ประตูที่สูงใหญ่ปานเชื่อมสวรรค์ค่อยๆ เปิดออกภายใต้สายตาตะลึงของหญิงลึกลับ
แดนลับที่เงียบสงบมีเสียงกึกก้องระลอกหนึ่งดังขึ้น
ราวกับปริศนาอันไม่อาจรู้ที่ปิดผนึกมาตั้งแต่โบราณถูกเปิดออกเบาๆ เสียงนั่นดังเข้าหู ทำให้สภาวะจิตที่นิ่งสงบราวกับน้ำของหญิงลึกลับก็เกิดระลอกคลื่น
เปิดออกแล้วจริงๆ!
แสงแสบตาแถบหนึ่งสาดออกจากภายในประตู ส่องสว่างทั้งแดนลับ มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์เคร่งขรึมแผ่กระจาย
หญิงลึกลับอึ้งงัน
นางรอคอยมาเป็นเวลานาน เห็น ‘ผู้ทะลวงด่าน’ ที่ล้มเหลวคนแล้วคนเล่า กลับไม่คิดว่าหลินสวินทำสำเร็จแล้ว!
เมื่อครู่นี้นางยังคิดว่าหลินสวินเปิดประตูล้มเหลว และยังพูดปลอบใจอยู่เลย…
แต่ไม่คิดว่าหลังจากนั้นหลินสวินกลับสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้นาง
ในประตูมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่
ชั่วขณะนี้หลินสวินกับหญิงลึกลับต่างกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ ในใจเกิดความรู้สึกคาดหวังและตื่นเต้นอย่างยากจะเห็น
แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน ราวกับหมอกหนาแน่นปกคลุม ทอดสายตามองไปขาวโพลนทั้งแถบ ราวกับแดนลับแผ่นดินเซียนอย่างไรอย่างนั้น
“ไป เข้าไปดูหน่อย”
เห็นได้ชัดว่าหญิงลึกลับคาดหวังยิ่งกว่าหลินสวิน นางรอมาอย่างยาวนาน ในฐานะ ‘คนเฝ้าประตู’ จะไม่อยากรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในประตูบานนี้ได้อย่างไร
ฟุ่บ!
เงาร่างของหลินสวินเสียการควบคุม พลันถูกหญิงลึกลับพาเข้าไปในโลกภายในประตูที่ขาวโพลนั่น…
“นี่คือ ‘หมอกเซียนแรกกำเนิด’ สั่งสมพลังกฎระเบียบขั้นสูง มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิแท้จึงจะมีพลังหลอมมัน มีประโยชน์มหัศจรรย์อย่างยิ่งต่อผู้ฝึกปราณระดับจักรพรรดิ”
“พลังปราณของเจ้าต่ำเกินไป อย่าไปลองเก็บหมอกเซียนแรกกำเนิดเหล่านี้จะดีที่สุด”
ในหมอกขาวโพลน หญิงลึกลับอธิบายง่ายๆ เห็นได้ชัดว่านางอารมณ์ดีไม่น้อย
หมอกเซียนแรกกำเนิด!
หลินสวินจำชื่อนี้ไว้แล้ว
“เอ๊ะ!”
เวลาหนึ่งถ้วยชาหลังจากนั้น หญิงลึกลับชะงักเท้า เผยสีหน้าประหลาดใจ
และตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็มองเห็นว่า ในหมอกที่อยู่ไม่ไกลนักดันมีเขตสุสานโบราณแห่งหนึ่ง
สุสานแต่ละหลักตั้งกระจัดกระจายอยู่ภายใน ทอดสายตานับดูมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหลัก ดูกว้างใหญ่ไพศาลอย่างที่สุด
“นี่…”
หลินสวินเองยังอดประหลาดใจไม่ได้ ถึงกับเป็นสุสานเก่าแก่แห่งหนึ่งหรือ
ใครจะกล้าเชื่อ
แม้แต่หญิงลึกลับ ยามนี้ยังเงียบอย่างอดไม่ได้
สุสาน!
สุสานนับพันหลัก!
ในสุสานแต่ละหลักนี้ฝังใครอยู่
และใครจะมีคุณสมบัติถูกฝังอยู่ในประตูสวรรค์
หญิงลึกลับเดินไปอย่างปล่อยอารมณ์ เข้าสู่เขตสุสาน มาถึงหน้าสุสานหลักหนึ่ง
หลินสวินเองก็ตามไปด้วย ชั่วขณะนั้นเขาขนลุกซู่ไปทั้งตัว ทอดสายตามองไป ราวกับเดินเข้าสู่สุสานที่มีการฝังอย่างสะเปะสะปะ สุสานแต่ละหลักล้วนแผ่คลื่นน่ากลัวอันไร้รูป
ราวกับสิ่งที่ฝังอยู่ในนั้นคือเทพบรรพกาล!
“เจ้าดู”
หญิงลึกลับชี้ตรงหน้าสุสานหลักหนึ่ง ตรงนั้นมีโต๊ะหินตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีนิ้วมือท่อนหนึ่งที่คราบเลือดแห้งนานแล้ววางอยู่
นิ้วมือนั่นผ่านการเปลี่ยนผ่านของกาลเวลาไร้สิ้นสุด แต่ยังคงขาวผ่องราวกับหยก เรียวยาวและแข็งแกร่ง ลายบนผิวหนังดุจลายมรรคที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แผ่กลิ่นอายที่กว้างใหญ่ลึกลับ
ยามสายตาของหลินสวินมองไป พลันอดสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้ เพียงแค่นิ้วมือนิ้วหนึ่งเท่านั้น กลับนำพาความกดดันในใจมาให้อย่างน่าหวาดกลัวที่สุด
ราวกับเจอเทพไท้!
และก็เป็นตอนนี้ที่เสียงซึ่งแฝงความอาจหาญดังขึ้น “ปีที่หนึ่งพันหกร้อยตามปฏิทินยุทธ์วิถี ประลองกับ ‘มหาจักรพรรดิเจินซวี’ ในยามนั้นที่เทือกเขาผสานฟ้า”
“เจินซวีคนนี้ เป็นจักรพรรดิคนแรกในโลกที่สร้าง ‘มหามรรคจริงเท็จ’ เป็นบรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง ความสามารถโดดเด่นน่าทึ่ง ไร้เทียมทานในยุคนั้น”
“น่าเสียดาย ต้านทานสามท่าโจมตีของข้าไม่ได้ ทิ้งนิ้วของเขาไว้ที่นี่ เพียงเพื่อไว้อาลัยให้กับมรรคแห่งจริงเท็จ”
เสียงหายไปเพียงเท่านี้ หญิงลึกลับกับหลินสวินล้วนหวั่นไหวโดยพร้อมเพรียง
เสียงที่อาจหาญนั่นเป็นของใคร เหตุใดจู่ๆ ถึงดังขึ้น
สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ ด้วยพลังของหญิงลึกลับกลับไม่สามารถจับที่มาของเสียงได้!
หลินสวินพูดอย่างใคร่ครวญ “นี่คงจะเป็นเสียงของเจ้าของมรรคาสวรรค์ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นประทับอย่างหนึ่ง พอจิตของพวกเราสัมผัสกับนิ้วท่อนนี้ เสียงก็ดังขึ้น”
หญิงลึกลับพยักหน้า สายตาจ้องมองนิ้วมือท่อนนั้นแล้วพูดว่า “ระดับจักรพรรดิที่สร้างมหามรรคสายหนึ่ง เท่ากับเป็นบรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง ความน่าหวาดหวั่นของรากฐานพลังสามารถเหยียดหยันโลกหล้า ถูกศิษย์รุ่นหลังเรียกว่า ‘บรรพจารย์มรรค’ แต่กลับไม่สามารถต้านทานสามกระบวนท่าได้ และถูกตัดนิ้ว…”
ในเสียงแฝงความเคร่งขรึมและตะลึง
สันนิษฐานเช่นนี้ พลังต่อสู้ของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์นั่นจะน่ากลัวเพียงใด
ยามใคร่ครวญ หญิงลึกลับก็มาถึงหน้าสุสานหลักหนึ่งที่อยู่ข้างกัน ที่นี่ก็มีโต๊ะหินตัวหนึ่งเช่นเดียวกัน ข้างบนมีโคมแก้วชำรุดดวงหนึ่ง ลักษณะเรียบง่ายโบราณ
หลินสวินเดินมาดู แม้แต่จิตวิญญาณยังหวาดหวั่น ราวกับครู่ต่อมาก็จะหลุดออกจากร่าง ถูกดูดเข้าไปในโคมแก้วดวงนั้น
วู้ม!
หญิงลึกลับตบไหล่เขาเบาๆ พลังดูดกลืนน่าสะพรึ่งนั่นจึงหายใจ หลินสวินอดหวาดผวาไม่ได้
นี่คือสมบัติอะไรกัน
“ปีที่สามพันสี่ร้อยตามปฏิทินยุทธ์วิถี ทั่วหล้ามหามงคล วังสวรรค์แก้วเพลิงมรรครุ่งเรือง เจ้าวังนี้ฝีมือเลิศล้ำ ถูกยกย่องว่าเป็น ‘เทพสวรรค์แก้ว’ ครอบครองยอดอาวุธมรรคจักรพรรดิ ‘โคมสามพันนภามายา’”
เสียงอาจหาญเป็นอิสระดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้ากับเทพสวรรค์แก้วนัดประลองในทะเลแห่งวาโย ต่อสู้อย่างดุเดือดสามวัน สุดท้ายเทพสวรรค์แก้วสู้ข้าไม่ได้ ยอมรับความพ่ายแพ้ ข้าทิ้ง ‘โคมสามพันนภามายา’ ของเขาไว้ที่นี่เพื่อเป็นที่ระลึก”
ในใจหลินสวินและหญิงลึกลับผันผวนอีกครั้ง ไม่สามารถสงบได้
โคมแก้วชำรุดบนโต๊ะหินหน้าสุสานนี้ ก็คือโคมสามพันนภามายาที่ถูกมองว่าเป็นยอดอาวุธมรรคจักรพรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์นี่จะแข็งแกร่งเพียงใด”
หลินสวินประหลาดใจ
เขาอยากลองหยิบโคมชำรุดนั่นขึ้นมาพินิจ กลับถูกหญิงลึกลับหยุดไว้ “นี่เป็นเพียงแค่ภาพมายา สมบัติที่แท้จริงคงจะฝังอยู่ใต้สุสานนี้”
หยุดไปครู่หนึ่งนางพูดต่อว่า “ดูจากการจัดวางของเขตสุสานนี้ อย่าทำอะไรโดยพลการจะดีกว่า”
ในใจหลินสวินหวาดหวั่น พยักหน้าน้อยๆ
จากนั้นหญิงลึกลับพาหลินสวินมาถึงหน้าสุสานหลักที่สาม
บนโต๊ะหินปรากฏม้วนภาพที่อาบเลือดภาพหนึ่ง ในม้วนภาพเขียนอักษรโบราณนองเลือดบาดตา ลายเส้นมั่นคงงดงาม ความว่า ‘หนทางมหามรรคแม้ตายก็ไม่เสียดาย’
ไม่เหนือความคาดหมาย เสียงอาจหาญนั่นดังขึ้นอีกครั้ง…
“ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ บุคคลน่าทึ่งที่สุดที่ข้าเคยพบ มีเพียงหลิวเต้าจื่อคนเดียว!”
“คนผู้นี้ใช้ภาพแจ้งมรรค ใช้ภาพบรรลุอริยะ เวลาเพียงสามร้อยปีสั้นๆ ก็ก้าวสู่ระดับมหาจักรพรรดิ ถูกคนบนโลกเชิดชูให้เป็น ‘จักรวรรดิภาพยอดฝีมือ’ ข้าอดไม่อยู่เบิกบานเหมือนเจอเหยื่อล่า จึงท้าประลองกับเขา”
“น่าเสียดายแม้มรรคแห่งภาพของหลิวเต้าจื่อจะมหัศจรรย์ แต่กลับทำอะไรข้าไม่ได้ หลิวเต้าจื่อใช้เลือดจักรพรรดิของตนเป็นหมึก ใช้นิ้วเป็นพู่กันเขียนม้วนภาพม้วนหนึ่งส่งให้ข้า เก็บรักษาไว้จนวันนี้”
หลินสวินกับหญิงลึกลับสบตากัน ต่างเงียบไม่ส่งเสียง
จากนั้นเดินต่อไป
ตรงหน้าสุสานทุกหลักล้วนมีโต๊ะหิน และบนโต๊ะก็มีสิ่งของ มีกระบี่หัก เศษเกาะ มีเขาเดี่ยวเปื้อนเลือด มีกระดูกขาวแวววาว มีกิ่งไม้ลึกลับ…
ละลานตาเต็มไปหมด
ในเวลาเดียวกันเสียงอาจหาญนั่นก็ดังอย่างไม่ขาดสาย
“บนฟ้าดารา ในโลกนี้ขอเพียงเป็นคนที่ต่อสู้กับข้า ระดับของ ‘จักรพรรดิกระบี่เป่ยเสวียน’ สูงที่สุด น่าเสียดายสุดท้ายก็สู้ข้าไม่ได้ ทิ้งกระบี่หักนี้ของเขาไว้ เพื่อเป็นจารึก”
“ปีที่เจ็ดพันสี่ร้อยตามปฏิทินยุทธ์วิถี ข้าสำรวจทั่วหล้า ท่องรอบฟ้าดารา เข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้เจอจักรพรรดิที่ปลีกวิเวก ประลองกับเขาอยู่สามร้อยปีจึงตัดสินแพ้ชนะ มีความสุขอย่างยิ่ง!”
“คนบนโลกล้วนบอกว่า ‘เขานภาเมามาย’ แห่งโลกโลกีย์มีผู้สูงส่งในมรรคธรรมอาศัยอยู่อย่างสันโดษ ข้าจึงไปเยี่ยมเยียน…”
“ปีที่หนึ่งหมื่นเก้าพันตามปฏิทินยุทธ์วิถี…”
……
ของทุกชิ้นล้วนมีที่มาสะเทือนแผ่นดิน เจ้าของของมันก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่โดดเด่นเหนืออดีตและปัจจุบันในทั่วหล้า
ทว่าสุดท้ายล้วนพ่ายแพ้ในมือ ‘เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์’!
นี่ทำให้หญิงลึกลับเงียบยิ่งกว่าเดิม ในใจเห็นชัดว่าไม่สงบอย่างมาก
ส่วนหลินสวิน ตะลึงจนชาไปทั้งกายใจตั้งนานแล้ว!
ในการรับรู้ของหลินสวิน เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่เปิดทวารดวงดาวได้แข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่ากลับคิดไม่ถึง ว่าเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาสำรวจทั่วโลก ท่องไปทั่ว แต่ก็หาคู่ต่อสู้ไม่ได้!
นี่ต้องไร้ศัตรูเพียงใด จึงกล้าท่องทั่วใต้หล้าเช่นนี้
จนกระทั่งมาถึงสุสานหลักสุดท้าย หลินสวินและหญิงลึกลับล้วนชะงัก
บนโต๊ะหินตรงหน้าสุสานหลักนี้กลับว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้น เสียงอาจหาญนั่นก็ไม่ได้ดังขึ้นอีก
นี่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติมาก
เหตุใดจึงทิ้งโต๊ะหินเปล่าตัวหนึ่งไว้ที่นี่
“สุสานที่นี่มีทั้งหมดหนึ่งพันเก้าหลัก หนึ่งพันแปดหลักในนั้นเป็นตัวแทนบรรดาคู่ต่อสู้ที่เคยพ่ายแพ้ในมือเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์”
“คู่ต่อสู้ทุกคน ที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังระดับจักรพรรดิ บางทีผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิอาจไม่ถูกเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ใส่ใจ”
หญิงลึกลับเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น พร้อมกับกาลเวลาที่ผ่านเลยไป พลังของคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ในมือเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่… สุดท้ายพวกเขาก็พ่ายแพ้ จากจุดนี้สามารถเห็นได้ว่าเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ในตอนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด”
พูดถึงตอนท้ายนางอดถอนหายใจไม่ได้
ความทรงจำของนางขาดหายไปมาก ราวกับผีโดดเดี่ยวอย่างไรอย่างนั้น ทว่าสายตาและการตัดสินของนางยังไม่หายไป
จึงรู้ดีว่าผลงานการต่อสู้ของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ในตอนนั้นสะดุดตาเพียงใด สะท้านหมื่นกาล สะเทือนใต้หล้า!
เพียงแต่คนที่แข็งแกร่งเทียมฟ้าปานตำนานผู้นี้ ควรจะชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว เป็นที่เคารพเลื่อมใสของคนรุ่นหลังทุกยุค แต่เหตุใดจึงไม่เคยมีชื่อในหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์
หญิงลึกลับท่องทั่วโลกดินแดนรกร้างโบราณตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว เดินทางไปทั่วฟ้า พบเจอบุคคลพลิกฟ้าที่ยอดเยี่ยมมาแล้วมากมาย
ทว่าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของ ‘เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์’
นี่ดูเหลือเชื่อมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่เป็นตัวแทนของสุสานหนึ่งพันแปดหลักในนี้ ก็ไม่มีสักคนที่หญิงลึกลับรู้จัก!
“ปฏิทินยุทธ์วิถี… ปฏิทินยุทธ์วิถี… เหตุใดข้าจึงรู้สึกคุ้นอยู่รางๆ แต่กลับนึกไม่ออก!”
หญิงลึกลับพึมพำ นางมั่นใจว่าในดินแดนรกร้างโบราณไม่เคยมีการนับปีอย่าง ‘ปฏิทินยุทธ์วิถี’ แน่
เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ประสบ ไม่ได้เกิดขึ้นในดินแดนรกร้างโบราณ และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับทางเดินโบราณฟ้าดารา!
หลินสวินที่อยู่ข้างๆ ใจกระตุก “เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์จะมาจากฟากฝั่งฟ้าดาราหรือไม่”
เท่าที่เขารู้ ห้องโถงมรรคาสวรรค์นี้ มารดาและท่านลู่นำมาจากฟากฝั่งฟ้าดาราด้วยกันตั้งแต่แรก!