Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1627 ผู้มาจากฟ้าดารา

ท่านเมี่ยวเสวียนค่อยๆ ปรับสภาพอารมณ์ตกใจให้สงบลง

เขาไม่ได้ถามถึงสาเหตุที่หลินสวินยืนกรานจะไปสนามรบแนวหน้าดินแดนรกร้างโบราณให้ได้ แต่ถามเพียงว่า “ต้องไปให้ได้หรือ”

หลินสวินพยักหน้า

ตอนที่อยู่ในป่าต้นหม่อนของสมรภูมิกระหายเลือด ก่อนชายหนุ่มจักจั่นทองจากไป เคยใช้ใบไม้เทพหิมะน้ำแข็งใบหนึ่งผนึกเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิไว้ ทั้งกำชับหลินสวินว่าต้องเอาของสิ่งนี้ไปสนามรบแนวหน้าให้ได้

ตอนนี้หลินสวินคิดว่าตัวเขาเตรียมรากฐานพลังพร้อมมุ่งหน้าสู่สนามรบแนวหน้าของดินแดนรกร้างโบราณแล้ว ถึงได้ทำเรื่องนี้ทันทีที่กลับมาถึงดินแดนรกร้างโบราณ

“ได้ ข้าจะช่วยจัดการให้”

ท่านเมี่ยวเสวียนไม่ลังเลอีกต่อไป ตกปากรับคำทันที

หลินสวินเป็นมกุฎอริยะที่สร้างวิชาแห่งตนแล้ว ในเมื่อเขาเลือกจะทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลมากพอ ไม่จำเป็นต้องย้ำเตือนมากความอีก

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เกื้อกูล”

หลินสวินลอบถอนหายใจโล่งอก

สนามรบแนวหน้าดินแดนรกร้างโบราณไม่ใช่ที่ที่ไปง่ายขนาดนั้น ต้องมีวิธีการพิเศษ ผ่านเส้นทางลับห้วงอากาศพิเศษสายหนึ่งจึงจะเข้าถึงได้

หอฤทธิ์เทพ เชี่ยวชาญวิธีเข้าออกเส้นทางลับห้วงอากาศสายนี้พอดี

ท่านเมี่ยวเสวียนกล่าวกำชับ “หนึ่งวันให้หลัง ข้าจะเปิดค่ายกลลับเคลื่อนย้ายให้เจ้า รอหลังจากถึงสนามรบแนวหน้า ต้องไปหาศิษย์พี่ของข้าตั้งแต่จังหวะแรก มีเขาคอยดูแล คงไม่ปล่อยให้เจ้าประสบอันตรายอย่างแน่นอน”

ศิษย์พี่ของท่านเมี่ยวเสวียนก็คือท่านเซิ่น เคยสอน ‘มรรคแห่งหินสลัก’ ให้หลินสวิน อีกทั้งพลังของเขาก็ลึกล้ำสุดหยั่งอีกด้วย

หากมีท่านเซิ่นคอยดูแล ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว

“นายท่าน แม่นางอิ๋นฮวนและคุณชายอ๋าวกลับมาแล้ว”

และเวลานี้เองมีเด็กรับใช้มัดแกละสองจุกคนหนึ่งปรากฏตัวที่นอกโถงใหญ่ กล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงยินดี

“พวกเขากลับมาแล้วหรือ รีบเชิญมาเร็ว”

ท่านเมี่ยวเสวียนหยัดตัวเต็มความสูง ขณะเดียวกันก็สื่อจิตกับหลินสวิน ‘สหายน้อย อีกเดี๋ยวข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับผู้กล้าสองคนจากทางเดินโบราณฟ้าดารา’

‘คนหนึ่งคืออิ๋นฮวน เป็นธิดาเทพยุคปัจจุบันของ ‘สำนักเร้นฤทธิ์เทพ’ ติดอันดับที่เก้าใน ‘กระดานยอดจรัสฟ้าดารา’ บรรลุมกุฎอริยะตั้งแต่หลายปีก่อน จากนั้นก็เริ่มบุกเบิกเคล็ดวิชา ‘ประทับมหามายาพันอากาศ’ ค่อนข้างเลื่องชือลือชาในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา’

‘อีกคนคืออ๋าวเจิ้นเทียนจากเผ่าเจินหลง คนผู้นี้ยิ่งน่าทึ่ง เป็นทายาทเจินหลงเลือดบริสุทธิ์ รากฐานน่าตกใจถึงขีดสุด จากที่ข้าสังเกต คนผู้นี้มีบุคลิกผ่าเผยไร้ทัดเทียม ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องทะยานติดอันดับ ‘กระดานอริยะแท้ฟ้าดารา’ แน่นอน’

ประโยคเหล่านี้ทำให้ในใจหลินสวินไหวสะท้าน

มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราก็เพียงพอจะทำให้โลกหล้าตกตะลึงได้แล้ว ถึงอย่างไรสำหรับทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ ทางเดินโบราณฟ้าดารานั่นเป็นโลกที่เหมือนตำนาน ตั้งตระหง่านอยู่เหนือนภาครามชัดๆ!

อย่างน้อยเท่าที่หลินสวินรู้ ในดินแดนรกร้างโบราณแทบจะมีเพียงระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนทะยานผ่านห้วงอากาศว่างเปล่าไปถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราได้

และสิ่งที่ยิ่งทำให้หลินสวินคิดไม่ถึงคือ ชายหญิงสองคนจากทางเดินโบราณฟ้าดาราถึงกับไม่ธรรมดากินกันไม่ลง!

อิ๋นฮวนสร้างวิชาแห่งตนขึ้นมาแล้ว อ๋าวเจิ้นเทียนยิ่งเป็นทายาทเจินหลงเลือดบริสุทธิ์ หากอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณล้วน เรียกได้ว่าสะท้านโลกและหาตัวจับยาก

ต่อมาจากคำอธิบายของท่านเมี่ยวเสวียน หลินสวินก็เข้าใจความลับบางอย่างด้วยเช่นกัน

อย่างเช่น ‘กระดานยอดจรัสฟ้าดารา’ นั่น มีแต่เหล่าผู้กล้าชายหญิงที่โดดเด่นที่สุดในทางเดินโบราณฟ้าดาราเท่านั้นจึงจะติดอันดับได้

แต่ละคนรากฐานต่ำสุดยังเป็นถึงมกุฎอริยะแท้ ไม่เพียงเท่านี้ ชายหญิงที่บุคลิกโดดเด่นเฉิดฉายบนทางเดินโบราณฟ้าดาราเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ รากฐาน รูปร่างหน้าตา บุคลิก ต่างเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งยุค

‘ยอดจรัส’ สองคำนี้ก็มาจากเหตุนี้นั่นเอง

อิ๋นฮวนนั่นสามารถติดอันดับที่เก้าใน ‘กระดานยอดจรัสฟ้าดารา’ ได้ แค่คิดก็รู้ว่าไม่ธรรมดาปานใด

แน่นอน ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ โลกปวงสวรรค์เวิ้งว้างปานใด ใช่ว่ารายชื่อกระดานหนึ่งจะสามารถระบุชายหญิงในใต้หล้าที่น่าอัศจรรย์ได้ทั้งหมด

แต่ที่แน่ใจได้คือ ชายหญิงที่สามารถติดอันอับบนกระดานนี้ได้ ย่อมไม่มีพวกธรรมดาทั่วไปสักคนอย่างแน่นอน

และสำนักเร้นฤทธิ์เทพที่อิ๋นฮวนอยู่นั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นแบบไม่อาจแบ่งแยกกับหอฤทธิ์เทพซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ

หากกล่าวว่าหอฤทธิ์เทพเป็นสาขาหนึ่ง เช่นนั้นสำนักเร้นฤทธิ์เทพก็คือสำนักหลักสายตรง!

ส่วน ‘กระดานอริยะแท้ฟ้าดารา’ เรียกอีกอย่างว่า ‘กระดานมกุฎอริยะแท้’ อยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา มีเพียงพวกบารมีไร้ทัดเทียมเท่านั้นจึงสามารถมีคุณสมบัติไต่ทะยานสู่กระดานนี้ได้

ความสำคัญของกระดานระดับนี้ ถึงขนาดสำคัญกว่ากระดานยอดจรัสฟ้าดารา ถูกขุมอำนาจใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่รู้เท่าไหร่คอยจับจ้องอยู่

ไม่ว่าใครก็ตามที่ติดอันอับบนกระดานนี้ได้ ล้วนถูกมองเป็น ‘สุริยันผู้กล้าฟ้าดารา’!

อ๋าวเจิ้นเทียนมีฐานพลังทะยานขึ้นสู่กระดานนี้ได้แล้ว ย่อมไม่ใช่พวกธรรมดาอย่างแน่นอน

เพียงแต่สำหรับหลินสวิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นได้แค่ตำนานบทใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้ยินความลับระดับนี้มาก่อน ยังไม่ถึงขั้นสั่นสะท้านสะเทือนอารมณ์

เพราะตัวเขาเองก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานในระดับมกุฎอริยะแท้แล้ว ในแง่จิตใจย่อมไม่มีความรู้สึกไหวหวั่นสั่นคลอนใดๆ

สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินสงสัยใคร่รู้คือ ชายหญิงเช่นนี้เหตุใดถึงมาเยือนดินแดนรกร้างโบราณ และพวกเขามาครั้งนี้เพราะอะไรกัน

ขณะกำลังอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกโถงใหญ่ หนึ่งหญิงหนึ่งชายเดินเคียงไหล่มาพร้อมกัน

ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำ ก้าวย่างหนักแน่นน่าเกรงขาม สวมชุดคลุมมังกรสีเหลืองสด สวมรองเท้าลายเมฆ ผมยาวม้วนมวย บนหน้าผากเกลี้ยงเกลามีเขามังกรยาวชุ่นเศษงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง

พร้อมๆ การย่างก้าวของเขา อำนาจไพศาลก็พลอยคละคลุ้งตามไปด้วย ทำให้เขาดูเหมือนเจ้าเหนือโลกที่โรยตัวสู่โลกหล้า มีกลิ่นอายกลืนกินสี่สมุทร ควบคุมอานุภาพคลื่นลม

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ระหว่างเปิดปิดแสงเทพดุจคมดาบ ให้ความรู้สึกเจ็บแปลบเฉียบคมปานตัดลำคอ

คนผู้นี้ก็คืออ๋าวเจิ้นเทียน ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าเจินหลงอย่างไม่ต้องสงสัย!

คนบางพวกแค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา เป็นเทพสงครามพรสวรรค์ล้ำเลิศ เหมือนอย่างอ๋าวเจิ้นเทียนคนนี้

แต่ว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เขาไม่ได้ถูกรัศมีผ่าเผยของเขากลบสักนิด ถึงขั้นทำให้ผู้คนสังเกตถึงการมีตัวตนของนางตั้งแต่แวบแรก

เหตุผลนั้นง่ายมาก ความงามของบุคลิกรูปโฉมของผู้หญิงคนนี้ประหนึ่งเซียนสวรรค์!

นางสวมชุดขาว เรือนผมดำขลับดุจน้ำตกถูกมัดรวบด้วยเชือกสีแดงลวกๆ ลู่ตัวลงที่บริเวณช่วงเอวกลมกลึง ดวงหน้าไม่ได้ผลัดแป้งแต่สีดุจหิมะกระจ่างประกายระเรื่อ ผิวเนียนดุจหยก สะคราญโฉมไร้ทัดเทียม

ขณะก้าวเดินประกายควันสายแล้วสายเล่ารายล้อมรอบตัวนาง ดั่งฝันดุจมายา ขับเน้นเงาร่างของนางให้ทรงเสน่ห์ดุจท่วงทำนองเทพแห่งเซียน

เพียงแต่สายตาของนางเย็นชาเกินไป ดูคล้ายเยือกเย็น ความเป็นจริงกลับเย็นเยียบซ่อนคมสุดขีด ให้ความรู้สึกสูงส่ง เหินห่างจากผู้คน

“อิ๋นฮวน องค์ชายเจ็ด พวกเจ้ากลับมาแล้ว”

ท่านเมี่ยวเสวียนก้าวขึ้นไปต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม

“คารวะอาจารย์อา”

“คารวะผู้อาวุโส”

อิ๋นฮวนและอ๋าวเจิ้นเทียนต่างโค้งคารวะ สีหน้าไม่อ่อนน้อมไม่โอหัง แม้ว่าท่านเมี่ยวเสวียนจะเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิ แต่สำหรับพวกเขากลับคล้ายเห็นจนชินตา

“ฮ่าๆ กลับมาแล้วก็ดี รีบเข้ามานั่ง ข้าจะแนะนำสหายคนหนึ่งให้แก่พวกเจ้า”

ท่านเมี่ยวเสวียนส่งสัญญาณให้ทั้งคู่นั่งลง จากนั้นก็ให้เด็กรับใช้ยกชามา ท่าทีดูกระตือรือร้น

เพียงแต่ทันทีที่อ๋าวเจิ้นเทียนนั่งลงก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “ผู้อาวุโส รอให้จัดการธุระเข้าที่เข้าทาง ข้าก็จะกลับสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราแล้ว หาได้มีแก่ใจผูกมิตร”

คำพูดสบายๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเพียงเหลือบตามองหลินสวินแค่แวบเดียวแล้วไม่สนใจอีก ความหยิ่งยโสที่อยู่ภายในเผยออกมาเต็มที่ในประโยคที่ดูไม่ยี่หระนี้

รอยยิ้มท่านเมี่ยวเสวียนจางลงไปมาก สายตามองไปทางอิ๋นฮวน

อิ๋นฮวนยกน้ำชาจากโต๊ะกล่าวว่า“อาจารย์อา ที่คุณชายอ๋าวว่ามานั้นไม่ผิด สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้อยู่ดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ รอเรื่องนี้จบก็ต้องกลับไปแล้ว ผูกมิตรเวลานี้ ต่อไปย่อมไม่อาจได้พบกันอีกแน่ ไม่ใคร่มีความหมาย รังแต่จะเพิ่มภาระ”

กล่าวพลางสายตานางมองไปยังหลินสวินที่นั่งตรงข้ามในโถงใหญ่ กล่าวว่า “สหายยุทธ์ท่านนี้ เจ้าคิดอย่างไรล่ะ”

เสียงของนางดุจนกขมิ้นเหลืองขับขาน ไพเราะเสนาะหู แต่ไม่ว่าท่าทีหรือคำพูดล้วนแฝงแววเยียบเย็นหยิ่งยโส

เดิมหลินสวินยังสงสัยใคร่รู้ คิดอยากชื่นชมความสง่างามของยอดผู้กล้าบนทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่พอเห็นภาพนี้เข้าก็พลันหมดความสนใจในทันที

“เจ้าว่ามาก็ถูก คนแปลกหน้าพบกันโดยบังเอิญเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับกัน” หลินสวินกล่าว

เมื่อเป็นเช่นนี้กลับทำให้อิ๋นฮวนเป็นฝ่ายอึ้งไปเล็กน้อย ในจิตใต้สำนึกของนางคิดว่าท่านเมี่ยวเสวียนต้องการอุ้มชูหลินสวินถึงได้อยากแนะนำให้ตนรู้จัก จึงมองเขาเป็นแค่พวกไร้ความสำคัญคนหนึ่ง

คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายถึงกับแสดงท่าทีเรียบเฉยเช่นนี้

จากนั้นนางก็ส่ายหน้า ไม่คิดมากอีก ช่วงหลายปีมานี้ชายหนุ่มที่เทียวไล้เทียวขื่อนางมีไม่รู้เท่าไหร่ หนึ่งในนั้นไม่ขาดพวกสุริยันผู้กล้าที่ชื่อก้องฟ้าดาราเลย

แต่ล้วนถูกนางปฏิเสธโดยไม่มีข้อยกเว้น

ท่าทีเรียบเฉยที่หลินสวินแสดงออกมาในตอนนี้ก็ถูกนางมองว่าเป็นการ ‘เสแสร้งแกล้งทำ’ อย่างหนึ่ง จงใจทำเช่นนี้เพื่อดึงความสนใจของตน

ที่น่าเสียดายคือ ลูกไม้เช่นนี้นางเห็นมามากแล้ว

อ๋าวเจิ้นเทียนก็หัวเราะเยาะออกมา กล่าวพร้อมรอยยิ้มนึกสนุกว่า “คนแปลกหน้าพานพบกันก็คือวาสนา หากพบคนที่ถูกชะตา ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะรู้จักสักหน่อย น่าเสียดาย ข้ากับเจ้ามีบุญแต่ไร้วาสนา”

สนทนาจนถึงตอนนี้ บรรยากาศภายในโถงใหญ่ดูเปราะบางอย่างเห็นได้ชัด

ท่านเมี่ยวเสวียนในฐานะเจ้าบ้านมีหรือจะมองไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นอิ๋นฮวนหรืออ๋าวเจิ้นเทียน ล้วนไม่เคยเห็นหลินสวินอยู่ในสายตาสักนิด

ก็ต้องโทษที่เขาใจร้อนเกินไป อยากให้หลินสวินรู้จักสหายไว้ส่วนหนึ่ง ต่อไปเมื่อมุ่งหน้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราจะได้มีมิตรเพิ่มขึ้น

คิดไม่ถึงว่ากลับทำเสียเรื่อง

ท่านเมี่ยวเสวียนเพิ่งคิดจะอธิบาย หลินสวินก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส เรื่องมีบุญแต่ไร้วาสนาไม่ต้องฝืนบังคับ หากไม่มีเรื่องอื่นแล้วข้าผู้แซ่หลินขอตัวก่อน”

กล่าวจบเขาก็หยัดตัวเต็มความสูงอย่างเด็ดขาด

ช่วงก่อนหน้านี้ผู้บำเพ็ญมรรคในดินแดนรกร้างโบราณดูแคลนผู้บำเพ็ญมรรคจากโลกชั้นล่าง ตอนนี้กลับดีนัก ผู้บำเพ็ญมรรคจากดินแดนรกร้างโบราณก็ถูกคนจากทางเดินโบราณฟ้าดาราดูแคลนเช่นกัน

อันที่จริงเรื่องนี้ธรรมดามาก ในวิถีฝึกปราณ ในการดำเนินชีวิต เรื่องทำนองนี้มีมากมายเหลือเกิน

แม้แต่ในจักรวรรดิ ประชาชนคนทั่วไปในนครต้องห้ามยังดูแคลนประชาชนจากเขตเมืองอื่นเลย

หลินสวินเข้าใจได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับโดยดุษณี

สำหรับการจากไปของหลินสวิน ท่านเมี่ยวเสวียนทอดถอนใจคราหนึ่ง ไม่ได้ห้ามปราม กำชับเด็กรับใช้ให้จัดแจงสถานที่พักผ่อนให้หลินสวิน

ส่วนอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้มองหลินสวินอีกเลย ไม่มีความสำคัญ ไยต้องใส่ใจ

“อาจารย์อา พวกเราสืบข่าวมาได้แล้ว คนที่คุณชายอ๋าวหาตัว ตอนนี้อยู่ข้างกายผู้บำเพ็ญมรรคคนหนึ่งที่ชื่อหลินสวิน”

ในโถงใหญ่อิ๋นฮวนเอ่ยพูดตรงประเด็น “ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้หลินสวินนี่อยู่ที่ไหน”

“หลินสวิน?”

ท่านเมี่ยวเสวียนอึ้งงัน สีหน้าแปลกไป

และพร้อมกันนั้นหลินสวินที่เพิ่งเดินออกจากโถงใหญ่ยังไม่ไกลนักพลันชะงักฝีเท้า นัยน์ตาดำหรี่ลง เจ้าสองคนนี่มุ่งหน้าจากทางเดินโบราณฟ้าดารามาดินแดนรกร้างโบราณเพื่อหาคนหรือ

หนำซ้ำยังอยู่ข้างๆ ตนด้วย?

……

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset