Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1630 ผู้เฒ่าอิ๋น

ในห้องโถงใหญ่ ท่านเมี่ยวเสวียนก็ทอดถอนใจ กล่าวเจือแววขอโทษ “สหายน้อย ครั้งนี้โทษที่ข้าทำเสียเรื่อง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้เสียได้”

กล่าวพลางค้อมกายไปทางหลินสวิน

ท่วงท่าสุภาพ เห็นได้ชัดว่าไม่มีการเพิกเฉย

หลินสวินรีบเบี่ยงตัวหลบ ไม่กล้ารับการคารวะเต็มพิธีเช่นนี้ กล่าวว่า “ผู้อาวุโส นี่เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างข้ากับอ๋าวเจิ้นเทียนคนนั้น หาได้เกี่ยวกับท่าน”

ท่านเมี่ยวเสวียนระบายยิ้ม เชิญให้หลินสวินนั่งลงแล้วกล่าวเสียงขรึม “สหายน้อย เรื่องอ๋าวเจิ้นเทียนนี่ช่วยฟังคำพูดตาเฒ่าสักหน่อยได้หรือไม่”

หลินสวินกล่าว “ผู้อาวุโสเชิญว่ามาได้เลย”

ท่านเมี่ยวเสวียนขบคิดครู่หนึ่งค่อยกล่าว “หากเจ้าเป็นห่วงแม่นางจิ่งเซวียนผู้นั้นจริงๆ ก็ให้นางกลับเผ่าเจินหลงไปพร้อมกับอ๋าวเจิ้นเทียน”

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัดลง ค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง

“ละทิ้งอคติที่มีต่ออ๋าวเจิ้นเทียน หากแม่นางจิ่งเซวียนผู้นั้นสามารถเข้าร่วม ‘งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร’ ได้ ย่อมต้องทำให้พรสวรรค์สายเลือดของนางได้รับผลประโยชน์แบบคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน”

ท่านเมี่ยวเสวียนกล่าวอธิบาย “สิ่งนี้มีประโยชน์สำคัญต่อการฝึกปราณในอนาคตของนาง ถึงอย่างไรงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรนี่หลายหมื่นปีจึงจะจัดขึ้นครั้งหนึ่ง แต่ในเผ่าเจินหลงใช่ว่าใครๆ ล้วนมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานได้”

“เท่าที่ข้ารู้ หากไม่ใช่ทายาทสายตรงเจินหลง รากฐานพลังไม่โดดเด่น ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ ล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาสเข้าร่วมงานชุมนุมระดับนี้”

“และไม่ว่าทายาทเจินหลงคนใดก็ตามที่เข้าร่วมงานชุมนุมระดับนี้ ล้วนมีโอกาสไปไขว่คว้า ‘เลือดแท้บรรพชนมังกร’! นี่เป็นถึงพลังสายเลือดที่ปฐมบรรพชนเจินหลงเหลือทิ้งไว้ตั้งแต่สมัยแรกก่อกำเนิด ขอเพียงหลอมมันได้ ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง ‘ย้อนกำเนิด’ อันมหัศจรรย์!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่มีความหมายอย่างไรกับทายาทเจินหลง”

ไม่รอให้หลินสวินตอบ ริมฝีปากท่านเมี่ยวเสวียนก็เอ่ยสี่คำออกมาเบาๆ “คุณสมบัติมหาจักรพรรดิ!”

ในใจหลินสวินไหวสะท้าน สูดหายใจเฮือก

เขาคล้ายยากจะเชื่อ เอ่ยว่า “มีแต่ต้องหลอมพลังส่วนนี้เท่านั้นจึงจะสามารถครองคุณสมบัติบรรลุสู่ระดับมหาจักรพรรดิหรือ”

ท่านเมี่ยวเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “การขึ้นเป็นจักรพรรดิย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น แต่ว่าการได้ครอบครองคุณสมบัติบรรลุจักรพรรดิก็น่าทึ่งสุดยอดแล้ว ผู้แข็งแกร่งกึ่งจักรพรรดิบางคน ตลอดชีวิตยังไม่สามารถครอบครองคุณสมบัติระดับนี้ได้เลยด้วยซ้ำ!”

คราวนี้หลินสวินเข้าใจในทันที มิน่าท่านเมี่ยวเสวียนถึงให้คำแนะนำเช่นนี้ ลำพังแค่ ‘เลือดแท้บรรพชนมังกร’ นี่ก็สามารถทำให้ทายาทเจินหลงคนใดไม่อาจต้านทานได้แล้ว

“รากฐานของเผ่าเจินหลงนี้น่าสะพรึงจนชวนตกใจจริงๆ” เขาอดปลงตกไม่ได้

ท่านเมี่ยวเสวียนเองก็กล่าวเบาๆ “เจินหลง หงส์เซียน… นี่เป็นถึงเผ่าเทพที่ได้รับการปกปักจากสรวงสวรรค์ในตำนาน ไม่ว่าเป็นใคร และไม่ว่าจะเป็นทางเดินโบราณฟ้าดาราหรือทั่วทั้งเก้าแดน ล้วนไม่อาจปฏิเสธความแข็งแกร่งของพวกเขาได้”

“เหมือนอย่างอ๋าวเจิ้นเทียนนั่น อย่าเห็นว่าตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่คุณสมบัติของเขากลับเรียกได้ว่าพลิกฟ้า งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรครั้งนี้ก็จัดขึ้นเพื่อเขา ไม่ต้องกังขาสักนิด หลังจากเขาหลอมพลังเลือดแท้บรรพชนมังกร จะสามารถสร้าง ‘ร่างมรรคเจินหลง’ เป็นรากฐานสู่การบรรลุจักรพรรดิอย่างแน่นอน!”

หลินสวินนิ่งเงียบเนิ่นนาน สุดท้ายกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าจำเป็นต้องถามความคิดเห็นของจิ่งเซวียนก่อน หากนางเต็มใจไป ข้าย่อมไม่ขัดขวางเด็ดขาด”

ความหมายในคำพูดชัดเจนยิ่ง หากจ้าวจิ่งเซวียนไม่เต็มใจ มีเขาหลินสวินอยู่ ใครก็ไม่อาจพาไปได้!

ท่านเมี่ยวเสวียนพยักหน้า

และในวันนั้นเอง หลินสวินเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ บนนั้นประทับมหามรรคของตนเอาไว้และยื่นให้ท่านเมี่ยวเสวียน ฝากเขาช่วยใช้เส้นทางผ่านหอฤทธิ์เทพ ส่งไปยังทะเลหมากดารา

……

และพร้อมกันนั้นอิ๋นฮวนก็กำลังพูดคุยกับอ๋าวเจิ้นเทียน

“คุณชายอ๋าว ครั้งนี้พวกเราประมาทเอง ในความคิดข้า หลินสวินนี่ต่อให้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา อาศัยพลังต่อสู้ของเขาก็เพียงพอจะไต่เต้าสู่ร้อยอันดับแรกในกระดานอริยะแท้ฟ้าดาราแน่นอน”

อิ๋นฮวนเอ่ยพูดเบาๆ ปลอบเตือนอ๋าวเจิ้นเทียน

“แต่ว่าเขาก็มีจุดบอดอยู่ นั่นก็คือหากไม่มีวิธีพิเศษ ก่อนขึ้นเป็นจักรพรรดิ เขาย่อมไม่สามารถเข้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราได้เด็ดขาด”

นิ่งไปพักหนึ่งนางกล่าวต่อไปว่า “เจ้าเองก็รู้ดี เมื่อเทียบกับเก้าดินแดน ทางเดินโบราณฟ้าดาราต่างหากที่เป็นโลกฝึกปราณที่แท้จริง เป็นต้นกำเนิดหมื่นมรรค รากฐานแรกกำเนิด ซ้ำยังเป็นหอบรรพจารย์ของสำนักลัทธิทั้งมวลทั้งบนล่าง!”

หอบรรพจารย์!

ไม่กี่คำสั้นๆ แต่ความหมายแฝงของมันเพียงพอจะทำให้ผู้บำเพ็ญมรรคคนใดก็ตามในโลกใจสะท้านได้

“ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าข้าแพ้อย่างไร้น้ำยา!”

เวลานี้อ๋าวเจิ้นเทียนสงบอารมณ์ลงแล้ว กล่าวอย่างขมขื่นว่า “เจ้าดูหลินสวินนั่น ลำพังฝึกปราณแค่ในดินแดนรกร้างโบราณยังสามารถโจมตีข้าให้พ่ายแพ้ได้ง่ายๆ หากให้เขาฝึกปราณบนทางเดินโบราณฟ้าดาราตั้งแต่แรก รากฐานและพลังต่อสู้ที่มีทั้งหมดจะไม่ยิ่งน่าสะพรึงกว่านี้หรือ”

กล่าวถึงตรงนี้เขาอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ “ก่อนหน้านี้ข้าจับตามองแค่พวกสุริยันผู้กล้าบนกระดานอริยะแท้ฟ้าดาราเท่านั้น แต่ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าข้าโลกแคบเกินไป”

อิ๋นฮวนอดกังวลเล็กน้อยไม่ได้ อ๋าวเจิ้นเทียนถูกโจมตีรุนแรงจนสั่นคลอนความเชื่อมั่นในจิตใจไปแล้วใช่หรือไม่

“อิ๋นฮวน เจ้าวางใจ การแพ้ยับครั้งนี้กลับทำให้ข้ามีสติอย่างสิ้นเชิง ต่อไปย่อมไม่อาจเลอะเลือนเช่นนี้อีกแล้ว”

อ๋าวเจิ้นเทียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง หว่างคิ้วเปี่ยมแววหนักแน่น

อิ๋นฮวนเห็นเช่นนี้จึงโล่งใจไม่น้อย

“สิ่งเดียวที่ข้ากังวลใจตอนนี้ คือข้าจะพาญาติผู้น้องของข้าที่ไม่เคยพบหน้ากันกลับเผ่าได้อย่างไร เจ้าเองก็รู้ การมาเยือนดินแดนรกร้างโบราณครั้งนี้เป็นคำสั่งจากท่านปู่ข้า หากไม่สามารถทำเรื่องนี้สำเร็จ ท่านปู่ต้องตำหนิข้าแน่”

อ๋าวเจิ้นเทียนทอดถอนใจยาว

อิ๋นฮวนขบคิดครู่หนึ่งกล่าวว่า “หรือไม่… ข้าไปขอร้องอาจารย์อาเมี่ยวเสวียนอีกครั้ง ให้เขาช่วยเกลี้ยกล่อมหลินสวินหน่อย”

อ๋าวเจิ้นเทียนส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ข้าไปหาเอาเองก็สิ้นเรื่อง”

จะให้อิ๋นฮวนก้มหัวเพราะเรื่องของตนหรือ

เขาอ๋าวเจิ้นเทียนทำไม่ได้หรอก

……

ในคืนวันนั้นจดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งจากทะเลหมากดารากลับสู่หอฤทธิ์เทพ

หลินสวินฉีกเปิดจดหมายออกอ่าน บนนั้นเขียนอักษรหนึ่งบรรทัดสั้นๆ ‘ความคิดท่านคือความคิดข้า เรื่องนี้ยกให้ท่านตัดสินใจ’

หลินสวินรู้สึกจับใจอยู่บ้าง เข้าใจในทันที

ดูเหมือนว่าจิ่งเซวียนเองก็หวั่นไหวกับ ‘เลือดแท้บรรพชนมังกร’ อย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่นางให้ความสำคัญกับความเห็นของตนมากกว่า ดังนั้นจึงให้ตนเป็นฝ่ายตัดสินใจ

จากนั้นหลินสวินจึงไปหาท่านเมี่ยวเสวียนแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ขอให้ท่านช่วยบอกอ๋าวเจิ้นเทียนนั่นได้หรือไม่ ว่าเรื่องนี้รอให้ข้ากลับมาจากสนามรบแนวหน้าแล้วค่อยตัดสินใจ”

ท่านเมี่ยวเสวียนคลี่ยิ้มละไม “ได้”

และเมื่อท่านเมี่ยวเสวียนนำประโยคนี้ไปบอกอ๋าวเจิ้นเทียน ฝ่ายหลังกลับอึ้งไป

เจ้าหมอนี่หมายความว่าอย่างไร

อิ๋นฮวนเข้าใจในทันที กล่าวว่า “ยังจะหมายความว่าอะไรได้อีก เขาต้องไม่วางใจให้เจ้าพาแม่นางจิ่งเซวียนผู้นั้นไปในตอนนี้ ทั้งไม่อยากให้แม่นางจิ่งเซวียนผู้นั้นพลาดวาสนาของงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรด้วย ดังนั้นจึงตัดสินใจออกมาเช่นนี้”

อ๋าวเจิ้นเทียนอดแค่นเสียงเย็นไม่ได้ “เขาคิดว่าข้าจะทำร้ายญาติผู้น้องตัวเองหรืออย่างไร”

อิ๋นฮวนส่ายหน้าเอ่ยว่า “เปล่า นี่มีแต่พิสูจน์ได้ว่าความสัมพันธ์ของหลินสวินกับญาติผู้น้องของคุณชายอ๋าวไม่ธรรมดา เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจเป็นคู่บำเพ็ญกัน”

นัยน์ตาอ๋าวเจิ้นเทียนหดรัด กล่าวว่า “ญาติผู้น้องนางไม่รู้เชียวหรือ ว่าทายาทเผ่าเราไม่ว่าชายหญิง หากหมายจะผูกสัมพันธ์คู่บำเพ็ญกับคนนอกเผ่า ล้วนต้องได้รับความยินยอมจากผู้นำตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสก่อน”

อิ๋นฮวนเองก็ไม่รู้ฉุกคิดอะไรขึ้นมา อดทอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้

อ๋าวเจิ้นเทียนรีบร้อนกล่าว “อิ๋นฮวน เรื่องของพวกเราสองคนต้องไม่เป็นปัญหาแน่ รอให้งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรปิดม่าน ข้าจะเอ่ยกับท่านพ่อตั้งแต่จังหวะแรก!”

อิ๋นฮวนร้องอืมคราหนึ่ง แววตาเหนียมอาย ไหวเคลื่อนด้วยความนุ่มนวล

หากหลินสวินอยู่ตรงนี้ ต้องไม่เชื่อแน่ว่าโฉมงามภูเขาน้ำแข็งที่หยิ่งผยองเย็นชาอย่างอิ๋นฮวน จะถึงกับมีด้านที่อ่อนโยนเขินอายด้วย

ชั่วขณะนั้นอ๋าวเจิ้นเทียนก็อดมองตาค้างไม่ได้

โฉมสะคราญปานภาพวาด ดุจกาพย์กวี ดั่งสุราเมามาย

เมื่อลิ้มรส น่าหลงใหล ชวนติดใจ

ท้ายที่สุดอ๋าวเจิ้นเทียนก็ตกปากรับคำว่าจะรออีกสักระยะ

……

เช้าวันรุ่งขึ้น

ภายในพื้นที่ลึกลับที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของหอฤทธิ์เทพ ที่แห่งนี้มีแท่นบูชาสีดำเก่าแก่แท่นหนึ่ง

ด้านข้างแท่นบูชา ชายชราร่างซูบผอมหนวดผมบางคนหนึ่งยืนอยู่ เขาคลุมเสื้อฟาง ศีรษะสวมงอบราวกับคนหาปลาคนหนึ่ง

เมื่อท่านเมี่ยวเสวียนพาหลินสวินมาถึงที่นี่ก็ค้อมกายน้อยๆ ให้กับชายชราเสื้อฟางคนนั้นก่อน แล้วกล่าวว่า “สหายน้อยผู้นี้นามหลินสวิน หมายจะมุ่งหน้าไปสนามรบแนวหน้า รบกวนผู้เฒ่าอิ๋นแล้ว”

ชายชราที่เหมือนคนหาปลาเหลือบมองหลินสวินปราดหนึ่งก่อนพยักหน้า

ไม่ได้พูดอะไรสักประโยค

ท่านเมี่ยวเสวียนหันไปพูดกับหลินสวิน “ท่านผู้นี้คือผู้เฒ่าอิ๋น ตลอดการเดินทางจะมีผู้เฒ่าอย่างเขาพาเจ้าไปสนามรบแนวหน้า จงจำไว้ว่าระหว่างทางไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นต้องเชื่อฟังผู้เฒ่าอิ๋น”

หลินสวินพยักหน้า

กลิ่นอายผู้เฒ่าอิ๋นแสนธรรมดายิ่ง ดูไม่ออกถึงปราณใดๆ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้หลินสวินไม่กล้าดูเบา

“รอหลังจากไปถึงแนวหน้า ฝากสหายน้อยนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบให้ศิษย์พี่ข้าด้วย”

ท่านเมี่ยวเสวียนล้วงม้วนหยกปิดผนึกแน่นออกมายื่นให้หลินสวิน

หลินสวินรับไว้อย่างระมัดระวัง แล้วเดินขึ้นไปบนแท่นบูชาสีดำนั่นพร้อมกับผู้เฒ่าอิ๋น

วู้ม…

เมื่อเสียงก้องกระหึ่มแปลกพิกลดังขึ้น เงาร่างของหลินสวินและผู้เฒ่าอิ๋นพลันอันตรธานหายลับไป

“ยังดีที่มีผู้เฒ่าอิ๋นอยู่ หาไม่ลำพังแค่เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศก็อาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดมากมายได้ง่ายๆ แล้ว…”

ท่านเมี่ยวเสวียนทอดถอนใจยาว

……

ดาราเคลื่อนคล้อย ภาพเบื้องหน้าพลันแปรผัน

ระหว่างทะลวงข้าม จู่ๆ หลินสวินก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เสมือนข้ามผ่านโลกที่แตกสลายแหลกลาญนับไม่ถ้วน ตลอดทางเปี่ยมด้วยภาพอัศจรรย์พันลึก

ข้างกาย ผู้เฒ่าอิ๋นบังคับเรือไม้บุโรทั่งลำหนึ่ง บรรทุกหลินสวินข้ามผ่านห้วงอากาศ แสงสีสันที่วิวัฒน์มาจากกระแสห้วงอากาศว่างเปล่าที่ไหลเคลื่อนสาดพรมออกจากสี่ทิศของเรือไม้ ฉูดฉาดตระการตา งดงามอย่างที่สุด

แต่หลินสวินรู้ดี ทันทีที่ถูกแสงสีสายแล้วสายเล่าเปื้อนย้อมเข้า ต่อให้ตนเป็นมกุฎอริยะแล้ว ก็ยังอาจถูกพลังห้วงอากาศว่างเปล่าที่น่าสะพรึงบดขยี้ได้ในพริบตา!

เพราะนี่คือการเคลื่อนผ่านห้วงอากาศ พลังแห่งห้วงอากาศนั้นเป็นพลังกฎระเบียบที่สร้างขึ้นระหว่างห้วงอากาศ!

ตลอดทางผู้เฒ่าอิ๋นยืนตรงหัวเรือ เงาร่างค่อมลง สวมเสื้อฟางงอบสานราวกับคนหาปลา ทอดสายตาไกลออกไปไม่พูดไม่จา

หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้รบกวน สงบจิตมองสำรวจรอบบริเวณ

เล่าขานกันว่าสนามรบแนวหน้าของดินแดนรกร้างโบราณมีกำแพงเมืองยาวเชื่อมฟ้าทอดสู่ผืนดินแห่งหนึ่ง กว้างใหญ่ไพศาล สร้างขึ้นจากดวงดาราที่แท้จริงมากมาย

เมืองนี้ถูกเรียกว่า ‘กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ’ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จวบจนบัดนี้ ป้องกันการรุกรานของศัตรูภายนอกไม่รู้เท่าไหร่ ปกปักดินแดนรกร้างโบราณให้อยู่รอดปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้

ทั้งภายในและภายนอกกำแพงเมืองไพศาลนั่น ที่ย้อมลงไปมีแต่เลือดนับไม่ถ้วน!

เรื่องเหล่านี้ไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงในดินแดนรกร้างโบราณ หลินสวินเองก็รู้ข่าวเกี่ยวกับสนามรบแนวหน้าของดินแดนรกร้างโบราณบางส่วนจากปากท่านเมี่ยวเสวียนเช่นกัน

ที่ทำให้หลินสวินสะเทือนอารมณ์มากที่สุดคือ กำแพงเมืองด่านจักรพรรดินั่นมีชื่อก้องเกรียงไกรว่า ‘ปราการฟ้าด่านแรกดินแดนรกร้างโบราณ สถานที่หยุดเท้าของจอมจักรพรรดิ’!

…………………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset