เหนือเวิ้งฟ้า แสงเลือดดุจของเหลวข้น และเสียงของอริยะร่วงหล่นยังคงก้องสะท้อน
บนห้วงอากาศสูง พร้อมๆ กับชายเสื้อที่โบกไหวชของหลินสวิน ในละแวกรัศมีร้อยลี้ที่มีค่ายชั่วคราวเป็นจุดศูนย์กลาง ภูเขาสีทองที่สร้างขึ้นจากอิฐยักษ์สีทองกองสะสมลูกแล้วลูกเล่าแผ่ลายมรรคงดงามออกมา
ก้อนอิฐเหล่านี้แต่ละก้อนล้วนมีความยาวหนึ่งจั้ง หนาสองฉื่อ แสงมันวาวราวกับกระจก ทั่วทั้งก้อนล้วนสร้างขึ้นจากทรายทองผลึกอากาศ อบอวลด้วยประกายทองอร่ามอันเป็นเอกลักษณ์
และบนก้อนอิฐแต่ละก้อนก็ถูกหลินสวินสลักลายมรรคไว้ตั้งแต่ต้น เวลานี้เมื่อโคจรค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ ภูเขาสีทองที่ประกอบจากก้อนอิฐกองสะสมลูกแล้วลูกเหล่านี้ก็เกิดการตอบสนองต่อค่ายกลใหญ่ขึ้นมาด้วย
จากนั้นซากศพและหยาดเลือดที่ฝังอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ล้วนถูกรวบรวม ภายใต้การโคจรของพลังกระบวนค่ายกล แผ่ครอบบนภูเขาสีทองแต่ละลูก
ชั่วขณะหนึ่งภูเขาสีทองหลายลูกไม่มีลูกไหนไม่ถูกซากศพกองสุม ชุ่มโชกเลือดแดงฉาน!
ครืน!
จวบจนครึ่งชั่วยามให้หลัง พร้อมๆ กับการควบคุมพลังกระบวนค่ายกลใหญ่ของหลินสวิน ภูเขาสีทองแต่ละลูก ก้อนอิฐสีทองมหึมานับไม่ถ้วนในอาณาเขตร้อยลี้นี้ล้วนส่งเสียงกึกก้องแปลกประหลาดออกมา
“ทะยาน!”
ริมฝีปากหลินสวินเอ่ยออกมาเบาๆ
ทันใดนั้นก้อนอิฐสีทองก้อนแล้วก้อนเล่าพากันก่อตัวขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ
ผู้แข็งแกร่งทุกคนในค่ายต่างกลั้นหายใจ จิตจดจ่อโดยไม่รู้ตัว เผยแววสะท้านลุ่มหลง
ในครรลองสายตาของพวกเขา กำแพงสีทองที่ชโลมสีเลือดทะยานจากพื้นขึ้นไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ปึงๆๆ!
ตอนที่ก้อนอิฐสีทองก่อตัว เสียงก้องอื้ออึงที่ดังก้องต่อเนื่องเหมือนกับเสียงผัดเมล็ดถั่วไม่หยุด
บนเวิ้งฟ้าหลินสวินสีหน้าจดจ่อ ขยับสิบนิ้วสองมือเป็นพักๆ ตั้งจิตควบคุมและโคจรทั้งกระบวนค่ายกลอย่างประณีตละเอียดอ่อน
คราแรกตอนที่วางกระบวนค่ายกล หลินสวินก็ร่างรายละเอียดแต่ละจุดของการสร้างเมืองไว้เป็นอย่างดี เช่นตำแหน่งจัดวางภูเขาสีทองแต่ละลูก ลายมรรคที่สลักบนก้อนอิฐแต่ละก้อน รวมถึงจะทำอย่างไรให้เกิดการผสานอย่างสมบูรณ์กับกระบวนค่ายกลใหญ่ในตอนที่สร้างเมือง…
ปัญหาทั้งหมดนี้ ในช่วงครึ่งปีมานี้ถูกหลินสวินร่างแผนจัดวางมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ต้น สุดท้ายจึงกำหนดรายละเอียดทั้งหมดตอนสร้างเมืองได้สำเร็จ
ที่ทำเช่นนี้ จุดประสงค์ของหลินสวินนั้นง่ายมาก ก็เพื่อสร้างเมืองอมตะให้ดินแดนรกร้างโบราณ เมืองที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลาย บังแดดบังฝน ต้านศัตรูไว้ภายนอก!
แม้ว่าต่อจากนี้จะมีการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนอุบัติขึ้นอีก เมืองนี้ก็ยืนยงไม่เสื่อมคลาย!
และตอนนี้ ก็แค่ทำให้เมืองอารักษ์มรรคแห่งนี้เกิดขึ้นจริงตามเจตนารมณ์
“มกุฎอริยะเจ็ดสิบคน ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนสองแสนกว่าคน รวมกับศพและเลือดที่รวบรวมมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ถึงกับกลายเป็นวัสดุสร้างเมืองในมือหลินสวิน…”
ในใจรั่วอู่อึ้งงัน “หากศัตรูพวกนั้นรู้ความจริงข้อนี้เข้า เกรงว่าคงจะโกรธจนเต้นเร่าเหมือนโดนฟ้าผ่าเป็นแน่”
“ข้าสงสัยว่าตั้งแต่ตอนที่วางกระบวนค่ายกลเมื่อครึ่งปีก่อน หลินสวินก็พิจารณาถึงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้แล้ว อาศัยเลือดเนื้อของศัตรูสร้างเมืองอารักษ์มรรคของพวกเราดินแดนรกร้างโบราณ นี่มันบ้าระห่ำปานใด แต่เขาดันทำสำเร็จแล้ว”
เซ่าเฮ่ารำพึงรำพัน
เนตรดาราของรั่วอู่ดุจมายา กล่าวเสียงเข้ม “อันที่จริงพวกเราน่าจะรู้ดีแต่แรก ว่าเบื้องหลังการกระทำที่เหมือนใจกล้าเกินคนของหลินสวินนั้น อันที่จริงล้วนวางอุบายและเตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์หมดแล้ว เพียงแต่ว่าคนทั่วไปยากจะทำความเข้าใจต่อความทุ่มเททั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็เท่านั้น”
“ทำในสิ่งที่ผู้อื่นทำไม่ได้ ย่อมเป็นยอดบุรุษยิ่งใหญ่ ผู้กล้าที่แท้จริง หลินสวินเจ้าหมอนี่… จะให้ผู้คนไม่ยอมแพ้คงไม่ได้”
เซ่าเฮ่าลูบจมูกป้อยๆ สายตาแลดูซับซ้อนเล็กน้อย
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยล้มเลิกความคิดจะวัดฝีมือกับหลินสวิน แต่นานวันเข้า หลังจากเห็นเรื่องราวน่าตกใจของหลินสวินมากมาย ขนาดเขายังอดสงสัยไม่ได้ว่าการดึงดันคิดแต่จะวัดฝีมือกับปีศาจเช่นนี้ เป็นการหาเรื่องลำบากใส่ตัวมากเกินไปหรือไม่
“สิ่งเดียวที่ข้ากังวลใจคือ หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ศัตรูแปดดินแดนต้องเห็นหลินสวินเป็นภัยร้ายแน่นอน ต่อไป… ก็ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายมาเยือนเขามากมายปานใด”
รั่วอู่กล่าวเสียงลุ่มลึก
การต่อสู้ครั้งนี้ หลินสวินใช้พลังของตนคนเดียวหว่านแหรวบศัตรูทั้งหมด เพื่อสังหารทั้งทัพใหญ่เจ็ดดินแดน ผลงานระดับนี้ย่อมปิดไม่มิด
เมื่อศัตรูแปดดินแดนรู้ข่าวพวกนี้เข้าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบไหนกัน
“ดังนั้นพวกเราต้องเร่งทำเวลา หากหมายจะสู้กับพวกศัตรูแปดดินแดน ลำพังอาศัยแค่หลินสวินคนเดียวยังไม่พอ ฝั่งดินแดนรกร้างโบราณของพวกเรา มีแต่ต้องมีมกุฎอริยะปรากฏให้มากกว่านี้ ถึงจะมีรากฐานพลังในการชิงชัยในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้”
เซ่าเฮ่าแววตาแน่วแน่
ในหมู่ศัตรูแปดดินแดน ผู้แข็งแกร่งดุจปุยเมฆ ลำพังแค่มกุฎอริยะยังไม่รู้ว่ามีมากมายเท่าไหร่
ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนในวันนี้ถึงแม้จะดับสิ้นทั้งหมด แต่หากวิเคราะห์จริงจังแล้ว แต่ละดินแดนก็สูญเสียเพียงมกุฎอริยะสิบคนและกำลังพลสามหมื่นเท่านั้น
และควรรู้ว่าตอนที่หลินสวินอยู่โลกมารโลหิต ก็สังหารมกุฎอริยะสามสิบคนและผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่!
เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ก็จะเห็นว่า การสูญเสียครั้งนี้แม้จะใหญ่ แต่สำหรับค่ายทัพเจ็ดดินแดนเหล่านั้น ยังไม่ถึงขั้นบอบช้ำเจ็บหนักเพราะเรื่องนี้นัก
แต่เมื่อผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ขุมอำนาจศัตรูแปดดินแดนต้องมองพลังของดินแดนรกร้างโบราณใหม่ ต่อไปก็จะรวบรวมพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อมาล้อมกำราบดินแดนรกร้างโบราณอย่างแน่นอน!
“เจ้าพูดไม่ผิด สิ่งที่ดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราขาดไปในตอนนี้ ก็คือจำนวนผู้แข็งแกร่งในระดับมกุฎอริยะ”
รั่วอู่กล่าวเสียงขรึม “ผ่านไปอีกราวๆ ครึ่งปี ‘แดนลับสนามแม่เหล็ก’ ที่มีจุดเปลี่ยนมกุฎอริยะก็จะปรากฏ หลินสวินเคยบอกว่าถึงตอนนั้นจะช่วยสนับสนุนผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ ทำให้พวกเขามีโอกาสไปช่วงชิงการบรรลุมกุฎอริยะ”
“แดนลับสนามแม่เหล็กหรือ”
เซ่าเฮ่าถอนใจเบาๆ “ยังมีเวลาครึ่งปี หวังว่า… อย่าเกิดการพลิกผันครั้งใหญ่เกินไปแล้วกัน…”
ไกลออกไปหลินสวินเอาแต่เพ่งสมาธิไปที่สร้างเมือง ลืมเลือนตัวตนจนหมดสิ้น
……
โลกขุมอุดร
ณ ทะเลลมกรด คุนตัวมหึมายาวเต็มหมื่นจั้งตัวหนึ่งกำลังตวัดคลื่น เกลียวคลื่นที่เกิดขึ้นล้วนซัดห้วงอากาศจนแหลกกระจุย กลายเป็นกระแสน้ำวนน่าสะพรึงพุ่งทะลุชั้นเมฆ พัดสลายเมฆเป็นจุณ
สวบ!
ไม่ทันไรคุนตัวนี้ก็กลายร่างเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมดำแขนกว้าง ดวงหน้าดุจหยกเกี้ยวประดับ นัยน์ตาดั่งวังน้ำวนทั้งคู่มีประกายเทพน่าสยดสยองพุ่งวาบ
เงาร่างเขาเพียงขยับไหวก็มาถึงเบื้องหน้าตำหนักบนเกาะแห่งหนึ่ง
“ขอแสดงความยินดีกับนายน้อย ที่แตะธรณีประตูแห่งการหลอมสร้างวิชาแห่งตนแล้ว!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าแซ่คุนคนหนึ่งเดินขึ้นมาต้อนรับ สีหน้าฉายแววยินดี
“ก็แค่สัมผัสธรณีประตูเท่านั้น จากนี้ไปยังมีหนทางยาวไกลให้ก้าวเดิน ไม่คุ้มกับการตื่นตูมด้วยเหตุเล็กน้อย”
คุนเซ่าอวี่ถอนใจเบาๆ ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่หว่างคิ้วของเขากลับเจือแววลำพองอย่างปิดไม่มิด
ในแปดดินแดน บุคคลแห่งยุคเช่นพวกเขา ผู้ที่สามารถเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะมีให้เห็นไม่น้อย
แต่ทันทีที่เหยียบย่างระดับมกุฎอริยะก็สัมผัสธรณีประตู ‘สร้างวิชาอริยะ’ เช่นเขา ย่อมมีน้อยยิ่งกว่าน้อยแน่นอน
ในดินแดนโบราณขุมอุดร ด้วยพลังต่อสู้ในปัจจุบันของเขาก็สามารถเปิดสำนักตั้งลัทธิ ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นก้มหัวศิโรราบได้แล้ว!
ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องแสดงความยินดี คุนเซ่าอวี่เดินเข้าไปให้โถงใหญ่ เดินไปพลางกล่าวไปพลาง “ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนบุกโจมตีครั้งนี้ คราวนี้ดินแดนรกร้างโบราณต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย หากเป้าหมาย ‘ตัดรกร้างโบราณ’ สำเร็จลุล่วง ต่อไปก็ควรคิดเรื่อง ‘ชิงชัยในแปดดินแดน’ แล้ว”
กล่าวถึงตรงนี้เขาเหมือนคิดอะไรออก อดหัวเราะเยาะหยันไม่ได้ “ข้ากล้ามั่นใจว่าหากแปดดินแดนเริ่มเปิดม่านชิงอำนาจ ดินแดนโบราณมารโลหิตที่เซวี่ยชิงอีอยู่จะต้องตกอยู่ในสภาพเป็นรองแน่!”
ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณขุมอุดรในโถงใหญ่ไม่มีใครไม่หัวเราะผสมโรง
สมรภูมิเก้าดินแดนในตอนนี้ เซวี่ยชิงอีและดินแดนโบราณมารโลหิตที่อยู่เบื้องหลังเขากลายเป็นตัวตลกให้คนทั้งโลกหล้าหัวเราะเยาะ ถูกดินแดนอื่นๆ เยาะเย้ยและดูแคลนไปแล้ว
สวบ!
และในเวลานี้เอง จดหมายที่เกิดจากรุ้งเทพสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในโถงใหญ่
“ภารกิจกวาดล้างสังหารแพะสองขาดินแดนรกร้างโบราณปิดม่านลงแล้วรึ ไม่เลวๆ เร็วกว่าเวลาสิ้นสุดที่ข้าคาดการณ์ไว้หน่อย”
คุนเซ่าอวี่จิตใจฮึกเหิม ยิ้มพลางหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน
“ฮ่าๆๆ นี่เดิมก็เป็นเรื่องที่เป็นไปตามแผนการอยู่แล้ว มกุฎอริยะเจ็ดสิบคนเต็มๆ ทัพใหญ่สองแสนหนึ่งหมื่น สู้สบายๆ ก็สามารถกวาดล้างผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณนั่นจนหมดเกลี้ยงในคราเดียว”
มีคนหัวเราะลั่น
“เจ้าสวะที่ชื่อหลินสวินนั่นล่ะ คงตายไปแล้วเช่นกันกระมัง ก็ไม่รู้ว่าตอนที่เซวี่ยชิงอีรู้ข่าวพวกนี้เข้า จะนึกเสียดายที่พลาดโอกาสล้างแค้นนี้ไปหรือไม่”
และมีคนเยาะหยัน
เพียงแต่ทุกคนค่อยๆ พบว่าปฏิกิริยาของคุนเซ่าอวี่ดูไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง
เขายืนอยู่ตรงนั้น มือหนึ่งกำจดหมาย แววตาแข็งทื่อ ดวงหน้าแข็งขืน รอยยิ้มตรงมุมปาก็ชะงักค้าง ราวกับถูกสาปอย่างไรอย่างนั้น
“นายน้อยเป็นอะไรไปหรือ”
ทุกคนต่างสงสัย
ทันใดนั้นจดหมายในมือคุนเซ่าอวี่ก็ระเบิดกระจุย สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นอึมครึมเขียวคล้ำหาใดเปรียบ แววตาเหมือนจะฆ่าคนไม่มีผิด กล่าวลอดไรฟันว่า “ถึงกับแพ้เช่นนี้เชียวหรือ!?”
ทุกคนต่างอึ้งงัน แพ้แล้ว?
มีคนกล่าวงึมงำ “นายน้อย ท่านบอกว่าดินแดนรกร้างโบราณแพ้แล้วอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติมากหรอกหรือ”
ปึง!
คุนเซ่าอวี่โกรธจนหน้าอกกระเพื่อม เตะคนผู้นั้นลอยคว้างออกไป อัดเข้ากับกำแพงอย่างแรงจนเลือดกบปากจมูก
ทุกคนล้วนตะลึงพรึงเพริด
คุนเซ่าอวี่ในยามนี้ดวงตาแดงก่ำ โทสะพุ่งทะยาน กลิ่นอายน่ากลัวเกินไปแล้วชัดๆ สีหน้าก็เหมือนถูกยั่วโมโห
ไม่นานทุกคนก็เข้าใจถึงข่าวที่เขียนมาในจดหมายแล้ว ทันใดนั้นโถงใหญ่ก็ประหนึ่งหม้อน้ำเดือดทันที
“เป็นไปไม่ได้!”
“ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนถูกกักขังล้อมฆ่าทั้งหมด ไม่มีใครรอดกลับมาสักคน ข่าวนี้ต้องเป็นเรื่องเท็จแน่ เรื่องเท็จ!”
“น่าชังนัก เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
สีหน้าคนใหญ่คนโตแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยแววตกใจแกมเดือดดาล แต่ละคนโมโหเดือน ยากจะทำใจยอมรับ
นั่นเป็นถึงมกุฎอริยะเจ็ดสิบคนและทัพใหญ่สองแสนกว่าคนเชียวนะ แต่ถึงกับถูกหลินสวินคนเดียวฆ่าหรือ
ใครจะเชื่อ!?
คุนเซ่าอวี่เองก็ไม่กล้าเชื่อ ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าจะจัดการเรื่องการชิงชัยระหว่างแปดดินแดนอย่างไร หลังจากเป้าหมายตัดดินแดนรกร้างโบราณสำเร็จ
ใครจะไปคาดคิดว่าความเป็นจริงกลับเหมือนฝ่ามือหนึ่งตบใส่บ้องหูเขาอย่างจัง!
“ตรวจสอบ จะต้องตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดมาให้ข้าให้ได้!”
คุนเซ่าอวี่สีหน้ามืดทะมึน ตวาดเสียงกร้าว
ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนบุกโจมตีครั้งนี้ มีเขาเป็นตัวตั้งตัวตี เดิมทีคิดว่าสามารถกวาดล้างผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณได้อย่างง่ายดาย
แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าดินแดนรกร้างโบราณไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายสักคน ก็สามารถทำลายล้างทัพใหญ่เจ็ดดินแดนทั้งหมดได้!
การโจมตีนี้รุนแรงเกินไป ทำให้คุนเซ่าอวี่ไม่อาจยอมรับได้
จนกระทั่งหนึ่งวันให้หลัง เมื่อข่าวที่แน่ชัดส่งกลับมาและได้รับการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุนเซ่าอวี่ก็อึ้งค้างโดยสมบูรณ์ นิ่งงันเหม่อลอย
ถึงกับเป็นเรื่องจริง!
ทัพใหญ่เจ็ดดินแดน ไม่มีใครรอดกลับมาสักคน!
“หลินสวินนั่นน่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ หรือ”
นัยน์ตาคุนเซ่าอวี่เปี่ยมด้วยไอเย็นเยียบ การแพ้อนาถในครั้งนี้ไม่ถึงกับทำให้ดินแดนโบราณขุมอุดรเจ็บหนักสักเท่าไหร่
แต่จุดสำคัญคืออับอาบขายหน้าเกินไป!
ลองคิดดู เจ็ดดินแดนร่วมมือกัน เคลื่อนกำลังพลมากมายปานนี้ กลับถูกอีกฝ่ายจัดการราบคาบด้วยตัวคนเดียว ความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเช่นนี้ แม้แต่ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีมาก่อน!
——