Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1691 เรื่องในใจของซย่าเสี่ยวฉง

เวลาล่วงเลย วันแล้ววันเล่าผ่านไป

ซูไป๋กลับไม่รับรู้อะไร

ตั้งแต่วันนั้นหลังจากหลินสวินตัดสินใจรับเขาเป็นศิษย์ฝากนาม ก็ถ่ายทอดวิชาลับฝึกปราณขั้นพื้นฐานให้กับเขา ทั้งใช้เวลาหนึ่งวันอธิบายนัยเร้นลับของมันให้เขาฟัง

ตั้งแต่นั้นมาซูไป๋ก็เริ่มฝึกปราณเพียงลำพัง

ดูเหมือนหลินสวินไม่รับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง แต่มีเพียงอาหลู่ที่รู้ว่าพี่ใหญ่ให้ความสำคัญกับซูไป๋ศิษย์ฝากนามคนนี้ จึงได้ทำเช่นนี้

เป้าหมายคือทำให้ซูไป๋ก้าวเดินบนมหามรรคคนเดียวได้ในภายภาคหน้า โดยไม่ต้องรับอิทธิพลจากหลินสวิน!

ซูไป๋ไม่ทำให้หลินสวินผิดหวังจริงๆ ในอดีตที่ผ่านมาเด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้คงลำบากมามากเหลือเกิน หลังจากได้รับโอกาสในการฝึกปราณก็ดูขยันและบากบั่นผิดธรรมดา

ไม่ว่าจะกิน นอน ก้าวเดิน… ล้วนใคร่ครวญและหยั่งรู้เคล็ดวิชาในการฝึกปราณ

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สุดคือ ซูไป๋ควบคุมตัวเองได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนเพียงอย่างเดียว ยังแบ่งเวลาผ่อนคลายจิตใจ หยุดพักเอาแรงให้ตัวเองด้วย

“เจ้าหนูนี่ฉลาดจริงๆ รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เข้าใจหลักการว่ายิ่งรีบยิ่งช้า โดยเฉพาะการฝึกปราณ ยิ่งดึงดันยิ่งไม่เป็นผล แต่กลับต้องดิ้นรนฟันฝ่า มรรคาที่จะก้าวไปต้องทุ่มเทไตร่ตรอง เด็กคนนี้กลับเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีอาจารย์ชี้แนะ หยั่งรู้ใจความสำคัญอย่างลึกซึ้ง ไม่เลวๆ”

เดิมทีเจ้าคางคกไม่สนใจเด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้เลย

ถึงขั้นคิดว่าด้วยชื่อเสียงของหลินสวินตอนนี้ ต่อให้รับศิษย์ก็ต้องรับปีศาจไร้เทียมทานอันดับหนึ่งแห่งยุคคนหนึ่งมาเป็นศิษย์จึงจะถูก

เมื่อรู้ว่าหลินสวินรับเด็กหนุ่มรองเท้าฟางเป็นศิษย์ฝากนาม เจ้าคางคกยังไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจได้รางๆ แล้ว

บนหนทางฝึกปราณ พรสวรรค์อาจสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่จิตใจของคนต่างหากที่เป็นรากฐานในการตัดสิน ว่าจะเดินอยู่บนเส้นทางมหามรรคได้ยาวนานหรือไม่!

จิตใจ ความมุ่งมั่น และนิสัยของเด็กหนุ่มรองเท้าฟางไม่เลวเลยจริงๆ

“น่าเสียดาย ต่อให้เขาจิตใจดีแค่ไหน พรสวรรค์ก็ยังมีตำหนิ เทียบกับคนที่อายุเท่ากันบนโลกนี้แล้วก็เป็นคนที่ไม่อยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าสมองมีปัญหาหรือเปล่า ถึงได้รับคนอย่างเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์”

เจ้านกดำยิ้มเยาะ

มันไม่ได้กำลังยิ้มเยาะเด็กหนุ่มรองเท้าฟาง หากแต่กำลังหาโอกาสเย้ยหยันหลินสวิน คิดว่าเขาสะเพร่าในการรับศิษย์เกินไป

“นกขี้ขโมยอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร!”

อาหลู่โต้กลับทันที ถกเถียงกับเจ้านกดำขึ้นมา

สำหรับเรื่องพวกนี้หลินสวินไม่สนใจ ราวกับตัดสินใจได้แล้วว่าจะให้เด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้ฝึกปราณเพียงลำพัง ไม่มีทางเข้าไปยุ่งกับการฝึกปราณของเขาอีก

เวลาหนึ่งเดือนกว่าผ่านไปเงียบๆ

วันนี้ซย่าเสี่ยวฉงพลันตัดสินใจว่าจะจากไป บอกว่านางเห็นซูไป๋ฝึกปราณอย่างอุตสาหะเช่นนี้แล้ว ตัวเองก็ควรขยันแสวงหาความก้าวหน้าจึงจะถูก ไม่อย่างนั้นในการฝึกปราณต่อจากนี้หากถูกซูไป๋ไล่ตามทันก็จะเสียหน้าเกินไปแล้ว

เหตุผลในการบอกลาที่แปลกใหม่เป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ ก็มีแค่ซย่าเสี่ยวฉงที่คิดออก

นอกจากหลินสวินจะกลั้นขำไม่อยู่แล้วก็ไม่เหนี่ยวรั้งนางไว้ วันนั้นเขาออกโรงด้วยตัวเอง พาซย่าเสี่ยวฉงออกจากทะเลหมากดาราไป

ด้วยพลังปราณของหลินสวินตอนนี้ ใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็มาถึงอาณาเขตของจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียว สถานที่แห่งนั้นถูกเรียกว่า ‘เขาบรรพตเขียว’

ปีนั้นเขาก็เคยพาซย่าเสี่ยวฉงมาส่งถึงที่นี่อย่างปลอดภัย

“พี่หลินสวิน ท่านรีบกลับไปเถอะ”

ดวงตะวันสาดแสงยามอัสดง ซย่าเสี่ยวฉงสวมชุดกระโปรงสีพื้นยืนอยู่ในทุ่งดอกไม้กลางภูเขาอย่างมีชีวิตชีวา ใบหน้าเล็กงดงามไร้เดียงสา เสียงหัวเราะพราวเสน่ห์ เงาร่างเพรียวบางปกคลุมด้วยประกายแสงสายัณห์ที่งามตระการชั้นหนึ่ง

“เสี่ยวฉง อีกไม่นานข้าอาจต้องจากดินแดนรกร้างโบราณไปช่วงหนึ่ง เจ้านำสิ่งนี้ไปด้วย หากเจออันตรายก็บีบมันให้แหลกก็พอ”

หลินสวินนำป้ายหยกป้ายหนึ่งที่เตรียมไว้นานแล้วมอบให้ซย่าเสี่ยวฉง ในป้ายคำสั่งประทับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของเขาไว้ หากอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณนี้ก็สามารถสร้างแรงสะเทือนอันยิ่งใหญ่ได้

“อืม!”

ซย่าเสี่ยวฉงไม่ปฏิเสธ รับป้ายคำสั่งมาอย่างยินดี ดวงตาระยิบระยับกล่าว “พี่หลินสวิน ต่อจากนี้ท่านต้องดูแลตัวเองด้วยนะ”

หลินสวินยิ้มกล่าว “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

“เช่นนั้นข้ากลับไปก่อนนะ”

ซย่าเสี่ยวฉงโบกมือแล้วหันหลังขึ้นไปบนภูเขา ฝีเท้าแผ่วเบามีชีวิตชีวา เงาหลังกลายเป็นภาพงดงามจับใจยามตะวันตกดิน

เพียงแต่เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าที่พำนักของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียว รอยยิ้มบนใบหน้าของซย่าเสี่ยวฉงกลับค่อยๆ หายไป ความอมทุกข์วนเวียนอยู่ตรงหว่างคิ้ว

นางแอบทอดถอนใจ ก้าวเข้าไปในประตูทางเข้าอย่างเด็ดเดี่ยวเหมือนตัดสินใจได้แล้ว

“เสี่ยวฉง ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้วสินะ!”

เมื่อเข้าประตูมา เสียงที่เจือความโกรธเสียงหนึ่งดังขึ้น จู่ๆ หญิงชราผมเงินคนหนึ่งก็ปรากฏตัว จ้องมองซย่าเสี่ยวฉงด้วยสายตาเย็นชา

“ท่านน้าเก้า”

ซย่าเสี่ยวฉงกล่าว

“ฮึ ในสายตาของเจ้ายังมีน้าเก้าอย่างข้าด้วยรึ คิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้ว ไม่ต้องสนอะไรเลยก็ได้ใช่ไหม”

หญิงชราผมเงินแค่นเสียงเย็นชา

ซย่าเสี่ยวฉงส่ายหัวกล่าว “ข้าแค่ไม่อยากแต่งงาน แต่พวกท่านก็ยังทำเช่นนี้ ดังนั้นข้า… ข้าก็เลยออกไปผ่อนคลาย”

หญิงชราผมเงินกำลังจะพูดต่อ ชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็พุ่งมาจากจุดที่ห่างออกไป ล้วนเป็นบุคคลสำคัญของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียว

เมื่อเห็นซย่าเสี่ยวฉงก็ลอบเป่าปากโล่งอกอย่างอดไม่ได้

ช่วงก่อนหน้านี้พวกเขาเหล่าผู้อาวุโสได้จัดการเรื่องแต่งงานให้ซย่าเสี่ยวฉง หมั้นหมายนางกับผู้สืบทอดแกนหลักคนหนึ่งในสำนักโบราณอย่าง ‘สำนักกระบี่โผผิน’

ในแดนฐิติประจิมนี้ สำนักกระบี่โผผินเป็นสำนักที่เหมือนสิ่งใหญ่โตมหึมาแห่งหนึ่ง สามารถแต่งงานกับผู้สืบทอดแกนหลักคนหนึ่งของสำนักเช่นนี้ได้ เผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวของพวกเขาก็ได้รับการคุ้มครอง ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้

ไม่ว่าจะในมุมมองของใคร นี่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง

แต่ซย่าเสี่ยวฉงกลับปฏิเสธซะอย่างนั้น ทั้งยังแอบหนีไปโดยพลการด้วยเรื่องนี้ ทำให้ทุกคนในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวบันดาลโทสะ ไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องนี้กับสำนักกระบี่โผผินอย่างไร

ยังดีที่ซย่าเสี่ยวฉงกลับมาแล้ว

“ท่านน้าเก้า เสี่ยวฉงกลับมาแล้ว แน่นอนว่าต้องรู้ว่าตนผิด ท่านก็อย่าว่ากล่าวนางเลย”

“ถูกต้อง เรื่องเร่งด่วนคือเตรียมงานแต่งให้ซย่าเสี่ยวฉง ครั้งนี้พูดได้ว่านางสร้างคุณูปการใหญ่ให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวของพวกเรา แน่นอนว่าต้องชื่นชม”

คนใหญ่คนโตพวกนั้นแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์

ผู้หญิงบางคนถึงขั้นอิจฉาอยู่บ้าง นางเด็กโง่อย่างซย่าเสี่ยวฉงกลับถูกผู้สืบทอดแกนหลักคนหนึ่งของสำนักกระบี่โผผินหมายตา ฐานะในภายภาคหน้าคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

หรือว่านี่เป็นสิ่งที่เรียกว่าคนโง่ย่อมมีวาสนาของคนโง่

“เสี่ยวฉง เจ้าก็อย่าถือโทษโกรธน้าเก้าเลย พวกเราที่นี่ล้วนหวังดีกับเจ้า”

สีหน้าของหญิงชราผมเงินก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง

ซย่าเสี่ยวฉงที่ก้มหน้าไม่พูดจามาตลอดเวลานี้กลับเงยหน้าขึ้น นัยน์ตากระจ่างเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา กล่าวเน้นทีละคำ

“พวกท่าน… พวกท่านหวังดีกับข้าเสียที่ไหน เห็นชัดว่าทำเพื่อตัวพวกท่านเอง พวกท่านต่างคิดว่าข้าโง่ แต่ข้าไม่ได้โง่ ข้าแค่ไม่อยากทะเลาะกับพวกท่าน”

“กลับมาครั้งนี้ก็แค่อยากบอกพวกท่านว่าข้าคิดดีแล้ว ข้ายอมตายดีกว่าแต่งงาน หากพวกท่านบีบบังคับข้าอีก… ข้า… ข้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว!”

คำพูดพวกนี้ทำให้สีหน้าของคนใหญ่คนโตทั้งหมดรวมถึงหญิงชราผมเงินต่างอึมครึมลง

“ซย่าเสี่ยวฉง เจ้าบังอาจ!”

มีคนตวาดด้วยความโกรธ

“เหลวไหล! ในสายตาของเจ้ายังมีผู้อาวุโสอย่างพวกเราอยู่ไหม พวกเราหวังดีหมั้นหมายเจ้ากับเจ้าบ่าวคนหนึ่งที่น่าพึงใจ แต่เจ้ากลับเห็นว่าพวกเราไม่มีเจตนาดีรึ”

มีคนกล่าวเย็นชา

“เหลวแหลกเหมือนลิ่นเหวินจวินแม่ของเจ้าดังคาด ตอนที่นางยังอายุน้อยก็คัดค้านโดยไม่สนใจอะไร หนีตามชายเถื่อนคนหนึ่งที่แซ่ซย่าไป ตอนนี้เจ้า… คงไม่ใช่ว่ามีคนอื่นอยู่ข้างนอกนั่นเหมือนกันกระมัง”

มีคนพูดจาร้ายกาจ

เพียงพริบตาผู้คนก็ด่าว่ากล่าวหา คำตำหนิและเย้ยหยันมากมายมุ่งเป้าไปที่ซย่าเสี่ยวฉงคนเดียว

บนหน้าเล็กที่งดงามของซย่าเสี่ยวฉงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา โกรธจนตัวสั่นไปหมด “พ่อของข้าไม่ใช่ชายเถื่อน! แม่ของข้าก็ไม่ได้เหลวแหลกเหมือนอย่างที่พวกท่านพูด!”

ทุกคนเพียงยิ้มหยัน

ซย่าเสี่ยวฉงรู้สึกเพียงหนาวสั่นไปทั้งตัว นี่… ก็คือญาติสนิททั้งหมดของนางหรือ

“วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ปีนั้นแม่ของข้าเคยบอกว่าบิดาของข้าจะกลับมารับข้าในวันนี้”

ซย่าเสี่ยวฉงสูดหายใจลึก สะกดข่มความหดหู่และรวดร้าวในใจไว้ “ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว!”

“บิดาของเจ้ารึ ฮึ หากชายเถื่อนคนนั้นจะมารับเจ้า ทำไมต้องรอถึงตอนนี้ด้วย”

มีคนเยาะหยัน

“เสี่ยวฉง ข้าว่าเจ้ายอมอยู่ที่นี่แต่โดยดีเถอะ”

ในดวงตาของหญิงชราผมเงินฉายแววเยียบเย็นทันที ยกมือจะไปจับไหล่ของซย่าเสี่ยวฉง

ซย่าเสี่ยวฉงเป็นคนสำคัญที่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวจะส่งไปแต่งงานกับสำนักกระบี่โผผิน พวกเขามีหรือจะทนให้ซย่าเสี่ยวฉงจากไปเช่นนี้

ซย่าเสี่ยวฉงอึ้งงันแล้ว นางคล้ายคิดไม่ถึงว่าเพื่อรั้งให้ตนอยู่ ญาติพี่น้องของตัวเองจะไร้น้ำใจและเย็นชาได้ถึงเพียงนี้!

เพียงแต่เวลาต่อมาหญิงชราผมเทาก็กรีดร้องโหยหวน คุกเข่าลงกับพื้นดังตึง

ขณะเดียวกันเงาร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าซย่าเสี่ยวฉง เป็นหลินสวิน

“บังอาจ! เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าบุกเข้ามา…”

มีคนบันดาลโทสะ แต่เพิ่งกล่าวไปได้ครึ่งหนึ่ง ร่างกายก็คุกเข่ากระแทกพื้นเหมือนถูกภูเขาเทพกดทับ ไม่อาจเงยหน้าขึ้นอีก

คนอื่นๆ ไม่มีใครไม่ขนลุกขนพอง เผยความตกตะลึงให้เห็น

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

คนผู้นี้เป็นใคร

“พวกเจ้าก็คุกเข่า” นัยน์ตาดำเยียบเย็นของหลินสวินกวาดมองทุกคน

เมื่อเขากวาดสายตาไป คนใหญ่คนโตของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวทุกคนในที่นั้น ไม่ว่าพลังปราณแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ล้วนไม่มีใครไม่คุกเข่าลงกับพื้นทีละคน

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เหลือแม้แต่หนทางให้ขัดขืน!

พวกเขาอ้าปากหมายจะตะโกนใส่ แต่กลับเปล่งเสียงไม่ออก

ส่วนหลินสวินก็คร้านจะใส่ใจพวกเขาแล้ว สายตามองไปยังซย่าเสี่ยวฉงที่น้ำตานองหน้า ในใจรู้สึกห่วงกังวลอย่างอดไม่อยู่กล่าว “เรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”

ซย่าเสี่ยวฉงเบิกตากว้าง กล่าวอย่างยากจะเชื่อ “พี่หลินสวิน ท่านไม่ได้… ไม่ได้จากไปแล้วหรือ”

หลินสวินลูบหัวเล็กๆ ของนางกล่าว “เด็กโง่ ตอนอยู่ที่ทะเลหมากดาราข้าก็ดูออกแล้วว่าเจ้ามีเรื่องในใจ เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดมากจนปิดบังคนอื่นได้หรือ”

ด้วยมองออกว่าซย่าเสี่ยวฉงมีเรื่องในใจ หลินสวินจึงออกเดินทางมาด้วยตัวเอง คุ้มกันเด็กสาวคนนี้กลับบ้านมาตลอดทาง

ทว่าแม้แต่หลินสวินก็คิดไม่ถึง ว่าเรื่องในใจของซย่าเสี่ยวฉงจะเกี่ยวข้องกับการเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานที่น่ารังเกียจ

ซย่าเสี่ยวฉงก้มหน้าละอายใจ “ข้า… ข้าแค่ไม่อยากให้พี่หลินสวินเป็นห่วง ทั้งเดิมทีข้ายังคิดว่าพวกเขาจะปล่อยข้าไป”

หลินสวินตบบ่าของซย่าเสี่ยวฉงกล่าว “ไปกับข้าเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะจะให้เจ้าอยู่ต่ออีกแล้ว”

ซย่าเสี่ยวฉงส่ายหัวกล่าว “พี่หลินสวิน แม่ของข้าเคยบอกว่าวันนี้ท่านพ่อของข้าจะมารับข้า ตั้งแต่เด็กข้าก็เฝ้ารอว่าท่านพ่อจะมา ข้ายังอยากเห็นว่าท่านพ่อจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร”

“จริงรึ”

หลินสวินชะงัก

“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องจริง”

เวลานี้เสียงที่ตอบกลับหลินสวินมีสองเสียง เสียงหนึ่งมาจากซย่าเสี่ยวฉง เด็กสาวตอบโดยไม่ลังเล

อีกเสียงหนึ่งกลับอบอุ่นจริงใจ อ่อนโยนดั่งสายลม

ที่มาพร้อมกับเสียงนั้นคือเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏตัวกะทันหัน

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset