Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1607 พลิกสถานการณ

ฟุ่บๆๆ!

ฝนโลหิตกำลังสาดพรม ซากศพเนื้อละเอียดร่วงหล่น เสียงกรีดร้องโหยหวนและเสียงคำรามอย่างหวาดผวาสิ้นหวังถักทอเข้าด้วยกัน สั่นสะเทือนฟ้าดิน

ใต้หล้าเหมือนตกสู่ความมืดมิดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ โลหิตราวหมึกเขียนแดงก่ำ ตามการสังหารของซย่าจื้อที่แผ่ขยายไปในฉากรัตติกาล

ครั้งนี้ทัพพันธมิตรแปดดินแดนออกโจมตีเต็มกำลัง แค่มกุฎอริยะยังมีมากนับร้อยคน

บ้างนั่งบัญชาอยู่ด้านหลัง ปิดล้อมทั้งเมือง

บ้างเป็นทัพหน้า ออกจู่โจมสังหาร

บ้างก็อยู่ในทัพใหญ่ คอยจัดกระบวนทัพ

นอกจากนี้ยังมีอริยะแท้ไม่รู้เท่าไรนำผู้แข็งแกร่งของแต่ละดินแดน ถล่มจู่โจมเมืองอารักษ์มรรคจากทิศทางต่างกันออกไป

แต่ตอนนี้บนสนามรบที่กว้างใหญ่นั้น ในจุดที่ซย่าจื้อยืนอยู่กลับกลายเป็นตาพายุ!

มกุฎอริยะมากมายพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง วางแผนพึ่งพาข้อได้เปรียบในด้านจำนวนมากำราบซย่าจื้อ

แต่แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์!

นางตัวคนเดียวถือทวนกระดูกขาว เงาร่างอาบไล้ด้วยม่านรัตติกาลนิรันดร์ พลังทำลายรุนแรงเหมือนเข้าไปในแดนไร้ผู้คน!

พวกเซ่าเฮ่า จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่เดิมจะเข้าไปช่วย แต่กลับพบว่าในการต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ พวกเขาไม่อาจเข้าไปยุ่งแต่แรก

ใช่ว่าเพราะศัตรูมากเกินไป หากแต่เพราะซย่าจื้อคนเดียวก็เหมือนคลองกั้นขวางหน้าเมืองอารักษ์มรรค ไม่มีใครข้ามไปได้!

สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงที่สุดคือ มกุฎอริยะพวกนั้นน่ากลัวระดับใด แต่ละคนอานุภาพร้ายกาจราวกับนายเหนือหัว

แต่ในสายตาของซย่าจื้อกลับเหมือนฝูงแมงเม่าบินเข้ากองไฟ เมื่อใดที่เข้าใกล้ก็จะถูกฆ่าตายคาที่ สิ่งที่เรียกว่าหมดจดชัดเจน รวดเร็วรุนแรงคืออย่างนี้นี่เอง

เพียงครู่เดียวก็มีมกุฎอริยะสามสิบกว่าคนล้มตาย ศพและน้ำเลือดของพวกเขาหยาดย้อมฟ้าดินหน้าเมืองทั้งแถบเป็นสีแดงน่าพรั่นพรึง

ตรงกันข้าม ตั้งแต่ต้นจนจบซย่าจื้อไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ไม่แปดเปื้อนโลกีย์ ตัวคนเดียวกลับขวางศัตรูได้ทั้งหมด!

“เป็นไปได้อย่างไร!”

“นาง… ทำไมนางถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”

“นี่คือพลังไร้คู่ต่อกรที่แท้จริงในระดับมกุฎอริยะแท้หรือ”

ในที่นั้นมีเสียงตกตะลึงไม่รู้เท่าไรดังขึ้น เต็มไปด้วยความเดือดดาล หวาดกลัว ยากจะเชื่อ สีหน้าของมกุฎอริยะแต่ละคนต่างคล้ำเขียวและไม่น่าดูหาใดเปรียบ

“ทุกคนกระจายกันออกไป ถล่มเมืองเต็มกำลัง!”

มีคนคำราม

เมืองอารักษ์มรรคนี้ครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ ตอนนี้ไม่อาจบุกแนวป้องกันที่ซย่าจื้ออยู่ได้ ก็ได้แต่กระจายกันออกไป พุ่งเป้าสำคัญไปที่การบุกเมือง

ถึงอย่างไรต่อให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายก็ตัวคนเดียว จะป้องกันเมืองทั้งเมืองได้อย่างไร

ขอแค่ถล่มเมืองนี้ได้ คมประกายของทัพใหญ่แปดดินแดนจะต้องโจมตีผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณที่อยู่ในเมืองจนพังทลายได้อย่างแน่นอน

ตูม!

จากนั้นมกุฎอริยะที่พุ่งสังหารเข้ามาพวกนั้นต่างกระจายกันออกไป พุ่งโฉบไปคนละทาง

นี่ทำให้พวกเซ่าเฮ่าอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ รู้ว่าศัตรูไม่สนใจอะไรแล้ว ยอมสละทุกอย่างเพื่อเหยียบย่ำเมืองอารักษ์มรรคให้ได้

วู้ม…

เวลานี้กลับเห็นซย่าจื้อพลันก้าวขึ้นไปกลางอากาศ เงาร่างเพรียวบางดึงดูดแสงแห่งรัตติกาลนิรันดร์กลางฟ้าดิน ลักษณะพลังก็พุ่งทะยานถึงขีดสุดตามไปด้วย

พริบตานั้นเงาร่างมากมายแยกออกมาจากตัวซย่าจื้อ แต่ละร่างล้วนอาบไล้ด้วยพลังของความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ เงาร่างเพรียวบางนับร้อยพันพุ่งไปยังจุดต่างๆ ของเมืองอารักษ์มรรค

รัตติกาลนิรันดร์เป็นสื่อนำ จากหนึ่งกลายเป็นพัน!

เหตุการณ์สะเทือนใต้หล้าเช่นนั้น ทำให้ทั่วทั้งลานตกตะลึงทันที

สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือร่างแยกพวกนั้นแต่ละร่างล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้จะร้ายกาจสู้ร่างต้นไม่ได้ แต่ก็มีพลังต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่ามกุฎอริยะ!

“นี่…”

ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนไม่น้อยตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมา

“นี่คือวิชามรรคอะไร”

มกุฎอริยะบางส่วนกล่าวอย่างตระหนก

เมื่อสอดส่องสายตาไป เงาร่างของซย่าจื้อนับร้อยพันอาบไล้ด้วยรัตติกาลนิรันดร์ ก้าวเดินอยู่กลางฟ้าดินแน่นขนัด น่าหวาดกลัวเหลือคณา

แม้แต่พวกเซ่าเฮ่า จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคกก็จิตหลุดไปพักหนึ่ง ในระดับมกุฎอริยะแท้ยังมีพลังที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ด้วยหรือ

ตูม!

การต่อสู้เปิดฉากต่อเนื่องโดยไม่น่าหวั่นวิตกใดๆ

เพียงแต่ความตั้งใจที่จะแบ่งคนไปบุกเมืองเต็มกำลังของมกุฎอริยะแปดดินแดน ยามนี้ได้ถูกป่นเป็นจุณอย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าพวกเขาจะโผล่ไปที่ไหน ล้วนถูกร่างแยกของซย่าจื้อขวางไว้หมด!

ซย่าจื้อกว่าพันคนก็หมายถึงมกุฎอริยะนับพันคน จำนวนมหาศาลเช่นนั้นทำให้มกุฎอริยะแปดดินแดนพวกนั้นที่รวมกันแล้วมีแค่หลักร้อยดูไม่จืดไปทันที

แม้ว่าพลังของร่างแยกพวกนั้นจะน่ากลัวสู้ร่างต้นไม่ได้อยู่มาก แต่ภายใต้สถานการณ์มากต่อน้อยก็ยังได้เปรียบกว่าอยู่ดี!

“เยี่ยม!”

บนเมืองอารักษ์มรรค เสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นปะทุขึ้น รวมถึงเหล่ามกุฎอริยะอย่างพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ก็ยังโลหิตเดือดพล่าน ฮึกเหิมหาใดเปรียบ

คนผู้เดียวปกป้องเมืองแห่งหนึ่งได้อย่างปาฏิหาริย์!

“ลงมือพร้อมกัน!”

“ได้เลย!”

“ฆ่า!”

พวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่ต่างเคลื่อนพลเต็มกำลัง ร่วมมือกับซย่าจื้อ เริ่มจู่โจมกลับจากทิศทางต่างๆ ของเมืองอารักษ์มรรค

ตูม ครืน…

กลางฟ้าดินเสียงกัมปนาทดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสงศักดิ์สิทธิ์ม้วนแผ่ออกมาดุจเขาถล่มสมุทรคำราม

ทัพพันธมิตรแปดดินแดนพวกที่พลังสู้มกุฎอริยะแท้ไม่ได้เหล่านั้นไม่กล้าเข้าใกล้อย่างสิ้นเชิง ด้วยทันทีที่โดนลูกหลงจะพบฉากจบที่ร่างแหลกสลาย

และคนต้นเรื่องทั้งหมดอย่างซย่าจื้อก็ยังคงนิ่งสงบ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยเอ่ยวาจา ประหนึ่งไม่มีคลื่นความรู้สึก

ร่างต้นของนางมือกุมทวนกระดูกขาว ก้าวเดินอยู่ในที่นั้น ขอแค่เป็นศัตรูที่ถูกนางจับจ้อง ก็ล้วนหนีจุดจบของความตายไม่พ้น!

บนสนามรบเลือดสาดกระจาย เสียงเข่นฆ่าโรมรันสะเทือนใต้หล้า ทำให้คลื่นลมปรวนแปร ฟ้าดินไร้สี

พูดอย่างไม่เกินจริง นี่ต้องเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สถานการณ์รบดุเดือดที่สุดตั้งแต่เปิดสมรภูมิเก้าดินแดนมาอย่างแน่นอน

ต่อให้เป็นมกุฎอริยะก็ยังหนีการโจมตีถึงแก่ชีวิตไม่พ้น นับประสาอะไรกับอริยะแท้ทั่วไปพวกนั้น

ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ดินแดนรกร้างโบราณหรือแปดดินแดนอื่น ศึกใหญ่เช่นนี้ล้วนสามารถเกริกก้องไปชั่วกาล ทำให้ใต้หล้าสั่นสะเทือนไปตามกัน!

นี่ก็คือสมรภูมิเก้าดินแดน

สถานที่หนึ่งซึ่งสามารถก่ออิทธิพลยิ่งใหญ่ให้เก้าดินแดน พื้นที่กรำศึกที่จะเขียนความรุ่งโรจน์และร่วงโรยบทใหม่ให้ดินแดนหนึ่ง

ที่นี่การเข่นฆ่าคือหลักเกณฑ์ที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ เลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำคือภาพที่เห็นบ่อยจนชินตา การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรกเป็นเช่นนี้ การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่สองก็เป็นเช่นนี้

ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน!

ทว่าต่างจากการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณในครั้งนี้กำลังเด่นผงาดขึ้นมาจากความยากลำบากของสงคราม ครอบครองความหวังที่จะช่วงชิงชัยชนะสุดท้าย

เดิมทีความหวังนี้เป็นไปได้สูงว่าจะพินาศย่อยยับในวันนี้

แต่เมื่อซย่าจื้อมาถึง สถานการณ์ทั้งหมดก็พลิกผัน ไม่เหมือนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงแล้ว!

ตูม ครืน…

ไอสังหารดั่งกระแสน้ำ เสียงธรรมดุจอสนีบาต กลิ่นคาวเลือดพุ่งทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ราวกับภาพศึกแห่งทวยเทพดึกดำบรรพ์ปรากฏบนโลกอีกครั้งในยามนี้

ภาพการต่อสู้นั้นสามารถทำให้อริยะแท้ต่างสิ้นหวัง!

ตามเวลาที่ล่วงเลย จำนวนของมกุฎอริยะแปดดินแดนกำลังลดฮวบด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

เดิมพลังต่อสู้ของมกุฎอริยะอย่างพวกเซ่าเฮ่า จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคกก็ไม่ธรรมดา ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปในระดับเดียวกันเทียบได้อยู่แล้ว

สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ถูกกำราบ ก็ด้วยจำนวนของศัตรูมีมากเกินไปทั้งสิ้น ทั้งพวกเขายังต้องคุ้มครองความปลอดภัยของทั้งเมือง จนกระทั่งตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ

แต่ตอนนี้กลับต่างออกไปแล้ว!

การปรากฏตัวของซย่าจื้อทำลายสถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมพวกนั้น ทำให้พวกเขามีโอกาสเป็นฝ่ายบุกโจมตี!

“ฆ่า!”

ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ หรือพวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่ล้วนราศีจับไปทั้งตัว สะใจอย่างถึงที่สุด ไม่ซึมเซาเหมือนก่อนหน้านี้อีก

“ฆ่า!”

เสียงคำรามกระหึ่มฟ้ากลั่นออกมาจากใจของทุกคน ระบายความแค้นและเกลียดชังที่ฝังอยู่ในกระดูก

ดินแดนรกร้างโบราณถูกดูหมิ่นข่มเหงมานานเกินไปแล้ว!

ใครเล่าจะยอมถูกเชือดตามใจเหมือนสัตว์เดรัจฉาน

ทั้งใครเล่าจะลืมว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน มีผู้แกล้วกล้านับไม่ถ้วนเคยสัมผัสความอัปยศและชิงชัง หลั่งเลือดและน้ำตาในสมรภูมินี้

“ฆ่า!”

ฆ่าจนเลือดหลั่งรินเป็นคลื่นพันลี้ วางศพให้เป็นเขาหมื่นชั้น!

เพียงครึ่งเค่อ จิตต่อสู้ของทัพพันธมิตรแปดดินแดนพังทลายอย่างสมบูรณ์

มกุฎอริยะพวกนั้นถูกฆ่าจนขวัญหนีดีฝ่อ แบกรับความน่ากลัวที่ความตายนำพามาให้ไม่ไหวจึงหนีกันหัวซุกหัวซุน

แต่ละคนลนลานเหมือนสุนัขไร้เจ้าของ!

จากนั้นทัพพันธมิตรแปดดินแดนที่อยู่ห่างออกไปเห็นท่าไม่ดี ก็แตกฮือเหมือนกระแสน้ำหลากหนีตายกันอลหม่าน เผ่นกระเจิงไปคนละทิศละทาง

เสียงหวีดร้อง ทุรนทุราย โหยหวนสะท้อนก้องจักรวาล

บนสนามรบที่กว้างใหญ่นั้น เห็นกองทัพพ่ายเละไม่เป็นท่า ทุกหนแห่งที่สายตามองเห็นล้วนเป็นภาพกระเจิดกระเจิงไม่เป็นขบวน!

“ชนะแล้ว… ชนะแล้วจริงๆ…”

เซ่าเฮ่าผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเปื้อนเลือด มองเหตุการณ์นี้อย่างอึ้งงัน เห็นศัตรูพวกนั้นหนีกระเจิดกระเจิงร้องหาพ่อแม่ สีหน้าเลยดูมึนงงคล้ายยังไม่กล้าเชื่อ

ครั้งนี้ทัพพันธมิตรแปดดินแดนบุกโจมตีเต็มกำลัง ปิดล้อมเมืองอารักษ์มรรค วางกำลังพลทบเป็นชั้นเหมือนแหฟ้าตาข่ายดิน หลายวันมานี้ทำให้ทั้งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณกินไม่ได้นอนไม่หลับ นั่งนอนไม่เป็นสุข ในใจทุกคนเหมือนถูกหินทับแทบจะหายใจไม่สะดวก

ถึงขั้นที่ว่าวันนี้พวกเขายังคิดจะยอมพลีชีพแล้ว!

ใครจะคิด…

ว่าพวกเขาจะชนะแล้ว!

ไม่เพียงแต่คลี่คลายวิกฤติที่เมืองอารักษ์มรรคจะล่มสลาย ยังตีทัพพันธมิตรแปดดินแดนพ่ายยับเยิน สังหารจนพวกเขาหนีหัวซุกหัวซุนด้วย!

“ชนะแล้ว…”

พวกรั่วอู่ เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน หมีเหิงเจินก็หน้าตามึนงง แต่ละคนต่างดูสะบักสะบอม เสื้อผ้าเปื้อนเลือดไปทั้งตัว

แต่สีหน้าของพวกเขากลับเปล่งประกาย!

“ฆ่า!”

อาหลู่ตะโกนลั่นคิดจะตามไป แต่ถูกจ้าวจิ่งเซวียนห้ามไว้ นี่ไม่ใช่เวลาไล่ฆ่าศัตรู

“ฮ่าๆๆ ชนะแล้ว พวกเราค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณชนะแล้ว!”

เจ้าคางคกหัวเราะลั่น หัวเราะจนน้ำตาไหล

ศึกนี้ยากลำบาก บ้าระห่ำและไม่ง่ายดายนัก ถ้าไม่เจอกับตัวคงยากบรรยายความทุกข์ทรมานของมัน

ฮูม…

ยามนี้สีแห่งรัตติกาลนิรันดร์ทั่วฟ้ารวมเป็นสายเดียวกัน รวมตัวมุ่งไปทางซย่าจื้อ ร่างแยกนับพันนั้นของนางกลับมารวมกันเป็นหนึ่ง

ยามนี้ต่อให้ชนะนางก็ดูนิ่งสงบ ไม่เคยมีคลื่นความรู้สึกใดๆ เหมือนการเข่นฆ่าและการต่อสู้อย่างดุเดือดก่อนหน้านี้ไม่มีความสำคัญ

เพียงแต่ยามนี้ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่เงาร่างสูงเพรียวนั้นของนางอย่างพร้อมเพรียง ในแววตาล้วนเจือความชื่นชมและซาบซึ้งใจ

ใครต่างก็รู้ว่าวันนี้ที่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณยังอยู่ เมืองอารักษ์มรรคนี้ยังตั้งตระหง่านสมบูรณ์ไร้ความเสียหายมาได้

ล้วนเป็นผลงานของซย่าจื้อทั้งสิ้น!

พูดอย่างไม่เกินจริง ในศึกนี้นางคนเดียวก็กอบกู้สถานการณ์อันตรายได้ สังหารศัตรูได้อย่างรวดเร็วรุนแรง ไร้เทียมทานเหมือนทวยเทพที่ไม่อาจทัดเทียมในตำนาน!

นี่จะไม่ให้พวกเขาซาบซึ้งใจได้อย่างไร ทั้งใครเล่าจะไม่ชื่นชมและยกย่อง

เพียงแต่ซย่าจื้อกลับไม่รับรู้อะไร นางแค่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองไปบนเวิ้งฟ้า นางที่อาบไล้ด้วยความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ ราวกับไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้มาก่อน

……

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset