Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1687 คนรู้จักเก่า

เรื่องที่ผู้แข็งแกร่งดูถูกผู้อ่อนแอ ดำรงอยู่ทั่วทุกหนแห่งในใต้หล้า นับแต่โบราณมาล้วนเป็นเช่นนี้

โดยเฉพาะพวกชนชั้นสูงหรือพื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดาบางส่วน ยามเผชิญหน้ากับคนที่สู้ตนเองไม่ได้จะมีความหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีตามธรรมชาติ

ก็เหมือนเวลานี้ ยามเซวียหย่งเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มรองเท้าฟางก็ดูกำเริบเสิบสาน คำพูดไม่ถึงขั้นอำมหิตมากเท่าไร แต่สิ่งที่มีอยู่เต็มเปี่ยมคือรสชาติของความหยามเหยียดดูถูก

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางรู้สึกโกรธแต่ไม่กล้าโกรธ ความอึดอัดภายในใจแค่คิดก็รู้แล้ว

เหมือนประโยคนั้นที่พูดต่อกันมา ผู้อ่อนแอถ้าอยากอยู่รอดบนหนทางแห่งมหามรรค นอกจากอดกลั้นแล้วก็ไม่มีวิธีอื่น!

เด็กสาวชุดสีพื้นกลับทนไม่ไหว ยิ้มหยันกล่าว “เห็นเจ้าโอหังเช่นนี้ หรือเจ้าคิดว่าตัวเองจะกราบอาจารย์สำเร็จอย่างแน่นอนรึ”

เซวียหย่งชะงักไป แต่ไม่โกรธ ยิ้มกล่าว “ต่อให้ข้าผู้แซ่เซวียไม่เอาไหน ก็แข็งแกร่งกว่าเจ้าอ่อนหัดนี่ไม่ใช่แค่ร้อยพันเท่า หากผู้อาวุโสหลินสวินอยากรับศิษย์ โอกาสของข้าผู้แซ่เซวียก็ถูกลิขิตให้มีมากกว่าเจ้าอ่อนหัดนี่นับร้อยพันเท่า”

เด็กสาวชุดสีพื้นส่งเสียงฮึเย็นชา

แม้ว่านางจะฝึกปราณสำเร็จ แต่ก็พูดต่อปากต่อคำไม่เก่ง อยากจะพูดย้อนถากถาง แต่สุดท้ายก็เกินกำลังไปอยู่บ้าง ชั่วขณะหนึ่งจึงโมโหเป็นอย่างยิ่ง

เซวียหย่งนัยน์ตาเป็นประกาย เด็กสาวผมม่วงตรงหน้านี้เป็นยอดหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย งามพริ้งเพราไร้เดียงสา แม้จะโกรธก็ยังมีเสน่ห์

เพียงพริบตาเขาก็ใจสั่น เกิดความมุ่งหวังปรารถนาอย่างห้ามไม่อยู่ ลอบตัดสินใจแล้วว่าจะหาโอกาสชิงตัวแม่สาวงามตัวน้อยที่มีเสน่ห์แต่กำเนิดคนนี้มาให้ได้!

‘ซูไป๋ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจคนผู้นี้ คนแบบนี้ต่อให้พรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน ภายหน้าก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร’

เด็กสาวชุดสีพื้นสื่อจิตปลอบใจเด็กหนุ่มรองเท้าฟาง

‘พี่เสี่ยวฉง ข้าเข้าใจแล้ว’ เด็กหนุ่มรองเท้าฟางเผยรอยยิ้มให้เห็น

เพียงแต่รอยยิ้มนั้นเมื่ออยู่ในสายตาของเด็กสาวชุดสีพื้น กลับทำให้นางเริ่มคัดจมูก

ว่าไปแล้วนางก็แค่เดินทางผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกฝูงสัตว์อสูรบุกจู่โจมเท่านั้น จึงบังเอิญได้เจอเด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่กำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์ปีศาจอย่างห้าวหาญ

เขาที่อ่อนแอเช่นนี้ แต่ยามนั้นกลับกล้าหาญ

ดังนั้นนางจึงช่วยเด็กหนุ่มรองเท้าฟางไว้

หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยก็รู้สาเหตุที่เด็กหนุ่มสู้สุดชีวิต เป็นเพราะบิดามารดาล้วนสิ้นชีพในปากของอสูรปีศาจ ในฐานะที่เป็นบุตร แน่นอนว่าต้องแก้แค้น จะมาสนความเป็นตายได้ที่ไหน

ตั้งแต่นั้นมาเด็กสาวชุดสีพื้นก็เกิดความเห็นใจและชื่นชม ตัดสินใจช่วยเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าซูไป๋คนนี้ไว้ทันที

ด้วยนางต้องการมาพบหลินสวิน จึงถือโอกาสพาเด็กหนุ่มรองเท้าฟางมาด้วย ในใจก็หวังว่าหากเด็กหนุ่มรองเท้าฟางถูกหลินสวินหมายตาได้ นั่นย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ต่อให้ไม่ถูกใจก็ช่างเถอะ ขอแค่มีนางอยู่ แน่นอนว่าต้องช่วยเด็กหนุ่มรองเท้าฟางให้ตั้งตัวบนมรรคาไปทีละก้าวได้

เมื่อใคร่ครวญขึ้นมาจริงๆ ทุกอย่างนี้อาจเป็นเพราะความเห็นใจ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เด็กหนุ่มรองเท้าฟางมีนิสัยใจคอที่ไม่เหมือนใคร ทำให้นางยอมรับในตัวเขายิ่งนัก

นั่นก็คือความหนักแน่น ไร้เดียงสา และเรียบง่าย

ผู้ฝึกปราณบนโลกมีความคิดที่จะวิ่งเต้นทำทุกอย่างเพื่อลาภยศโดยไม่ละอายมากเกินไป คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์อย่างเด็กหนุ่มรองเท้าฟางมีน้อยมากจริงๆ

ของหายากย่อมมีราคาแพง คนเราก็เช่นกัน

เด็กสาวชุดสีพื้นรู้สึกว่าตนเจอเพชรเม็ดงาม แน่นอนว่าต้องทุ่มเทดูแลเป็นอย่างดี

ไม่ว่าคนอื่นจะมองเด็กหนุ่มรองเท้าฟางเป็นอย่างไร นางก็ไม่สนใจ

ตามเวลาที่ล่วงเลย เซวียหย่งก็ไม่สนใจจะเหน็บแนมเย้ยหยันเจ้าอ่อนหัดแล้ว มีเพียงสายตาที่เหลือบมองเด็กสาวชุดสีพื้นเป็นพักๆ

ผู้ฝึกปราณคนอื่นที่อยู่ใกล้ก็เหมือนกัน

สำหรับพวกเขาหากไปเจอเด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้ที่อื่นตามปกติ พวกเขาคงไม่แม้แต่จะสนใจ มองข้ามไปทั้งอย่างนั้นแล้ว

เวลานี้ที่ยังเหลือบมองเด็กหนุ่มรองเท้าฟางอยู่เป็นระยะ ก็ด้วยมีเด็กสาวชุดสีพื้นเป็นเหตุเท่านั้น

“พี่เสี่ยวฉง พวกเราจะรออยู่ที่นี่ไปตลอดหรือ”

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางถาม

เขามองทะเลหมากดาราที่หมอกควันอบอวลอยู่ห่างออกไป รู้สึกว่าแค่ก้าวเข้าไปในนั้นจะต้องหลงทางทันทีแน่

“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าคิดหาวิธีก่อน”

เด็กสาวชุดสีพื้นกล่าวเสียงเบา ในใจนางก็ค่อนข้างว้าวุ่นใจอยู่บ้าง

จากกันครั้งก่อน นางไม่ได้เจอหลินสวินมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาที่มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วจะยังจำเด็กโง่อย่างตนได้หรือไม่

คิดดูแล้วตนในปีนั้นก็โง่พอตัวจริงๆ ไม่รู้ประสีประสาเหมือนเด็กไร้หัวคิด หากไม่ใช่ว่ามีเขาพาตัวไปส่งและดูแลมาตลอดทาง เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว

เมื่อออกด่านครั้งนี้ ได้ยินว่าหลินสวินเก็บตัวฝึกปราณอยู่ในทะเลหมากดารา นางก็รู้สึกขัดแย้งอย่างบอกไม่ถูก ต้องการมาพบอีกฝ่ายทันที

แต่หลังจากมาถึงที่นี่เข้าจริงๆ กลับกลายเป็นว่านางลังเล

หลินสวินในปีนั้นยังเป็นแค่ผู้ฝึกปราณเล็กๆ ระดับมหาสมุทรวิญญาณ ส่วนนางก็เป็นแค่เด็กที่ไม่เข้าใจเรื่องทางโลกคนหนึ่ง

แต่ตอนนี้หลินสวินเป็นบุคคลในตำนานที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า ประหนึ่งตะวันกลางนภาแล้ว เป็นมกุฎมหาอริยะคนหนึ่งที่ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนเลื่อมใสศรัทธา

เขาจะยังจำนางได้หรือไม่

หากเจอตัวเองที่บุ่มบ่ามมาเข้าพบ เขาจะยังลูบหัวของตนเหมือนปีนั้นอยู่หรือไม่

ในจุดที่ห่างออกไปพลันมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์มาเยือน ในอากาศโชยกลิ่นหอมเย็นสบายที่พาให้คนชื่นใจ

ทุกคนในที่นั้นต่างชะงัก เหลือบสายตามองออกไป

ก็เห็นว่ากลางอากาศมีละอองแสงเจิดจรัสสายหนึ่งลอยละล่อง กลายเป็นเด็กสาวชุดเหลืองร่างงามระหงคนหนึ่งทันที

นางคิ้วตาโค้ง คางแหลมเหมือนกระบี่ นัยน์ตากระจ่างแวววาว รูปโฉมงดงามราวกับเซียน ชุดกระโปรงพลิ้วไหว ขับเน้นให้เรือนร่างเย้ายวนอ่อนหวานของนางงามถึงขีดสุด

ทุกคนต่างหยุดหายใจ เผยความเคลิบเคลิ้มและหลงใหล

งดงามยิ่งนัก!

ผู้หญิงคนนี้มีความงามเฉพาะตัว บุคลิกสันโดษยากจับต้อง ดุจดั่งเซียนสาวผู้สำรวมตน

แต่เรือนร่างของนางกลับเพรียวบาง เอวบางร่างน้อย คิ้วตาโค้ง เผยเสน่ห์เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูกออกมาโดยปริยาย

เหมือนรวมนางมารกับเทพธิดาไว้ด้วยกัน พาให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง

เมื่อนางมาถึง ฟ้าดินล้วนเปลี่ยนเป็นบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์และเงียบสงบ กลิ่นหอมเย็นสบายอบอวลอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนใหญ่คนโตพวกนั้นใจสั่น

“พี่เสี่ยวฉง นี่คือเทพธิดาบนสวรรค์หรือ”

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางเบิกตากว้าง เขายังไม่เคยเจอสาวงามเช่นนี้มาก่อน ทำให้ผู้คนรู้สึกต่ำต้อย ไม่กล้ามีความคิดดูหมิ่นแม้เศษเสี้ยว

“น้องชายคนนี้ปากหวานเสียจริง”

ไม่รอให้เด็กสาวชุดสีพื้นเอ่ยปาก เด็กสาวชุดเหลืองกลางอากาศคนนั้นอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ดวงตาโตวาวระยับ ริมฝีปากแดงอวบอิ่ม งามจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก

“เทพธิดาท่านนี้…”

เซวียหย่งอดกล่าวไม่ได้ แววตาของเขาดูชอบพอและเร่าร้อน

เพียงแต่กล่าวได้ครึ่งหนึ่งก็ถูกผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายเอื้อมมือปิดปาก สื่อจิตตวาดด่า ‘อย่าบุ่มบ่าม!’

เซวียหย่งยังคงไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่าท่านปู่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอริยะของตระกูลเซวียที่พาตนมา เวลานี้สีหน้าประหม่าและจริงจัง ในใจเขาก็สะดุดกึก หน้าพลันเปลี่ยนสี ตระหนักถึงปัญหา

หญิงงามที่เหมือนเซียนสาวคนนี้ เกรงว่าคงเป็นบุคคลร้ายกาจคนหนึ่ง!

เด็กสาวชุดเหลืองแค่เหลือบมองเขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง

ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่ทุกคนมองข้ามเด็กหนุ่มรองเท้าฟางไป ดูสบายๆ แต่กลับมีความรู้สึกว่าสูงส่งเหนือผู้อื่น

“พี่หลิน ข้ามาเยี่ยมเยียน”

เด็กสาวชุดเหลืองยืนอยู่กลางอากาศ ทอดมองทะเลหมากดาราที่หมอกควันอบอวลอยู่ห่างออกไป นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เสียงก้องกังวานเหมือนนกขมิ้นขับขาน ใสกระจ่างเพราะพริ้งดุจเสียงจากธรรมชาติ

สีหน้าของผู้ฝึกปราณมากมายเคลิบเคลิ้มยิ่งกว่าเดิมแล้ว ถูกรูปโฉม อากัปกิริยา และน้ำเสียงที่เด็กสาวชุดเหลืองเผยออกมาทำให้ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

แต่ก็มีคนใหญ่คนโตมากมายสะดุ้งไปทั้งตัว ประโยคเดียวทำให้พวกเขารู้ได้ว่าเด็กสาวชุดเหลืองต้องเป็นเพื่อนของหลินสวินแน่

แต่ขอแค่หลินสวินปรากฏตัว สำหรับพวกเขาก็เป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่หลายวันมานี้เฝ้ารออย่างยากลำบากมาตลอด!

ฮูม…

บนทะเลหมากดารา หมอกหนาพลันสลายกระจายออกไป

จากนั้นจู่ๆ เงาร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว ใบหน้างามสง่า นัยน์ตาประหนึ่งเหวลึก กลิ่นอายราบเรียบนิ่งสงบ

เป็นหลินสวิน

“แม่นางอาหู ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”

หลินสวินยิ้มแย้มเดินเข้าไปต้อนรับ

เด็กสาวชุดเหลืองยิ้มกล่าว “ระหว่างทางที่มาดินแดนรกร้างโบราณมีเรื่องเล็กน้อยทำให้ล่าช้า พี่หลินโปรดอย่าถือสา”

เสียงแก่ชราหนึ่งดังขึ้น “ผู้อาวุโสหลินสวิน ข้าน้อยคนตระกูลเนี่ยแห่งแดนกาฬทักษิณ ครั้งนี้พาบุตรชายมาโดยพลการ ขอผู้อาวุโสโปรดอภัย”

ชายชราในชุดผ้าไหมที่ผมเผ้าหงอกขาวคนหนึ่งคำนับอย่างเคารพนบนอบ

ทันทีที่เขาเอ่ยปาก คนอื่นๆ ในที่นั้นก็ลนลานตอบสนองกันขึ้นมา เกรงแต่จะถูกคนอื่นชิงตัดหน้า เปิดปากพูดกันไม่หยุด

“ผู้อาวุโสหลินสวิน ข้าน้อยคนตระกูลโจวแห่งแคว้นโบราณแดนชัยบูรพา…”

“ผู้อาวุโสหลินสวิน…”

เพียงพริบตาเสียงเคารพนบนอบและตื่นเต้นมากมายก็ดังระงมไม่ขาดหู

คนใหญ่คนโตที่นับได้ว่าเป็นราชันในแต่ละพื้นที่ของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้น เวลานี้แต่ละคนล้วนนอบน้อมและถ่อมตน

เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กหนุ่มรองเท้าฟางเห็นแล้วมึนงงไปชั่วขณะ ใจสะท้านสะเทือน!

อะไรที่เรียกว่าอานุภาพ

อะไรที่เรียกว่าชื่อเสียงและบารมี

ก็นี่อย่างไร!

เหมือนเทพมังกรบนสรวงสวรรค์ ขอแค่ปรากฏตัวก็จะทำให้หมื่นอสูรคุกเข่ากราบไหว้ ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง!

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เกิดขึ้นบริเวณทะเลหมากดาราแน่นอนว่าปิดบังสายตาของหลินสวินไม่ได้ ทั้งรู้ดีว่าคนพวกนี้มาเพราะอะไร

เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่มีความคิดจะรับศิษย์ ทั้งไม่เคยใส่ใจเรื่องพวกนี้มาก่อน

อาหูยิ้มกล่าวหยอกล้อประโยคหนึ่ง “พี่หลิน ดูท่าตอนนี้เจ้าคงยิ่งใหญ่ในดินแดนรกร้างโบราณไม่น้อยทีเดียว”

หลินสวินยิ้ม ขณะที่เขาคิดจะเอ่ยปาก สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

นางสวมชุดกระโปรงสีพื้น มวยผมสีม่วงเป็นสองข้าง งดงามไร้เดียงสา สะโอดสะองราวกับดอกกล้วยไม้ดอกหนึ่งที่เบ่งบานในหุบเขาลึก บริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นอย่างยิ่ง

ต่อให้ยืนอยู่ในมุมอับท่ามกลางฝูงชนก็ยังสะดุดตายิ่งนัก

มุมปากของหลินสวินโค้งเป็นรอยยิ้มจากก้นบึ้งหัวใจ กล่าวหัวเราะร่า “ฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่าหนอนน้อยจอมเลอะเลือนอย่างเจ้าก็มาด้วย ทำไมไปยืนบื้ออยู่ตรงนั้น จำข้าไม่ได้แล้วรึ”

เขาดีใจมากจริงๆ

ปีนั้นที่เข้ามาในแดนฐิติประจิมของดินแดนรกร้างโบราณครั้งแรก คนแรกที่เขาเจอก็คือซย่าเสี่ยวฉงที่ไม่เข้าใจเรื่องทางโลกและใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ เด็กสาวไร้เดียงสาคนหนึ่งที่มักจะถูกเขาแซวว่า ‘ไร้สมอง’

เพียงแต่ไม่เจอกันหลายปี หลินสวินจึงคิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้จะปรากฏตัวที่ชายฝั่งทะเลหมากดารา!

เห็นสายตาของหลินสวินที่มองมา รวมถึงรอยยิ้มอบอุ่นยินดีนั้น ซย่าเสี่ยวฉงที่เดิมประหม่าว้าวุ่นใจร้องตอบออกมา ใบหน้างามแดงก่ำกล่าว “พี่หลินสวิน ข้า… ข้าจะไม่รู้จักท่านได้อย่างไร อีกอย่างข้าไม่ได้โง่เหมือนแต่ก่อนแล้วด้วย”

หลินสวินหัวเราะร่าอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางอึ้งงัน ในใจเหมือนมีฟ้าผ่า ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่า ‘พี่หลินสวิน’ ที่พี่เสี่ยวฉงเรียก ที่แท้ก็เป็น ‘ผู้อาวุโสหลินสวิน’!

ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง อึ้งงันอยู่ตรงนั้น

โดยเฉพาะเซวียหย่งเด็กหนุ่มในชุดผ้าไหมยิ่งราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าค้างแข็งตาอึ้งงัน

เด็กสาวคนนั้นที่พาเจ้าอ่อนหัดคนหนึ่งมาด้วย ถึงกับ… ถึงกับเป็นคนรู้จักเก่าของหลินสวิน มกุฎมหาอริยะคนแรกแห่งดินแดนรกร้างโบราณหรือ

…………………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset