Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1608 ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรด

สมรภูมิเซียนเหิน

เขาตัดหมอก

“ให้ตายเถอะ ในที่สุดก็เจอสมบัติอีกชิ้นแล้ว!”

เจ้านกดำตื่นเต้นจนถูกรงเล็บทองอร่ามไปมา ดวงตาวาววาบ

นี่คือภูเขาลูกย่อมที่อบอวลหมอกควันสีทองอ่อน สูงแค่ร้อยจั้ง หินผาที่อยู่บนนั้นสูงสลับซับซ้อน ต้นไม้ใบหญ้าล้วนทองอร่ามเหมือนหล่อจากทองคำ งดงามเป็นอย่างยิ่ง

เวลานี้พวกหลินสวินยืนอยู่หน้าหินเก่าแก่ก้อนหนึ่งที่กลางทางขึ้นเขา

บนซอกหินมีต้นหญ้าเรียวยาวราวกระบี่คมกริบต้นหนึ่งขึ้นอยู่

มันสูงหนึ่งฉื่อ หนาเท่าหัวแม่โป้ง ลำต้นที่บริสุทธิ์เหมือนทองเทพมีลายเมฆขดมากมายขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ ข้างลำต้นทั้งสองด้านยังมีใบไม้เก้าใบที่บางเหมือนปีกจักจั่นขึ้นอยู่ติดๆ กัน

เมื่อมองดูโดยละเอียด ใบไม้มากมายนั้นราวกับบันไดสวรรค์สีทองทบชั้นขึ้นไป แต่ละเส้นใบล้วนมีเปลวไฟสายหนึ่งไหลเวียนอยู่

“หญ้าวิญญาณทองเก้าใบ!”

“ทุกพันปีจึงจะออกใบมาใบหนึ่ง ทุกสามพันปีจะต้องรับพิบัติเคราะห์แห่งฟ้าดิน มีเพียงต้นที่ข้ามด่านเคราะห์แล้วไม่ดับสลายเท่านั้นจึงจะเติบโตต่อไปได้”

“นี่เป็นถึงสมบัติอริยะที่ฟ้าดินสรรสร้าง แฝงพลังแห่งวิญญาณทองแต่กำเนิด ขอแค่นำไปหลอมอีกหน่อยก็จะแปลงเป็นกระบี่บินไร้เทียมทานเล่มหนึ่งได้ พลังทำลายล้างยิ่งใหญ่มหัศจรรย์หาใดเปรียบ!”

เจ้านกดำน้ำลายแตกฟอง หน้าตาดีอกดีใจ “ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือ สมบัตินี้ยังทำหน้าที่เป็นเจตวัตถุฟ้าประทานได้ด้วย มีประโยชน์ต่อการหลอมอาวุธอริยะบริสุทธิ์อย่างไม่อาจประเมิน!”

“หญ้าวิญญาณทองเก้าใบตรงหน้านี้มีเปลวเพลิงเก้าพันปี ผ่านการหล่อหลอมของเคราะห์สวรรค์มาสามครั้งแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บเกี่ยว”

หลินสวินฟังไปพลาง อีกด้านหนึ่งก็เริ่มลงมือ

เหมือนกับ ‘เถาวัลย์หยกนภาค่ำ’ ต้นนั้นที่เจอในตอนแรก ใกล้หญ้าวิญญาณทองเก้าใบนี้ถูกวางกระบวนผนึกลายมรรคไว้เช่นกัน

เจ้านกดำกล่าวเตือนอยู่ข้างๆ “เจ้าหนู ตามสัญญาตอนนั้น หญ้าวิญญาณทองเก้าใบต้นนี้ควรแบ่งให้ข้าแล้ว”

เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนต่างทำหน้ารังเกียจ ด้วยนิสัยของนายท่านมีหรือจะละโมบอยากได้ของของเจ้า เจ้านกขี้ขโมยนี่ใช้น้ำใจคนต่ำช้ามาประเมินวิญญูชน พาให้คนดูถูกจริงๆ!

เจ้านกดำมองข้ามอย่างสิ้นเชิง มันหน้าด้านเสมออยู่แล้ว

ขณะเดียวกันในโลกฟากหนึ่งที่อยู่ไกลจากสมรภูมิเซียนเหินไปไม่รู้เท่าไร บนยอดเขาสูงอัศจรรย์งามวิจิตรที่เต็มไปด้วยไอเซียนลูกหนึ่ง

เมฆาลอยล่องหมอกระยับ ฝูงอีกาทองสยายปีกบิน พรมแสงทองงามตระการลงมา เคลือบทับสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่เรียงรายเป็นระเบียบอยู่บนเทือกเขาชั้นหนึ่งจนเป็นประกายทองดูศักดิ์สิทธิ์

“น่าชังนัก เจ้าหัวขโมยหน้าไม่อายนั่น เห็นชัดว่าคิดจะกวาดสมบัติที่พวกเราถนอมไว้ในสมรภูมิเซียนเหินไปจนเกลี้ยง!”

บนยอดเขาเจียงเหิงแค้นจนกัดฟันกรอด นัยน์ตาคู่งามเต็มไปด้วยความเดือดดาล

ใบหน้านางเหมือนหยกงาม นัยน์ตาดุจน้ำพุใสสะอาด สวมชุดกระโปรงสีเขียวน้ำทะเล ยืนสันโดษอยู่ในทะเลหมอกบนยอดเขา เจิดจรัสไร้ใครเทียมราวกับเซียนสาวผู้สำรวมตน

แม้ยามนี้จะโกรธอยู่ก็ยังมีความงามที่น่าตกตะลึง

ข้างหน้าเจียงเหิงมีจานแปดทิศที่ทำจากกระดองเต่าใบหนึ่งลอยคว้างอยู่ ควบรวมเป็นม่านแสง

ในม่านแสงนั้นปรากฏเป็นเงาร่างของพวกหลินสวิน!

นี่คือ ‘จานดารากระสายยา’ ที่เชื่อมต่อกับกระบวนผนึกลายมรรคใกล้หญ้าวิญญาณทองเก้าใบ เมื่อใช้สมบัตินี้จะสังเกตการเติบโตของหญ้าวิญญาณทองเก้าใบได้

ตอนนั้นเจียงเหิงก็ใช้สมบัตินี้สำรวจโอสถเทพที่ถนอมไว้ในสมรภูมิเซียนเหิน จึงพบว่าเถาวัลย์หยกนภาค่ำต้นนั้นถูกหลินสวินเก็บเอาไป

“ศิษย์น้องเจียงเหิง สมรภูมิเซียนเหินมีความเกี่ยวข้องกับแหล่งสถานคุนหลุนในตำนาน เป็นแดนลี้ลับที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง ทุกร้อยปีพวกเราจึงจะเปิดอุโมงค์อากาศเข้าไปในนั้นได้ครั้งหนึ่ง”

ข้างๆ จู่ๆ ชายชุดขาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวกล่าว “ก่อนหน้านี้พวกเราใช้ไปแล้วครั้งหนึ่ง นี่ก็หมายความว่าพวกเราไม่มีทางลงมือได้อีกแล้ว”

ชายชุดขาวร่างผอมบาง สองมือไพล่หลัง ผมสีเทาอ่อน นัยน์ตาเฉียบคมส่องประกายวาววามแหวกอากาศ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด

เห็นได้ชัดว่าเขายังหนุ่ม ท่าทางสง่างาม บนตัวมีกลิ่นอายแห่งกาลเวลาไม่เท่าไร แต่ลักษณะพลังของเขากลับน่ากลัวกว่ามกุฎอริยะ!

“ศิษย์พี่ใหญ่ หลายวันนี้เจ้าหัวขโมยนั่นขโมยของมีค่ามากมายอย่าง ‘บุปผาเขียวเย็นระอุ’ ‘รากขันธ์ห้า[1] ปีกหงส์’ ‘ไม้พิภพแสงทมิฬ’ ไปแล้ว”

เจียงเหิงยังกล่าวโกรธเคือง “แล้วไหนจะ ‘เถาวัลย์หยกนภาค่ำ’ และ ‘หญ้าวิญญาณทองเก้าใบ’ ต้นนี้อีก สมบัติที่พวกเราสำนักยุทธ์เสวียนจีถนอมไว้ในนั้น แทบจะถูกเจ้าโจรนี่ขโมยไปหมดแล้ว! พวกเราจะมองตาปริบๆ ต่อไปหรือ”

ชายชุดขาวที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ใหญ่ยิ้ม แววตาล้ำลึก ไอพลังเฉียบคมน่าพรั่นพรึงพวยพุ่งกล่าว

“เทียบกับเจดีย์สมบัตินั่นบนตัวเจ้านี่แล้ว สมบัติพวกนี้ไม่นับว่ามีค่าอะไร ยามวาสนาของแหล่งสถานคุนหลุนปรากฏ ข้าจะให้เขาคายของที่กินไปออกมาเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแน่!”

เสียงฉะฉานดังก้องดุจระฆังอรุณกลองสายัณห์ เผยให้เห็นความมั่นใจหาใดเปรียบ

เจียงเหิงดวงตาแวววาว “ใช่ เจ้าหัวขโมยนี่มีป้ายคำสั่งเซียนเหินติดตัว ภายหน้าจะต้องไปแหล่งสถานคุนหลุนแน่ ถึงตอนนั้นค่อยหาตัวเขาแล้วคิดบัญชีนี้ให้เต็มที่!”

“จริงสิ”

เจียงเหิงฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้กล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เจดีย์สมบัติในมือเจ้าหัวขโมยนั่นมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ถึงต้านการโจมตีของวงอสนีสุริยันได้”

วงอสนีสุริยันคือหนึ่งในยอดสมบัติพิทักษ์สำนักของสำนักยุทธ์เสวียนจี เกิดจากต้นกำเนิดฟ้าประทานของโลกอสนีแกร่งแห่งหนึ่ง

หลายปีก่อน บุคคลระดับจักรพรรดิคนหนึ่งของสำนักยุทธ์เสวียนจีลงมือด้วยตัวเองเพื่อกำราบสมบัตินี้ เมื่อหลอมละลาย ‘โลกอสนีแกร่ง’ นั้นทั้งใบแล้วจึงฉวยโอกาสกำราบสมบัตินี้และชิงมาได้ในคราเดียว

จากนั้นด้วยสมบัตินี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ ทั้งสะสมต้นกำเนิดมรรคอสนีฟากหนึ่งไว้ภายใน จึงกลายเป็นหนึ่งในมหาสมบัติพิทักษ์สำนักของสำนักยุทธ์เสวียนจีได้อย่างสมเหตุผล

แต่เจดีย์สมบัตินั้นกลับขวางการโจมตีอันดุเดือดของวงอสนีสุริยันได้ ทั้งยังทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ลงมือด้วยตัวเอง นี่จะไม่ให้เจียงเหิงอยากรู้อยากเห็นได้อย่างไร

“เจดีย์นี้มีความเป็นมายิ่งใหญ่ ก่อนหน้านี้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดก็มีชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า เกริกก้องสะท้านสวรรค์ ครอบครองอานุภาพที่คาดไม่ถึงแล้ว”

ชายชุดขาวแววตาส่องประกาย เสียงทุ้มต่ำ “เพียงแต่… ข้ายังไม่แน่ใจอยู่บ้างว่าจะใช่เจดีย์สมบัติในตำนานนั้นหรือไม่”

“ไม่แน่ใจหรือ”

ชายชุดขาวพยักหน้า หว่างคิ้วเจือความรู้สึกหวนถึงความหลัง “ถูกต้อง ด้วยก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เจดีย์นี้หายไปจากโลกในการต่อสู้ใหญ่ครั้งหนึ่ง ศึกใหญ่นั้น…”

“มีสำนักระดับจักรพรรดิหกแห่งพินาศย่อยยับ โลกสิบเก้าแห่งถูกทำลายล่มสลาย แค่บุคคลระดับจักรพรรดิที่บาดเจ็บล้มตายยังมีสามสิบกว่าคน!”

“นอกจากนี้ยังมีกึ่งจักรพรรดิ ราชันอริยะ มหาอริยะไม่รู้เท่าไรร่วงหล่นในศึกใหญ่นั้น ทั่วทั้งฟ้าดาราต่างร้องเสียงหลงสั่นสะเทือนไปตามกัน!”

กล่าวถึงตอนท้าย สีหน้าของชายชุดขาวก็เจือความตกตะลึงสายหนึ่ง

นั่นเป็นยุคมืดที่พอจะสร้างแรงสะเทือนชั่วกัปกัลป์ การทำลายล้างและเข่นฆ่าสังหารส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งมีชีวิตไม่รู้เท่าไร ความสูญเสียของการบาดเจ็บล้มตายทำให้ใครๆ ต่างไม่อาจลืม!

“‘ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ’ ในสมัยดึกดำบรรพ์หรือ”

เจียงเหิงก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สูดหายใจเย็นเยียบอย่างอดไม่อยู่

ศึกนั้นเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิ เป็นการต่อสู้ของขุมอำนาจสำนักดึกดำบรรพ์มากมายที่ครองอาณาเขตอยู่บนฟ้าดารา

ศึกนั้นยังถูกเรียกว่า ‘ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ’!

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านจะบอกว่าเจดีย์สมบัตินั่นเป็นไปได้สูงว่าจะเคยปรากฏตัวในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิหรือ”

ยามนี้เจียงเหิงตกตะลึงแล้ว

ชายชุดขาวพยักหน้าน้อยๆ กล่าว “นี่ก็คือจุดที่ข้าไม่กล้าแน่ใจ ถึงอย่างไรเจ้าก็รู้ว่าหลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิปิดฉาก สมบัติบางส่วนที่เคยมีอานุภาพสะเทือนใต้หล้า เกือบทั้งหมดล้วนถูกทำลายไปในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีน้อยมากที่สืบทอดต่อกันมาได้อย่างสมบูรณ์”

เจียงเหิงอดถามไม่ได้ “เจดีย์สมบัตินั่นชื่อว่าอะไรกันแน่”

ชายชุดขาวตบบ่าของเจียงเหิงกล่าว “เจดีย์นี้เกี่ยวพันกับความยิ่งใหญ่ สำนักที่อยู่เบื้องหลังมันก็เป็นสถานที่ที่ราวกับสิ่งต้องห้ามแห่งหนึ่งในสมัยดึกดำบรรพ์ ไม่มีใครกล้าพูดถึงส่งเดช รอภายหน้าเมื่อไปที่แหล่งสถานคุนหลุนและจับเจ้าหมอนั่นได้แล้ว ข้าค่อยบอกเจ้า”

พร้อมกันนี้จานกระดองเต่าแปดทิศพลันส่งเสียงกัมปนาทแปลกประหลาด ภาพที่เดิมปรากฏแตกละเอียดกระจัดกระจาย

ใบหน้างามของเจียงเหิงพลันมืดทะมึน กัดฟันกล่าว “หญ้าวิญญาณทองเก้าใบก็ถูกเจ้าโจรนั่นชิงไปแล้ว!”

ชายชุดขาวกลับจมสู่ห้วงความคิด

‘นอกจากเจดีย์นั่นแล้ว ทำไม ‘เตาศุภโชครวมปราณ’ ถึงปรากฏขึ้นพร้อมกัน’

‘ยามศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิในสมัยดึกดำบรรพ์เปิดฉาก เห็นชัดว่าได้ทำลายต้นกำเนิด ‘โลกรกร้างโบราณ’ ที่เป็นแกนสำคัญของเก้าดินแดนไปนานแล้ว…’

‘หรือว่าเรื่องนี้ยังมีความลับอื่นอีก’

‘ดูท่าว่ายามแหล่งสถานคุนหลุนเปิดออก คงต้องจับเจ้านั่นมาไต่สวนดีๆ สักรอบจึงจะได้ ตอนนั้นดินแดนที่มีระดับจักรพรรดิล้มตายมากที่สุดก็คือโลกรกร้างโบราณ!’

บนเวิ้งฟ้าที่ห่างออกไปพลันมีเจียวหลงเขียวยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งโฉบมาร้องเรียก “ศิษย์สืบทอดจีเฉียนรับคำสั่ง!”

ชายชุดขาวพลันสีหน้าจริงจัง ประสานมือคารวะ

จีเฉียน

ศิษย์สืบทอดอันดับหนึ่งคนปัจจุบันของสำนักยุทธ์เสวียนจี มกุฎมหาอริยะที่ทรงอำนาจคนหนึ่ง หากอยู่ในเก้าดินแดนล้วนสามารถเปิดสำนักตั้งพรรค ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากผู้คนนับไม่ถ้วน

แต่ตอนนี้กลับหน้าตาถ่อมตน โค้งคำนับด้วยความเป็นศิษย์!

แค่นี้ก็เห็นได้แล้วว่ารากฐานของสำนักยุทธ์เสวียนจีแข็งแกร่งแค่ไหน

ผ่านไปหลายวัน

สมรภูมิเซียนเหิน

“ในที่สุดก็จะจบแล้ว…”

พวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคงก้าวออกมาจากอุโมงค์ใต้ดินที่ซ่อนตัว สายตามองไปบนเวิ้งฟ้า ล้วนมีความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

บนเวิ้งฟ้าปรากฏรอยแยกสีทองสายหนึ่ง มีพลังกฎระเบียบประหลาดลึกลับสายหนึ่งแผ่ออกมาจากรอยแยกนั้นรางๆ

วันนี้เป็นวันที่สิบของการเปิดสมรภูมิเซียนเหิน และเป็นวันที่สมรภูมิเซียนเหินใกล้จะปิดฉากเช่นกัน

“ก็ไม่รู้ว่าค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณจะถูกเหยียบย่ำไปแล้วหรือไม่”

คุนเซ่าอวี่พึมพำ

“แน่นอนว่าไม่มีทางผิดจากที่คาด!”

จู๋อิ้งคงกล่าวหนักแน่น มีตัวหมากที่แฝงในค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณซุ่มโจมตีอยู่ ด้วยแผนนอกในตีประสาน ต่อให้เมืองอารักษ์มรรคที่หลินสวินนั่นสร้างไว้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ป่วยการ

“หวังให้เป็นเช่นนั้นเถอะ”

เซวี่ยชิงอีทอดถอนใจ

ต่อให้เหยียบย่ำค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณแล้วอย่างไร ถ้าหลินสวินนั่นไม่ตาย ภายหน้าก็จะกลายเป็นภัยใหญ่ของค่ายทัพแปดดินแดนอยู่ดี!

“ควรไปแล้ว”

ขณะเดียวกันในเขาตัดหมอก หลินสวินเงยหน้าขึ้น แววตาล้ำลึกส่องประกาย

การมาสมรภูมิเซียนเหินครั้งนี้ สำหรับเขาแล้วเรียกได้ว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ หากเป็นไปดังคาด ภายหน้าสถานการณ์ของสมรภูมิเก้าดินแดนต้องเปลี่ยนไปแน่!

ถึงอย่างไรกำลังพลชั้นยอดของค่ายทัพแปดดินแดนก็ถูกล้างบางจนแทบไม่เหลือ เหลือแค่พวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคงสามคน แน่นอนว่าไม่อาจสร้างคลื่นลมอะไรได้อีก

สิ่งเดียวที่หลินสวินวางใจไม่ลง ก็คือความปลอดภัยของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ

……………………

[1] ขันธ์ห้า หมายถึงกองรูปธรรมและนามธรรมทั้งห้าที่ก่อเกิดเป็นตัวตนหรือชีวิต ประกอบด้วยรูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset