Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1552 เมฆดำประชิดเมือง

สายตาของหลินสวินก้มมองเงาร่างหลายหมื่นที่อยู่ในค่าย เห็นสีหน้ากระวนกระวาย ประหม่าและเฝ้ารอที่อยู่บนใบหน้าพวกเขาแล้ว

ในใจเกิดฮึกเหิมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กล่าวว่า “ศึกนี้ไม่จำเป็นต้องให้ทุกท่านออกโรง แค่คอยรับชมก็พอ”

เสียงกึกก้องสะท้านปฐพีดังกระหึ่มไปทั่วทิศ

เซ่าเฮ่าและรั่วอู่ชะงักไปพร้อมกัน

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ยังอึ้งงัน

หลินสวินจะต้านทัพใหญ่เจ็ดดินแดนด้วยตัวคนเดียวหรือ

เพียงพริบตาในค่ายที่กว้างใหญ่นั้นเงียบสงัดไปทั้งแถบ แต่ละคนต่างท่าทางยากจะเชื่อ

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมเป็นตายไปพร้อมกับค่ายทัพ มองข้ามความเป็นตายกันไปแล้ว แต่ไหนเลยจะคิดว่าหลินสวินกลับหมายจะต้านศึกตัวคนเดียว

นี่ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดคาดเกินไป อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน!

“พี่หลิน นี่เจ้า…”

เซ่าเฮ่าอดกล่าวไม่ได้

หลินสวินสองมือไพล่หลัง นัยน์ตาดำล้ำลึกยิ้มกล่าว “พี่เซ่าเฮ่า เจ้าก็เหมือนแม่นางรั่วอู่ แค่อยู่ในค่ายคอยรับชมก็พอ”

ไม่ว่าสีหน้า คำพูดหรืออากัปกิริยา… ล้วนไม่ตื่นตระหนกตกใจ หากไม่เป็นเช่นนี้ เกรงว่าพวกเซ่าเฮ่าและรั่วอู่คงได้สงสัยว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไม่แน่ๆ

นั่นเป็นถึงมกุฎอริยะเจ็ดสิบคน ทัพใหญ่สองแสนหนึ่งหมื่นเชียวนะ!

กวาดสายตามองทั่วสมรภูมิเก้าดินแดน ใครเล่าจะกล้าประกาศเหมือนหลินสวิน ว่าจะต้านทัพใหญ่พันธมิตรเจ็ดดินแดนด้วยตัวเอง

นี่ไม่ใช่ใจกล้าแล้ว แต่เป็นบ้าระห่ำจริงๆ!

ทุกคนในค่ายชั่วคราวต่างจิตใจปั่นป่วน เขาหลินสวิน… เอาความมั่นใจและความเชื่อมั่นมาจากไหนกันแน่

“ช่างเถอะ พวกข้าเองก็จะบ้าเป็นเพื่อนเจ้า!”

เซ่าเฮ่าสูดหายใจลึก น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว

“เจ้าไม่ต้องดึงดันสู้คนเดียว นี่คือค่ายของดินแดนรกร้างโบราณ พวกเราทุกคนไม่มีทางมองเจ้าไปสู้สุดชีวิตคนเดียวตาปริบๆ แน่”

รั่วอู่กล่าวจริงจัง

ทุกคนในค่ายก็พากันพยักหน้า

ศัตรูมาเร็วกว่าที่คาดเอาไว้

วู้ๆๆ…

ทันใดนั้นเสียงเป่าเขาสัตว์ระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้นทั่วทิศรอบค่ายชั่วคราว ภายในนั้นยังมีเสียงกลองศึกกึกก้องแทรกสลับ ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นลมเปลี่ยนสี

สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าไอสังหารชวนประหวั่นราวพยับเมฆดำทะมึน ไม่นานก็แผ่ขยายมาบดบังเวิ้งฟ้าเหนือค่ายชั่วคราวจนมืดสลัวไปทั้งแถบ!

ในค่ายเงียบสนิท แต่ละคนพลันหยุดหายใจ เสียงเป่าเขาสัตว์ที่แผ่ไพศาล เสียงกลองที่ดังกัมปนาทนั้นราวกับค้อนยักษ์ฟาดใส่ใจอย่างหนักหน่วง ทำเอาทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

ศัตรูที่แข็งแกร่งยังไม่มา ไอสังหารมืดฟ้ามัวดินก็มาถึงแล้ว!

เวลานี้ต่อให้มีความเชื่อมั่นในตัวหลินสวินแค่ไหน ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณหลายหมื่นในค่ายก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ไม่ทันไรพื้นปฐพีก็สั่นสะเทือน หินทรายปลิวว่อน ไอสังหารเหมือนวายุอสนีบาตโหมกระหน่ำ ปกคลุมค่ายชั่วคราวไว้ภายในอย่างสมบูรณ์

พริบตานั้นช่างเหมือนวันสิ้นโลกใกล้จะมาเยือนจริงๆ

แม้แต่เซ่าเฮ่าและรั่วอู่ก็ต่างนัยน์ตาหดรัด พุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศ กวาดสายตามองไปรอบทิศ

บนเส้นขอบฟ้าที่ห่างออกไปมีควันไฟมากมายปรากฏ เปลี่ยนเป็นเมฆดำชวนประหวั่นมืดฟ้ามัวดิน มีเสียงกลองศึกกัมปนาทดังกระหึ่มทั่วหล้า มีเสียงเป่าเขาสัตว์ดังสลับแทรกซ้อน ไอสังหารม้วนกลืน

เมื่อมองดูโดยละเอียดก็เห็นเงาร่างแน่นขนัดราวกระแสน้ำ แผ่มาจากทั่วสารทิศเหมือนเกลียวคลื่นสีดำหลายสาย

เมฆดำประชิดเมือง เหมือนจะถล่มให้ราบคาบ!

เงาร่างน่าเกรงขามมากมายที่เหมือนดั่งทวยเทพ นำทัพใหญ่เจ็ดดินแดนแห่กันมาทางค่ายชั่วคราวจากต่างทิศทาง

มกุฎอริยะแต่ละคนราวกับนายเหนือหัว ไม่ปิดบังกลิ่นอายน่ากลัวบนตัวแม้แต่น้อย ทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย

ด้านหลังพวกเขาเป็นทัพใหญ่หลายหมื่น มีอริยะแท้หลายพัน มีมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์อีกนับไม่ถ้วน…

เมื่อรวมตัวกัน แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวพวกเขาก็วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่น โหมทำลายอยู่กลางฟ้าดินแล้ว

นี่ไม่ใช่กองทัพใหญ่ที่รวมคนธรรมดาไว้ด้วยกัน และไม่ใช่กองทัพผู้ฝึกปราณทั่วไป

หากแต่เป็นทัพใหญ่หลายขบวนที่นำโดยมกุฎอริยะ และรวมอริยะแท้กับราชันระดับอมตะเคราะห์มากมายไว้ด้วยกัน!

ภาพเหตุการณ์นั้นหากเกิดขึ้นในดินแดนรกร้างโบราณ คงพอจะทำให้ใครก็ตามสิ้นหวัง

เซ่าเฮ่าและรั่วอู่สบตากันวูบหนึ่ง สีหน้าต่างจริงจังขึ้นมา สะท้านอยู่ในใจ แค่มกุฎอริยะเจ็ดสิบคนก็เป็นจำนวนที่น่ากลัวยิ่งแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีทัพใหญ่จำนวนสองแสนหนึ่งหมื่นคนอีก พวกที่พลังปราณอ่อนแอที่สุดก็ล้วนเป็นราชันระดับอมตะเคราะห์ทั้งสิ้น!

ศึกนี้หลินสวินจะต้านทานคนเดียวได้หรือ

ในใจทั้งคู่ต่างสั่นคลอนทันที สายตามองไปยังหลินสวินที่ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าค่ายที่ห่างออกไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

หลินสวินยังยืนอยู่ตรงนั้น เงาร่างนิ่งไม่ไหวติงเหมือนหินผาที่ไม่ขยับมาชั่วนิรันดร์กาล มีเพียงในมือที่มีน้ำเต้าสุราเปลือกเขียวลูกหนึ่งเพิ่มขึ้นมา เขากำลังร่ำสุรา ท่าทางผ่อนคลาย ราวกับมองไม่เห็นศึกใหญ่ที่ใกล้จะมาเยือน

“เจ้าสวะคนไหนที่ชื่อว่าหลินสวิน ไสหัวออกมาซะ!”

ทันใดนั้นเสียงตวาดหนึ่งดังก้องฟ้า ร่างสูงใหญ่ดั่งเทพอสูรมารทะลวงขึ้นเหนือเมฆ

นี่คือชายห้าวหาญที่ผมเผ้าหนวดเคราดุจสีหมึก ร่างสูงประมาณสิบกว่าจั้ง มีคลื่นน้ำวนมากมายแผ่คลุมไปทั้งตัวคนหนึ่ง

สิ่งที่ทำให้ผู้คนใจสะท้านคือ หลังศีรษะเขามีเงาแสงจักระเทพสายหนึ่งปรากฏ คุนมหึมาตัวหนึ่งกำลังสร้างคลื่นลมกระเพื่อมไหวแผ่ไพศาลอยู่ภายใน

คุนป้าชิว!

มกุฎอริยะของเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุนในดินแดนโบราณขุมอุดรคนหนึ่ง และเป็นผู้นำคนหนึ่งในทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนครั้งนี้ด้วย

แค่เสียงตวาดเดียวเท่านั้น แต่กลับดังก้องอยู่ในใจทุกคนราวเสียงฟ้าร้อง ทำให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี อานุภาพเช่นนี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ฮึ!”

ในดวงตาเซ่าเฮ่าฉายแววเยียบเย็นทันที ขณะกำลังจะเคลื่อนไหว

กลับเห็นว่ายามนี้หลินสวินดีดนิ้วเบาๆ แล้วก้าวไปข้างหน้าทันใด เมื่อเสียงตู้มดังขึ้น อานุภาพน่ากลัวที่ไม่อาจบรรยายก็ทะลุทะลวงออกมาจากร่างเขา

พริบตานั้นผมดำของเขาพลิ้วไหว แสงเจิดจ้าไหลวนไปทั่วร่าง บดขยี้ทำลายเมฆดำและไอสังหารที่บดบังเวิ้งฟ้านั่นจนราบคาบ!

ส่วนอานุภาพของคุนป้าชิวที่บีบกดลงมานั้นก็ถูกสะบั้นแหลกในพริบตา เขาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แววอำมหิตในดวงตาไหววูบ

ขณะเดียวกันทุกคนในค่ายชั่วคราวก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัวทันที แรงกดดันและความไม่สบายตัวทั้งหมดพลันหายไป

เมื่อมองไปที่หลินสวินอีกครั้ง ในแววตาของพวกเขาก็เจือความฮึกเหิมสายหนึ่ง!

เวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นกับตา ว่าหลินสวินที่ก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะนั้นแข็งแกร่งระดับใด!

ด้านนอกค่ายชั่วคราว ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนที่บีบกดมาจากทั่วสารทิศ ต่างก็เหลือบสายตาไปยังหลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศแล้ว

พวกเขาเพิ่งเคยเจอเจ้าหนุ่มที่บุกสังหารจนโลกมารโลหิตเลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำ ปิดล้อมเมืองแห่งหนึ่งด้วยตัวคนเดียวนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน!

ตอนนี้ดูท่าจะโดดเด่นเหนือธรรมดาดังคาด

มกุฎอริยะทั้งหมดที่มาจากเจ็ดดินแดนยังเผยความประหลาดใจออกมาอย่างอดไม่อยู่ ตระหนักว่าข่าวลือไม่ได้กล่าวเกินจริง

ดินแดนรกร้างโบราณถึงกับมีบุคคลที่เจิดจรัสคนหนึ่งเช่นนี้ได้ ไม่อาจไม่พูดว่าเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง

แต่…

ก็แค่นี้เท่านั้น!

ครั้งนี้พวกเขาเตรียมการมาก่อน

มกุฎอริยะเจ็ดสิบคนออกโจมตี ไม่ว่าจะเป็นใครในแปดยอดนภาครามก็ไม่กล้าชักดาบต่อสู้!

กลางอากาศหลินสวินเก็บน้ำเต้าสุราเปลือกเขียวในมือลงไป สายตาเหลือบมองคุนป้าชิวเล็กน้อยแล้วกล่าว

“จากประโยคนี้ เจ้าจะได้ตายอนาถมาก”

เสียงเฉยชาเจือการดูหมิ่นอย่างไม่ปิดบังดังก้องอยู่กลางฟ้าดินที่กว้างใหญ่นี้ ทำเอาทุกคนตื่นตะลึงไปพักหนึ่ง

ทัพใหญ่ประชิดเมือง พวกเขาดินแดนรกร้างโบราณอับจนหนทาง เจ้าหมอนี่ยังกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้อีกหรือ

“ฮ่าๆ คุนป้าชิว ได้ยินแล้วใช่ไหม เจ้าสวะนี่ไม่คิดจะไว้ชีวิตเจ้าแล้ว”

มีคนหัวเราะลั่น

ตามมาด้วยเสียงหัวเราะปกฟ้าคลุมดิน

และมีคนทำเสียงหยอกล้อ แสร้งกล่าวประหลาดใจ “พวกเจ้าบอกว่าจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นใหม่ไม่ใช่หรือ ทำไมแลดูเปล่าเปลี่ยวไม่เป็นเมืองเช่นนี้เล่า”

มีคนหัวเราะแล้ว “ไม่ถูกสิ พวกเจ้าดู ภูเขาใหญ่ทองอร่ามหลายลูกนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นก้อนอิฐที่พวกเขาจะใช้สร้างเมือง แน่นอน ก็เป็นแค่หินสุมกองกันเท่านั้น”

ทัพใหญ่พันธมิตรเจ็ดดินแดนดูไม่เกรงกลัวสิ่งใด สงบนิ่งยิ่งนัก สีหน้าเจือรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม โหดร้าย อำมหิต

ตอนแรกพวกเขายังคิดว่าที่นี่จะมีเมืองแห่งหนึ่งผุดขึ้นมาแล้ว ไหนเลยจะคิดว่ายามพวกเขาบุกมาถึงจะไม่มีแม้แต่กำแพงเมืองกั้นลมฝน!

มีแค่แพะสองขาของดินแดนรกร้างโบราณหลายหมื่นอยู่รวมกัน ดูน่าสมเพชเหมือนแพะรอเชือดอย่างไรอย่างนั้น

นี่ทำให้พวกเขาสงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร กำเริบเสิบสานเป็นอย่างยิ่ง

“น่าชังนัก!”

“พวกสวะนี่ยังกำเริบเสิบสานเช่นนี้อีก!”

เหล่าผู้กล้าในค่ายชั่วคราวเดือดดาล สีหน้าไม่น่าดูอย่างยิ่ง แต่ละคนโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ทุกท่าน อย่าดูถูกแพะสองขาพวกนี้เชียว ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะวางพลังผนึกมากมายไว้ที่นี่แล้วก็เป็นได้”

ชายชราหน้าเด็กผมสีขนนกกระเรียน สวมชุดนักพรตคนหนึ่งกล่าวเตือน

หลินสวินเก็บรอยยิ้มที่มุมปาก เหลือบมองชายชรานั่นเล็กน้อย สีหน้าราบเรียบกล่าวว่า “เจ้าพูดไม่ผิด ในรัศมีร้อยลี้นี้ถูกข้าวางกระบวนผนึกไว้หมดแล้ว อ้อ สถานที่ที่พวกเจ้ายืนอยู่ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ด้วย”

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา ทั่วทั้งลานก็ตกตะลึง

คุนป้าชิวและมกุฎอริยะทั้งหมดต่างดวงตาวาววาบ แผ่จิตรับรู้ออกไป แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็สัมผัสไม่ได้แม้แต่กลิ่นอายของพลังผนึกใดๆ

“ฮึ ใช้อุบายลวงคน!”

มีคนจองหอง “ต่อให้มีกระบวนผนึกแล้วอย่างไร จะต้านการจู่โจมสังหารของพวกข้าได้งั้นรึ”

คนอื่นก็ต่างยิ้มเย็นขึ้นมา

ใช่แล้ว ต่อให้มีกระบวนผนึกแล้วอย่างไร ซัดมันให้พังก็พอแล้ว!

“ต้านการจู่โจมสังหารของพวกเจ้าหรือ”

กลับเห็นหลินสวินเผยความหยามเหยียด “โง่เง่า ยามข้าวางกระบวนค่ายกล แต่ไหนแต่ไรก็คิดแค่ว่าจะล้างบางพวกเจ้าอย่างไรดี ไม่เคยคิดจะเป็นฝ่ายตั้งรับมาก่อน”

“ล้างบางพวกเรารึ”

คุนป้าชิวโกรธจัดจนกลายเป็นหัวเราะ เหมือนได้ยินเรื่องน่าขันครั้งใหญ่

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนหลายหมื่นก็หัวเราะตามมา เจ้าหลินสวินนี่ช่างบ้าระห่ำถึงขั้นไม่รู้ดีชั่วจริงๆ!

“พูดไร้สาระกับเขาให้น้อยหน่อย ลงมือเถอะ!”

มีคนตวาดลั่น

“เอาตามนั้น พวกเราลงมือพร้อมกัน สังหารเจ้าหมอนี่ คนอื่นๆ ไปเหยียบที่นี่ให้สิ้นซาก จำไว้ ไม่อนุญาตให้ปล่อยแพะสองขาไปแม้สักคน!”

และมีคนกล่าวเสียงกึกก้อง ไอสังหารทะลุทะลวง

ตูม!

พริบตานี้ไอสังหารไร้ใดเปรียบกึกก้องสนั่นฟ้าดิน ใต้หล้าปั่นป่วน เมฆลมเปลี่ยนสี ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนทั้งหมดเคลื่อนไหวพร้อมกัน

แค่กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงนั้นก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณแข็งทื่อไปทั้งตัว ผิวหนังพลันแสบแปลบ

นี่หากต้องปะทะซึ่งหน้า คงไม่ต่างอะไรกับการเอาไข่ไปกระทบหิน!

ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็น ว่ามีพลังขับเคลื่อนของมกุฎอริยะหลายสิบสายมุ่งเป้ามาที่ตนจากทั่วสารทิศ

“ออกโจมตี!”

คุนป้าชิวตวาดลั่น เสียงราวฟ้าร้อง

พร้อมกันนี้หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง รุ้งเทพผุดผ่องงามแปลกตาแถบหนึ่งพลันพุ่งออกไป

……………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset