ไม่รอหลินสวินตอบรับ ซุ่นจี้ก็พูดว่า “ดี ดื่มเหล้า!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ เองก็โห่ร้องขึ้นมา ตะโกนบอกว่าจะดื่มเหล้า แม้การประชันหมากจะสะใจ แต่ถึงอย่างไรก็สู้การเมาสักรอบไม่ได้
หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็ตอบรับอย่างยินดี
ฮูหยินชุดม่วงโฉมงามเห็นเช่นนี้ในใจอดถอนหายใจไม่ได้ เดิมทีนางคิดจะฉวยโอกาสนี้แนะนำหลานสาวของตนให้หลินสวิน
ไม่คิดว่าเพียงพริบตากลับกลายเป็นงานเลี้ยงเหล้าไปได้
“เอาเถอะ ในเมื่อพวกเจ้าจะดื่มก็เอาเหล้าชั้นดีของพวกเจ้าออกมา เหล่าซุ่น ข้าจำได้ว่าที่เจ้ามี ‘แม่น้ำไหลหิมะพล่าน’ ที่บ่มมาหมื่นปีซ่อนอยู่ ก็ควรเอาออกมาเลี้ยงทุกคนได้แล้ว”
ฮูหยินชุดม่วงเหลือบมองซุ่นจี้แวบหนึ่ง อีกฝ่ายร่างกายแข็งทื่อ ฝืนยิ้มและพยักหน้าอย่างยากลำบาก “สมควรแล้วๆ”
“ยังมีเจ้าหลิงเซียวจื่อ ข้าจำได้ว่าเมื่อหนึ่งพันเก้าร้อยปีที่แล้ว เจ้าเคยขุดเหล้ากลั่นเทพไหหนึ่งได้จากสนามรบโบราณแห่งหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นของสะสมติดตัวของผู้มากสามารถระดับจักรพรรดิแห่งยุคดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง เอามาด้วย”
ฮูหยินชุดม่วงเสมองหลิงเซียวจื่อแวบหนึ่ง
หลิงเซียวจื่อยิ้มขื่น “นี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว”
คนอื่นอดหัวเราะไม่ได้ วันนี้นับว่ามีลาภปากแล้ว!
“พวกเจ้าอย่าได้ตระหนี่ การดื่มครั้งนี้จะขาดอาหารเลิศรสได้อย่างไร เหล่าเซี่ยง เจ้าเป็นคนตระกละชื่อเสียงสะเทือนดินแดนรกร้างโบราณ ลิ้มลองรสชาติมาแล้วทั่วหล้า ครั้งนี้เจ้าต้องแสดงฝีมือสักหน่อย อืม แค่ ‘ไก่เซียนเมามาย’ ที่เจ้าถนัดที่สุดก็พอ”
“แล้วก็เจ้าเหล่าฉิน เจ้าเป็นถึงกึ่งจักรพรรดิแห่งเผ่าวิญญาณไม้เขียว หลายพันปีมานี้เก็บผลไม้ประหลาดล้ำค่ามาไม่รู้เท่าไหร่ เอาออกมาให้ทุกคนลิ้มลองสักหน่อย จริงสิ ต้องมี ‘ท้อเขียวหงส์ดารา’ และ ‘พุทธาเพลิงกินประกาย’ ด้วย”
…ขอเพียงเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ถูกฮูหยินชุดม่วงขานนาม แต่ละคนล้วนแข็งทื่อไปทั้งตัว มองหน้ากันและยิ้มขื่นไม่หยุด
ได้ ผู้หญิงคนนี้ เห็นได้ชัดว่าจะรวบสมบัติส่วนตัวที่พวกเขาซ่อนไว้ ‘ให้หมดในคราเดียว!’
ที่ร้ายกาจที่สุดคือฮูหยินชุดม่วงพูดคล่องมาก ใครมีสมบัติอะไร นางคล้ายรู้อย่างชัดเจน
ทำเอาหลินสวินได้เปิดโลก
“เฮ้อ ครั้งนี้เจ้านับว่าโชคดีมาก”
ซุ่นจี้ตบไหล่หลินสวิน ถอนหายใจยาวพร้อมหัวเราะเสียงดังออกมา
“เอาน่า วันนี้พวกเราก็เผยของเสียหน่อย รับขวัญสหายน้อยหลินสวิน”
หลิงเซียวจื่อโบกมือพูด
ฮูหยินชุดม่วงยิ้มพูด “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ไปที่ ‘ตำหนักปรกอุดม’ ของข้า พวกเจ้าอย่าได้หนีเชียว วันนี้จะขาดใครไม่ได้เด็ดขาด”
เพียงแต่ตอนที่ทุกคนกำลังจะเคลื่อนขบวน ไกลออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงทะลวงอากาศดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดที่หนาแน่นรุนแรงแผ่ออกมา
“เป็นเจ้าหนูเผ่านรกแม่น้ำเลือดนั่น!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งขมวดคิ้ว
“ดูท่าเขาจะสร้างวิชาแห่งตนและกลับจากสุสานฟ้าดาราแล้ว”
มีคนคล้ายขบคิด
“หึ เอาเศษเลือดและวิญญาณวีรชนของคนโบราณมาฝึกปราณ ไม่ต่างอะไรกับพวกมารนอกรีต”
มีคนแค่นเสียงเย็นเยียบ
“เหอะๆ ใครให้เจ้าหมอนั่นเป็นลูกหลานสายตรงของจักรพรรดินรกเลือดทมิฬเล่า นิ่งเงียบมาหมื่นกาล ตอนนี้ตื่นขึ้นมา ไม่เพียงก้าวสู้มกุฎมรรคา ยามนี้ยิ่งกลายเป็นผู้โดดเด่นในมกุฎอริยะแท้แล้ว ต่อให้ชิงชังเพียงใด ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเจ้าหนูนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
มีคนหัวเราะเสียงเย็น
“ฮูหยินมู่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนั่นมาหาเจ้า หากข้าเดาไม่ผิด เขาคงยังไม่ตัดใจจากหลานสาวของเจ้า”
ซุ่นจี้ยิ้มตาหยีพูด
ฮูหยินชุดม่วงแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ ความรังเกียจวาบผ่านบนใบหน้า เอ่ยว่า “ข้าไม่ยกหลานสาวของข้าให้คนแบบนี้หรอก”
ยามพูดคุยกัน แสงเลือดสายหนึ่งทะลวงห้วงอากาศมา ที่นี่คือในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ มีสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่รู้เท่าไหร่ครองอาณาเขต
แต่แสงเลือดสายนั้นกลับแข็งกร้าวมากอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นตรงมายังบริเวณที่พวกซุ่นจี้อยู่ถึงค่อยหยุดลงโดยพลัน ปรากฏเงาร่างอันสูงโปร่งกำยำร่างหนึ่ง
ตาโลหิต ผมโลหิต เสื้อคลุมสีเลือด ในเครื่องหน้างดงามทั้งหน้าแฝงไอชั่วร้าย ยืนง่ายๆ อยู่ตรงนั้นก็ประหนึ่งเทพชั่วร้ายมาเยือนโลก
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดทันที สีหน้าแปลกไป
บุตรนรก!
เป็นเขาจริงๆ ด้วย!
คราแรกระหว่างทางที่มายังกำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้ เขาเคยเห็นยุงโลหิตตัวใหญ่ที่มีปีกสิบหกคู่ตัวหนึ่ง หมอบกายดูดซับเลือดและวิญญาณจากศพโบราณบนสุสานฟ้าดาราแห่งหนึ่ง
เพียงแต่ตอนนั้นหลินสวินยากจะเชื่อว่านี่จะเป็นบุตรนรกที่ตายในแดนมกุฎ
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตายแล้วฟื้น จะไม่ให้หลินสวินประหลาดใจได้อย่างไร
‘ดูท่าจะเกี่ยวข้องกับกาหลอมจิตนั่น…’ สายตาจองหลินสวินวูบไหว บุตรนรกที่ถูกเขาฆ่าในตอนนั้นเหลือเพียงเศษเนื้อกองหนึ่ง แต่กลับถูกกาหลอมจิตลึกลับนั่นเก็บไป นี่คงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้บุตรนรก ‘ตายแล้วฟื้น’
กลางอากาศ ทันทีที่บุตรนรกมาถึงก็เมินสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ มองไปที่ฮูหยินชุดม่วงโดยตรง ก่อนประสานมือกล่าว
“ผู้อาวุโส ข้าสร้างวิชาแห่งตนสำเร็จแล้ว ก้าวสู่ระดับอริยะแท้ที่ไร้ศัตรู จึงมาบอกข่าวนี้กับท่านในทันที”
“ยินดีด้วย” ฮูหยินชุดม่วงสีหน้าไร้อารมณ์ คำพูดแข็งกระด้าง
ทว่าบุตรนรกกลับเหมือนไม่ใส่ใจสักนิด ยิ้มพูด “หลายปีก่อนผู้อาวุโสเคยบอกว่า หากข้าสามารถก้าวสู่ระดับไร้ศัตรูในระดับมกุฎอริยะแท้ได้ ก็จะยินยอมยกหลานสาวของท่านลั่วเจียให้กับข้า…”
ไม่รอพูดจบก็ถูกฮูหยินชุดม่วงตัดบท “ข้าเพียงบอกว่า หลังจากทำได้ถึงขั้นนี้เจ้าจึงจะมีคุณสมบัติไปคบหากับลั่วเจีย ไม่เคยบอกว่าจะยกลั่วเจียให้เจ้า”
ลั่วเจียหรือ
หลินสวินอึ้งไป คงไม่ใช่แม่นางลั่วเจียแห่งตำหนักปรกอุดมที่มาจาก ‘แดนประมุขพิภพ’ กระมัง
บุตรนรกในตอนนี้สีหน้าพลันมืดทะมึน หว่างคิ้วเผยความเหี้ยมโหด พูดเสียงเย็นว่า
“ผู้อาวุโส ท่านเป็นถึงกึ่งจักรพรรดิ เป็นยักษ์ใหญ่ในแดนดินหนึ่ง คำพูดที่กล่าวออกไปแล้วจะกลับคำเช่นนั้นหรือ”
ประโยคเดียวข่มขู่บีบบังคับยิ่ง!
แม้แต่หลินสวินยังอดแปลกใจไม่ได้ บุตรนรกไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกับกล้าพูดกับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งเช่นนี้
พอมองดูสีหน้าของสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ แม้ต่างขมวดคิ้ว แค่กลับไม่ได้กล่าวโทษการล่วงเกินผู้ใหญ่ของบุตรนรก
ราวกับ… หวาดเกรงอะไรอยู่
“กลับคำ?”
ประกายเย็นเยียบวาบผ่านในดวงตาฮูหยินชุดม่วง อานุภาพกดข่มอันน่ากลัวไร้รูปพลันแผ่ออกมา
ปัง!
บุตรนรกที่ยืนอยู่กลางอากาศถูกกำราบจนซวนเซลงกับพื้นทันที
ในใจหลินสวินยังทอดถอนใจ นี่ก็คือกึ่งจักรพรรดิ! เพียงความคิดไหวเคลื่อน อานุภาพก็ราวกับฟ้าดุจดั่งเหว น่ากลัวไร้ขอบเขต!
ยามนี้ฮูหยินชุดม่วงถึงเอ่ยว่า “หากไม่ใช่เพราะเจ้ามีบรรพบุรุษที่ดี เจ้ายังจะกล้ากำเริบเสิบานในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ อาศัยคุณธรรมของเจ้ายังคิดจะแต่งกับหลานสาวข้าหรือ ชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าฝัน!”
ในเสียงแฝงความดูถูก
บุตรนรกสีหน้ามืดทะมึน กล่าวว่า “พูดเช่นนั้นหมายความว่าผู้อาวุโสเห็นว่าข้ารังแกได้ง่าย คิดจะเปลี่ยนท่าทีจริงๆ แล้วเช่นนั้นหรือ”
“เปลี่ยนท่าที?”
ฮูหยินชุดม่วงเผยรอยยิ้มน่าหลงใหลออกมาพลัน กล่าวว่า “ทำไม เจ้ายังคิดขู่ข้าด้วยหรือ ได้สิ ข้าเองก็ไม่รังแกเด็กอย่างเจ้า ไปเรียกสิ ข้าอยากจะดูนักว่ากู่เหลียงฉวี่นั่นจะกล้าทำอะไรข้า”
รอยยิ้มยั่วยวน งดงามน่าประทับใจ ทว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่รอบๆ ต่างรู้ว่าฮูหยินมู่โกรธแล้ว!
บุตรนรกเดือดดาล แต่ทำได้แค่อดทน
ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแห่งนี้ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา เพราะไม่สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยล้วนเป็นคนใต้อาณัติจักรพรรดินรกเลือดทมิฬ ย่อมต้องดูแลทายาทของจักรพรรดินรกเลือดทมิฬเช่นเขาเป็นอย่างดี
นี่ก็คือความมั่นใจที่ทำให้เขากล้าประจัญหน้ากับกึ่งจักรพรรดิอย่างฮูหยินชุดม่วง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแห่งนี้เขาจะไม่ต้องเกรงกลัวใครได้
‘เจ้าหนู แปลกใจมากใช่ไหมว่าเหตุใดบุตรนรกคนนี้กล้าเหิมเกริมขนาดนี้ ง่ายมาก ก็เพราะมีชื่อกู่เหลียงฉวี่ บุคคลอันดับหนึ่งแห่งกำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้เป็นที่พึ่ง’
จู่ๆ ซุ่นจี้ก็สื่อจิตถึงหลินสวิน ‘กู่เหลียงฉวี่มีผลงานรบมากมาย มากด้วยบารมี และเพราะเขา ทำให้ไม่ว่าคนรุ่นเยาว์อย่างบุตรนรกนี่จะเหิมเกริมเพียงใดในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ทุกคนก็ทำได้แค่ทน ไม่ถือสาอีกฝ่าย’
‘แต่ครั้งนี้บุตรนรกกลับหมายปองหลานสาวของฮูหยินมู่ นี่ก็เท่ากับทำลายเส้นฟางสุดท้ายของฮูหยินมู่แล้ว’
พูดถึงตรงนี้เสียงของซุ่นจี้แฝงความดูถูก ‘หากอยากแต่งกับหลานนางอย่างจริงใจก็ช่างเถอะ แต่ทุกคนต่างรู้ดี ว่าเจ้าหมอนั่นอยากได้พลังสายเลือดของหลานสาวฮูหยินมู่! พลังของเผ่าหงส์เซียนสามารถทำให้เผ่านรกแม่น้ำเลือดทุกคนหมายปอง’
ฟังถึงตรงนี้หลินสวินจึงเข้าใจอย่างสิ้นเชิง อดสื่อจิตถามไม่ได้ ‘ผู้อาวุโส หลานสาวของฮูหยินมู่ ใช่ลั่วเจียที่มาจากตำหนักปรกอุดมแห่งแดนประมุขพิภพหรือไม่’
ซุ่นจี้อึ้งไป ก่อนหัวเราะฮ่าๆ ออกมา พูดด้วยแววตาแปลกประหลาด ‘เจ้าหนูหมายตานางมาตั้งนานแล้วหรือ’
หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ในใจกลับลอบพูดว่า ที่แท้ก็เป็นลั่วเจียจริงๆ!
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในสนามรบเก้าดินแดน หลินสวินเองก็เคยเจอีกฝ่าย ยังเคยนั่งดื่มพูดคุยกัน นั่นเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนเรียบง่าย บุคคลสง่าโดดเด่น
เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึง ว่าฮูหยินชุดม่วงที่ถูกเรียกว่าฮูหยินมู่นั่นจะเป็นย่าของลั่วเจีย
ตอนนี้สีหน้าของบุตรนรกมืดทะมึนไม่นิ่ง สะท้านกับท่าทีแข็งกร้าวของฮูหยินมู่ รู้สึกสับสนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ต่อให้เขาโง่เขลาแค่ไหนก็รู้ดีว่า แม้กู่เหลียงฉวี่มาก็ไม่มีทางแตกหักกับฮูหยินมู่เพราะตน
ทว่าจะให้เขายอมแพ้อย่างอับอายเช่นนี้เขาก็ไม่จำยอม
ทันใดนั้นสถานการณ์พลันชะงักอยู่เช่นนี้
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างเผยรอยยิ้มนึกสนุกอย่างอดไม่ได้ ในฐานะทายาทจักรพรรดินรกเลือดทมิฬ พรสวรรค์อาจจะเรียกได้ว่าสะเทือนอดีตถึงปัจจุบัน ทว่าพฤติกรรมนั้นไม่เอาไหนยิ่ง
หืม?
ทันใดนั้นสายตาของบุตรนรกเหลือบมองโดยไม่ได้ตั้งใจ พลันเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง จึงอึ้งงันไปทั้งตัว ร้องว่า “หลินสวิน!?”
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ในลานต่างตะลึงไป บุตรนรกกับหลินสวินถึงกับรู้จักกันหรือ
ทว่าไม่นานพวกเขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ เพราะสีหน้าของบุตรนรกเปลี่ยนเป็นดุร้ายและตื่นเต้นขึ้นมาทันที ราวกับพบศัตรูที่ฝังใจ ไอสังหารพลุ่งพล่าน
“ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆ หลังจากหลายปีผ่านไป ข้าถึงกับมาเจอเจ้าสวะอย่างเจ้าที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้ หรือนี่จะเป็นลิขิตฟ้า”
บุตรนรกเงยหน้าหัวเราะ
เขาตื่นเต้นมากจริงๆ ในหลายปีมานี้เขาหลบอยู่ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ แทบจะยกระดับพลังและฝึกปราณอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งหมดก็ไม่ใช่เพื่อแก้แค้น สังหารศัตรูตัวฉกาจที่สร้างความอับอายและความเคียดแค้นไร้จำกัดอย่างหลินสวินหรอกหรือ
ตอนนี้เขาสร้างวิชาแห่งตนแล้ว ก้าวสู่ขั้นใหม่ในระดับมกุฎอริยะแท้ที่ประหนึ่งไร้ศัตรู ที่บังเอิญคือภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินก็ปรากฏตัวแล้ว!
ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนเหยื่อมาหาถึงที่
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอดขมวดคิ้วไม่ได้ ดูออกว่าหลินสวินกับบุตรนรกไม่เพียงรู้จักกัน แต่ยังเป็นศัตรูกันด้วย!
แม้แต่ฮูหยินมู่ยังประหลาดใจมาก พูดอย่างอึ้งๆ “สหายน้อย เจ้าเคยล่วงเกินเขาหรือ”
…………………