Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1683 เด็กหนุ่มผมเทา

อะไรกัน

พวกอูเฟิงจื่อที่เดิมมีไอสังหารคิดจัดการหลินสวิน พริบตานี้ไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี

เจ้ามารบาปนั่นหลุดออกมาแล้ว!

เสียงวู้มดังขึ้น สมองของพวกเขาแทบจะระเบิด

พลังลึกลับที่คอยช่วยหลินสวินเพิ่งหายไป วิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารก็หลุดรอดออกมา นี่ทำให้พวกอูเฟิงจื่อต่างมีความรู้สึกว่าจะพังทลาย

โชคไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน หายนะไม่มาเดี่ยว!

ต้นเทพฝูซางมืดสลัว กิ่งก้านเผยแววมืดมน เจตจำนงมหาจักรพรรดิก่อนหน้านี้สูบพลังของมันไปกว่าครึ่ง แน่นอนว่าไม่มีทางกำราบวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารได้อีก

ยามนี้เงาร่างนั้นยืนอยู่กลางอากาศ แหงนมองฟ้าหัวเราะร่า ไอสังหารอำมหิตปกคลุมฟ้าดินราวกับคลื่นยักษ์ซัดโหม

เมื่อมองอย่างละเอียด ลักษณะของเขาคือเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่รูปงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมกลับเป็นสีขาวเทา นัยน์ตาราวกับวังวนหลุมดำ แววดุดันน่าพรั่นพรึงไหลวน

 นายท่านน้อย ขอยืมธนูยักษ์สักประเดี๋ยว! 

เมื่อสายตาของเด็กหนุ่มผมเทามองไปทางหลินสวิน กลับอ่อนน้อมถ่อมตนโค้งคำนับ

นี่เหมือนเป็นการยอมรับฐานะของหลินสวินอย่างหนึ่ง

หรือพูดได้ว่าตั้งแต่พริบตาที่หลินสวินบุกเข้ามาในหุบเขาตะวันคล้อยเพื่อช่วยเขาออกไป เขาก็ยอมรับชายหนุ่มคนนี้แล้ว

 เอาไป! 

หลินสวินสะบัดมือลวกๆ ธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรนภาครามต่างพุ่งออกไป ถูกเด็กหนุ่มผมเทารับไว้

วู้ม!

เด็กหนุ่มผมเทากระหวัดนิ้วชี้เกี่ยวสายธนู เสียงเร้าระทึกเหมือนพายุสายฟ้า

ในดวงตาเขาฉายแววตื่นเต้น เหม่อลอย และยินดี กล่าวพึมพำว่า  ในที่สุด… ข้าก็มาอยู่บนโลกได้อีกครั้ง เจ้าเฒ่าอีกามาร… เจ้าล้างคอรอไว้เถอะ… อีกไม่นานข้าจะไปหาเจ้าเพื่อแก้แค้น! 

กล่าวถึงตอนท้ายเขาพลันเงยหน้าขึ้น สายตากวาดมองพวกอูเฟิงจื่อ มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นชา วาจาอึมครึมเหี้ยมเกรียม

 ข้าเคยบอกแล้วว่ายามที่หลุดออกมาได้ ความทรมานทั้งหมดที่ได้รับมาเนิ่นนานนี้จะสนองคืนทั้งหมด ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว! 

เขาพลันง้างสายธนู จากนั้นศรนภาครามพุ่งวาบออกไป

ตูม!

ศรเดียวกลับมีอานุภาพแหวกผ่านห้วงอากาศ บดขยี้ภูผาธารา ไอพลังอำมหิตเหมือนดั่งคงอยู่จริงทะยานตามศรนี้ออกมา

ในความรางเลือนยังมีเสียงเข่นฆ่าสังหารดังก้องเป็นระลอก

หลินสวินขนพองสยองเกล้า เมื่อธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกใช้โดยวิญญาณอาวุธของมัน อานุภาพนั้นต่างออกไปอย่างสมบูรณ์ น่ากลัวถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้

 หลบเร็ว! 

อูเฟิงจื่อตะโกนลั่น

แต่สุดท้ายก็ยังช้าไปหนึ่งส่วน หรือพูดได้ว่าภายใต้ศรนี้ ถ้าคิดจะหลบก็เป็นไปไม่ได้

ปึง!

เงาร่างหนึ่งระเบิดออก เลือดเนื้อสาดกระจาย

เป็นอูหลิงจื่อ นี่เป็นถึงคนที่อยู่ในระดับราชันอริยะคนหนึ่ง แต่กลับถูกศรเดียวสังหารกระจุย ร่างกายที่แหลกละเอียดของเขาหายไปในแสงศรอำมหิต!

พวกอูเหิงเทียนตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด ทั้งตัวถูกความกลัวเข้าครอบงำ แทบจะเผ่นหนีตามสัญชาตญาณทันที

วิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ตอนที่เขาถูกกำราบ พวกเขายังมองมันเป็นมารบาป ทั้งเฆี่ยนตีและดูหมิ่นรังแก แต่ยามวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารหลุดออกมาก็ต่างออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

อานุภาพที่เขาครอบครอง ถึงขั้นอยู่เหนือความคาดหมายของสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าอีกาทองทุกคนอยู่โข

 คิดหนีรึ ไม่มีทาง! 

เด็กหนุ่มผมเทาราวกับเทพดุร้ายคนหนึ่ง ดึงธนูง้างศร แค่ชั่วพริบตาก็ยิงธนูออกไปสิบกว่าดอก แต่ละดอกล้วนมีอานุภาพอัศจรรย์ทะลวงแผ่นฟ้า โจมตีสุริยันจันทราให้จมดิ่ง

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

เพียงพริบตาผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนแล้วคนเล่าถูกทะลวงผ่าน ร่างกายระเบิดออก ฝนโลหิตสาดพรม จิตสิ้นวิญญาณสลาย

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับมหาอริยะก็ดี หรือจะเป็นระดับอริยะแท้ก็ตาม ขอแค่เป็นคนที่ถูกเล็งก็ล้วนหนีจุดจบแห่งความตายไม่พ้น

เด็กหนุ่มผมเทายืนอยู่กลางอากาศ ร่างผอมบาง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายอำมหิตทะลุทะลวง ธนูยักษ์เหี้ยมเกรียมคันหนึ่งที่ทำขึ้นจากกระดูกขาวมากมาย ขับเน้นให้อานุภาพของเขาไม่ธรรมดายิ่งกว่าเดิม

แม้แต่หลินสวินก็ยังสูดหายใจหนาวเยือกอย่างอดไม่ได้ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

วิญญาณอาวุธตนหนึ่ง ถูกกักขังและจองจำในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ถูกเฆี่ยนตี ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็นไม่รู้เท่าไร กระทั่งวันนี้ที่รอดพ้นความลำบากก็ยังมีอานุภาพร้ายกาจเช่นนี้

นี่ทำให้หลินสวินไม่กล้าจินตนาการว่า วิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารในช่วงแรกจะมีพลังที่สะเทือนใต้หล้าแค่ไหน

อย่างอูหลิงจื่อที่เป็นถึงราชันอริยะ พลังอยู่ในระดับสูงสุดของดินแดนรกร้างโบราณในปัจจุบัน แต่กลับต้านการโจมตีเดียวของเด็กหนุ่มผมเทาไม่อยู่!

ปึง! ปึง! ปึง!

เสียงง้างธนูดังก้องเป็นระลอกเหมือนพายุสายฟ้าปั่นป่วน เด็กหนุ่มผมเทายืนอยู่บนชั้นเมฆ ผมยาวคลั่งระบำ บนใบหน้างามเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองน่าครั่นคร้าม

 ปีนั้นข้าเคยสาบานว่า ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ได้เหยียบย่ำที่นี่จนสิ้นซาก ล้างบางเผ่าอีกาทอง วันนี้หากให้พวกเจ้าหนีไปได้ ไม่ใช่ว่าข้าพูดจาตระบัดสัตย์หรือ 

 ฮ่าๆๆ ดูเศษสวะอย่างพวกเจ้าสิ ยังขี้ขลาดเหมือนปีนั้นอยู่เลย! ความกล้ายามพวกเจ้าเฆี่ยนตีข้าล่ะ หายไปไหนแล้ว 

 น่าเสียดาย ในหุบเขาตะวันคล้อยนี้ไม่มีระดับกึ่งจักรพรรดิแล้ว แค่ฆ่าเฒ่าระยำไม่ได้เรื่องอย่างพวกเจ้า สุดท้ายก็ยังไม่สะใจ… 

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขาตะวันคล้อย

เด็กหนุ่มผมเทาในยามนี้ก็เหมือนเทพดุร้ายที่แก้แค้นอย่างแข็งกร้าว ระบายความคับแค้นและความเกลียดชังทั้งหมดที่ได้รับมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดไปกับการฆ่าฟัน

เขากำลังไล่ล่า ออกโจมตีตามอำเภอใจในหุบเขาตะวันคล้อย

ในหุบเขาตะวันคล้อย พวกเจ้าคางคก อาหลู่เพิ่งดึงสติกลับมาได้ การปะทะกันของหลินสวินกับเจตจำนงมหาจักรพรรดิเมื่อครู่ แม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังทำให้พวกเขายากจะรับหาใดเปรียบ ตื่นตระหนกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบใจลงได้บ้าง ก็เห็นภาพบ้าระห่ำที่เด็กหนุ่มผมเทาถือธนูวิญญาณไร้แก่นสารฆ่าสังหารทั่วทิศ

เพียงพริบตาพวกเขาต่างอึ้งงันอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

 เดี๋ยว นี่คือพี่เบิ้มจากไหน พลังต่อสู้นี้ป่าเถื่อนเกินไปแล้วกระมัง 

อาหลู่ร้องเสียงประหลาด

 จะเป็นใครได้ แน่นอนว่าต้องเป็นวิญญาณอาวุธของธนูคันนั้นอยู่แล้ว ตามที่พี่ใหญ่บอก เจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ถูกกำราบอยู่ที่นี่มาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ไม่ว่าเผ่าอีกาทองจะใช้วิธีอะไรล้วนไม่อาจสังหารเขาได้ วิปริตจนไม่รู้จะว่าอย่างไร 

เจ้าคางคกเอ่ยปากชม

 วิญญาณอาวุธตนเดียวยังน่ากลัวเช่นนี้ ธนูคันนั้นจะมีความเป็นมาน่าอัศจรรย์เพียงใด 

เจ้านกดำดวงตาวาววาบ จ้องมองเด็กหนุ่มผมเทาและธนูวิญญาณไร้แก่นสารอย่างโลภโมโทสัน น้ำลายแทบหก แม่งเอ๊ย นี่ต่างหากสมบัติแห่งยุคที่แท้จริง!

หืม?

เด็กหนุ่มผมเทาคล้ายสังเกตเห็นแววตาของเจ้านกดำ เขาหันกลับมามองทันใด ในดวงตาดุดันที่ราวกับวังน้ำวนมีประกายวาววามพลุ่งพล่านไปทั่ว ขู่จนเจ้านกดำสั่นไปทั้งตัว รีบถอนสายตากลับ

 หึ อีกาดำตัวหนึ่ง ดูท่าจะไม่ใช่พวกเดียวกันกับพวกเฒ่าระยำนั่น 

เด็กหนุ่มผมเทาหัวเราะลั่น ไม่ใส่ใจเจ้านกดำอีก เงาร่างพุ่งวาบไล่ฆ่าห่างออกไป

เจ้านกดำสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด สบถด่ายกใหญ่  ความเป็นมาของข้าถ้าพูดออกมาก็สามารถทำให้มหาจักรพรรดิตกใจได้ จะเอาไปเทียบกับอีกาดำได้อย่างไร 

ทุกคนต่างกลอกตาใส่ ทำให้มหาจักรพรรดิตกใจรึ เจ้านกขี้ขโมยนี่พูดจาใหญ่โตซะจริง!

พวกเขาก็ไม่หยุดมือ เริ่มเคลื่อนไหวกวาดล้างหุบเขาตะวันคล้อย

เวลาแค่หนึ่งถ้วยชา ในหุบเขาตะวันคล้อยที่กว้างใหญ่ก็หาผู้แข็งแกร่งของเผ่าอีกาทองที่รอดชีวิตไม่เจออีก มีเพียงซากศพและความระเนระนาดเต็มพื้น

 เร็วเข้า ทุกคนมาช่วยกันหา ‘วารีมรกตรังกา’ จริงสิ ยังมีหินเทพอัคคีด้วย มีเท่าไหร่ก็คว้ามาให้หมด! 

กลางฟ้าดิน เสียงตื่นเต้นของเจ้านกดำดังขึ้น

ศัตรูใกล้จะถูกล้างบางแล้ว หุบเขาตะวันคล้อยก็เหมือนถูกเหยียบย่ำ ตอนนี้เป็นเวลารวบรวมสมบัติกอบโกยทรัพย์สินแล้ว

ต้องรู้ว่าเผ่าอีกาทองเป็นถึงเผ่าเก่าแก่ อาศัยอยู่ที่หุบเขาตะวันคล้อยนี้มาตลอดตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนถึงวันนี้ ทรัพย์สินที่สั่งสมไว้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา มากมายมหาศาลถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ!

แม้แต่ยามรวบรวม พวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่าก็ยังอดตกใจไม่ได้ สมบัติมากเกินไปแล้ว สมบัติอัศจรรย์ โอสถวิญญาณ วัตถุดิบเทพอะไรก็มีหมดทุกอย่าง

ภายในนั้นยิ่งไม่ขาดสมบัติโบราณน่าอัศจรรย์ ศาสตราอริยะที่ทรงอานุภาพบางส่วน รวมถึงหินแร่และตำราลับหายากส่วนหนึ่ง

หลินสวินไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงกินโต๊ะแบ่งสมบัติคราวนี้ ใช่ว่าไม่สนใจ หากแต่เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ

 อ๊าๆๆ ต้นเทพฝูซาง! สวรรค์ ขอให้นี่ไม่ใช่ภาพหลอน! ไม่นึกเลยว่าต้นไม้เทพนี้จะยังคงอยู่บนโลก ปาฏิหาริย์ ช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ! 

ต้นไม้เทพต้นหนึ่งที่ลำต้นแข็งแกร่งเปี่ยมพลัง กิ่งก้านเขียวขจีตื่นเต้นจนตะโกนลั่น กิ่งก้านนับหมื่นพันส่งเสียงดังสวบสาบราวกับร่ายระบำ

เป็นต้นบรรพชนหลอมจิต!

ตอนนั้นในแดนลับตำหนักใต้ดินของโลกมารโลหิตที่สมรภูมิเก้าดินแดน หลินสวินเก็บต้นไม้นี้ไว้ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดมาตลอด

ต้นบรรพชนหลอมจิตต้นนี้แปลกประหลาดมาก เคยติดตามบำเพ็ญเพียรข้างกายมหาจักรพรรดิแยกฟ้า ท่องแหวกห้วงอากาศ ผ่านเรื่องต่างๆ มามากมาย

อีกทั้งมันยังมีสติปัญญาและจิตวิญญาณ สร้างต้นกำเนิดหลอมจิตออกมาได้ มีประโยชน์ต่อการหลอมศาสตราอริยะบริสุทธิ์ของหลินสวินอย่างคาดไม่ถึง

 เป็นอย่างไร เจ้าสามารถนำต้นไม้นี้ไปได้ไหม 

หลินสวินเอ่ยถาม

ต้นบรรพชนหลอมจิตกล่าวตื่นเต้น  ทำไมต้องเอาไปด้วย ให้ข้าหลอมมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายข้าไม่ดีกว่าหรือ 

 เจ้ายังกลืนกินต้นไม้นี้ได้อีกหรือ  หลินสวินยังอดชะงักไม่ได้ สีหน้าดูแปลกออกไป

ต้องรู้ว่าตอนนี้เขาครอบครองมรดกทั้งสองอย่างคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคและคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุดแล้ว แต่ก็ไม่กล้าพูดเพ้อเจ้อว่าจะไปกลืนต้นไม้เทพที่อยู่มานานตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ต้นนี้

แต่ต้นบรรพชนหลอมจิตกลับเหมือนจ้องเหยื่ออันโอชะตัวหนึ่ง นี่ทำให้ผู้คนตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

 แน่นอนว่าได้! แต่กลับต้องใช้เวลา มากสุดหนึ่งพันปี ไม่ ภายในห้าพันปี ข้าต้องหลอมพลังและลายมรรคที่แฝงอยู่ในต้นไม้นี้ได้หมดแน่! 

ต้นบรรพชนหลอมจิตพูดจาคล่องปาก

หลินสวินกล่าว  ข้าไม่มีเวลามารอเจ้าห้าพันปี 

ต้นบรรพชนหลอมจิตร้อนรนแล้ว กัดฟันกล่าว  เช่นนั้นก็โค่นมันซะ ข้าขอแค่ ‘รากแห่งต้นกำเนิด’ ของมันก็พอ 

 ไม่ได้ 

ห้วงอากาศเกิดคลื่นระลอก เด็กหนุ่มผมเทาเคลื่อนย้ายมาแล้วกล่าว  ต้นเทพฝูซางก่อเกิดจากไอแรกกำเนิด ให้กำเนิดแหล่งลูกไฟสมาธิ แต่จิตวิญญาณของมันถูกมหาจักรพรรดิอีกามารเอาไปนานแล้ว หากโค่นมันทิ้ง บนโลกนี้จะไม่มีต้นเทพฝูซางต้นที่สองอีกแล้ว 

เขากลับมาตอนนี้ เป็นการพิสูจน์อย่างไม่ต้องสงสัยว่าพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าของเผ่าอีกาทองอย่างอูหลิงจื่อ เกรงว่าคงรอดยากแล้ว

 เจ้าไม่แค้นมันรึ  หลินสวินผิดคาดอยู่บ้าง

เด็กหนุ่มผมเทาแววตาซับซ้อน  ต้นไม้นี้ฟ้าดินให้กำเนิดและหล่อเลี้ยง เดิมก็ไร้ดีชั่ว ก็แค่ถูกเผ่าอีกาทองใช้ประโยชน์และควบคุมมาตลอดเท่านั้น แน่นอนว่าข้าไม่มีทางอาฆาตมัน 

หลินสวินพยักหน้าเข้าใจแล้ว

เด็กหนุ่มผมเทากล่าวต่อ  ต้นไม้นี้เป็นหนึ่งในสี่ไม้เทพบรรพกาล นายท่านน้อยรู้หรือไม่ว่าทำไมปีนั้นยามมหาจักรพรรดิอีกามารมุ่งหน้าไปทางเดินโบราณฟ้าดารา ถึงยืนกรานจะนำจิตวิญญาณของต้นไม้นี้ไปด้วย 

……………………..

 

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset