Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1553 แดนพิฆาตยอดนภา

เสียงเป่าเขาสัตว์ดังกังวานก้องฟ้าดิน กลองศึกราวอสนีบาต

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนสองแสนหนึ่งหมื่นบุกโจมตีดังสนั่นจากต่างพื้นที่และทิศทาง!

สมบัติและวิชามรรคมืดฟ้ามัวดินโฉบพุ่ง วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นต่างกันไป พุ่งสังหารมาทางค่ายชั่วคราว

ชิดถี่เหมือนพายุฝนโหมกระหน่ำ!

ห้วงอากาศปั่นป่วน ปฐพีสั่นสะเทือน ในยามนี้ฟ้าดินต่างไร้สี ถูกแสงพร่างพรายงามตระการปกคลุม

ภาพเช่นนั้นช่างราวกับโลกจะดับสลายจริงๆ

น่าหวาดกลัวเกินไป!

แม้แต่เซ่าเฮ่าและรั่วอู่เห็นภาพนี้ก็ยังอดสูดหายใจเย็นไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ส่วนคุนป้าชิวและมกุฎอริยะทั้งหมดก็ชิงลงมือก่อนการโจมตีรอบด้านนี้จะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ละคนเคลื่อนขวางแหวกอากาศ พุ่งพิฆาตเข้ามา

เป้าหมายเล็งไปที่หลินสวินคนเดียว!

สถานการณ์อันตรายถึงขีดสุดในชั่วขณะเดียว

ทว่าพร้อมกันนี้หลินสวินก็สะบัดแขนเสื้อ รุ้งเทพแถบหนึ่งพุ่งออกไปรวมทั้งหมดยี่สิบสี่สาย ล้วนแต่เป็นธงกระบวนที่หลอมจากสมบัติอริยะ พุ่งโฉบไปยังทิศทางต่างๆ ของค่ายชั่วคราวแล้วหายไปในพริบตา

ส่วนลึกใต้ดินที่ไม่มีใครมองเห็น ค่ายกลลายมรรคหลายแห่งที่ถูกปกคลุมไว้นานแล้วพลันมีแสงเจิดจ้า เหมือนตื่นขึ้นจากการหลับใหล

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

เพียงพริบตาค่ายกลป้องกันทั้งแปดผุดขึ้นมาราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ค่ายกลลายมรรคแน่นหนาและกว้างใหญ่ไพศาลแผ่ออกมาราวมหาสมุทร ปกคลุมค่ายชั่วคราวที่กว้างใหญ่นั้นไว้ภายใน

มองจากไกลๆ จะคล้ายเปลือกไข่ใบมหึมาที่งามตระการหาใดเปรียบครอบลงมาบนค่ายชั่วคราว ปรากฏม่านแสงสีทองจ้าตาแถบหนึ่ง

ในม่านแสงมีลายมรรคเหมือนละอองฝนเซียนเหินไหลวน วิวัฒน์เป็นมายาเทพดั่งภาพลวงตามากมาย บ้างนั่งสมาธิเคร่งขรึม บ้างอ่านคัมภีร์ บ้างกุมทวนโลดแล่นทั่วทิศ ไม่มีใครไม่เต็มไปด้วยแสนยานุภาพ

ศักดิ์สิทธิ์สง่างามเหมือนทวยเทพของอาณาจักรแห่งหนึ่ง อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่อาจสั่นคลอน

ค่ายกลแปดพิทักษ์!

ขณะเดียวกันนิ้วมือของหลินสวินทำมุทรา สมบัติอริยะสี่ชิ้นที่ถูกหลอมเป็นจานกระบวนพุ่งวาบออกไปกลางอากาศแล้ววูบหาย

“ทะยาน!”

หลินสวินออกคำสั่งราวฟ้าลั่น

ตู้ม!

ในห้วงอากาศร้อยจั้งที่ร่างเขายืนอยู่ พลันมีค่ายกลใหญ่ที่ร่างขึ้นจากแสงดาวส่องประกาย

ทันทีที่ปรากฏก็เหมือนหมู่ดาวเหนือฟากฟ้าแถบหนึ่งอุบัติขึ้นบนโลก พาให้คนใจสั่นระรัวด้วยรู้สึกว่าไร้สิ้นสุด วังเวงและเกรียงไกร

‘ยอดนภา’ แห่งสี่ยอดค่ายกล!

ทุกการเคลื่อนไหวหลินสวินทำสำเร็จในชั่วพริบตา เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

เวลานี้การจู่โจมสังหารของมกุฎอริยะทั้งหมดมาถึงแล้ว

ตูม!

เสียงปะทะชวนประหวั่นสะเทือนโสตประสาทดังก้องนภา เหมือนภูเขาไฟลูกแล้วลูกเล่าปะทุขึ้นพร้อมกัน หมอกแสงเจิดจ้าสาดกระจาย ละอองฝนโหมกระหน่ำ ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วน

“อะไรกัน?!”

เสียงตกตะลึงดังขึ้น

“มีค่ายกลใหญ่วางไว้ดังคาด!”

ห่างออกไปมกุฎอริยะทุกคนแววตาส่องประกายแปลกใจไม่หยุด ล้วนเกินคาดหมายอยู่บ้าง

ในสายตาของพวกเขา ตรงที่หลินสวินยืนอยู่เหมือนแถบหมู่ดาว ธารดาราไหลวนพลิ้วไหว แสงดาวสะท้อนระยับ โคจรพลังที่ลึกซึ้งยากหยั่งถึงออกมา

การโจมตีสังหารทั้งหมดของพวกเขาก่อนหน้านี้ ล้วนถูกสลายด้วยการปะทะค่ายกลนี่!

หลินสวินที่ยืนตระหง่านอยู่ในหมู่ดาว ผมดำพลิ้วไหว อาบไล้ด้วยประกายดาราเปล่งประกายไปทั้งตัว บริสุทธิ์ผุดผ่องและยากจับต้องเหมือนบุตรแห่งดวงดาวจริงๆ

ตูม ครืน!

เสียงปะทะทึบหนักเสียดหูหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง กระหึ่มไปทั่วทิศปานปกคลุมฟ้าดิน ทำให้พื้นปฐพีแตกระแหง

จากนั้นเสียงร้องก็ดังระงมไม่ขาดหู

ก็เห็นว่ารอบค่ายชั่วคราวมีม่านแสงสีทองชั้นหนึ่งปกคลุม ค่ายกลลายมรรคเปลี่ยนเป็นมายาทวยเทพนั่งบัญชาอยู่ภายใน ราวกับอาณาจักรของเหล่าเทพ

การโจมตีน่าพรั่นพรึงที่คำรามก้องมาจากทั่วสารทิศ ล้วนถูกม่านแสงสีทองนั้นขวางไว้ด้านนอก เกิดเสียงปะทะแต่กลับไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย!

“นี่…”

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนต่างแตกตื่นไม่กล้าเชื่อ เดิมพวกเขาคิดว่าอาศัยการโจมตีนี้ ก็พอจะทำลายค่ายชั่วคราวให้พินาศย่อยยับได้แล้ว

แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงที่น่าตระหนกเช่นนี้ขึ้น!

นั่นคือค่ายกลอะไร ถึงกับต้านการโจมตีจากทัพใหญ่ของพวกเขาได้

ในค่ายชั่วคราว ใจที่เคร่งเครียดของเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ยามนี้ล้วนผ่อนคลายลง มีความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ก่อนหน้านี้พวกเขายังเกือบจะลงมืออย่างอดไม่อยู่!

ส่วนผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง ในยามนี้ก็ต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดี

ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้ในใจของพวกเขาประหม่า ว้าวุ่นและกดดันเพียงใด ยังคิดว่าภายใต้การบุกจู่โจมครั้งนี้ เป็นไปได้สูงว่าจะล้มตายกันเป็นเบือ

แต่ไหนเลยจะคิดว่าม่านแสงสีทองราวบดบังฟ้าคลุมตะวันสายหนึ่งจะปรากฏ ปกป้องพวกเขาทุกคนไว้ภายใน ทั้งหมดล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!

นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกมึนงงเหมือนดั่งฝัน เมื่อมองไปยังเงาร่างของหลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศอีกครั้ง ทุกคนก็เผยสีหน้าตื่นเต้น เร่าร้อน และฮึกเหิมอย่างอดไม่ได้

หลายวันนี้พวกเขาต่างรู้ดีว่าหลินสวินยุ่งมาตลอด วางกระบวนค่ายกลอย่างหามรุ่งหามค่ำ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าค่ายกลที่เขาวางนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน

แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้ว!

วู้ม…

ม่านแสงสีทองเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าแผ่ไพศาล เหมือนป้อมปราการที่มั่นคงยากทำลายที่สุดบนโลกปกคลุมค่ายชั่วคราวไว้ภายใน

เบื้องหน้านั้นค่ายกลสังหารยอดนภาแปลงเป็นลักษณ์หมู่ดาวพร่างฟ้า ขับเน้นอยู่รอบตัวหลินสวิน แผ่คลื่นเร้นลับที่พาให้ผู้คนใจสั่นระรัว

ทุกอย่างนี้ทำให้ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนผิดคาด ไม่ทันตั้งตัว สีหน้าวูบไหวไม่หยุด

“ฮึ! ก็แค่ค่ายกลใหญ่เท่านั้น เหยียบมันซะก็จบ!”

คุนป้าชิวแค่นเสียงเย็นชา

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในอดีตก็ใช่ว่าไม่เคยถล่มที่นี่มาก่อน”

และมีคนหัวเราะเหี้ยมเกรียม

ต่อให้มีค่ายกลใหญ่ขวางอยู่แล้วอย่างไร

มกุฎอริยะเจ็ดสิบคน กองทัพใหญ่สองแสนหนึ่งหมื่น มีหรือจะยอมรามือ

กำจัดให้สิ้นซากซะก็จบ!

นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลมกล่าวเฉยชา “เมื่อครู่พวกเจ้าไม่ได้ถามหรือว่าทำไมยังไม่สร้างเมือง เพราะ… ขาดวัตถุดิบอย่างไรเล่า! ตอนนี้พวกเจ้ามาแล้วก็นับว่าเริ่มได้”

คุนป้าชิวพลันยิ้มหยัน เจ้าหมอนี่เอาตัวไม่รอดยังคิดจะสร้างเมือง ช่างเสียสติและบ้าถึงที่สุดจริงๆ!

“ลงมือ!”

มกุฎอริยะทั้งหมดตวาดลั่น

ตูม!

เสียงเป่าเขาสัตว์ก้องกังวาน เสียงกลองศึกดุเดือดดังก้องขึ้นกลางฟ้าดินอีกครั้ง

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนล้อมโจมตีเต็มกำลัง รุกรานดุจสายลม แต่ละคนราวกับพวกอันธพาล ลงมืออย่างไม่ออมแรงแม้แต่น้อย

วิชามรรคพร่างพรายงามตระการ

สมบัติสารพัดสารพัน

…สาดเทลงมาจากกลางฟ้าดินเหมือนไม่เสียดาย เป็นภาพอลหม่านและน่ากลัวหาใดเปรียบ

ต่อให้รู้ดีว่ามีค่ายกลใหญ่ปกป้อง แต่ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณก็ยังอดประหม่าไม่ได้ การโจมตีนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เหมือนเขื่อนแตกกระแสน้ำหลาก พอที่จะบดทำลายพวกเขาได้อย่างง่ายดาย!

แต่หลังจากเห็นว่าการโจมตีพวกนี้ ไม่ว่าจะดุดันและชวนประหวั่นแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังถูกค่ายกลใหญ่ขวางไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น ใจที่ตึงเครียดของผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

ตรงกันข้ามด้านทัพใหญ่เจ็ดดินแดนนั้น แต่ละคนกลับสีหน้าอึมครึมกรุ่นโกรธ

ค่ายกลใหญ่แห่งหนึ่ง ถึงกับไม่อาจถูกสั่นคลอน?

พวกเขาไม่เชื่อ!

เพียงพริบตาการโจมตีของพวกเขาดุดันยิ่งกว่าเดิมแล้ว อริยะแท้มากมาย ราชันระดับอมตะเคราะห์ทั้งหมดล้วนใช้พลังที่แท้จริง

เพียงแต่พวกเขาไม่สังเกตเห็นสักนิดว่าส่วนลึกใต้ดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา กำลังมีค่ายกลลายมรรครอยแล้วรอยเล่าโคจรอย่างเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง

“ตาย!”

บนท้องฟ้ามกุฎอริยะทั้งหมดลงมือแล้ว กำลังถล่มจู่โจม ‘ค่ายกลสังหารยอดนภา’ ที่อยู่หน้าหลินสวิน

การโจมตีของพวกเขาน่าหวาดกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย พลังของวิชามรรคที่ใช้ อานุภาพของสมบัติอริยะที่ควบคุม ล้วนเรียกได้ว่าน่าพรั่นพรึงไร้ขีดจำกัด

ภายใต้การกระหน่ำโจมตีนี้ ค่ายกลสังหารยอดนภาม้วนซัดไปพักหนึ่ง ดวงดาวโดยรอบส่องแสงระยับปั่นป่วน

“เจ้าสวะ ตอนนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าคนเดียวเคยบีบจนเมืองอารักษ์มรรคของดินแดนโบราณมารโลหิตไม่มีใครกล้าออกมาสู้หรือ ทำไมตอนนี้เจ้ากลับหดหัวไม่ออกมาเล่า”

มีคนหัวเราะลั่น กล่าวเหน็บแนม

“ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าพลาดเหตุการณ์ยอดเยี่ยมยามสร้างเมือง”

น้ำเสียงของหลินสวินเฉยชา

“ฮ่าๆๆ เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วรึ ค่ายกลใหญ่ตรงหน้าจะถูกทำลายอยู่แล้ว ยังคิดจะสร้างเมืองอีกหรือ”

ผู้คนมากมายต่างเริงร่า หัวเราะลั่นไม่หยุด

ช่างไร้สาระจริงๆ ทัพใหญ่บีบอยู่ตรงหน้า เจ้าหมอนี่คิดว่าอาศัยค่ายกลพวกนี้แล้วจะต้านการสังหารของพวกเขาได้หรือ

ยามนี้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่อยู่ในค่ายชั่วคราวก็ยังแปลกใจไม่หยุด เวลานี้หลินสวินยังมีความคิดจะสร้างเมืองอีกหรือ

“น่าจะได้เวลาแล้ว เบิกตาสุนัขของพวกเจ้าดูให้ดี!”

กลับเห็นหลินสวินก้าวไปข้างหน้าทันที ชี้นิ้วไปยังที่ห่างไกล ริมฝีปากขยับพูดคำหนึ่งออกมาเบาๆ

“ทะยาน!”

ตูม!

นอกระยะสามสิบลี้ ที่นั่นมีทัพใหญ่ของศัตรูครองอาณาเขตอย่างแน่นหนา แต่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขากลับมีอักขระพร่างฟ้าพุ่งออกมา งามแปลกตาเหมือนตะวันเต็มดวงมากมายลอยขึ้นมาจากใต้ดิน!

ชั่วพริบตา ‘ค่ายกลสังหารแดนพิฆาต’ ทะยานสู่ฟากฟ้า

ทันทีที่โคจรก็เห็นกระบี่เทพเรือนพันเรือนหมื่นที่รวมตัวจากอักขระพุ่งสังหารออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

“แย่แล้ว!”

“หลบเร็ว!”

เสียงร้องตะโกนดังก้อง แต่หลบหลีกไม่ทันแล้ว ก็เห็นว่าในพื้นที่แถบนั้น ขอแค่เป็นศัตรูที่ถูกค่ายกลใหญ่ปกคลุมไว้ภายในล้วนถูกโจมตีจนถึงชีวิต

ฉึบๆๆ!

เงาร่างกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกปราณกระบี่ดุดันไร้ใดเปรียบสังหารราววัชพืช เลือดแดงสดและซากศพที่แตกละเอียดสาดพรม

แค่ชั่วพริบตาอย่างน้อยก็มีศัตรูนับร้อยถูกฆ่า ภายในนั้นยังมีอริยะแท้หลายคนที่หลบไม่ทันด้วย!

ตูม!

เมื่อค่ายกลสังหารแดนพิฆาตโคจรเต็มกำลัง กลางฟ้าดินก็เหมือนมีกระบี่เทพนับไม่ถ้วนคำรามก้องอย่างบ้าคลั่ง ตัดสะบั้นฟ้าดิน มีอานุภาพที่ไม่อาจทัดเทียม

และศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็ล้วนถูกปกคลุมอยู่ในนั้น ไม่มีใครหนีรอด ถูกปราณกระบี่ชิดถี่ม้วนพัด บดละเอียดและล้างบางราวกระแสน้ำหลาก!

อานุภาพน่าหวาดกลัวนั้นทำให้ ณ ที่นั้นอลหม่านไปทั้งแถบ เสียงอุทาน หวีดร้อง คำรามและโหยหวนดังระงมไม่ขาดหู

เพียงพริบตาเหล่ามกุฎอริยะที่กำลังจะถล่ม ‘ค่ายกลสังหารยอดนภา’ ต่างนัยน์ตาหดรัด สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ในพื้นที่ใกล้เคียงนี้มีค่ายกลสังหารน่ากลัวไร้ขีดจำกัดซ่อนอยู่ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขากลับไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย!

ในค่ายชั่วคราวผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมดก็ยังสูดหายใจเย็นเยียบ ตื่นเต้นจนเบิกตากว้าง นี่คือกระบวนท่าสังหารที่แท้จริงซึ่งหลินสวินดักซุ่มไว้หรือ

แกร่งไปแล้ว!

แค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ก็มีศัตรูสามพันกว่าคนถูกค่ายกลสังหารแดนพิฆาตกวาดล้างสิ้น ซากศพและน้ำเลือดกองอยู่กับพื้น กลิ่นอายคาวเลือดทะยานฟ้า

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่โชคดีหนีออกจากค่ายกลสังหารใหญ่ได้ต่างตกใจจนหน้าซีดเผือด ล้วนมีความรู้สึกตื่นตระหนกเหมือนหนีรอดจากความตายมาได้

ภาพต่างๆ เมื่อครู่นั้นนองเลือดและน่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset