Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1658 นอกกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ

มีเพียงหลินสวินที่ขมวดคิ้วมุ่น ตามความคิดของเขา กู่เหลียงฉวี่เป็นคนที่ต้องฆ่าทิ้ง!

คนผู้นี้แม้จะเป็นอันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ แต่กลับใจคอคับแคบ ดันทุรังทำตามใจเพื่อชิงสมบัติ วิธีการยิ่งต่ำช้าเลวทรามถึงที่สุด

หากไม่ใช่ว่าครั้งนี้ในมือตนยังมีไพ่ตายอยู่ ผลลัพธ์ที่เหลือไว้ให้ตนคงมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือตาย!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าหลินสวินไม่พอใจที่จะปล่อยกู่เหลียงฉวี่ไปแค่นี้

เวลานี้เฒ่าโดดเดี่ยวหันกลับมา บนสีหน้าเจือแววเดียวดายเสี้ยวหนึ่ง ทอดถอนใจกล่าว

“เจ้าหนู ใช่ว่าข้าไม่ช่วยเจ้าฆ่าคน หากแต่เป็นกฎของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้ แม้แต่ข้าก็ไม่เคยทำลายมันมาก่อน ครั้งนี้ก็ไม่อาจทำลายกฎ มิฉะนั้น… ก็ไม่ต่างอะไรกับตบหน้าตัวเอง แต่เจ้าวางใจได้ว่าจากนี้ไปหนึ่งหมื่นปี เจ้าหมอนั่นจะต้องตกนรกทั้งเป็นและถูกทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่ ความจริงสิ่งนี้คงยากจะรับได้ยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตาย”

“ความตายสามารถรวบรัดตัดจบ แต่การมีชีวิตอยู่บางครั้งอาจเจ็บปวดมากกว่าตาย”

สัตว์ประหลาดเฒ่าทุกคนต่างเงียบงัน คำพูดของเฒ่าโดดเดี่ยวเหมือนตัดสินโทษของกู่เหลียงฉวี่อย่างสมบูรณ์ สิ่งที่รอกู่เหลียงฉวี่อยู่ก็คือการกำราบและความทรมานที่ยาวนานถึงหมื่นปี!

สำหรับผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิอันไร้สิ้นสุด หนึ่งหมื่นปีช่างนานมากจริงๆ ต้องพลาดโอกาสไปมากแน่ๆ!

“น่าเสียดาย ขนาดใช้ไพ่ตายใบนี้ของท่านแล้ว แต่กลับได้ผลลัพธ์มาแค่นี้ ถ้ารู้อย่างนี้คงเก็บไว้ใช้ในภายหลังแล้ว”

หลินสวินก็ได้แต่ยอมรับ

เฒ่าโดดเดี่ยวหลุดหัวเราะแล้วเปลี่ยนสีหน้า แค่นเสียงเย็นชากล่าว “ตอนนั้นข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว ว่าป้ายคำสั่งนี้เอาไว้ใช้ขู่ขวัญ!”

ไม่นานเขาก็เหมือนตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เหลือบมองหลินสวินอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เจ้าหนูนี่กล้าพูดเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าต่อให้ไม่พึ่งพลังของตน เขาก็มีวิธีอื่นที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์อันตรายเมื่อครู่ได้อีกหรือ

‘เวลาไม่มาก ถือโอกาสนี้ข้ามีประโยคหนึ่งจะกล่าวเตือน ภายหน้าหากจะไปที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ต้องระวังจักรพรรดินรกเลือดทมิฬด้วย ตอนหนุ่มเจ้าเฒ่านี่เป็นคนโฉดที่ทำทุกทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย ต่อให้บรรลุจักรพรรดิก็ยังเก็บงำแผนเจ้าเล่ห์ ถ้าถูกเขาเพ่งเล็ง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมดปลวกหรือจักรพรรดิ เขาจะต้องแก้แค้นเต็มกำลังอย่างแน่นอน…’

เฒ่าโดดเดี่ยวสื่อจิตกำชับ

เงาร่างเขาค่อยๆ เลือนราง เมื่อเสียงหายไป เงาร่างของเขาก็หายไปในอากาศราวหมอกควันสายหนึ่ง หายไปอย่างสมบูรณ์

ป้ายกระดูกในมือของหลินสวินก็แตกดังเปรี๊ยะ พังทลายไม่เหลือซาก

หลินสวิอดกลัดกลุ้มไม่ได้ สำหรับปวงสวรรค์หมื่นพิภพ โลกชั้นล่างที่จักรวรรดิจื่อเย่าอยู่เป็นสถานที่แบบใดกันแน่

มี ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ ที่เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถาน มีสุสานสมุทรฝังมรรค มีป่าต้นหม่อนที่ลี้ลับเกินคาดเดา และมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ลึกลับและน่ากลัวอย่างเฒ่าโดดเดี่ยว ราชครูของหอดูดาวหลวง…

แม้แต่มารดาของตนลั่วชิงสวินและท่านลู่ ตอนนั้นที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดาราก็ไม่ปรากฏตัวที่ดินแดนรกร้างโบราณ และไม่ปรากฏตัวที่แปดดินแดนอื่น มีเพียงจำศีลอยู่ในโลกชั้นล่าง

ในพื้นที่นี้ซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่

หลินสวินอึ้งงัน เงียบไปไม่กล่าววาจา

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นในที่นั้นราวกับยกภูเขาออกจากอก ผ่อนคลายลงทั้งตัว

เมื่อครู่ไม่ว่าจะเป็นกู่เหลียงฉวี่หรือเฒ่าโดดเดี่ยว ก็ล้วนทำให้พวกเขากดดันอย่างหนักหน่วง อึดอัดไปทั้งตัว

ตอนนี้ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายแล้ว

เพียงแต่สีหน้าของทุกคนต่างเจือแววสับสน

พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ หลิงเซียวจื่อก็ตกตะลึง ด้วยความลับของหลินสวินมากเกินไปแล้วจริงๆ ทำให้พวกเขาต่างมีความรู้สึกว่ายากเข้าใจ

สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นที่เคยถูกสิ่งมีชีวิตน่ากลัวมากมายกำราบ แต่ละคนต่างหวาดกลัวอยู่ลึกๆ

กู่เหลียงฉวี่เป็นถึงอันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ถึงขั้นใช้เลือดแท้ระดับจักรพรรดิ แต่ผลลัพธ์ล่ะ ยังคงแพ้อย่างย่อยยับ ถูกขังไว้หนึ่งหมื่นปี!

หญิงสาวกระโปรงแดงยิ้มเงียบๆ นางรู้ว่าทางเลือกของตนถูกต้องแล้ว ห้องมืดนิรันดร์ ส่องสว่างด้วยโคมเดียว!

นางไม่พูดอะไรมาก กลายร่างเป็นดอกกระบี่พันปีกสีแดงดุจเพลิงผลาญ พุ่งเข้าไปในใบหิมะน้ำแข็งในมือของหลินสวิน

ท่านเซิ่นสูดหายใจลึก ยิ้มเดินเข้าไปหาหลินสวิน

“สหายน้อย ไม่เจอกันนานทีเดียว”

ในโถงใหญ่

หลินสวินและท่านเซิ่นนั่งลงกับพื้น

เหล่าผู้กล้าแยกย้ายกันไป ผ่านการต่อสู้นองเลือดที่คาดไม่ถึงและชวนระทึกขวัญ แต่ละคนล้วนต้องการสงบสติอารมณ์สักหน่อย

ท่านเซิ่นเงียบไปครู่ใหญ่ก็ยิ้มน้อยๆ “ครั้งนี้ความผิดไม่ได้อยู่ที่เจ้า ต่อให้ทำลายกฎเกณฑ์ของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิก็พอเข้าใจได้ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกดดัน”

หลินสวินถอนใจกล่าว “ไม่ถึงขั้นกดดัน เพียงแต่ในใจกลับผิดหวังอยู่บ้าง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนอย่างกู่เหลียงฉวี่ยังถูกยกย่องเป็นอันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิได้”

ท่านเซิ่นกล่าว “ง่ายมาก หนึ่งด้วยเขาก้าวสู่ระดับครึ่งก้าวสู่จักรพรรดิแล้ว พลังต่อสู้เป็นเลิศ สองก็ด้วยเขามากประสบการณ์ อยู่รอดมานานที่สุด เจ้าน่าจะรู้ว่าที่นี่คือสนามรบแนวหน้า ต่อให้เป็นกึ่งจักรพรรดิก็มีโอกาสตายได้”

“พูดถึงแค่หมื่นปีมานี้ กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิมีกึ่งจักรพรรดิร่วงหล่นรวมทั้งสิ้นสามร้อยเจ็ดสิบเจ็ดคน การบาดเจ็บล้มตายพูดไม่ได้ว่าไม่สาหัสสากรรจ์ ในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่ตายจากไปพวกนั้น ไม่ขาดแคลนผู้แข็งแกร่งอย่างกู่เหลียงฉวี่ แต่คนที่อยู่รอดมาได้ถึงตอนนี้กลับมีแค่กู่เหลียงฉวี่”

พูดถึงตรงนี้ ท่านเซิ่นคิดไปคิดมาค่อยกล่าวต่อ “สามารถอยู่รอดมาได้ถึงตอนนี้ ไม่ใช่แค่โชคดีเท่านั้น ยังต้องมีความสามารถที่คู่ควรด้วย”

หลินสวินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเรื่องนี้ และไม่พูดถึงประเด็นนี้อีก หากแต่หยิบจดหมายฉบับหนึ่งที่ท่านเมี่ยวเสวียนฝากให้ตนนำมาส่งมอบแก่ท่านเซิ่น

เมื่อเห็นจดหมาย ในดวงตาของท่านเซิ่นพลันฉายแววอัศจรรย์ คล้ายยากจะเชื่อ ทั้งชื่นใจหาใดเปรียบ

เขาหยัดร่างขึ้นโค้งคำนับกล่าว “ขอบคุณสหายน้อย!”

หลินสวินรับมือไม่ทัน รีบลุกขึ้นกล่าว “ผู้อาวุโสเหตุใดถึงพูดเช่นนี้”

ท่านเซิ่นยิ้มกล่าว “หากไม่มีจดหมายนี้ ข้าคงไม่รู้ว่าการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราได้รับชัยชนะครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน และตอนนี้สหายน้อยก็เป็น ‘อันดับหนึ่งของสมรภูมิเก้าดินแดน’ แล้ว!”

ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชมและทอดถอนใจ

นี่คือชัยชนะครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ ไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องรู้สึกจิตใจปั่นป่วน เลือดลมสูบฉีด

“นี่ไม่ใช่ผลงานของผู้น้อยคนเดียว” หลินสวินกล่าว

ท่านเซิ่นหัวเราะร่า “เจ้านี่นะ อย่าถ่อมตัวไปเลย เมี่ยวเสวียนครอบครองพู่กันวสันต์สารทและหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ ไม่กล้าคุยโวโอ้อวดเด็ดขาด ในจดหมายของเขาบอกข้าทุกอย่างแล้ว ไหนเลยจะไม่รู้ว่าชัยชนะครั้งใหญ่ของการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ เกิดขึ้นได้เพราะเจ้าคนเดียว”

พูดถึงตรงนี้หว่างคิ้วของเขาพลันฉายแววเด็ดขาด “เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ทุกคนในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิรู้ว่านักพรตชิว กู่เหลียงฉวี่… รวมถึงบุตรนรก ความผิดที่พวกเขาก่อร้ายแรงระดับใด!”

ท่านเซิ่นเอ่ยถามอีกครั้ง “จริงสิ ทำไมครั้งนี้เจ้าถึงยืนกรานจะมาที่สนามรบแนวหน้านี้เล่า เมี่ยวเสวียนยังกำชับให้ข้าดูแลเจ้าด้วย”

หลินสวินหยิบใบหิมะน้ำแข็งออกมากล่าว “นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสท่านหนึ่งให้ข้านำมา…”

เขาพูดพลางเล่าคำฝากฝังของชายหนุ่มจักจั่นทองออกมาทีละเรื่อง

หลังจากท่านเซิ่นเข้าใจเรื่องทุกอย่างก็อดไหวหวั่นไม่ได้ อึ้งงันไปครู่ใหญ่จึงกล่าวเย็นชา “เจ้ากู่เหลียงฉวี่นี่เกือบก่อเรื่องใหญ่ให้กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแล้ว!”

ถึงตอนนี้ในใจของหลินสวินผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์

เรื่องที่ควรทำเขาก็ทำแล้ว ในที่สุดก็ไม่ผิดต่อคำฝากฝังของชายหนุ่มจักจั่นทอง

วันนี้แท่นไฟสัญญาณในทุก ‘ฐานทัพ’ ของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิต่างจุดไฟสัญญาณข่าวจักรพรรดิพร้อมกัน

ขณะเดียวกันข่าวบางส่วนก็แพร่ออกไป

‘อันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิกู่เหลียงฉวี่ทำความผิดมหันต์ ถูกกักขังหนึ่งหมื่นปี!’

‘ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ดินแดนรกร้างโบราณได้รับชัยชนะครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน มกุฎอริยะรุ่นเยาว์หลินสวินถูกยกย่องเป็น ‘อันดับหนึ่งของสมรภูมิเก้าดินแดน’ !’

‘ท่านเซิ่นออกคำสั่ง ประกาศจับบุตรนรกเต็มกำลัง!’

‘มกุฎอริยะหลินสวินนำสมบัติของจักรพรรดิมามอบให้ หากเป็นไปดังคาด จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของสนามรบแนวหน้าได้!’

…แต่ละข่าวเหมือนฟ้าผ่าจากเก้าชั้นฟ้า ทันทีที่ข่าวพวกนี้แพร่ออกไปพร้อมกัน ทั้งกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิก็แตกตื่นอย่างสมบูรณ์

สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่รู้เท่าไรตกตะลึงและร้องเสียงหลงด้วยเหตุนี้

และไม่รู้ว่ามีผู้คนเท่าไรทอดถอนใจด้วยเสียดายกู่เหลียงฉวี่

แต่ไม่ว่าอย่างไรนับจากวันนี้ไป ทุกคนต่างจดจำชื่อหนึ่งไว้แล้ว…

หลินสวิน!

ผู้กล้าแห่งยุคคนหนึ่งที่แม้จะอยู่ในระดับมกุฎอริยะ แต่กลับสร้างปาฏิหาริย์มากมาย สามารถสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา!

‘เจ้าเฒ่ากู่เหลียงฉวี่นี่ไร้ประโยชน์จริงๆ!’

ส่วนลึกของหมู่ดาวไร้ระเบียบแถบหนึ่งที่อยู่ห่างกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิไปไกล บุตรนรกกำลังลุกลนหลบหนี

ทันทีที่รู้ว่าตนถูกประกาศจับ เขาก็หนีโดยไม่ลังเล ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่น้อย

‘อันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิเชียวนะ ถึงกับทำอะไรสวะคนหนึ่งไม่ได้! ทำไมไม่ปาดคอฆ่าตัวตายไปซะ’

บุตรนรกโกรธจนหน้าเขียวเหี้ยมเกรียม

ความจริงในใจเขากลับมีความรู้สึกเศร้ารันทดอย่างบอกไม่ถูก

ทุกครั้งที่เจอหลินสวินจะมีมหันตภัยใหญ่มาเยือนกบาลเขาตลอด หรือเจ้าระยำนี่จะเป็นดาวข่มของตนโดยกำเนิด

พอคิดถึงหลินสวิน บุตรนรกก็แค้นจนกัดฟันกรอด เจ้าระยำนี่ถึงกับมองตนเป็นเด็กแจกทรัพย์! ไม่อาจทนได้จริงๆ!

‘หลินสวิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เจอกันครั้งหน้าข้าจะทึ้งเอ็นเถือหนังเจ้าแล้วกำราบไว้ในกาหลอมจิตแน่ ให้เจ้าอยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่รอดไปชั่วกาล!’

บุตรนรกแผดเสียงคำรามในใจ

กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิกำลังปั่นป่วน แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหลินสวิน

“สหายน้อย เจ้าดู”

นี่คือด้านบนกำแพงเมืองบริเวณหนึ่ง พูดว่าเป็นกำแพงเมือง ความจริงแล้วสูงไม่รู้กี่จั้ง พุ่งตรงไปในท้องนภา มองออกไปล้วนกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

ท่านเซิ่นชี้ไปยังจุดที่ห่างออกไปแล้วกล่าว “นั่นก็คือนอกกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ เป็นแดนแห่งการนองเลือดที่วิวัฒน์มาจากโลกที่ไม่สมบูรณ์นับไม่ถ้วน ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาถึงตอนนี้ ที่นี่เป็นสมรภูมิต่อสู้ของดินแดนรกร้างโบราณกับศัตรูแปดดินแดนมาตลอด ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ไม่รู้ว่ามีกี่แดนถูกทำลายแตกละเอียด ทั้งไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตเท่าไรฝังร่างอยู่ที่นี่”

หลินสวินยืนอยู่ข้างๆ พยายามมองไปก็เห็นแต่ภาพที่ดูเปล่าเปลี่ยว พังทลาย อลหม่านไปทั้งแถบ มีภูผาธาราที่พังทลาย แผ่นดินที่แตกแยก สะเก็ดโลกที่ลอยคว้าง รอยแยกของห้วงอากาศ…

แค่มองก็ทำให้เขารู้สึกหนาวเยือกในใจ!

ที่นั่นหากพูดว่าเป็นสนามรบ มิสู้พูดว่าเป็นหลุมศพที่กว้างใหญ่ไพศาลยังดีกว่า ดับสลายสรรพสิ่ง ฝังกลบโลกหล้า ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งมวล!

มีเพียงบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิที่โลดแล่นอยู่ในนั้นได้ ผู้ฝึกปราณคนอื่นมาแล้ว อย่าว่าแต่เข้าร่วมการต่อสู้ ถ้าเข้าไปในสมรภูมิยังเป็นไปได้ว่าจะประสบเคราะห์ทันที

นี่ก็คือภาพนอกกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ พาให้คนรู้สึกตกตะลึงด้วยการโจมตีที่กดดัน หนาวสะท้านและสิ้นหวัง

ท่านเซิ่นอาภรณ์สะบัดโบก น้ำเสียงเรียบง่ายลุ่มลึก

“เมื่อเห็นทุกอย่างนี้ด้วยตาตนเองแล้ว เจ้าคงเข้าใจความหมายของการมีอยู่ของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ด้วยมีเมืองนี้อยู่จึงทำให้สรรพชีวิตในดินแดนรกร้างโบราณของพวกเรา สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนอยู่รอดในกาลเวลาไร้สิ้นสุดมาได้จนถึงทุกวันนี้!”

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset