”

รั่วอู่ใบ้สนิท

นางเงยหน้าขึ้น ทอดมองหลินสวินที่กำลังจดจ่ออนุมานกระบวนค่ายกลอยู่ไกลๆ เอ่ยกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ข้าเชื่อว่าในเมื่อเขาตั้งใจทำเช่นนี้แล้ว จะต้องมีวิธีของเขาแน่นอน”

เซ่าเฮ่าร้องอืมคราหนึ่ง จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “เฝ้ารออยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง เป็นฝ่ายถูกกระทำเกินไป หลังจากนี้ข้าตั้งใจจะพาผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราออกไปเคี่ยวกรำด้วยกันสักเที่ยว”

“ไปไหน ”

รั่วอู่อึ้งไป

เซ่าเฮ่าเอามือไพล่หลัง สีหน้าผงาดกร้าว กวาดสายตามองทั่วแปดทิศ “ที่นี่เป็นอาณาเขตของพวกเราดินแดนรกร้างโบราณ ตอนนี้กลับมีศัตรูภายนอกบุกเข้ามามากมาย เหิมเกริมทั่วสารทิศ ข้าตั้งใจจะกวาดล้างพวกเขาให้หมดเกลี้ยง”

หยุดไปพักหนึ่งเขาค่อยกล่าวว่า “ขณะเดียวกันด้วยการเคลื่อนไหวนี้ ก็สามารถช่วยหลินสวินรวบรวมวัสดุสร้างเมืองส่วนหนึ่งได้มากขึ้นด้วย ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรอกหรือ”

รั่วอู่พยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องระวังหน่อย”

มุมปากเซ่าเฮ่ายกเป็นเส้นโค้งมั่นใจในตัวเอง กล่าวยิ้มๆ ว่า “คิดอยากฆ่าข้าให้ตาย ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น”

ในวันนั้นเซ่าเฮ่าพาผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณจำนวนห้าสิบคนออกไป

รั่วอู่มองส่งเขาออกไป ภายในใจกลับรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย

องค์ชายเซ่าเฮ่า สมกับเป็นบุคคลแห่งยุคที่จิตใจห้าวหาญ ปณิธานยิ่งใหญ่ มีฝีมือและพลังแห่งผู้นำ

บุคคลที่หยิ่งทระนงเช่นนี้ ปกติยากยิ่งที่จะเชื่อฟังและให้ความร่วมมือในการเคลื่อนไหวของบุคคลอื่น

แต่เซ่าเฮ่าต่างออกไป ต่อให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณในตอนนี้จะมีหลินสวินเป็นผู้นำอยู่กลายๆ แต่เขากลับไม่ได้แสดงท่าทีขัดแย้งหรือไม่พอใจใดๆ ออกมาเลย

ตรงข้าม การเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนมองภาพรวมเป็นหลัก ทุ่มเทพลังและแรงสนับสนุนของตนเพื่อค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณอย่างไม่มีเก็บงำ

นี่ทำให้รั่วอู่ที่แต่เดิมยังกังวลใจว่าเซ่าเฮ่าและหลินสวินอาจจะเกิดปัญหาขัดแย้งภายใน ขณะที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกก็อดรู้สึกเลื่อมใสไม่ได้

รั่วอู่ถึงขั้นกล้าคิดว่า หากไม่มีหลินสวิน ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณจะต้องมีเซ่าเฮ่าเป็นผู้ปกครองแน่นอน!

และเซ่าเฮ่าก็จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน

รั่วอู่อดทอดมองไปยังหลินสวินที่อยู่ไกลๆ อีกคราไม่ได้ เจ้าหมอนี่ก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง

แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่มีความรู้สึกถึงการคุมอำนาจทั้งหมด และไม่มีทีท่าแห่งผู้นำ ทว่าทั้งที่เป็นเช่นนี้กลับทำให้เซ่าเฮ่าเต็มใจให้ความร่วมมือในการเคลื่อนไหวของเขา ช่างน่าแปลกจริงๆ

เมื่อคิดถึงตรงนี้รั่วอู่ก็อึ้งไป ตน… ก็ไม่ใช่อย่างนี้เหมือนกันหรือ

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขาในโลกมารโลหิตจนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังคอยติดตามอยู่ข้างกายเขาโดยไม่รู้ตัว เชื่อฟังคำสั่งเขาอยู่เช่นเคย

หนำซ้ำดูเหมือนว่าแต่ไหนแต่ไรล้วนไม่เคยขัดแย้งและต่อต้านมาก่อน…

‘ทำให้คนติดตามด้วยใจจงรักภักดีแบบไม่รู้ตัว บางที เจ้าหมอนี่ต่างหากที่เป็นพวกผู้นำโดยกำเนิด?’

รั่วอู่ใคร่ครวญ

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset