Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1591 เถาวัลย์หยกนภาค่ำ

ประสบการณ์ตลอดทาง ทำให้หลินสวินตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่า พวกสัตว์ร้ายในสมรภูมิเซียนเหินไม่เพียงแค่ศักยภาพไม่ด้อยกว่ามกุฎอริยะ พวกตัวตนน่าสะพรึงกลัวบางส่วนในนั้น น่ากลัวยิ่งกว่ามกุฎอริยะ!

อย่างเช่น ‘ยักษ์สีเลือด’ ที่รวมตัวจากโครงกระดูกทับซ้อนนับไม่ถ้วนในทะเลทิ้งกระดูก

หรืออย่างร่างที่มีเกราะหนักซึ่งแปลงมาจากภูเขาลูกใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง

แต่ละตนน่ากลัวกว่าอีกตน ทำเอาหลินสวินรู้สึกถึงอันตรายอย่างที่สุด

“นายท่าน หลังจากสังหารอวิ๋นอีนั่น ป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือข้าพลันมีชะตามรรคผลงานรบสองร้อยสิบแปดสายเพิ่มขึ้นมา”

เสี่ยวอิ๋นพูดอย่างตื่นเต้น “ดูเหมือนว่าข่าวจะเป็นจริง ในสมรภูมิเซียนเหินแห่งนี้ เมื่อโจมตีสังหารผู้แข็งแกร่งที่มีป้ายคำสั่งเซียนเหิน จะสามารถช่วงชิงชะตามรรคผลงานรบทั้งหมดของอีกฝ่าย!”

ว่าแล้วเขาก็ยื่นป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นหนึ่งให้หลินสวิน “นี่คือป้ายคำสั่งเซียนเหินที่ได้จากอวิ๋นอีหลังจากสังหารนาง แต่ตอนนี้ว่างเปล่าแล้ว”

หลินสวินวางลงลวกๆ ขบคิดแล้วเอ่ย “การต่อสู้ในสมรภูมิเซียนเหินมีเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น ตอนนี้ในมือพวกเรามีป้ายคำสั่งเซียนเหินสี่ชิ้น ต้องทำเวลารวบรวมชะตามรรคผลงานรบให้มากพอก่อนที่สมรภูมิเซียนเหินจะสิ้นสุดลง”

“นายท่าน นั่นเถาวัลย์หยกนภาค่ำ!”

เสี่ยวเทียนที่นิสัยเย็นชามาโดยตลอดตื่นเต้นขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลินสวินเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่าในกองหินที่อยู่ไม่ไกลนักมีเถาวัลย์ที่ขาวหิมะดั่งหยกต้นหนึ่งงอกออกมา ใบปรากฏสีขาวงดงาม

ทว่าอากาศเหนือเถาวัลย์กลับปกคลุมด้วยม่านรัตติกาลชั้นหนึ่ง ปรากฏสีสันที่มืดมนลึกล้ำอย่างหนึ่ง มองจากระยะไกลราวกับเถาวัลย์ที่กางม่านฟ้ารัตติกาลออกมา!

“เป็นสมบัตินี้จริงๆ ด้วย!”

เสี่ยวอิ๋นเองก็ตาเป็นประกาย “ในคำเล่าลือ เถาวัลย์นี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ฟ้าประทาน มีลายมรรคแปลกประหลาดตามธรรมชาติ หลังจากเด็ดมาหลอมในยา ฝึกปราณวันเดียวก็สามารถได้ผลลัพธ์ราวกับฝึกร้อยวัน!”

“ไม่ผิด กลืนยานี้ลงไป กายใจประหนึ่งเข้าสู่ท้องฟ้ารัตติกาลอันไพศาล สามารถทำให้พลังสภาวะจิตของผู้ฝึกปราณถูกกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณหรือการหยั่งมรรคก็ให้ผลน่าทึ่ง”

หลินสวินเองก็เคยได้ยินชื่อสมบัตินี้ เพียงแต่ในโลกภายนอกไม่มีอยู่นานแล้ว ไม่คิดว่าจะมาเจอในสมรภูมิเซียนเหินแห่งนี้

‘หากสามารถกลืนโอสถนี้ได้ บางทีพลังปราณของข้าอาจจะสามารถยกระดับไปอีกก้าว…’

ตอนที่หลินสวินใคร่ครวญก็ขยับเข้าใกล้เถาวัลย์หยกนภาค่ำแล้ว

เพียงแต่ตอนที่เขาจะลงมือเด็ด กลับสังเกตเห็นในทันที ว่าบนส่วนรากของเถาวัลย์นี้กลับประทับกระบวนค่ายกลลายมรรคที่เก่าแก่ แปรเป็นกระบวนผนึกอย่างหนึ่งปกป้องเถาวัลย์นี้เอาไว้

หลินสวินหรี่ตาสัมผัสอย่างละเอียด ก็ตัดสินได้ว่ากระบวนผนึกนี้ถูกวางตั้งแต่แปดพันปีก่อนแล้ว!

ในประวัติศาสตร์ของเก้าดินแดน สมรภูมิเก้าดินแดนปรากฏทั้งหมดสามครั้ง ครั้งแรกปรากฏตอนที่ยุคดึกดำบรรพ์ สิ้นสุดลง

ครั้งที่สองปรากฏในยุคบรรพกาล

ครั้งที่สามคือตอนนี้

แต่แปดพันปีก่อนไม่ใช่ปลายของสมัยบรรพกาลด้วยซ้ำ นับได้ว่าเป็นยุคปัจจุบัน!

แต่เมื่อแปดพันปีก่อนสมรภูมิเก้าดินแดนไม่ได้ปรากฏในเก้าดินแดน ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนเข้าสู่สมรภูมิเซียนเหินแห่งนี้

ทว่าเถาวัลย์หยกนภาค่ำต้นนี้กลับถูกคนวางกระบวนผนึกไว้ชั้นหนึ่งเมื่อแปดพันปีที่แล้ว นี่น่าตะลึงเกินไปแล้ว!

‘หรือยังมีคนสามารถเข้าสู่สมรภูมิเซียนเหินแห่งนี้ได้ตามอำเภอใจ’

หลินสวินสายตาวูบไหว

‘ลายมรรคยอดเยี่ยมมาก!’

ไม่นานหลินสวินก็ค้นพบสิ่งใหม่ กระบวนผนึกลายมรรคแห่งนี้ดูเหมือนมีแค่กระบวนค่ายกลเดียว แต่ลายมรรคที่ประกอบเป็นกระบวนค่ายกลนี้กลับไม่ธรรมดาเลย

ด้วยความเชี่ยวชาญในวิถีสลักรอยวิญญาณของหลินสวิน ถึงกับไม่สามารถมองทะลุนัยเร้นลับของมันได้ในทันที

‘นี่คงจะเป็นฝีมือของปฐมาจารย์สลักลายมรรคคนหนึ่ง หากสลายด้วยวิธีรุนแรง พลังกระบวนค่ายกลนี้ก็จะทำลายเถาวัลย์หยกนภาค่ำนี้ในทันที ถ้าเช่นนี้ก็จะเปล่าประโยชน์’

หลินสวินขมวดคิ้ว รู้สึกรางๆ ว่านี่ไม่เหมือนวิชาของคนในเก้าดินแดน

ผู้แข็งแกร่งเก้าดินแดนเข้าสู่สมรภูมิเซียนเหินเพื่อเก็บชะตามรรคผลงานรบ และมีเวลาเพียงสิบวัน

แต่เมื่อการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสิ้นสุดลง สมรภูมิเก้าดินแดนครั้งต่อไปไม่รู้จะมาเยือนเมื่อไหร่ ใครจะทุ่มเทความพยายาม วางกระบวนผนึกลายมรรคไว้เพื่อปกป้องการเติบโตของโอสถเทพต้นหนึ่ง

ไม่มีความจำเป็นเลยสักนิด!

‘หรือนี่คือการกระทำของผู้ฝึกปราณนอกเก้าดินแดน พวกเขาครอบครองวิธีเข้าออกสมรภูมิเซียนเหิน มองเขาตัดหมอกแห่งนี้เป็น ‘สวนโอสถ’ ตามธรรมชาติ’

ในหัวหลินสวินปรากฏการคาดเดาอย่างใจกล้า

เช่นว่าเมื่อแปดพันปีที่แล้วยามเถาวัลย์หยกนภาค่ำต้นนี้ถูกคนค้นพบยังเป็นต้นอ่อนอยู่ จึงวางกระบวนผนึกป้องกัน รอเพียงตอนที่มันเติบโต คนที่วางกระบวนผนึกก็จะมาเก็บไป

“นายท่าน ค่ายกลนี้สลายได้หรือไม่”

เสี่ยวอิ๋นอดถามไม่ได้

หลินสวินสลัดความคิดว้าวุ่นออกไปทันใด พยักหน้าแล้วเริ่มรวบรวมสมาธิ

หลังจากหนึ่งชั่วยามเต็ม ในที่สุดหลินสวินที่นิ่งไม่ขยับก็เคลื่อนไหว เขาสะบัดแขนเสื้อ ละอองแสงสีใสมากมายพวยพุ่งออกมา ไหลเข้ากระบวนผนึกที่สลักบนหินไปตามวิถีโคจรแปลกประหลาด

ทันใดนั้นกระบวนผนึกนั่นราวกับหิมะที่หลอมละลาย ค่อยๆ หายไป

ในเวลาเดียวกันแสงรัตติกาลที่ดำสนิทราวกับหมึกสายหนึ่งโฉบขึ้นมาจากบนเถาวัลย์หยกนภาค่ำ พุ่งตรงขึ้นบนอากาศ ราวกับม่านรัตติกาลปกคลุมฟ้า!

เมื่อหันมองเถาวัลย์หยกนภาค่ำอีกคราก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้แล้ว ละอองแสงล่องลอยไปทั่ว กลิ่นหอมคละคลุ้ง พื้นผิวขาวหิมะดุจหยกกะพริบจุดแสงประหนึ่งดวงดาวมากมาย

นี่ต่างหากจึงจะเป็นลักษณะแท้จริงของเถาวัลย์หยกนภาค่ำ!

เพียงแต่ตอนแรกถูกพลังกระบวนผนึกนั่นปกคลุมไว้

หลินสวินเด็ดมันโดยไม่เกรงใจสักนิด

เพียงแต่ในใจยังคงมีความสงสัยเสี้ยวหนึ่ง กระบวนผนึกนี้… ใครเป็นคนวางกันแน่

พวกเขาไม่ได้เสียเวลา เดินหน้าต่ออย่างระมัดระวัง

เขาตัดหมอกแห่งนี้ใหญ่เกินไปจริงๆ สันเขาทับซ้อน หมู่เขาเรียงราย ทะลวงผ่านภายในมีหมอกบดบังท้องฟ้า ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ที่ไม่สลายหายไป

ระหว่างทางหลินสวินก็ตั้งใจสำรวจรอบๆ พยายามค้นหาสมบัติหายากที่คล้ายเถาวัลย์หยกนภาค่ำ และคอยดูว่าบริเวณรอบๆ ยังมีกระบวนผนึกลายมรรคหรือไม่

ที่น่าเสียดายคือระหว่างทางไม่เจออีกเลย แต่โอสถเทพล้ำค่าและวัตถุดิบวิญญาณหลายอย่างก็ถูกเขาเก็บไปไม่น้อย

โอสถเทพหลายอย่างในนั้นถึงขั้นสามารถทำให้อริยะอิจฉา

ทว่าหากพูดถึงความหายากและมหัศจรรย์ ล้วนด้อยกว่าเถาวัลย์หยกนภาค่ำนั่นไปขั้นใหญ่

‘ก็ถูก โอสถเทพระดับนี้เป็นสมบัติจากธรรมชาติชั้นหนึ่ง พบเจอได้แต่ไม่อาจครอบครอง ย่อมไม่มีทางเจอได้ง่ายๆ…’

สุดท้ายหลินสวินเองก็ปล่อยวางแล้ว

สองชั่วยามหลังจากนั้น

หลินสวินยืนอยู่บนยอดเขาพันจั้งที่สูงใหญ่ หมอกบริเวณรอบๆ พลิกตลบ แม้แต่ลมภูเขายังพัดไม่ไป

“น่าสนใจ”

รอบข้างว่างเปล่า แต่หลินสวินกลับเหมือนสังเกตถึงอะไรบางอย่าง แววตาละเอียดอ่อน

ในบริเวณที่ห่างจากที่แห่งนี้หลายหมื่นลี้ ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนอย่างพวกคุนเซ่าอวี่ ชืออู๋ซู่กำลังลงมือเล่นงานวิญญาณเซียนเหินกลุ่มหนึ่งพร้อมกัน

แต่ตอนนี้เองในใจจู๋อิ้งคงฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ ตรงหน้าปรากฏคันฉ่องสำริดที่สลักลายบุปผาปักษามัจฉาแมลงบานหนึ่ง

ในกระจกปรากฏเงาร่างที่สูงโปร่งสง่างาม ยืนอยู่บนยอดเขาถูกหมอกปกคลุม ทำให้เงาร่างของเขาไม่ชัดเจนนัก

“รู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องดำเนินการสำรวจอย่างลับๆ ล่อๆ”

มุมปากของจู๋อิ้งคงยกโค้งเย็นยะเยือก จากนั้นยิ้มพูดว่า “ทุกท่าน เหยื่อติดแหแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เจ้าหมอนั่นไม่สามารถหนีจากเขาตัดหมอกได้อีก!”

พวกคุนเซ่าอวี่ต่างรวมตัวกัน ตอนที่เห็นเงาร่างผ่าเผยนั้นในคันฉ่องสำริด พวกเซวี่ยชิงอี ชืออู๋ซู่ต่างอดเผยสีหน้าเคียดแค้นออกมาไม่ได้

หลินสวิน!

พวกเขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไร

“พี่จู๋ จะเก็บแหได้เมื่อไหร่”

ชืออู๋ซู่อดถามไม่ได้

“ไม่รีบ เขาตกหลุมพรางไปแล้ว รอพวกเราจับวิญญาณเซียนเหินได้มากพอก็ได้เวลาเก็บแหแล้ว”

จู๋อิ้งคงสีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ

กระบวนผนึกลายมรรคที่เขาวางในครั้งนี้ ก็เป็นมรดกชั้นสูงของเผ่าจู๋หลง อย่าว่าแต่นักสลักลายมรรคทั่วไป แม้เป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคหลงเข้าไปก็ยากจะหลุดพ้น!

“พี่จู๋ เจ้าเองก็รู้ดีว่าหลินสวินนั่นก็เชี่ยวชาญการวางกระบวนค่ายกลเช่นกัน อย่าประมาทเด็ดขาด”

เซวี่ยชิงอีเตือน

เขามีความรู้สึกหวาดกลัวหลินสวินอย่างบอกไม่ถูกมาโดยตลอด

จู๋อิ้งคงเอ่ย “ก็เพราะข้าปฏิบัติต่อเขาอย่างศัตรูที่ยิ่งใหญ่ซึ่งยากจะเจอในชีวิตนี้ จึงทุ่มเททุกวิถีทางวางกระบวนผนึกลายมรรคที่นี่ แต่ที่พี่เซวี่ยเตือนก็ถูก เผชิญหน้ากับเจ้าหมอนี่ ระวังแค่ไหนก็ไม่ถือว่าเกินไป”

ยามพูดเขาเก็บคันฉ่องสำริดลงไป

คล้ายไม่มีใครสังเกตเห็นว่าชั่วขณะที่จู๋อิ้งคงเก็บคันฉ่องสำริด หลินสวินที่เอามือไพล่หลังหันหลังให้พวกเขามาโดยตลอดแอบหันมา ดวงตาดำลึกล้ำ สีหน้าครุ่นคิด

‘ได้ยินว่าพลังมรดกที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าจู๋หลงก็คือมรรคสลักวิญญาณ จู๋อิ้งคงนี่คิดจะเอากระบวนผนึกลายมรรคมาเล่นงานข้าหรือ’

บนยอดเขาสูงชันนั่น หลินสวินยิ้มแล้ว หว่างคิ้วเผยความดูถูก

การประชันในวิถีสลักรอยสลักวิญญาณ เขาไม่เคยกลัวอยู่แล้ว!

อย่างเช่นตอนนี้ เหตุใดเขาจึงเลือกจะหยุดอยู่ที่นี่

ง่ายมาก เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกระบวนผนึกลายมรรค!

หากจู๋อิ้งคงคิดว่าตนเหมือนปลาที่ถูกล่อเข้าไปในแห ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ นั่นก็ผิดมหันต์แล้ว

ทว่าหลินสวินก็ต้องยอมรับว่าวิธีของจู๋อิ้งคงสุดยอดมาก กระบวนผนึกลายมรรคที่วาง หลอมเข้าสู่ธรรมชาติโดยสมบูรณ์

ทอดสายตามองไป เทือกเขาที่ราวกับทวนแต่ละลูกสูงเสียดฟ้า หมอกที่พลิกม้วนบนท้องฟ้า รวมทั้งต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดในบริเวณนั้นล้วนหลอมเข้าไปในพลังกระบวนผนึกอย่างไม่มียกเว้น

อย่าว่าแต่คนทั่วไป แม้นักสลักลายมรรคมาเยือนก็ยากจะสังเกตเห็นความผิดปกติอย่างแน่นอน

นี่คือคู่ต่อสู้รุ่นเดียวกันที่แข็งแกร่งที่สุดบนมรรครอยสลักวิญญาณเท่าที่หลินสวินเคยเจอตั้งแต่ฝึกปราณมา ทำให้หลินสวินเองยังอดมีความรู้สึก ‘ยินดีที่ได้เห็นผู้อื่นทำเช่นเดียวกับตน’ ขึ้นมาไม่ได้

‘จู๋อิ้งคงมาจากดินแดนโบราณยอดหยิน ก็ไม่รู้ว่าเขาเคยได้ยินชื่อกึ่งจักรพรรดิปาฉีหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้หากมีโอกาสจับเป็นเขา จะต้องสอบสวนดีๆ สักหน่อย…’

หลินสวินนึกถึงตัวการสำคัญที่หลบอยู่หลังอวิ๋นชิ่งไป๋มาโดยตลอด สายตาพลันเย็นเยียบขึ้นมา

อวิ๋นชิ่งไป๋ก็คือตัวหมากที่ชีวิตดั่งโศกนาฏกรรม ไม่เคยได้กำหนดชะตาตนเอง ถูกกึ่งจักรพรรดิปาฉีคนนั้นควบคุม

พูดอย่างเคร่งครัด ปาฉีคนนี้ต่างหากที่เป็นตัวการเบื้องหลังที่ทำให้เกิดคดีนองเลือดของตระกูลหลิน!

‘นายท่าน ต่อไปพวกเราควรทำอย่างไร’

เสี่ยวอิ๋นอดถามไม่ได้ เขารับรู้จากการสื่อสารในจิตวิญญาณแล้วว่า ตอนนี้พวกเขาเข้ามาในกระบวนผนึกลายมรรคที่จู๋อิ้งคงเป็นคนวางแล้ว

หลินสวินใคร่ครวญ ริมฝีปากเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ “แผนซ้อนแผน ลักฟ้าแลกตะวัน”

……………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset