หุบเขาตะวันคล้อย
ในคุกมืดมิดใต้ต้นเทพฝูซาง เสียงหัวเราะลั่นสายหนึ่งดังขึ้น เจือแววสาแก่ใจและคึกคะนองอย่างบอกไม่ถูก
ร่างของข้าในที่สุดก็กลับมาแล้ว! ฮ่าๆๆ โทษทัณฑ์ที่ได้รับในหมื่นกาลมานี้ วันนี้ข้าจะสนองคืนให้หมด!”
เขาคำรามลั่นราวกับเสียสติ
ทั่วทั้งคุกมืดมิดล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง พลังที่วิวัฒน์จากผนึกกฎเกณฑ์สายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น หวดฟาดใส่ร่างเขาอย่างหนักหน่วง
เพียงแต่เงาร่างสายนี้คล้ายไม่รู้สึกรู้สา ยังคงหัวเราะคลั่ง เสียงก้องเนิ่นนานไม่หยุด
…
ผึง!
ด้านนอกหุบเขาตะวันคล้อย ขณะที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองหน้าถอดสีตกใจยกใหญ่ หลินสวินไม่ได้รีรอ ง้างธนูวิญญาณไร้แก่นสารเต็มเหนี่ยวแล้วยิงศรหนึ่งออกไป
ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งปานเนื้อผ้า กลิ่นอายกร้าวแกร่งคับฟ้าล้วนรวมอยู่ในศรเดียว โจมตีไปทางอูหยาจื่อ
เสียงปังดังขึ้นคราหนึ่ง ฝนเลือดสาดกระเซ็น อูหยาจื่อถูกโจมตีบาดเจ็บอีกครั้ง ส่งเสียงร้องเจ็บปวด
ไม่ใช่เขาไม่อยากหลบ และไม่ใช่ไม่ได้สกัดขวาง เพียงแต่ด้วยพลังระดับราชันอริยะของเขา ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้สักนิด
การจับเป้าหมายของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ไม่สามารถหนีรอดได้เลย ที่น่ากลัวที่สุดคือต่อให้สกัดกั้นสุดกำลังก็ยังต้านไม่อยู่!
นี่ทำให้อูหยาจื่อยิ่งตกใจระคนเดือดดาลเข้าไปใหญ่ ร้องคำรามว่า ไป ไปดูว่าคุกนั่นเกิดปัญหาขึ้นหรือไม่!”
ทันใดนั้นก็มีคนรีบเร่งกลับหุบเขาตะวันคล้อยไป
ผึง!
เสียงคันธนูสะเทือนหูดังขึ้นอีกครั้ง อูหยาจื่อขุ่นเคืองลุกลน ใบหน้าดำทะมึน หากไม่ใช่เพราะมีเจ้ามารบาปนั่นคอยช่วย มีหรือเจ้าตัวจ้อยอย่างเจ้าหนูนี่จะอวดดีได้
แต่เขากลับไม่อาจไม่ฝืนอาการสั่น เพราะไม่อาจหลบเลี่ยงได้สักนิด
ตูม!
ภายใต้เสียงกระแทกน่าสะพรึง เงาร่างอูหยาจื่อซวนเซ ต้นขาถูกเจาะทะลวงเป็นรูเลือดขนาดเท่าปากชาม เจ็บจนเขาร้องครวญ
เจ้าหนู อีกเดี๋ยวข้าจะให้เจ้าตายอย่างทรมาน!”
อูหยาจื่อร้องคำราม
ราชันอริยะผู้สูงส่ง ยังไม่ทันสำแดงอานุภาพก็ถูกโจมตีบาดเจ็บติดๆ กัน นี่ทำให้ใบหน้าชราของเขาแขวนไว้ไม่อยู่ อับอายจนเดือดดาลแทบคลั่ง
ผึง!
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่พูดพล่ามสักนิด ง้างคันธนูอีกครั้ง มองอูหยาจื่อเป็นเหยื่อ
ทว่าขนาดหลินสวินเองก็ไม่อาจไม่ยอมรับความน่ากลัวของระดับราชันอริยะ หากเปลี่ยนเป็นพวกมหาอริยะอย่างอูเหิงไห่ อูเหิงเจิ้น เกรงว่าคงถูกเขาฆ่าตั้งแต่แรกแล้ว
แต่อูหยาจื่อแม้จะดูเหมือนบาดเจ็บสะบักสะบอม แต่ก็ไม่ได้เจ็บหนักถึงรากฐาน
ตูม!
ชั่วขณะเดียวก็เห็นบนเวิ้งฟ้ามีศรเทพดั่งสายรุ้ง ฉีกทึ้งห้วงอากาศ กร้าวแกร่งดุดัน โจมตีจนอูหยาจื่อบาดเจ็บติดต่อกัน ร้องคำรามลั่น
พวกเจ้าคางคกต่างปากอ้าตาค้าง นั่นเป็นถึงราชันอริยะคนหนึ่งเชียวนะ! กลับถูกโจมตีหมดสภาพปานนี้
ส่วนพวกอูเหิงเทียนกลับสีหน้าไม่น่าดู มืดทะมึนหาใดเปรียบ
ธนูวิญญาณไร้แก่นสารน่าสะพรึงก็จริง แต่หากไม่มีเจ้ามารบาปนั่นคอยช่วยในเงามืด ด้วยพลังของเจ้าหนุ่มนั่น เป็นไปได้หรือที่จะทำได้ถึงขั้นนี้
‘หัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสอูเฟิงจื่อและอูหลิงจื่อมุ่งหน้าไปที่ต้นเทพฝูซาง กำราบเจ้ามารบาปนั่นด้วยตนเองแล้ว!’
มีคนรีบย้อนกลับมาและสื่อจิตแจ้งอูเหิงเทียน
‘ดี!’
นัยน์ตาอูเหิงเทียนวาววาบ
ในหุบเขาตะวันคล้อยมีผู้แข็งแกร่งระดับราชันอริยะสามคนดูแล คืออูหยาจื่อ อูเฟิงจื่อ อูหลิงจื่อ
เวลาทั่วไปผู้อาวุโสสามคนนี้แทบจะเก็บตัวไม่เผยตน แต่ขอเพียงมีพวกเขาอยู่ หุบเขาตะวันคล้อยก็ไร้กังวลอย่างไม่ต้องสงสัย!
เฉกเช่นเวลานี้
ผู้อาวุโส ควบคุมสถานกาณ์ได้แล้ว!”
อูเหิงเทียนส่งเสียงออกไป แจ้งข่าวให้อูหยาจื่อรู้ ไม่สนใจสักนิดว่าจะถูกคนอื่นๆ ในที่นี้ได้ยิน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความฮึกเหิม
สภาพอารมณ์ของอูหยาจื่อก็คึกคักขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นนัยน์ตาพลันเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นหาใดเปรียบ จับจ้องหลินสวิน ไอสังหารภายในใจล้นทะลัก
ตั้งแต่เหยียบย่างระดับราชันอริยะ เขาไม่เคยพบเจอความอัปยศเช่นนี้มาก่อน ภายใต้สายตาของผู้คน ถึงกับถูกคนรุ่นหลังคนหนึ่งโจมตีจนหมดสภาพยิ่ง หากแพร่งพรายออกไป ภายหน้าเขาจะยืนอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณได้อย่างไร
เจ้าสวะ เจ้าอยู่ห่างความตายไม่ไกลแล้ว!”
เสียงอูหยาจื่อเย็นเยียบ
กลับเห็นหลินสวินพลันระบายยิ้มบางๆ ส่งเสียงราบเรียบ เฒ่าสามานย์ เจ้าต่างหากที่ต้องตาย!”
วู้ม!
ยังไม่ทันขาดคำ ระลอกคลื่นคลุมเครือแปลกพิกลวูบหนึ่งแผ่ซ่าน ทำให้ฟ้าดินสรรพชีวิตราวกับจมสู่ความนิ่งงันโดยพลัน
อภินิหารพรสวรรค์… หยุดเวลา!
พริบตานี้เงาร่างและสีหน้าของอูหยาจื่อก็เหมือนหยุดชะงักด้วยเช่นกัน เผยท่าทีแปลกพิกลอย่างหนึ่งออกมา
และพริบตานี้เช่นกัน ศรนภาครามที่ออกมาจากธนูวิญญาณไร้แก่นสารก็โฉบพุ่ง ดุจลำแสงที่หยุดชะงักในภาพวาด
ตูม!
เสียงฟ้าดินสะเทือนก้องกระหึ่ม
ยามทุกคนมีปฏิกิริยาตอบสนองหลังจากช่วงเวลาแปลกพิกลนั่น ก็เห็นภาพนองเลือดที่ไม่อาจจินตนาการได้อย่างสิ้นเชิง
ศรเทพดอกหนึ่ง เสียงจ้วงบริเวณอกอูหยาจื่อ เปิดรูเลือดบนตำแหน่งหัวใจของเขา โลหิตที่สาดออกมาราวกับน้ำตกทลายเขื่อน!
อูหยาจื่อพลันร้องคำรามเดือดดาล สีหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องและไม่อยากเชื่อ
คล้ายว่าแม้แต่เขาก็คิดไม่ถึง ว่าเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น จะมีศรดอกหนึ่งพุ่งแหวกร่างตนได้อย่างไร…
นี่ไม่ใช่สิ่งที่นัยเร้นลับห้วงอากาศจะสามารถอธิบายได้แล้ว
เพราะความเร็วของการเคลื่อนผ่านห้วงอากาศไม่มีทางเร็วปานนี้ เร็วจนทำให้ราชันอริยะอย่างเขาไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนอง
แต่ว่า ศรนี่โผล่มาได้อย่างไรกันแน่
อูหยาจื่อคิดไม่ตก แต่เขาไม่อาจคิดต่อได้อีก การโจมตีนี้ก็บดขยี้หัวใจของเขา วิญญาณถูกโจมตีปานทำลายล้าง!
เจ้าดูสิ เจ้าตายก่อนแล้ว”
ยามหลินสวินเอ่ยปาก ศรเทพสายหนึ่งพุ่งออกไปอีกครั้ง
ยังคงดุดันและน่ากลัวปานนั้น!
อูหยาจื่อหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ แต่เขาไร้แรงหลบหลีกแล้ว ริมฝีปากได้แต่ส่งเสียงคำรามต่ำน่าสะพรึงกลัว ร่างระเบิดกลางอากาศโดยตรง
ตูม!
ห้วงอากาศบริเวณนั้นล้วนปั่นป่วน ถูกพลังน่าหวาดหวั่นท่วมท้น ฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน สุริยันจันทราอับแสง
ราชันอริยะคนหนึ่ง สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เรียกได้ว่าสูงส่งในดินแดนรกร้างโบราณในปัจจุบัน ร่วงหล่นในยามนี้!
ทุกคนในลานล้วนตกตะลึง
อูเหิงเทียนสั่นไปทั้งตัว ร้องตะโกนเสียงหลง เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครไม่สะเทือนขวัญ หนาวสะท้านไปทั้งตัว
อูหยาจื่อ นี่เป็นถึงเสาหลักสูงสุดของหุบเขาตะวันคล้อย แต่ตอนนี้กลับทรุดทลายลงต่อหน้าต่อตา…
พวกเจ้าคางคก อาหลู่ก็ตาลายไปพักหนึ่งเช่นกัน รู้สึกเหลือชื่อ
แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เร็วเกินไป เร็วจนแม้แต่พวกเขายังเกือบมองไม่ออก หลินสวินใช้ฝีมือระดับใดกันแน่ ถึงกับฆ่าราชันอริยะคนหนึ่งได้อย่างเฉียบขาดเช่นนี้!
ฟ้าดินสะท้านไหว เวิ้งฟ้าย้อมเลือด ถึงขั้นมีฝนเลือดตกลงมา มีเสียงมรรคครวญดังสะท้อนเป็นระลอก
หลินสวินเก็บธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ยืนเหนือห้วงอากาศพลางมองไปยังอูเหิงเทียนที่อยู่ไกลๆ แล้วกล่าวว่า
ต่อสู้สามครั้ง ข้าคนแซ่หลินล้วนชนะทั้งหมด เจ้าก็ควรทำตามสัญญาได้แล้วใช่หรือไม่”
เสียงลอยล่องอยู่กลางฟ้าดิน
นัยน์ตาอูเหิงเทียนแดงก่ำ สีหน้าคล้ำเขียว กัดฟันกล่าว เจ้าสวะต่ำช้าไร้ยางอายเช่นเจ้า หยิบยืมพลังเจ้ามารบาปนั่นสังหารผู้อาวุโสเผ่าอีกาทองของข้า ยังคิดจะพาเจ้ามารบาปนั่นไปอีกหรือ ฝันไปเถอะ!”
เขาเดือดดาลถึงขีดสุดแล้ว
เริ่มจากอูเหิงไห่ อูเหิงเจิ้นถูกฆ่า ยามนี้แม้แต่อูหยาจื่อก็ยังสิ้นชีพ การโจมตีนี้ไม่ใช่แค่รุนแรงธรรมดาๆ
พวกข้าเป็นถึงพยาน การต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นเฒ่าสามานย์เช่นเจ้าเสนอขึ้นมาเอง ยามนี้จะกลับคืนคำ แพ้ไม่เป็นหรือ”
เจ้าคางคกตวาดลั่น
เรื่องในวันนี้หากแพร่ออกไป เผ่าอีกาทองของเจ้ายังมีหน้ายืนอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณอีกหรือ ไม่รู้สึกว่าขายขี้หน้าบ้างหรือ”
อาหลู่เองก็ส่งเสียงอย่างโกรธเคือง
เซ่าเฮ่า รั่วอู หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอและคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าเยียบเย็นด้วยเช่นกัน
อูเหิงเทียนหัวหน้าเผ่าที่ยิ่งใหญ่ กลับคืนคำเช่นนี้ ช่างหน้าไม่อายอย่างสิ้นเชิง!
อูเหิงเทียนนัยน์ตาแดงก่ำ สีหน้าคล้ำเขียวจนน่ากลัว กล่าวเน้นทีละคำ วางใจ เรื่องวันนี้ใครก็แพร่งพรายออกไปไม่ได้ เจ้าหนูอย่างพวกเจ้าทั้งหมดล้วนต้องตาย! ไม่ฆ่าพวกเจ้า วันนี้เผ่าอีกาทองของข้าก็ไม่อาจยืนอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณได้จริงๆ!”
ภายใต้แรงโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็แตกหักอย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้”
หลินสวินเผยความเยาะหยัน
ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว หุบเหวใหญ่ก็ปรากฏ ครอบฟ้าบังตะวัน จากนั้นก็เห็นอสนีเคราะห์น่าสะพรึงหลายสายไหลพุ่งลงมา
อสนีเคราะห์แต่ละสายล้วนเปลี่ยนเป็นรูปทรงต่างกัน มีดาบทวนกระบี่ง้าว และมีกระถางสมบัติ ประทับใหญ่ ระฆังสำริด ถึงขั้นมีเงามายาวิญญาณอสนีวาบไหว
ยังมีอีกหรือ”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งร้องตกใจออกมา
นี่ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อจริงๆ ควรรู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่โจมตีอูเหิงเจิ้น หลินสวินก็เคยใช้อสนีเคราะห์ที่รับเข้าไปในร่างมาแล้ว
และตอนแรกยามสู้กับอูหยาจื่อ เขาก็เคยใช้ออกมาแล้วเช่นกัน
แต่ตอนที่ทุกคนนึกว่าจะหมดลงแล้ว มหาเคราะห์แห่งยุคนี้ก็ปรากฏขึ้นมาอีก!
เคราะห์แห่งมหาอริยะทั่วไป แบ่งออกเป็นสี่ชั้นใหญ่ เก้าชั้นเล็ก ถูกมองเป็น ‘สี่เก้าเคราะห์อริยะ’ แต่ของข้า ไม่เหมือนกับพวกเขา” ไอรีนโนเวล
บนเวิ้งฟ้าหลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ
ตูมๆ โครม!
อสนีเคราะห์หลายชั้นไหลพุ่งออกจากหุบเหวใหญ่ กึกก้องทั่วโลก
ไม่ทันไรผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองแถวนั้นที่หลบไม่ทันบางส่วน ก็กลายเป็นเถ้าธุลีดับสิ้นภายใต้เส้นแสงอสนีที่ลุกโชน
ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับอริยะแท้ ก็ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านและขัดขืน ถูกฆ่าตายคาที่
ส่วนพวกระดับมหาอริยะอย่างอูเหิงเทียนก็ยังถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน สีหน้าแปรเปลี่ยน หลบเลี่ยงต่อเนื่อง
ไม่กล้าไปแตะต้องสักนิด!
ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้บุคคลที่เหยียบย่างขั้นยอดสัมบูรณ์ในระดับมหาอริยะอย่างอูเหิงเจิ้น ก็ยังถูกฆ่าอย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับพวกเขา
ที่สำคัญที่สุดคือ พร้อมๆ กับความตายของอูหยาจื่อ พลังเดียวในที่นี้ที่สามารถสยบหลินสวินได้ก็พลอยอันตรธานหายไปด้วยเช่นกัน
กล่าวง่ายๆ คือ นอกหุบเขาตะวันคล้อยแห่งนี้ หลินสวินไม่อาจหยุดยั้งได้แล้ว!
ตูมๆ โครม!
ร่างหลินสวินพริบไหวเคลื่อนย้ายบนเวิ้งฟ้า เมื่อเงาร่างเขาปรากฏ ยังมีพลังอสนีเคราะห์ที่ผ่าลงมาสายแล้วสายเล่า
ชั่วขณะนี้ฟ้าดินที่นี่ก็เหมือนปรากฏด่านเคราะห์ใหญ่แห่งยุคขึ้นอีกครั้ง กลิ่นอายทำลายล้างสะท้านโลก น่าสะพรึงถึงที่สุด
ส่วนผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทอง ไม่ทันไรก็บาดเจ็บตายอนาถ ส่วนใหญ่ไม่ทันหลบหนีก็วิญญาณแตกซ่านแล้ว
พวกเจ้าคางคก อาหลู เซ่าเฮ่าที่อยู่ไกลๆ ต่างจนคำพูดไปพักหนึ่ง สีหน้าแปลกพิกล เดิมทีพวกเขายังตั้งใจจะลงมือเข้าช่วยเหลือ
แต่ตอนนี้… ไม่มีโอกาสให้พวกเขายื่นมือเข้าแทรกด้วยซ้ำ!
และพวกเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้สนามรบง่ายๆ เกิดถูกลูกหลงจากพลังอสนีเคราะห์นั่นเข้า ความร้ายแรงของผลที่ตามมาแม้แต่พวกเขาก็ยังรับไม่ไหว
จึงได้แต่มองดูการเข่นฆ่าอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ดำเนินต่อไปตาปริบๆ
ไป กลับหุบเขาตะวันคล้อย!”
เร็วเข้า!”
อูเหิงเทียนคำรามลั่น เสียงสะเทือนชั้นฟ้า พาสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มที่เหลืออยู่หนีกลับหุบเขาตะวันคล้อยราวกับบ้าคลั่ง
ตูมโครม!
ส่วนหลินสวินก็ไล่ตามไปอย่างไม่มีลังเล
พวกเราก็ไปด้วย”
พวกเจ้าคางคก อาหลู่ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
อูเหิงเทียนทำลายคำสัญญา เวลานี้ไม่ว่าใครต่างก็รู้ชัด ว่าการบุกโจมตีเผ่าอีกาทองครั้งนี้ เพิ่งจะเปิดฉากอย่างแท้จริงในยามนี้!