มกุฎอริยะลงมือพร้อมกัน อานุภาพระดับนั้นจะธรรมดาได้อย่างไร
กลางฟ้าดิน เต็มไปด้วยไอสังหารหนาแน่นราวกับแก่นแท้ แผ่เสียงสังหารอริยมรรคมากมายที่สะเทือนจิตวิญญาณออกมา
ภูผาธาราพันลี้ ล้วนทรุดทลายอย่างไร้สุ้มเสียง!
เพียงแค่กลิ่นอายก็เพียงพอจะทำให้อริยะแท้รู้สึกถึงความสิ้นหวัง สำหรับผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าระดับอริยะ หากถูกม้วนเข้าไปจะต้องตายอย่างแน่นอน
และในบรรยากาศที่กดดันอย่างที่สุดนี้ หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ก้าวย่างกลางห้วงอากาศ
ชิ้ง!
กระบี่ยอดสังหารที่เตรียมพร้อมรอลงมือนานแล้วส่งเสียงกราดเกรี้ยวออกมา ราวกับเสียงร้องด้วยความดีใจที่หมายจะได้ดื่มเลือดอริยะ ไอเข่นฆ่าดุดันปลดปล่อยออกมา
“จำนวนคนเท่านี้ยังคิดหยั่งเชิงพลังเบื้องลึกของข้าหรือ”
เสียงหัวเราะที่แฝงรสชาติเย้ยหยันดังขึ้น หลินสวินก้าวออกมา เงาร่างสูงโปร่งมีแสงมรรคคลุมเครือไหลเวียน ดวงตาดำเย็นเยียบ ราวกับเทพมารองค์หนึ่ง
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
“เจ้าบ้า ตายซะ!”
“ฆ่า!”
ในเสียงตะโกนแต่ละระลอก มกุฎอริยะสามสิบคนที่ล้อมเข้ามาราวกับพัด ถือสมบัติอริยะหลากสี ต่างสำแดงวิชาของตน โจมตีออกมา
ฟ้าดินพลิกตลบ สุริยันจันทราไร้แสง ชั่วพริบตาเดียวหลินสวินก็ถูกการโจมตีมากมายราวกับคลื่นมหาสมุทรโถมซัดปกคลุม
ตึง!
คนที่โจมตีเข้ามาเป็นคนแรกคือสงฆ์เฒ่าที่ท่าทางเคร่งขรึม ผิวหนังราวกับหล่อขึ้นจากหยกทอง ในมือถือคทาขักขระทองคำโจมตีหลินสวินจากด้านหน้า
คทาขักขระนั่นปรากฏเงามายาของมุนินทร์ สำแดงอานุภาพมังกรฟ้าที่ไพศาลดุดันสะเทือนฟ้าดิน
อีกด้านยังมีมกุฎอริยะหลายคนโจมตีขนาบมา
เด็กหนุ่มชุดขาวที่บนร่างพรั่งพรูเพลิงเทพสีม่วง เปลี่ยนเป็นกิเลนเพลิงม่วงที่ราวกับมีชีวิตตัวหนึ่ง ดูเสมือนจริง พลังล้นฟ้า มีอานุภาพพลิกแม่น้ำคว่ำสมุทร สะท้านสะเทือนภูผาธารา
เหนือศีรษะของนักพรตชุดดำคนหนึ่งมี ‘ระฆังจรัสควบคุมฟ้า’ ลอยอยู่ ตัวระฆังมีเงาร่างนักพรตนั่งอยู่ ปากระฆังสาดแสงขาวพันหมื่นสาย แสงขาวทุกสายล้วนรวมตัวจากกฎเกณฑ์อริยมรรคไร้สิ้นสุด สามารถชำระจักรวาล สังหารเทพผีจนสิ้น
นอกจากนี้ยังมีหญิงชุดเลือดที่ครอบครองพิณโบราณคนหนึ่ง และชายกลางคนหนวดโง้งที่ถือทวนอสรพิษอีกคน
นี่เป็นเพียงแค่การโจมตีระลอกแรกเท่านั้น บรรยากาศก็ครัดเคร่งแล้ว มืดฟ้ามัวดิน ดุดันท่วมฟ้า
หากเป็นมกุฎอริยะคนอื่นอยู่ที่นี่ ความคิดแรกก็คงเป็นหนี ไม่กล้าปะทะ
แต่หลินสวินกลับเป็นข้อยกเว้น
ชิ้ง!
เขาไม่ถอยกลับยังเดินหน้า ก้าวไปข้างหน้า กระบี่ยอดสังหารในมือชักนำประกายกระบี่นองเลือดยาวพันจั้ง ราวกับแม่น้ำนรกสายหนึ่งไหลลู่จากเก้าชั้นฟ้า
ตูม!
เสียงกึกก้องระเบิดดังกะทันหัน
ประกายกระบี่สีเลือดและคทาขักขระทองคำปะทะกัน คลื่นน่าหวาดหวั่นสองสายพุ่งชน เกิดเสียงดังปานฟ้าร้อง
สงฆ์เฒ่าคนนั้นรู้สึกเพียงว่ากำลังเผชิญการโจมตีจากแม่น้ำนรก คทาขักขระทองคำส่งเสียงครวญรุนแรง จะปลิวหลุดมืออยู่หลายครั้ง ซัดจนเขาจำต้องถอยหนี แม้แต่เลือดลมรอบตัวยังพลิกตลบ
สงฆ์เฒ่าตะลึง วิชาลับหลอมกายในมรรคธรรมที่เขาฝึก กายหยาบบรรลุอริยะ แข็งแกร่งอย่างที่สุด ไม่คิดว่ากลับถูกกำราบโดยสมบูรณ์ตั้งแต่การโจมตีแรกของการปะทะซึ่งหน้า!
หลินสวินดีดนิ้วหนึ่งออกมา วสันต์สารทชั่วพริบตายิงพุ่ง กิเลนเพลิงม่วงของเด็กหนุ่มชุดขาวยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็ถูกหนึ่งดรรชนีนี้ดีดจนปลิว ส่งเสียงร้องอนาถ
แต่ในเวลาเดียวกันระฆังจรัสควบคุมฟ้าของนักพรตชุดดำก็ทะยานลงมาจากฟ้าแล้ว ในระฆังแผ่ประกายขาวพันหมื่นออกมา ล้วนควบรวมจากกฎเกณฑ์อริยมรรค เป็นประกายระยิบระยับ ราวกับระเบียบมหามรรคอย่างไรอย่างนั้น
ชั่วพริบตาก็ปกคลุมร่างกายของหลินสวินเอาไว้
“ฆ่า!”
ฉวยโอกาสนี้ หญิงที่ควบคุมพิณโบราณ และชายกลางคนที่ถือทวนอสรพิษโจมตีขนาบมาจากสองฝั่งอย่างไม่ลังเลสักนิด
“กลอุบายแค่นี้ก็คิดอยากกักตัวข้าไว้หรือ ไสหัวไป!”
ร่างหลินสวินปรากฏแสงใสที่น่าสะพรึงในบัดดล เลือดลมเดือดพล่านราวกับมังกรเดือดดาลออกจากหุบเหว เมื่อตวาดออกมา พลังที่ปกคลุมรอบตัวราวกับแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
ตูมโครม!
ในประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ถาโถม ระฆังจรัสควบคุมฟ้าที่ลงมาเยือน หญิงที่ควบคุมพิณ และชายวัยกลางคนหนวดโง้งที่โจมตีเข้ามา ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกพลังซึ่งปลดปล่อยจากร่างของหลินสวินซัดจนถอยไปอย่างแรง
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น
ก็เห็นระฆังจรัสควบคุมฟ้าส่ายไปมา กระเด็นลอยไป
มุมปากของหญิงที่ควบคุมพิณหลั่งเลือด ชายกลางคนหนวดโง้งถูกซัดถอยไป ทุกก้าวย่างแม้แต่อากาศยังถล่มทลาย เลือดลมรอบตัวพลิกตลบ ทรมานจนแทบกระอักเลือด
การประมือในพริบตานั้น การล้อมโจมตีของอริยะห้าคนอย่างพวกสงฆ์เฒ่า นักพรตชุดดำ เด็กหนุ่มชุดขาว ถูกซัดจนสลายอย่างง่ายดาย!
มกุฎอริยะที่โจมตีมาจากทิศทางอื่นก็นัยน์ตาหดรัดลง สู้กันซึ่งหน้ายังคงแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนั้น ความน่ากลัวของหลินสวินเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก
ทว่าเพียงชั่วพริบตาเท่านั้นร่างของหลินสวินก็ราวกับถูกปกคลุมอีกครั้ง เพราะคนที่ล้อมโจมตีคราวนี้ไม่ได้มีเพียงห้าคน แต่เป็นมกุฎอริยะถึงสามสิบคน!
ตูมโครม!
ชั่วขณะเดียวในที่นั้นประกายแสงระเบิดออก วิชามรรคสลับทับซ้อน แสงสมบัติอริยะแพรวพราว ปรากฏการณ์ประหลาดตะลึงโลกมากมายซ้อนทับไปมา
ฟ้าดินราวกับถล่มทลายในตอนนี้ ด้วยการต่อสู้ชั้นยอดที่น่าสะพรึงกลัว
ผู้แข็งแกร่งที่หลบชมการต่อสู้อยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ใบหน้าเปี่ยมด้วยความตกใจ พวกเขาต่างดูรายละเอียดการต่อสู้ไม่ชัด ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังคงทำให้พวกเขายากจะสงบใจ
นี่เป็นถึงมกุฎอริยะสามสิบคนเชียวนะ!
ส่วนคู่ต่อสู้คือชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะเพียงปีเดียวเท่านั้น แค่ความต่างเรื่องจำนวนคนก็เหลือเชื่อพอแล้ว เรียกได้ว่าตะลึงโลก
จ้าวจิ่งเซวียนใจจดใจจ่อ ดวงตาคู่งามจ้องบนร่างหลินสวินที่ถูกปิดล้อมอยู่ในนั้นตลอดเวลา ใบหน้าหยกที่งดงามไร้ที่ตินิ่งสงบ
ทว่าแม้จะมั่นใจในพลังต่อสู้ของหลินสวิน ในใจก็อดกังวลไม่ได้
“ทั้งสองท่าน ตอนนี้พวกเจ้าดูออกแล้วใช่หรือไม่ว่าเจ้าหมอนี่ดุดันบ้าระห่ำเพียงใด”
ห่างออกไปดวงตาแดงก่ำของเซวี่ยชิงอีเผยประกายน่ากลัว
ก่อนหน้านี้ตอนที่ส่งมกุฎอริยะสามสิบคนลงมือพร้อมกัน เขาถึงขั้นถูกคนสงสัยว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการลดตัวอย่างมาก ไม่ต่างอะไรกับการทำลายความองอาจของตน ทำให้คนเยาะเย้ยได้ง่าย
แต่ตอนนี้ใครยังกล้าพูดเช่นนี้
ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า พิสูจน์แล้วว่าการวางแผนของเซวี่ยชิงอีเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด!
ทว่าความจริงในใจเขาก็ไม่สงบนัก
เพราะพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาทำเอาเขาเองยังรู้สึกถึงการคุกคามและความกดดัน แข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่น้อย!
‘โชคดีที่ครั้งนี้มีมกุฎอริยะมากกว่าร้อยคนเป็นกำลังพล และมีสือพั่วไห่กับฮว่าหงเซียวคอยช่วยเหลือ ครั้งนี้ต่อให้เจ้าหลินสวินจะร้ายกาจเพียงใด ก็ยากจะหนีความตายได้…’
เซวี่ยชิงอีพึมพำในใจ
“เจ้าหมอนี่เก่งกาจมากจริงๆ เขาก้าวสู่ธรณีประตูของการสร้างวิชาแห่งตนแล้ว การแสวงหาในเส้นทางมกุฎอริยะไม่ด้อยไปกว่าพวกเราเลย”
แววตาของสือพั่วไห่ดุจสายฟ้า และเป็นตอนนี้เองที่เขาเพิ่งตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน ไม่กล้าดูถูกเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีกต่อไป
หากว่าเปลี่ยนเป็นตัวเขาที่ถูกมกุฎอริยะสามสิบคนปิดล้อม ยังพูดยากว่าจะสามารถทลายการปิดล้อมออกมาได้หรือไม่ อาจถึงขั้นไม่มีโอกาสรอดชีวิตด้วยซ้ำ
“ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งต้องกำจัด”
ฮว่าหงเซียวกล่าวประโยคนี้ออกมา ใบหน้าที่เย็นเยียบไอสังหารพวยพุ่ง เห็นได้ชัดว่าพลังที่หลินสวินสำแดงออกมาก็ทำให้เขาสัมผัสถึงภัยคุกคาม
หากดินแดนรกร้างโบราณมีเจ้าหมอนี่ควบคุมดูแล ก็สามารถทำให้ผู้อื่นกินไม่ได้นอนไม่หลับ!
“หึๆ ทั้งสองท่านวางใจได้ เพื่อการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ข้าอดทนมาหลายวัน สุดท้ายก็จัดวางสถานการณ์นี้ ตอนนี้เขาก็เหมือนนกน้อยในกรงทอง กางปีกยังยากบินหนี”
เซวี่ยชิงอีหัวเราะเบาๆ เอ่ยปาก หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความมั่นใจยิ่ง
มกุฎอริยะร้อยกว่าคนและอริยะแท้แปดร้อยกว่าคน หากยังฆ่าหลินสวินไม่ได้อีก ก็เอาหัวชนกำแพงตายเสียเถอะ!
ตูมโครม…
ในสนามรบการเข่นฆ่าดุเดือด สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ในห้วงอากาศแสงศักดิ์สิทธิ์ราวกับมังกร เสียงฟ้าร้องสะเทือนโลก รุ้งเทพทะลวงฟ้า ประกายกระบี่เจิดจ้า…
มกุฎอริยะสามสิบคนลงมือพร้อมกัน รวมพลังที่สามารถทำลายล้างฟ้าดินเข้าด้วยกัน นี่เป็นภาพที่น่ากลัวเพียงใด
ก็เห็นฟ้าดินแถบนี้ถูกซัดทลาย ห้วงอากาศสะเทือนไม่สงบ ราวกับรับพลังน่าตระหนกนี้ไม่ไหว
เปลี่ยนเป็นมกุฎอริยะคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ เกรงว่าคงถูกบดขยี้เป็นผุยผงไปนานแล้ว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะ ก็อาจยังต้องหลบเลี่ยงคมประกายนี้!
ยามนี้หลินสวินเองก็โคจรพลังแท้จริงรอบตัว สำแดงมรรคและวิชาของตนออกมาเต็มกำลัง วิชาเยี่ยมยอดแต่ละอย่างไหลหลั่งออกจากมือของเขา
เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์
มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร
ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา
ปราณกระบี่ไท่เสวียน…
จนสุดท้ายรอบตัวหลินสวินปรากฏหุบเหวใหญ่แห่งหนึ่งพาดขวางฟ้า ราวกับจะกลืนกินท้องฟ้าแถบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น กลิ่นอายทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมาอัดแน่นเต็มฟ้าดินแถบนี้
ห้วงอากาศในรัศมีพันลี้ล้วนส่งเสียงระเบิดพังทลายออกมา พลังที่น่าสะพรึงราวกับธารดาราโถมซัด เปลี่ยนเป็นลมพายุลูกใหญ่รวมตัวอยู่ตรงเหวใหญ่ด้านหลังหลินสวิน
ก็เห็นใต้ผืนฟ้าสรรพสิ่งบิดเบี้ยวถล่มทลาย สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดที่น่ากลัวออกมา เพียงพอจะทำให้คนบนโลกตัวสั่นด้วยความสิ้นหวัง ราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน
มกุฎอริยะสามสิบคนล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป ต่างคิดไม่ถึงว่าหลินสวินไม่เพียงสามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ กลับดูเหมือนจะพลิกสถานการณ์ กลายเป็นฝ่ายบุก
พวกเขาทุกคนต่างใช้ทุกวิธี โจมตีเต็มกำลัง แต่ละคนราวกับเทพที่เดือดดาล
นี่ทำให้คนที่ชมการต่อสู้อยู่ห่างไปอดสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้ ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังสามารถต่อสู้ได้อย่างดุเดือด ถึงขั้นจะพลิกสถานการณ์ ความยากจะรับมือและความร้ายกาจของหลินสวินทำให้พวกเขาใจสั่นและตกตะลึง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาลอบโล่งอกคือ ไม่นานในที่สุดหลินสวินก็บาดเจ็บแล้ว
ฉัวะ!
ปราณกระบี่ดำสนิทสายหนึ่งกวาดผ่านไหล่ของหลินสวินเป็นรอยเลือด
ไม่ทันไรแผลที่สอง สามและสี่ก็ปรากฏติดๆ กัน แม้บอกว่ามีพลังหลอมกายและนัยเร้นลับไร้มรณะซ่อมแซม ไม่นานแผลก็ประสานแล้ว
แต่ใครก็ดูออกว่าเขาจะต้านไม่ไหวแล้ว!
“ถึงอย่างไรก็เป็นการล้อมโจมตีของมกุฎอริยะสามสิบคน เขายังจะพลิกฟ้าคว่ำดินได้อย่างไร”
ผู้ชมไม่น้อยประหนึ่งยกภูเขาออกจากอก ในใจต่างคิดว่าสถานการณ์ได้ถูกกำหนดแล้ว การตายของหลินสวินขึ้นอยู่กับเวลาว่าเร็วหรือช้าเท่านั้น
มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่พึมพำในใจ ‘แผลเล็กน้อยเท่านั้น หากสามารถทำอะไรเขาได้ ฉายาเทพมารหลินก็ไม่สมคำร่ำลือแล้วมิใช่หรือ’
และตอนนี้เอง หลินสวินที่อยู่ท่ามกลางการโจมตีดุเดือดส่งเสียงคำรามยาวทีหนึ่ง ฝ่ามือกดลง หุบเหวใหญ่ที่ปรากฏด้านหลังกดทับลงมาอย่างแรง
ครืน!
ห้วงอากาศว่างเปล่าแตกทลาย ความวุ่นวายปรากฏ
ความน่าสะพรึงกลัวของการโจมตีนี้ราวกับท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นเหวใหญ่ หมายจะกลืนกินจักรวาล บดขยี้ฟ้าดิน
พื้นดินใกล้ๆ ล้วนถล่มลงโดยพลัน ราวกับรับแรงกดดันของพลังอันน่าสยดสยองนั่นไม่ไหว
ตูม!
วิชามรรคทั้งหมดที่จู่โจมมาทางหลินสวินล้วนดับสลายราวกับฟองสบู่อย่างไม่มีข้อยกเว้น
สมบัติอริยะที่อัศจรรย์เหนือธรรมดาทุกชิ้นไม่มีชิ้นใดไม่สะเทือนถอยท่ามกลางเสียงครวญ
มกุฎอริยะสามสิบคนที่พุ่งโจมตีเต็มกำลังเหล่านั้นเพียงรู้สึกหายใจไม่ออก ร่างกายพลันสั่นสะท้านขึ้นมา ถูกพลังน่าสะพรึงอย่างหนึ่งฉีกทึ้ง ล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันไปหมด
หุบเหวใหญ่ราวกับฝาครอบ ลงมาเยือนจากฟากฟ้า อานุภาพของการโจมตีนี้สะเทือนเลื่อนลั่น!
——