Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1616 ปัจจุบันรุ่งโรจน์เหนืออดีต

ราตรีดึกสงัด

เมืองอารักษ์มรรคที่ค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรอยู่กลับมีแสงโคมสว่างไปทั่ว เพียงแต่บรรยากาศกลับอึดอัดหนักอึ้งหาใดเทียบ

ไม่มีใครพูดจา

สีหน้าของแต่ละคนต่างเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ว้าวุ่นและไม่สงบ

หากเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินว่าผู้แข็งแกร่งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมารุกราน พวกเขาก็คงคิดว่าเป็นเรื่องตลกใหญ่เท่าฟ้าเรื่องหนึ่ง

แต่พอข่าวร้ายที่เหล่าค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยิน มารโลหิต เพลิงสวรรค์ จิ่วหลีถูกโค่นล้มแพร่มา พวกเขามีเพียงความรู้สึกเดียว

สะพรึงกลัว!

ไม่ถึงหนึ่งวัน หลินสวินคนนั้นนำทัพผู้แข็งแกร่งพิชิตค่ายทัพแห่งแล้วแห่งเล่า ลักษณะการโจมตีล้างบางดั่งขุดเรือนกวาดที่กำบัง อานุภาพแรงกล้าราวอสนีบาตเช่นนี้ทำให้ไม่ว่าใครก็ประหวั่นพรั่นพรึง

ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับคุนเซ่าอวี่

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า ภายในใจของคุนเซ่าอวี่ในขณะนี้ดิ้นรน อัดอั้นและเจ็บปวดขนาดไหน!

ราตรีดึกดื่นยิ่งขึ้นแล้ว

คุนเซ่าอวี่ยืนตัวคนเดียวหน้าตำหนัก เขายืนพิงระเบียง ลมหนาวเย็นเยียบ ราตรีมืดมิดดั่งน้ำหมึก ความมืดปกคลุมไปทุกที่

ครู่ใหญ่เขาก็ทอดถอนใจ

เสาะแสวงหามรรคยาก ชิงชัยลำบาก ทางแยกมากมาย ขณะนี้อยู่หนใด

ชักกระบี่มองรอบทิศจิตงุนงง!

พอยกมือขึ้นตบระเบียงเย็นเยียบเบาๆ ความกลัดกลุ้มและเดียวดายที่พูดไม่ออกก็ผุดขึ้นในใจคุนเซ่าอวี่

เสียดายกาลเวลาที่ผันผ่าน อาดูรบ้านเมืองกลางลมฝน วีรชนสูญสิ้นปรารถนา!

“นายน้อย!”

ท่ามกลางรัตติกาล ชายชราชุดเทาคนหนึ่งรีบร้อนมา สีหน้าหม่นหมอง “ค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัวก็ถูกพิชิตแล้ว หลินสวินนั่นใช้มรรคกระบี่สูงสุดประลองกับผู้ฝึกกระบี่หลายหมื่นแต่ไม่แพ้ เมืองอารักษ์มรรคอันยิ่งใหญ่ยังถูกทำลายจนย่อยยับเป็นเศษซาก”

คุนเซ่าอวี่สีหน้าเหม่อลอย จู่ๆ เขาก็ออกจะเข้าใจเซวี่ยชิงอีแล้ว

เจ้าหมอนี่ไม่ได้ใจเสาะ แต่ดูออกนานแล้วว่าหลังสมรภูมิเซียนเหินปิดฉากลง ทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนย่อมไม่มีใครสามารถเป็นศัตรูของหลินสวินได้อีกสักคน!

“ยอดหยิน มารโลหิต เพลิงสวรรค์ หม่อนบูรพา จิ่วหลี ต้าหลัว… ตอนนี้ก็เหลือเพียงค่ายทัพดินแดนโบราณอสูรดาวกับพวกเราแล้ว…”

คุนเซ่าอวี่พึมพำ รู้สึกเพียงไอหมองเศร้าบอกไม่ถูกเต็มอก หมายจะจากไปให้รู้แล้วรู้รอดโดยไม่สนใจ ไม่แยแสสิ่งใด

“นายน้อย ผู้นำขุมอำนาจใหญ่ในเมืองรวมตัวกันมาเข้าพบขอรับ!”

ทันใดนั้นมีคนรีบร้อนมาส่งข่าว

คุนเซ่าอวี่ชะงักไป ฉับพลันได้สติกลับมา สายตาไหววูบ ครู่สั้นๆ จึงพูดว่า “ให้พวกเขาเข้ามา”

ไม่นานนักเงาร่างของชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็กรูเข้ามา ล้วนเป็นผู้นำที่มาจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละกลุ่มของแดนโบราณขุมอุดร อานุภาพไม่ธรรมดา

เพียงแต่หว่างคิ้วของแต่ละคนต่างเจือแววว้าวุ่นกังวลใจ

“ให้ข้าเดา พวกเจ้ามาหาในเวลาเช่นนี้คงไม่ได้คิดจะปกป้องเมืองอารักษ์มรรคจนตัวตายร่วมกับข้าผู้แซ่คุนใช่ไหม”

คุนเซ่าอวี่กวาดตามองทุกคน ในใจสังหรณ์ใจไม่ดีไปแล้ว

ทุกคนสีหน้าอึ้งงัน ต่างออกจะละอายใจ

“คุณชายเซ่าอวี่ สถานการณ์ขณะนี้มาถึงช่วงวิกฤตถึงที่สุดแล้ว หลังพวกเราปรึกษากัน ต่างเห็นว่าถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้ว”

ชายชราชุดทองผมเผ้าเคราหนวดขาวคนหนึ่งเอ่ยปากเสียงเข้ม

คนอื่นก็พากันพยักหน้า

“อ้อ พวกเจ้าต้องการทำเช่นไร”

คุนเซ่าอวี่สีหน้าเย็นชาลงเล็กน้อย เขาเดาความจริงบางอย่างได้แล้ว ความหม่นหมองผุดขึ้นในใจอย่างห้ามไม่อยู่

“หลินสวินนั่นอานุภาพดุจสายรุ้ง กวาดล้างทั่วสารทิศ เวลาหนึ่งวันสั้นๆ ก็พิชิตค่ายทัพหกดินแดน คาดการณ์ได้ว่าอีกไม่นานค่ายทัพดินแดนโบราณอสูรดาวก็จะถูกตีแตก ในเวลาเช่นนี้พวกเรา… พวกเรา…”

ชายชราชุดทองพูดถึงตอนท้ายก็คล้ายละอายใจอยู่บ้าง อ้ำๆ อึ้งๆ พูดไม่ออก

คุนเซ่าอวี่ช่วยเขาพูด “พวกเจ้าคิดจะรีบถอนตัว หลบคมดาบของพวกเขา ออกจากเมืองนี้ไปให้ไกลเพื่อรักษาชีวิตทั้งหมดใช่ไหม”

ทุกคนต่างก้มหน้าลง ไม่กล้าสบสายตาคุนเซ่าอวี่ แต่เห็นได้ชัดว่ายอมรับไปแล้ว

ราตรียิ่งมืดมิด ลมหนาวดุจคมดาบ เย็นเยียบเสียดกระดูก

จู่ๆ คุนเซ่าอวี่ก็รู้สึกไร้พลังอย่างบอกไม่ถูก อัดอั้นตันใจจนแทบระเบิด

เขาหายใจเข้าออกลึกๆ สองสามครั้งแล้วกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่ตกลงพวกเจ้าจะทำอย่างไร”

ทุกคนต่างเงียบงัน ไม่มีใครโต้ตอบ

คำถามนี้ก็ตอบยากจริงๆ

คุนเซ่าอวี่เห็นดังนี้ก็กำหมัดทั้งสองข้างแน่นอย่างเงียบเชียบ เส้นเอ็นที่หลังมือแต่ละเส้นปูดโปน กำลังจะควบคุมความโกรธแค้นในใจไว้ไม่อยู่แล้ว

ไม่สู้กลับถอย อัปยศเพียงไหน!

ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนแต่ละครั้ง ค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรเคยมีสถานการณ์ ‘ได้ยินเสียงลมก็ขวัญผวา ไร้ซึ่งพลังต่อสู้’ เช่นนี้ที่ไหน

เพียงแค่หลินสวินคนเดียวนำทัพผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณกลุ่มหนึ่งเท่านั้นนะ คมประกายยังไม่มาเยือน ก็ทำให้เจ้าพวกนี้กลัวหัวหดเสียแล้ว!

คุนเซ่าอวี่แค้นจนผมแต่ละเส้นแทบชี้ตั้งแล้ว

เขาไม่ใช่เซวี่ยชิงอี เขาไม่ยินยอมยอมแพ้เช่นนี้ ความหยิ่งทระนงและศักดิ์ศรีของเขาไม่อาจรับเรื่องอัปยศอดสูเช่นนี้ได้สักนิด

“พวกเจ้า… ต่างตัดสินใจเช่นนี้หรือ”

ครู่ใหญ่คุนเซ่าอวี่จึงฝืนเก็บกลั้นความเดือดดาลภายในใจเอาไว้ เค้นเสียงพูดลอดไรฟัน เจือแววเย็นยะเยือกเสียดกระดูก

ทุกคนแข็งทื่อไปทั้งตัว มองหน้ากัน ในที่สุดต่างใช้ความเงียบเป็นคำตอบ

ใช่!

พวกเขาก็ตัดสินใจเช่นนี้ล่ะ!

ตอนนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณราวกับไร้ศัตรู มีพลานุภาพกวาดล้างสมรภูมิเก้าดินแดน ต่อต้านพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง

ไม่มีใครต้องการไปตาย และยิ่งไม่มีใครต้องการทิ้งชีวิตไว้ที่สมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้!

พอเห็นภาพนี้เข้า คุนเซ่าอวี่ก็นึกถึงจู๋อิ้งคง

ดินแดนโบราณยอดหยินเป็นขุมอำนาจค่ายทัพแรกที่ถูกพิชิต ตอนนั้นจู๋อิ้งคงไม่ได้เลือกหลบหนี แต่เลือกไปสู้กับหลินสวินตรงๆ

เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้

หรือเขาไม่กลัวตาย

ไม่ใช่!

เป็นเพราะความหยิ่งทระนงและศักดิ์ศรีค้ำคอเขาอยู่ หาไม่แล้ว เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกชิ้นโตของดินแดนโบราณยอดหยิน ถูกมองเป็นคนบาปตลอดกาล ปวงประชาต่างประณาม!

“น่าเสียดาย ข้าไม่มีความสามารถด้านการวางแผนอย่างเซวี่ยชิงอี และไม่มีใจพร้อมตายอย่างจู๋อิ้งคง คิดจะจำนนต่อชะตา แต่ก็ไม่ยินยอม กลับรักตัวกลัวตายอีก…”

คุนเซ่าอวี่สีหน้าอึ้งงัน พึมพำกับตัวเอง

บรรยากาศยิ่งเงียบสงัดและกดดันขึ้น

“คุณชายเซ่าอวี่ เวลาบีบคั้น กองทัพศัตรูจะมาถึงเมืองเมื่อไรก็ได้ ความเป็นความตายของหลายหมื่นชีวิตขึ้นอยู่กับความเห็นของท่าน ขอท่านตัดสินใจเด็ดขาดด้วย!”

ชายชราชุดทองกัดฟันเอ่ยปาก

“ขอคุณชายเซ่าอวี่ตัดสินใจเด็ดขาดด้วย!”

คนอื่นก็พากันเอ่ยปาก

ขณะนี้คุนเซ่าอวี่ท้อใจโดยสิ้นเชิง เรื่องน่าเศร้าที่สุดไม่มีสิ่งใดเกินหมดกำลังใจ เขาเข้าใจความหมายของประโยคนี้แล้วในที่สุด

“ไปเถอะ ไปให้หมดเถอะ”

คุนเซ่าอวี่หันตัว ยืนพิงระเบียง ทอดมองท้องฟ้ายามราตรีไกลออกไป

ใจคอแห้งเหี่ยว ท้อแท้สิ้นยินดี!

ผู้นำขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนโบราณขุมอุดรเหล่านั้นต่างเหมือนยกภูเขาออกจากอก พากันเงยหน้าขึ้นมองดูคุนเซ่าอวี่ที่หันหลังให้ทุกคน สุดท้ายพวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรอีกจึงหันกายจากไป

เคราะห์ใหญ่มาเยือนต่างบินหนี!

จวบจนทุกคนแยกย้ายกันหมดแล้ว ภายใต้ท้องฟ้าราตรี ผมยาวทั้งศีรษะของคุนเซ่าอวี่กลายเป็นสีขาวราวหิมะในทันที

ในแววตาของเขาเหลือเพียงความท้อแท้ว่างเปล่า

ฝึกปราณมาหลายสิบปี พรสวรรค์โดดเด่น ครองความเป็นหนึ่งในดินแดน เขาเชื่อว่าตนไม่ด้อยกว่าผู้ใดในอดีต ความสามารถล้ำเลิศเทียมคนในอดีต!

ท้ายที่สุดกลับเสียเวลาเปล่า โดดเดี่ยวลำพัง ความมืดมนกำลังจะมาเยือน ภูผาธาราอันกว้างใหญ่ ไม่มีผู้ใดให้ระบายความแค้นในจิตใจด้วยได้!

“อ๊าก!”

ทันใดนั้นคุนเซ่าอวี่ร้องคำราม ความโกรธเคือง จนใจ และเศร้าโศกระบายออกมาในท้องฟ้ายามราตรี ดั่งภูเขาถล่มทะเลหวีดร้อง

ทั้งที่นั้นต่างตกตะลึง

พอมองดูที่ที่คุนเซ่าอวี่ยืนอยู่อีกครั้ง เงาร่างของเขาก็หายไปแล้ว

ค่ำคืนนี้ คุนเซ่าอวี่ องค์ชายเผ่าคุน ผู้นำบุคคลรุ่นเยาว์แห่งดินแดนโบราณขุมอุดรจิตใจสูญเสียการควบคุม คลุ้มคลั่งจากไป!

พูดง่ายๆ ก็คือ คุนเซ่าอวี่เสียสติไปแล้ว

คืนนี้ภายในเมืองอารักษ์มรรคโลกขุมอุดร มีแต่เงาร่างที่หลบหนีลุกลี้ลุกลน แต่ละคนล้วนแตกตื่นเหมือนสุนัขไร้บ้าน!

มองเห็นยามเขาสร้างหอสูง มองเห็นยามเขาเลี้ยงรับแขกเหรื่อ มองเห็นยามเขา… พังทลาย!

…..

ย่ำรุ่ง ยานขนส่งอวกาศที่มีพวกหลินสวินอยู่ปรากฏที่หน้าเมืองอารักษ์มรรคโลกขุมอุดร

เพียงแต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นเมืองว่างเปล่าเมืองหนึ่ง มีแต่ความหนาวยะเยือกเปล่าเปลี่ยว

“ให้ตายสิ คุนเซ่าอวี่นั่นก็ต่ำช้าปานนี้เช่นกัน ไม่สู้แต่หลบหนีไปเหมือนเซวี่ยชิงอีนั่นแล้ว!”

เจ้าคางคกตกตะลึงอ้าปากค้าง

คนอื่นก็ต่างสีหน้างุนงง

ในวันเดียวพวกเขาท่องไปตามที่ต่างๆ ของสมรภูมิเก้าดินแดน พิชิตเมืองแล้วเมืองเล่า บดขยี้ค่ายทัพดินแดนต่างๆ ราวเทพไท้กวาดล้างทั่วสารทิศ

เดินหน้าเหิมฮึก บุญคุณทดแทน มีแค้นต้องชำระ!

นี่เป็นเรื่องที่แต่ก่อนเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด ประหนึ่งความฝันอันภาคภูมิ เต็มไปด้วยความระทึกใจ ดูเหนือจริงปานนั้น

ทว่าตอนนี้ล้วนเกิดขึ้นจริงแล้ว!

จนกระทั่งพิชิตค่ายทัพดินแดนโบราณอสูรดาว มาถึงค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดร ตลอดทางต่างยังสับสนงงงวย

เวลาเพียงวันเดียวกวาดล้างแปดดินแดน พิชิตเมืองผลาญศัตรู เริ่มขึ้นดั่งอสนีพิโรธ จบลงดั่งประกายคลื่นสมุทรธารารวมตัว!

ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อนยังไม่เคยเกิดเรื่องนี้

“คนไม่กลัวตายในโลกนี้สุดท้ายก็มีเพียงส่วนน้อย ยิ่งผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง ผู้มีพลังกล้าแกร่ง ก็ยิ่งรักตัวกลัวตาย!”

เซ่าเฮ่าทอดถอนใจ

“พวกเรา… ชนะแล้วจริงหรือ”

รั่วอู่สีหน้างุนนงง เหมือนทำใจเชื่อได้ยาก

“ชนะแล้ว!”

คนอื่นต่างพยักหน้า

พิชิตแปดดินแดน ชะล้างความอัปยศในอดีต

เลือดและน้ำตาที่บรรพชนนับไม่ถ้วนหลั่งไว้ที่นี่ต่างได้รับการสะสางในวันนี้!

เซี่ยวชางเทียนหัวเราะลั่นอย่างภาคภูมิ “ตั้งแต่วันนี้ไป สมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ย่อมมีดินแดนรกร้างโบราณของข้าเป็นผู้ยิ่งยง!”

“ชนะแล้ว ชนะแล้วจริงๆ…”

มีคนยิ้มเจือน้ำตา

หลั่งน้ำตาไม่ได้แปลว่าไม่แข็งแกร่ง มีเพียงผู้ที่หลั่งน้ำตาถึงเข้าใจว่าชัยชนะยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้มาอย่างยากลำบากเพียงไหน

หลินสวินไม่พูดอะไรอีก เขาเหยียบย่างขึ้นไปในอากาศ นั่งขัดสมาธิใต้เวิ้งฟ้า สีหน้าสงบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขาม ปากท่องธรรมโปรดสัตว์

แสงสวรรค์ไพศาล แสงพุทธโอฬาร ดอกบัวใสกระจ่างดั่งกระจกนับหมื่นพันดอกปกคลุมเมืองอันกว้างใหญ่ไว้

บรรยากาศน่าเกรงขาม ในใจหลินสวินก็ไม่อาจสงบใจได้อยู่บ้างเช่นกัน

วันนี้เวลานี้ ในที่สุดก็กวาดล้างค่ายทัพทั้งแปดดินแดน พิชิตเมืองอารักษ์มรรคแต่ละแห่งได้ สำหรับหลินสวินแล้ว ในใจจะไม่ปรีดาได้อย่างไร

ขอเพียงมีปณิธานตั้งมั่นเกรียงไกร ย่อมได้รับความสงบสุขไม่รู้จบ!

มีเพียงผ่านการเข่นฆ่าอันโหดร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าในสมรภูมิเก้าดินแดนจึงจะเข้าใจได้ว่า สำหรับค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณแล้ว ความหมายของชัยชนะครั้งใหญ่นี้พิเศษเพียงไหน

ในอดีตกาลเคยอับอาย เคยแค้นเคือง เคยก้มหน้า ในที่สุดวันนี้ก็ลืมตาอ้าปากได้!

ณ ที่นั้นมีเพียงซย่าจื้อที่ยืนอยู่เงียบๆ มาโดยตลอด แต่งกายชุดดำทั้งตัว สวมหมวกผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แสงราตรีนิรันดร์อาบชโลมไปทั้งร่าง

ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณชนะครั้งใหญ่แล้วอย่างไร

ในโลกนี้นางเห็นหลินสวินอยู่ในสายตาเพียงผู้เดียว

นอกจากนี้ไม่มีสิ่งอื่น

วันนี้หลินสวินนำทัพเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเดินทางไปทั่วสมรภูมิ ทำลายค่ายทัพแปดดินแดน สร้างชัยชนะครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต

นับแต่โบราณผู้ทิ้งชื่อในหนังสือประวัติศาสตร์ใครบ้างไม่รู้จัก คุณูปการในวันนี้เหนือล้ำกว่าคนในอดีต!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset