Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1684 ข่าวลือของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด

หลินสวินเลิกคิ้ว “เพราะอะไร”

เด็กหนุ่มผมเทากล่าว “เพื่อต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด”

ประโยคเดียวทำให้ต้นบรรพชนหลอมจิตกล่าวไม่พอใจทันที “นี่เป็นแค่ข่าวลือไร้สาระเท่านั้น”

เด็กหนุ่มผมเทาเหลือบมองต้นไม้เทพที่เคยติดตามฝึกปราณอยู่กับมหาจักรพรรดิแยกฟ้าต้นนี้เล็กน้อยแล้วกล่าว “หากไม่ได้ทำเพื่อต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด ทำไมเจ้าต้องหลอมรากแห่งต้นกำเนิดของต้นเทพฝูซางด้วย”

“ข้าแค่ทำเพื่อฝึกปราณ!”

ต้นบรรพชนหลอมจิตกล่าวโต้แย้ง

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มผมเทาฉายแววอำมหิต แววตาที่เยียบเย็นนั้นทำให้ต้นบรรพชนหลอมจิตไหวสั่นไปทั้งตัว ร้องออกมา “เจ้าคิดจะทำอะไร”

เด็กหนุ่มผมเทาถอนสายตากลับ กล่าวกับหลินสวิน “นายท่านน้อย ฝูซาง ชางอู๋ เจี้ยนมู่ คุนอู๋ สี่ไม้เทพบรรพกาลนี้ล้วนเกิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิด มีลายมรรคของบ่อเกิดแรกกำเนิดตามธรรมชาติ”

“ลือกันว่าแค่รวบรวม ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ของไม้เทพทั้งสี่นี้ให้ครบถ้วน ใช้เจตวัตถุฟ้าประทานทั้งสี่อย่างดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสี ทรายวิญญาณดาราขุ่นใส วารีแรกปฐมมาบ่มเพาะ ก็จะปลูกต้นกล้าของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดได้!”

“ถึงตอนนั้นก็ค่อยฝังต้นกล้านี้ไว้ในร่าง มีคุณประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงต่อการฝึกปราณมรรคจักรพรรดิ”

“ข้าเคยได้ยินนายท่านเทียนเชวียบอกว่า ในการต่อสู้ระดับจักรพรรดิ ใครครอบครองต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดต้นหนึ่งได้ ก็เหมือนหยั่งถึง ‘กฎเกณฑ์แรกกำเนิด’ ครองรากฐานของพลังมรรคแรกกำเนิดแล้ว ไม่ใช่ผู้ที่บุคคลระดับจักรพรรดิคนอื่นเทียบได้”

พอหลินสวินได้ฟังเรื่องพวกนี้ แววตาก็ดูแปลกออกไป มองไปที่ต้นบรรพชนหลอมจิต

เขาจำได้ชัดเจนว่าปีนั้นในแดนลับตำหนักใต้ดินของโลกมารโลหิตที่สมรภูมิเก้าดินแดน ยามจะพาต้นบรรพชนหลอมจิตต้นนี้มาด้วย เจ้าหมอนี่กลับยื่นข้อเรียกร้องมากมาย

ตัวอย่างเช่นขอดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสี ทรายวิญญาณดาราขุ่นใสจากตนเป็นต้น

ตอนนั้นเขายังคิดว่าเจ้าหมอนี่แค่โลภมาก เห็นชัดว่าไม่คิดจะไปกับตน

แต่ตอนนี้ดูท่าว่าเจ้าหมอนี่คงวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างเห็นได้ชัด!

ต้นบรรพชนหลอมจิตถูกสายตาของหลินสวินจับจ้อง ทำเอาอึดอัดไปทั้งตัวทันที กระแอมกล่าว “ต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดน่ะหรือ แน่นอนว่าข้าก็เคยได้ยินมาก่อน ปีนั้นข้ากับมหาจักรพรรดิแยกฟ้าท่องตระเวนทั่วห้วงอากาศไร้สิ้นสุดด้วยกัน เป้าหมายก็คือเสาะหาไม้เทพทั้งสี่อย่างฝูซาง คุนอู๋ เจี้ยนมู่ ชางอู๋…”

ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบทกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้เจ้าน่ะอยู่นิ่งๆ!”

สายตาเขามองไปที่เด็กหนุ่มผมเทาแล้วกล่าว “ในเมื่อจิตวิญญาณของต้นเทพฝูซางนี้ถูกมหาจักรพรรดิอีกามารเอาไปแล้ว รากแห่งต้นกำเนิดของมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วไม่ใช่หรือ”

เด็กหนุ่มผมเทาส่ายหัว “ขอแค่มีรากแห่งต้นกำเนิดของมัน ก็ให้กำเนิดจิตวิญญาณสายหนึ่งได้อีกครั้ง จากนั้นจึงกลายเป็น ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ”

หลินสวินเข้าใจแล้ว ยามมองไปยังต้นเทพฝูซางที่ยืนหยัดค้ำฟ้าต้นนี้อีกครั้ง แววตาก็ต่างออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

ต้นไม้เทพต้นนี้ยังเกี่ยวข้องกับการฝึกปราณมรรคจักรพรรดิ เป็นสมบัติจากธรรมชาติที่เหล่าจักรพรรดิยังต้องเสาะหาอย่างยากลำบาก!

บางทีนี่อาจเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเผ่าอีกาทอง สมบัติชิ้นอื่นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วดูจางไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด

“นายท่านน้อยรอสักครู่ ข้าจะเก็บต้นไม้นี้ให้ท่านเอง”

เด็กหนุ่มผมเทาพูดพลางทะยานสู่ฟากฟ้า ยื่นมือออกไปคว้าทันที

ตูม!

ต้นเทพฝูซางที่แดงเพลิงตลอดต้น ยืนหยัดค้ำฟ้า พลันไหวสั่นอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที เหมือนว่ามันยังคงขัดขืน

แต่ภายใต้แรงกดดันของเด็กหนุ่มผมเทา ลำต้นของมันหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็กลายเป็นไม้เทพต้นหนึ่งที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ บริสุทธิ์เหมือนเจียระไนจากหยกงามหมอกเพลิง ไอคลุมเครือไหลบ่า หมอกเซียนพวยพุ่ง งดงามยิ่งนัก

“นายท่านน้อย พลังของต้นเทพฝูซางถูกข้าพันธนาการไว้แล้ว รอภายหน้าหากท่านหาดินอัศจรรย์ห้าสีได้ สามารถเลี้ยงมันไว้ในนั้นก่อน”

เด็กหนุ่มผมเทาพูดพลางนำไม้เทพฝูซางที่เล็กเท่าฝ่ามือมอบให้หลินสวินด้วยสองมือ

ต้นบรรพชนหลอมจิตน้ำลายแทบหกอยู่ข้างๆ ดูมุ่งหวังปรารถนาหาใดเปรียบ

แต่หลินสวินไม่ใส่ใจมัน เก็บต้นเทพฝูซางลงไปอย่างระมัดระวังแล้วกล่าว “ขอบคุณมาก”

เด็กหนุ่มผมเทาเผยให้เห็นฟันขาวดุจหิมะเรียงเป็นระเบียบ ยิ้มสดใสกล่าว “นายท่านน้อย ท่านเป็นนาย ข้าเป็นบ่าว การทำเรื่องพวกนี้เดิมทีก็เป็นสัจธรรมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

โดยทั่วไปยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ยามคิดจะก้มหัวให้คนรุ่นหลังที่อ่อนแอกว่าตน ย่อมไม่มีใครไม่รู้สึกอับอาย แขวนหน้าไว้ไม่อยู่

แต่เด็กหนุ่มผมเทากลับดูเป็นธรรมชาติ ท่าทางเปิดเผย ทั่วร่างไม่มีไอพลังดุร้ายแม้เศษเสี้ยว กลับมีกลิ่นอายบริสุทธิ์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

หลินสวินคิดไปคิดมาก็เอ่ยถาม “พวกอูเฟิงจื่อ… ตายหมดแล้วหรือ”

เด็กหนุ่มผมเทาพยักหน้า ส่วนลึกของนัยน์ตาฉายแววดุดันอย่างยากสังเกตเห็น “แม้ว่าพวกเขาจะตาย แต่เผ่าอีกาทองยังไม่ถึงขั้นมลายสิ้นอย่างแท้จริง บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังมีพวกเศษเดนของเผ่านี้อยู่ไม่น้อย”

“มหาจักรพรรดิอีกามารหรือ”

“ถูกต้อง”

“จริงสิ เคยมีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เฟยหลัน’ พูดถึงเจ้ากับข้า บอกว่าพวกเจ้าเป็นเพื่อนสนิทกัน”

“เฟยหลัน…”

เด็กหนุ่มผมเทาอึ้งงัน ตื่นเต้นอย่างยากจะได้เห็นอยู่บ้าง “เขายังมีชีวิตอยู่หรือ ถ้าเช่นนั้นเขาก็หาจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้แล้วหรือ”

หลินสวินบอกเล่าเรื่องราวที่ชายหนุ่มจักจั่นทองพาพวกเฟยหลัน จ้าวหยวนจี๋มุ่งหน้าไปที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราออกมาทันที

เด็กหนุ่มผมเทายิ้มสดใส “เช่นนั้นก็ดียิ่ง! นายท่านน้อยคงไม่รู้ เฟยหลันเหมือนกับข้า ร่างเดิมของเขาก็คือ ‘ระฆังมหามรรครวมศูนย์’ ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วพวกเราสองคนต่อยตีกันจนรู้จัก ต่อมาได้ผ่านเหตุการณ์บางอย่าง พวกเราสองคนจึงพูดได้ว่าเป็นเพื่อนตาย ในเมื่อเฟยหลันเคยพูดถึงข้ากับนายท่านน้อย นั่นก็หมายความว่าเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านน้อยยิ่งนัก”

สายตาที่เขามองไปทางหลินสวินเจือความสนิทชิดเชื้อสายหนึ่ง ไม่มีกลิ่นอายที่แม้จะถ่อมตนแต่กลับดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

คิดดูแล้วก็ใช่ เด็กหนุ่มผมเทาอยู่มาชั่วกาลแต่ไม่ดับสลาย ท่าทางดูเหมือนเด็กหนุ่มแปลกประหลาด แต่ความจริงก็เรียกได้ว่าเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตคนหนึ่ง

ทำให้คนอย่างเขายอมรับหลินสวินในฐานะ ‘นายท่าน’ จากก้นบึ้งหัวใจได้ เห็นชัดว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเช่นนั้น

หลินสวินเองก็รู้ดี แต่เขาก็มองออกว่า ท่าทีที่เด็กหนุ่มผมเทามีต่อตนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดแล้ว

เด็กหนุ่มผมเทากล่าว “นายท่านน้อย ข้าอาจต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งในการเก็บตัวฟื้นฟู ก่อนจะถึงตอนนั้นมีคำขอที่ไม่สมเหตุผลข้อหนึ่ง”

หลินสวินกล่าว “พูดมาเถอะไม่เป็นไร”

เด็กหนุ่มผมเทากล่าว “ข้าต้องการสมบัติอริยะ ยิ่งมากยิ่งดี มีเพียงดูดกลืนความยอดเยี่ยมของสมบัติพวกนี้ ถึงจะฟื้นฟูพลังที่ถูกทำลายไปในกาลนิรันดร์ที่ผ่านมาได้อย่างสมบูรณ์”

หลินสวินไม่แม้แต่จะคิดก็ตกปากรับคำอย่างยินดี

บนตัวเขาสิ่งที่ไม่เคยขาดเลยก็คือสมบัติอริยะนานัปการ ล้วนเป็นทรัพย์หลังศึกที่ได้มาหลังผ่านการต่อสู้ในช่วงหลายปีมานี้

เด็กหนุ่มผมเทามองหลินสวินอย่างลุ่มลึกวูบหนึ่ง ไม่ลังเล ไม่ใคร่ครวญก็ตอบรับคำขอของตนแล้ว ไม่ผิดเลยที่ตนยอมรับเขาเป็นนาย!

เขากล่าวเสียงแผ่วเบา “นายท่านน้อย มีบางคำที่ข้าต้องบอกท่าน เจ้านายคนก่อนของข้าชื่อว่า ‘เทียนเชวีย’ เขาเคยถูกมหาจักรพรรดิอีกามารวางแผนใส่ร้าย ผูกปมความแค้นบัญชีเลือด ภายหน้าสักวันหนึ่งข้าจะมุ่งหน้าไปที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ล้างแค้นให้นายท่านเทียนเชวีย”

“นี่เป็นกฎกรรมใหญ่ สำหรับนายท่านน้อย หากเข้ามาพัวพันด้วย เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นมหันตภัยใหญ่หลวง…”

ไม่รอให้พูดจบหลินสวินก็ยิ้มกล่าว “ข้ารู้ แต่เจ้าคิดว่านับจากนี้ไปมหาจักรพรรดิอีกามารจะไม่แค้นข้าหรือ”

เด็กหนุ่มผมเทาชะงัก เพียงพริบตาก็เข้าใจแล้ว

วันนี้หุบเขาตะวันคล้อยนี่ถูกเหยียบย่ำ ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่อาศัยอยู่ภายในแทบจะพังพินาศทั้งกองทัพ แม้แต่ต้นเทพฝูซางก็ยังถูกเอาไป

ความแค้นใหญ่เช่นนี้ ภายหน้าหากถูกมหาจักรพรรดิอีกามารรู้เข้า มีหรือจะยอมวางมือยุติเรื่องราว

หลินสวินสีหน้าไม่สะทกสะท้านกล่าวต่อ “ในเมื่อข้าเลือกจะมาช่วยเจ้า ก็รู้ชัดถึงผลดีผลเสียของมันนานแล้ว ดังนั้นภายหน้าต่อให้ต้องเจอมหันตภัยใหญ่หลวง เจ้ากับข้าแค่ต้านมันไปด้วยกันก็พอ”

เด็กหนุ่มผมเทาตะลึงงัน

มกุฎอริยะแท้อย่างหลินสวิน บนโลกนี้อาจเรียกได้ว่ามีอำนาจสูงส่ง แต่ในสายตาเขากลับไม่ถึงขั้นร้ายกาจอะไร

แต่ความอาจหาญและมาดสง่างามที่หลินสวินเผยให้เห็นในยามนี้ กลับทำให้เด็กหนุ่มผมเทาอดไหวหวั่นไม่ได้ ตอนนี้ถึงได้ตระหนักว่านายท่านน้อยคนนี้ไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่ตนคิดอยู่มาก

เขาสูดหายใจลึกกล่าว “นายท่านน้อย ภายหน้าข้า ‘อู้เชวีย’ จะทุ่มเทเต็มกำลัง ช่วยนายท่านน้อยกรำศึกบนมรรคา!”

หลินสวินอมยิ้มพยักหน้า เจ้านายคนก่อนของเขาชื่อว่าเทียนเชวีย และตั้งชื่อให้เขาว่าอู้เชวีย เห็นได้ชัดว่าฝากความหวังบางอย่างไว้

เขาอยากรู้จริงๆ ว่าวิญญาณอาวุธของสมบัติจะแจ้งมรรคแล้วกลายเป็นจักรพรรดิได้ไหม

หรือพูดได้ว่าบนโลกนี้ยังมีเรื่องที่คาดไม่ถึงเช่นนี้จริงหรือ

อย่างน้อยเท่าที่ฟังเด็กหนุ่มผมเทาอู้เชวียกล่าวมาทั้งหมด ‘เฟยหลัน’ วิญญาณอาวุธของระฆังมหามรรครวมศูนย์ ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังเสาะหาจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิอยู่

อีกทั้งเรื่องนี้หลินสวินยังเคยเห็นกับตาตัวเองในป่าต้นหม่อนมาก่อน!

หลังจากนั้นอู้เชวียก็กลายร่างเป็นหมอกขาวสายหนึ่งกลับเข้าไปในธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ส่วนหลินสวินก็นำสมบัติอริยะที่ไม่จำเป็นต้องใช้บางส่วนมอบให้อู้เชวียทั้งหมด

หลินสวินเฝ้ารอเป็นอย่างยิ่ง ว่ายามอู้เชวียฟื้นฟูพลังต่อสู้กลับมาดังเดิมจะแข็งแกร่งเพียงใด!

“พี่ใหญ่”

ไม่ทันไรพวกเจ้าคางคก อาหลู่ก็พุ่งโฉบมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

แต่เจ้านกดำกลับหน้าตากลัดกลุ้ม ด้วยปีกทั้งสองของมันถูกเจ้าคางคกและอาหลู่ยึดไว้แน่นหนา มีท่าทีเป็นห่วงว่ามันจะหนีไป

หลินสวินชะงัก “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

อาหลู่หัวเราะพลางกล่าว “เจ้านกขี้ขโมยนี่ขูดรีดสมบัติชั้นดีไปไม่น้อย พวกเราสองคนห่วงว่าจะถูกมันกอบโกยไปหมด ดังนั้นจึงคุมตัวมันไว้ชั่วคราว”

“มารดามันเถอะ ข้าใช่คนแบบนั้นรึ” เจ้านกดำตะโกนออกมาอย่างน้อยใจ

เจ้าคางคกยิ้มแย้มกล่าว “เจ้าไม่ใช่คน เป็นนก ใจนกยากหยั่งถึง”

หลินสวินบื้อใบ้

อาหลู่ใช้มือข้างหนึ่งตบหัวของเจ้านกดำดังป้าบแล้วกล่าว “เร็วเข้า นำสมบัติสองชิ้นนั้นออกมา”

เจ้านกดำโกรธจนร้องเสียงดัง แต่สุดท้ายก็ต้านแรงกดของเจ้าคางคกและอาหลู่ไม่ได้ ได้แต่อ้าปากคายออกมาด้วยจำยอม

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ศรเทพสองดอกปรากฏออกมา

ดอกหนึ่งขาวดุจหิมะ เปล่งแสงเงินยวงขาวโพลน ปลายศรเยียบเย็น ตัวศรหนาประมาณนิ้วโป้ง บนนั้นสลักอักษรมรรคที่เฉียบคมน่าพรั่นพรึงอยู่สองคำ…

แสงโชค!

อีกดอกหนึ่งเปล่งแสงเทพน้ำเงินเข้มคล้ายมายา เหมือนกับศรเทพแสงโชคไม่มีผิด แต่ตัวศรกลับสลักอักษรมรรคสองคำว่า ‘เสี้ยวปีก’ อยู่รางๆ

ศรเทพทั้งสองลอยคว้าง สาดแสงสว่างไสว กลิ่นอายล้วนน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ ทำให้ห้วงอากาศใกล้เคียงเกิดคลื่นสะเทือนรุนแรง

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด ฉายแววอัศจรรย์

แสงโชค เสี้ยวปีก!

นี่เป็นถึงหนึ่งใน ‘ศรเทพทั้งเก้า’ ของเผ่าต้าอี้บรรพกาลเหมือนศรนภาครามและศรนิรันดร์ มหัศจรรย์หาใดเปรียบ พลังทำลายล้างก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!

………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset