น้ำเสียงเผยให้เห็นความผิดหวัง
นางยืนอยู่บนกำแพงเมือง อาบไล้ด้วยเงาแสงของความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ เงาร่างเพรียวบางที่ดูสันโดษละโลกีย์ถูกสายตานับไม่ถ้วนจับจ้อง
แต่นางล้วนมองข้ามทุกอย่าง
ด้วยคนที่นางตามหานั้นไม่อยู่
เหมือนประโยคที่นางเคยพูดในปีนั้น…
‘โลกของข้าเล็กยิ่งนัก เล็กจนบรรจุเจ้าไว้ได้เพียงคนเดียว’
แต่ตอนนี้มกุฎอริยะแปดดินแดนพวกนั้นต่างไม่อาจนิ่งสงบ สีหน้าปรวนแปร
เขาหรือ
เขาเป็นใคร
แต่สิ่งที่แน่ใจได้คือหญิงสาวปริศนาและน่ากลัวคนนี้มาตามหาคน ไม่ได้มาช่วยค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ!
สำหรับพวกเจ้าคางคกและจ้าวจิ่งเซวียน ในใจต่างทอดถอนใจไปพักหนึ่ง
ผ่านไปหลายปีแล้ว นางยังเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยเปลี่ยน สนใจแค่คนผู้เดียว สำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ ทุกสรรพสิ่งตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันล้วนไม่อาจดึงดูดความสนใจของนางได้แม้แต่น้อย
“แม่นาง ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการหาใครหรือ คนในดินแดนรกร้างโบราณนี้ไม่มีใครที่ข้าไม่รู้จัก”
เซ่าเฮ่าพลันกล่าวด้วยเสียงอบอุ่น
ก่อนหน้านี้สถานการณ์กดดันคับขัน เมืองอารักษ์มรรคใกล้จะล่มสลาย พวกเขาต่างตั้งใจพลีชีพสู้ตายแล้ว
แต่การมาถึงของหญิงสาวปริศนาคนนี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป!
กระบวนผนึกอริยมรรคเก้าชั้นที่โอบล้อมอยู่นอกเมืองในรัศมีสามพันลี้นั้น ล้วนถูกนางแหวกผ่าเป็นทางอย่างง่ายดาย
ทัพพันธมิตรแปดดินแดนที่ยิ่งใหญ่ไพศาลยังไม่อาจขวางทางนาง กลางฟ้าดินเหลือเพียงเส้นทางเลือดชโลมสายหนึ่ง ภูเขาศพทะเลเลือดทับถมอยู่ในนั้น
ต่อให้เป็นมกุฎอริยะลงมือก็ถูกนางบี้ตายด้วยนิ้วเดียว ไม่มีแม้แต่พลังจะดิ้นรน!
นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ขณะเดียวกันการมาถึงของนางก็ทำให้สนามรบที่กว้างใหญ่นั้นตกอยู่ในสภาพติดขัด บรรยากาศเงียบสงัดอย่างแปลกประหลาด
ทำให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมีโอกาสพักหายใจไปโดยปริยาย!
เมื่อได้ยินคำพูดของเซ่าเฮ่า พวกรั่วอู่ เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉินต่างใคร่รู้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ใช่แล้ว นางคนเดียวก้าวเดินมาในความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์เพื่อหาใคร
ณ ที่นั้นเงียบสงัดไปทั้งแถบ นางที่เงาร่างอาบไล้ด้วยรัตติกาลนิรันดร์ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใส่ใจใครอื่นคล้ายไม่รับรู้อะไร
นางยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปบนเวิ้งฟ้าเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง
สุดท้ายนางก็หันหลังกลับ ก้าวเท้าออกจากกำแพงเมืองไป
เหมือนดั่งว่าเมื่อไม่พบคนที่นางตามหา สิ่งมีชีวิตในเมืองนี้ ทุกอย่างในใต้หล้าล้วนไม่มีสิ่งใดสำคัญแล้ว
พวกเซ่าเฮ่าต่างเคร่งเครียดขึ้นมา
ผู้แข็งแกร่งทุกคนในทัพพันธมิตรแปดดินแดนกลับฮึกเหิม หญิงสาวที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อนี้ไม่ได้มาช่วยค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณดังคาด
“หลีกไป เปิดทางให้แม่นางคนนี้!”
ชายชุดทองที่นัยน์ตาเฉียบคมนั้นตวาดลั่น ออกคำสั่งลงมา
ใครต่างก็มองออกว่ามีผู้หญิงคนนี้อยู่ ก็เหมือนมีตัวตนที่ไร้คู่ต่อกรคนหนึ่ง น่าพรั่นพรึงและน่ากลัวเกินไป
หากทำให้นางรีบจากไปได้ นั่นคงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
เพียงพริบตา ผู้แข็งแกร่งของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง
แม้แต่จ้าวจิ่งเซวียนก็นั่งไม่ติด อดกล่าวไม่ได้ “ซย่าจื้อ ข้ารู้ว่าเจ้ามาหาหลินสวิน แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่”
หลินสวิน!
เพียงสองคำราวกับมีเวทมนตร์ประหลาด ทำให้นางที่เดิมหันหลังจะจากไปพลันหยุดฝีเท้าอยู่ตรงนั้น
แค่การเคลื่อนไหวที่หยุดยืนอยู่เท่านั้น กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนของทัพพันธมิตรแปดดินแดนเคร่งเครียดขึ้นมา สีหน้าแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่
ผู้หญิงคนนี้มาหาหลินสวินหรือ
ปัจจุบันในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้ ใครเล่าจะไม่รู้จักชื่อของหลินสวิน
เพียงแต่ใครต่างก็คิดไม่ถึง ว่าหญิงสาวที่ลึกลับและน่ากลัวเช่นนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับหลินสวิน!
ด้วยช่วงสองปีก่อนไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของหญิงสาวปริศนาคนนี้อย่างสิ้นเชิง ราวกับว่านางปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แต่เวลานี้ในที่สุดพวกเซ่าเฮ่าก็รู้แจ้ง ว่าที่แท้… นางก็มาหาหลินสวิน!
เพียงพริบตาในใจพวกเขาต่างซัดโหม ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าข้างกายหลินสวินยังมีหญิงสาวที่แข็งแกร่งถึงขั้นน่าเหลือเชื่อคนนี้อยู่ด้วย
“ข้ารู้”
ซย่าจื้อไม่หันกลับมา
นางมาครั้งนี้ด้วยจับกลิ่นอายทั้งหมดของหลินสวินได้นานแล้ว น่าเสียดายที่มันเป็นแค่กลิ่นอายเท่านั้น
ตัวเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
ดังนั้นนางจึงคิดจะจากไป
“แต่สิ่งที่เจ้าไม่รู้คือเมืองนี้เป็นสิ่งที่หลินสวินทุ่มเทกายใจทั้งหมดสร้างไว้ ในเมืองนี้มีสหายมากมายของเขาอยู่ หากเมืองนี้ล่มสลาย เมื่อเขากลับมา เจ้าคิดว่าเขาจะใช้ชีวิตต่อไปได้ไหม”
จ้าวจิ่งเซวียนสูดหายใจลึก กล่าวจริงจัง
“อีกอย่าง เจ้าดูทุกคนที่อยู่นอกเมืองนี้ พวกเขาเป็นศัตรูแปดดินแดน สำหรับเจ้าอาจไม่สำคัญอะไร แต่สองปีมานี้พวกเขาคิดจะฆ่าหลินสวินไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ทั้งมองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจด้วย”
ตอนนี้ก็มีแต่ซย่าจื้อที่กอบกู้สถานการณ์ตรงหน้าได้ จ้าวจิ่งเซวียนก็ได้แต่ทำทุกทางเพื่อรั้งซย่าจื้อไว้
นางรู้จักซย่าจื้อดี เด็กสาวที่ความเป็นมาลึกลับคนนี้ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสนใจเรื่องทุกอย่าง นอกจากหลินสวิน!
ซย่าจื้อเงียบไป
แต่ทัพพันธมิตรแปดดินแดนกลับสีหน้าปรวนแปร ลอบอุทานว่าแย่แน่!
“ซย่าจื้อ เจ้าดูสิ!”
เจ้าคางคกพลันก้าวออกมาทันที ชี้ไปทางจ้าวจิ่งเซวียนแล้วกล่าว “นางคือผู้หญิงของพี่ใหญ่ หากนางตายไปแล้ว พี่ใหญ่ต้องเสียใจจนหมดอาลัยตายอยากแน่ ใช้วิธีนี้มารั้งเจ้าไว้ เจ้าจะด่าข้าว่าต่ำช้าก็ได้ ข้ายอมรับ แต่ว่า…”
พูดถึงตรงนี้ดวงตาของเจ้าคางคกก็แดงไปหมด “แต่ว่าสองปีนี้พี่ใหญ่เขาฝ่าฝันภยันตราย ทุ่มเทกายใจไปมากขนาดนั้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะช่วงชิงความหวังในชัยชนะครั้งหนึ่งมาได้ หากต้องแพ้ไปทั้งอย่างนี้… ก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว!”
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนกำหมัดแน่น
ใช่แล้ว ครั้งนี้หากเมืองพังทลาย เช่นนั้นค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็จบเห่แล้ว…
จ้าวจิ่งเซวียนทอดถอนใจ แต่นางก็รู้ว่าเจ้าคางคกทำเช่นนี้เพื่อรั้งซย่าจื้อไว้ นางเองไม่ถือสาอะไร ก็แค่กังวล…
ครู่ใหญ่ซย่าจื้อถอนสายตากลับ น้ำเสียงยังนิ่งสงบจนไม่มีคลื่นอารมณ์อะไรเหมือนเดิม “ถ้าไม่ผ่านความเห็นชอบของข้าก็ไม่นับ”
สายตาของทุกคนดูแปลกไปอยู่บ้างเล็กน้อย
จ้าวจิ่งเซวียนไม่โกรธด้วยเรื่องนี้ กลับมีความรู้สึกว่าต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ด้วยนี่ก็คือซย่าจื้อที่นางรู้จัก
“แม่นาง หากจะจากไปก็ขอเจ้ารีบผ่านไปด้วย”
ชายชุดทองกล่าวเสียงขรึม เขารู้สึกว่าท่าไม่ดียิ่งกว่าเดิมแล้ว
ขณะเดียวกันเขายังสื่อจิตบอกมกุฎอริยะคนอื่น ‘เตรียมตัวให้พร้อม ขอแค่ผู้หญิงคนนี้เลือกอยู่ต่อก็บุกโจมตีเต็มกำลัง ขณะเดียวกันก็ให้คนอื่นเตรียมบุกเมืองเต็มที่ กระบวนค่ายกลนี้ถูกทำลายแล้ว ขอแค่ทัพใหญ่บุกเข้าไป ย่อมตัดสินสถานการณ์ได้แน่!’
มกุฎอริยะแปดดินแดนทั้งหมดต่างแววตาวาววาบ ตกปากรับคำ
เวลานี้ซย่าจื้อหันกลับมา ในมือขวาขาวกระจ่างของนางมีทวนกระดูกขาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ มีประกายดารามากมายห้อมล้อมอยู่บนทวน
พวกชายชุดทองพลันหน้าถอดสี
บนสนามรบที่กว้างใหญ่นั้น ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนของค่ายทัพแปดดินแดนก็แข็งทื่อไปทั้งตัว
พวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่ากลับยกภูเขาออกจากอก เผยให้เห็นความซาบซึ้งใจ
“ข้าแค่ไม่อยากให้เขาผิดหวัง”
เงาร่างเพรียวบางของเด็กสาวยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ แสงความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ห้อมล้อม มือถือทวนกระดูกขาว แม้จะสันโดษเพียงลำพัง แต่กลับมีท่าทีเหยียดหยันทุกคนในใต้หล้า
ยามสิ้นเสียง
นางก็ก้าวขึ้นไป
กลางฟ้าดินกลางวันเหมือนกลางคืน ไอสังหารไร้รูปแผ่ออกมาจากร่างของนาง อบอวลไปทั่วทิศ
เพียงพริบตากลางอากาศปรากฏลักษณ์ประหลาดนองเลือดชวนประหวั่น ซากศพนับไม่ถ้วนกองพะเนิน น้ำเลือดเหลือคณาแผ่ขยาย เหมือนว่านรกถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง!
“ลงมือ!”
ชายชุดทองสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ ออกคำสั่งโดยไม่ลังเล
มกุฎอริยะหลายสิบคนที่เตรียมพร้อมนานแล้วแทบจะขับเคลื่อนพลังทั้งหมดเล็งไปที่ซย่าจื้อทันที ออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ
ตูม!
ฟ้าดินพลิกตลบ สุริยันจันทราหม่นแสง
สมบัติอริยะที่งามแปลกตา วิชามรรคที่โหมกระหน่ำ พลังกฎเกณฑ์อริยมรรคที่น่าหวาดกลัวร้อยถักเข้าด้วยกัน ปกคลุมไปทางซย่าจื้อคนเดียวอย่างมืดฟ้ามัวดิน
พวกเซ่าเฮ่า เจ้าคางคกพลันหน้าถอดสี เพียงแต่ยามพวกเขาจะออกโจมตีก็เห็นภาพที่คาดไม่ถึง…
ซย่าจื้อยกทวนกระดูกขาวในมือขึ้น การเคลื่อนไหวที่ไม่สะดุดตาสายหนึ่งกลับชักนำพลังความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ที่ปกคลุมอยู่กลางฟ้าดินมารวมกัน
นางก้าวไปข้างหน้า รัตติกาลนิรันดร์ไล่หลัง การโจมตีทั้งหมดที่พุ่งมาจากทั่วสารทิศประหนึ่งเงาอากาศที่สะกิดนิดเดียวก็พ่าย ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็แตกระเบิดดังสนั่น หายไปกลางอากาศ
ชิ้ง!
เงาร่างนางพลันพุ่งวาบไปข้างหน้า ทวนกระดูกขาวครวญเสียงต่ำเยียบเย็น ราวกับเสียงพึมพำของมัจจุราชที่เสียดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจ
มกุฎอริยะคนหนึ่งถูกแทงโดยตรง ร่างกายของเขาถูกแยกส่วนชั่วพริบตาในความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ ก่อนหายวับไป
“นี่…”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
พวกชายชุดทองขนพองสยองเกล้า ดวงตาแทบถลน
ก่อนหน้านี้ซย่าจื้อคนเดียวเดินมาจากจุดที่ห่างออกไป ทุกหนแห่งที่พาดผ่านเปิดทางนองเลือดและความตาย ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยใช้อาวุธ
เดิมนี่ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อแล้ว
แต่ตอนนี้ยามซย่าจื้อที่กุมทวนกระดูกขาวออกโจมตี มกุฎอริยะพวกนั้นจึงพบว่า พวกเขาประเมินความน่ากลัวของหญิงสาวปริศนาคนนี้ต่ำเกินไปแล้ว!
ฟุ่บ!
ไม่นานมกุฎอริยะอีกคนก็ถูกแทง เลือดสาดพรมกลางอากาศ
ก็เห็นซย่าจื้อก้าวไปกลางอากาศ เปิดฉากเข่นฆ่าราวกับนายเหนือหัวแห่งรัตติกาลนิรันดร์ ไม่พูดมาก ไม่ลังเล ท่าทีราบเรียบนิ่งสงบจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ทวนกระดูกขาวนั้นอบอวลด้วยประกายดาราใสเย็น ล่องลอยอยู่ในรัตติกาลนิรันดร์ ไร้สรรพสิ่งทลายลงได้ ทิศทางที่ปลายทวนพาดผ่านต้องมีมกุฎอริยะถูกฆ่า!
แค่พริบตาเดียวเท่านั้นก็มีมกุฎอริยะห้าคนตายอนาถ ล้วนถึงสิ้นชีพด้วยการโจมตีเดียว เพียงถูกจับจ้องก็ไม่อาจหลบหนี และไม่อาจต้านทานได้เช่นกัน
ห่างออกไปทัพพันธมิตรแปดดินแดนหนาวเยือกในใจราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง ขวัญหนีดีฝ่อ
บนกำแพงเมือง พวกเซ่าเฮ่าและจ้าวจิ่งเซวียนก็สูดหายใจเย็นเยียบ แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
เดิมทีสำหรับพวกเขา พลังต่อสู้ของหลินสวินล้วนเรียกได้ว่าพลิกฟ้าแล้ว ไม่อาจใช้เหตุผลทั่วไปมาประเมิน แต่เปรียบเทียบกับเขาแล้ว ซย่าจื้อย่อมพลิกฟ้าและน่ากลัวกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
การเคลื่อนไหวของนางเรียบง่ายและหมดจด แต่กลับไร้เทียมทาน สังหารมกุฎอริยะราวฉีกภาพวาด มีท่าทีเด็ดขาดสยบทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์!
ตั้งแต่ต้นจนจบไร้ศัตรูต่อกร!
“ใครก็ได้มานี่เร็วเข้า ขวางนางไว้!”
ชายชุดทองดวงตาแดงก่ำแทบถลน
ความแข็งแกร่งของซย่าจื้อทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ไม่อาจไม่เรียกระดมพลมกุฎอริยะทั้งหมดในสนามรบมาจู่โจมพร้อมกัน
ฟุ่บๆๆ!
มกุฎอริยะแปดดินแดนคนอื่นๆ ที่เดิมบุกเมืองอยู่ทั่วสารทิศต่างรู้ว่าท่าไม่ดี รีบมารวมตัวกัน
เพียงพริบตาหน้ากำแพงเมืองอารักษ์มรรคที่ซย่าจื้อยืนอยู่กลางอากาศ เหมือนกลายเป็นตาพายุของทั้งสนามรบทันที!
…………………….