Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1696 ฐานะเปิดเผย

หลูเป่ยกู้ เว่ยจื่อหยา คุนจิ่วหลิน เหวินฉิงเสวี่ย ถังซู…

มกุฎมหาอริยะแต่ละคนบ้างมีชื่อเสียงเกรียงไกร บ้างฝีมือเลิศล้ำอัศจรรย์ ทำให้ในใจหลินสวินทอดถอนใจไม่หยุดอย่างอดไม่ได้

ทันใดนั้นสายตาของหลินสวินก็เหลือบไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยหนึ่ง กำลังมุ่งมาจากจุดที่ห่างออกไปพร้อมผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

นั่นคือหญิงสาวคนหนึ่งที่ใบหน้าดั่งหยกงาม นัยน์ตาดุจน้ำพุใสสะอาด สวมชุดกระโปรงสีเขียวน้ำทะเล งามพริ้งเพรา ดูเรียบร้อย รูปโฉมโดดเด่น

เจียงเหิง!

ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีแห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา

ตอนนั้นที่สมรภูมิเซียนเหินในสมรภูมิเก้าดินแดน ด้วยสาเหตุที่หลินสวินเก็บ ‘เถาวัลย์หยกนภาค่ำ’ ไป จึงทำให้เจียงเหิงมองตนเป็นศัตรูและอยากฆ่าฟัน

เพียงแต่หลินสวินก็คิดไม่ถึง ว่าจะได้เจอฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งที่ริมแม่น้ำเซียนเหินนี้

เกือบจะเวลาเดียวกัน เจียงเหิงก็มองเห็นหลินสวินได้ในปราดเดียว

นัยน์ตาคู่งามของนางเบิกกว้าง คล้ายผิดคาดยิ่งนัก ไม่นานความโกรธที่บอกไม่ถูกก็ผุดขึ้นในใจ

เจ้าหัวขโมยที่ปล้น ‘โอสถเทพ’ ของสำนักไปคนนี้ ถึงกับกล้าปรากฏตัวอย่างวางมาดเช่นนี้ ช่างรนหาที่ตายซะจริง!

มุมปากหลินสวินพลันกระตุก สื่อจิตบอกอาหูอย่างรวดเร็ว ‘เตรียมตัวให้พร้อม ฐานะของข้าอาจถูกเปิดโปงออกมาได้’

นัยน์ตาอาหูหดรัด พยักหน้าน้อยๆ อย่างไร้ร่องรอย

แต่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน ไม่ทันไรเจียงเหิงก็เก็บสายตาไป ไม่ใส่ใจหลินสวินอีกราวกับมองข้าม

แต่กลับมีเสียงสื่อจิตที่ชัดกระจ่างเยียบเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูหลินสวิน

‘เจ้าหัวขโมย กังวลมากใช่ไหม ว้าวุ่นใจมากรึ หากข้าเปิดเผยฐานะของเจ้า เจ้าเชื่อไหมว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งในที่นี้ต้องกลืนกินเจ้าทั้งเป็นโดยไม่ลังเลแน่’

น้ำเสียงเจือความเกลียดชัง ยังมีความลำพองสายหนึ่ง คิดเอาเองว่าจับจุดอ่อนของหลินสวินได้แล้ว

คนที่สื่อจิต แน่นอนว่าเป็นเจียงเหิง

หลินสวินสีหน้าราบเรียบสื่อจิตกล่าว ‘ข้าว่าเจ้าแทบอยากจะกลืนกินข้าทั้งเป็นแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ต่อให้เจ้าร้อง ร้องจนคอแตกก็ขู่ข้าไม่ได้หรอก’

‘เจ้า…’

คิ้วเรียวยาวของเจียงเหิงตวัดขึ้น โกรธจนกัดฟันกรอด นัยน์ตาคู่งามแทบลุกเป็นไฟ ‘เจ้าหัวขโมย คิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่กล้า’

‘เจ้าก็ร้องสิ’

หลินสวินท่าทางไม่แยแส

‘เจ้าอย่ามาเหิมเกริม!’

เจียงเหิงโกรธจนอยากจะบีบคอหลินสวินให้ตาย

‘ศิษย์น้อง อย่าใส่ใจพวกต่ำช้าเช่นนี้ รอเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว ข้าจะลงมือจับตายมันด้วยตัวเอง’

ในหูของเจียงเหิงมีเสียงของศิษย์พี่ใหญ่จีเฉียนดังขึ้น

‘ศิษย์พี่ เจ้าหมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!’

เจียงเหิงกล่าวขุ่นเคือง

‘เรื่องเล็กไม่ยอมอดทนจะเสียงานใหญ่ ศิษย์น้อง อย่าลืมที่ข้าเคยบอกเจ้าสิ เจ้าหนุ่มนี่ไม่เพียงแต่ขโมยสมบัติจากธรรมชาติอย่างเถาวัลย์หยกนภาค่ำ หญ้าวิญญาณทองเก้าใบไป บนตัวเขายังมีเจดีย์สมบัติปริศนาหลังหนึ่งที่ต้าน ‘วงอสนีสุริยัน’ ได้ด้วย’

จีเฉียนสวมชุดขาว ผมยาวสีเทา ท่าทางสง่างาม นัยน์ตาเฉียบคมส่องประกายวาววามแหวกอากาศ ทั่วร่างแผ่อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด

เขาเหลือบมองหลินสวินเล็กน้อยก็ไม่มองอีก

ปีนั้นเขาเคยพึ่งพาพลังของสมบัติชิ้นหนึ่งสังเกตการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในสมรภูมิเซียนเหิน ถึงขั้นที่ว่าตอนท้ายสุดยังลงมือไปชิงเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดในมือของหลินสวินโดยไม่คำนึงถึงอะไร

แต่สุดท้ายกลับพังไม่เป็นท่า

เจียงเหิงใจเย็นลงทันที

นางเคยได้ยินศิษย์พี่ใหญ่บอกว่า เจดีย์สมบัติที่ลึกลับหลังนั้นเคยปรากฏใน ‘ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ’ เมื่อนานมาแล้ว อานุภาพเกินคาดเดา เกริกก้องทั่วหล้า!

‘นอกจากนี้ บนตัวเจ้าหนุ่มนี่ยังมีป้ายคำสั่งเซียนเหินที่ทำให้ทุกคนน้ำลายหกด้วย หากเปิดโปงฐานะของเขาตอนนี้ พวกเราจะไม่มีโอกาสจับตายเจ้าหมอนี่และยึดสมบัติที่อยู่บนตัวเขามาได้อีก’

จีเฉียนสื่อจิตกล่าว

เจียงเหิงกล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง สูดหายใจลึก ควบคุมความโกรธภายในใจอย่างเต็มที่

การปรากฏตัวของพวกจีเฉียนและเจียงเหิงก็ทำให้ในที่นั้นเกิดความไม่สงบเช่นกัน

บางทีสำนักยุทธ์เสวียนจีอาจมีอำนาจร้ายกาจสู้ ‘หกสำนักใหญ่’ ไม่ได้ แต่ก็เป็นยอดสำนักเก่าแก่แห่งหนึ่ง

จีเฉียนคนนี้ก็เป็นศิษย์สืบทอดแท้จริงอันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์เสวียนจี ตัวเขาเองยังเป็นทายาทสายตรงของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจี สูงส่งหาใดเปรียบ

และพลังต่อสู้ของเขาก็ไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ เช่นกัน จัดอยู่ในอันดับที่สองร้อยสี่สิบแปดบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา!

‘พวกเขาข่มกลั้นไว้แล้ว…’

อาหูตื่นตระหนกเก้อ ใคร่ครวญเล็กน้อยก็เข้าใจขึ้นมา ‘ดูท่าพวกเขาคงห่วงว่าเหยื่ออย่างเจ้าจะถูกคนอื่นแย่งไป ด้วยเหตุนี้จึงเลือกหักห้ามใจไว้ ไม่คิดจะเปิดเผยฐานะของเจ้า’

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ กล่าวทันที ‘อันที่จริงข้าก็สนใจในตัวเจียงเหิงมาก’

อาหูร้องอ้อคราหนึ่ง แววตาดูแปลกออกไป เห็นชัดว่านางเข้าใจผิดแล้ว

หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ กล่าวว่า ‘ผู้หญิงคนนี้แซ่เจียง ข้าแค่อยากรู้ว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงหรือไม่’

ปีนั้นใน ‘เมืองมรณะ’ ของแดนมกุฎ ยามเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของราชันผีเสวียนคงใกล้หายไป เคยมอบปิ่นสีเขียวอ่อนที่มีลักษณะคล้ายใบไผ่ชิ้นหนึ่งแก่หลินสวิน

ภายหน้าหากมีโอกาสได้เจอทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง ให้เขานำสิ่งนี้ส่งคืนแก่คนที่มีชื่อว่า ‘เจียงซิงเชวี่ย’

ราชันผีเสวียนคงเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของคีรีดวงกมล เคยถ่ายทอดวิชา ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ ให้หลินสวิน พูดได้ว่าเป็นศิษย์พี่ร่วมสำนักของหลินสวิน

เมื่อรับคำฝากฝังนี้แล้ว หลินสวินย่อมต้องรับผิดชอบโดยไม่อาจบอกปัด

อาหูกล่าวเหมือนคิดอะไรได้ ‘เท่าที่ข้ารู้ เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงอาศัยอยู่ริม ‘แม่น้ำเจียง’ บนทางเดินโบราณฟ้าดารา บรรพชนของพวกเขาปรากฏบุคคลสำคัญระดับจักรพรรดิห้าคน ถูกยกย่องว่าเป็น ‘เผ่าห้าจักรพรรดิ’ รากฐานยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง’

แม่น้ำเจียง!

หนึ่งเผ่าห้าจักรพรรดิ!

หลินสวินยังสูดหายใจเย็นเยียบอย่างอดไม่อยู่ รากฐานของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงถึงกับน่ากลัวเช่นนี้ เจียงซิงเชวี่ยคนนั้นจะเป็นบุคคลระดับใด

เวลาต่อมาก็ทยอยมีผู้แข็งแกร่งบนทางเดินโบราณฟ้าดารามากมายมาที่นี่ บ้างเป็นผู้สืบทอดของสำนักใหญ่โด่งดัง บ้างเป็นทายาทของเผ่าเก่าแก่ รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน ทำให้บรรยากาศของริมแม่น้ำเซียนเหินดูตึงเครียดขึ้นยิ่งกว่าเดิม

ในช่วงเวลานี้หลินสวินทยอยสังเกตเห็นมกุฎมหาอริยะที่เรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้าเพิ่มบางคน

เช่นเถาเจี้ยนสิงทายาทเลือดบริสุทธิ์ที่มาจาก ‘เผ่านักรบเถาอู้’ หนึ่งในสิบเผ่านักรบใหญ่ มกุฎมหาอริยะคนหนึ่งที่ท่าทางโดดเด่น เปี่ยมกำลังวังชา

เถาเจี้ยนสิงก็เป็นบุคคลร้ายกาจที่อยู่ในกระดานมหาอริยะฟ้าดาราเช่นกัน

ยังมีเยี่ยนฉุนจวิน ผู้สืบทอดที่มาจาก ‘เรือนมรรคจักรวาล’ หนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ และมีหลิงเคอจื่อผู้สืบทอดของ ‘อารามเก่าแก่ยอดทักษิณ’ ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นอนุสุขาวดีเป็นต้น

แต่ละคนล้วนครอบครองพลังยิ่งใหญ่ อานุภาพโดดเด่นเหนือธรรมดา ต่อให้อยู่ในหมู่มกุฎมหาอริยะก็ยังเรียกได้ว่าเป็นเลิศ

เวลานี้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างหนักใจอยู่บ้าง

หลังจากแหล่งสถานคุนหลุนเปิดออก มีบุคคลแห่งยุคมากเช่นนี้เข้าร่วม แค่คิดก็รู้แล้วว่าการแข่งขันจะเหี้ยมโหดระดับใด

ในเวลาเช่นนี้แม้แต่พวกคุนจิ่วหลินก็ยังเปลี่ยนเป็นเงียบสงบ ไม่กล้าเปิดตัวเหมือนก่อนหน้านี้อีก

ช่วยไม่ได้ ในที่นั้นมีมกุฎมหาอริยะรวมตัวกันมากเกินไป ไม่ขาดพวกร้ายกาจบางส่วนที่สามารถทำให้พวกเขาหวาดกลัว

แต่หวาดกลัวส่วนหวาดกลัว ยังไม่ถึงขั้นหวั่นหวาด

ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ล้วนเตรียมตัวมาเพื่อเดินทางเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้อยู่ก่อนแล้ว

ไม่นานเวลาที่แหล่งสถานคุนหลุนจะเปิดออกก็ใกล้มาเยือนแล้ว

บนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำเซียนเหินที่ตกลงมาจากฟากฟ้านั่น มีกลิ่นอายลึกลับอัศจรรย์ลอดผ่านอยู่รางๆ เกิดเป็นช่องทางว่างเปล่าสายหนึ่งที่เลือนรางเป็นอย่างยิ่ง

ยามนี้จำนวนของผู้แข็งแกร่งที่รวมตัวอยู่ทั่วริมน้ำมีมากถึงหลายพันคน ภาพนั้นพอจะทำให้ใครก็ตามขนพองสยองเกล้า

บรรยากาศกดดันเป็นอย่างยิ่ง และตึงเครียดเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างเฝ้ารออยู่เงียบๆ

รวมถึงหลินสวินและอาหู ต่างก็หยุดสนทนาแล้วเช่นกัน

ช่วงเวลานี้ทั้งสองคนต่างเก็บงำตนเองและไม่มีจุดที่สะดุดตา การที่ไม่ดึงดูดความสนใจ กลับทำให้ทั้งสองต่างลอบเป่าปากโล่งอกอยู่ในใจ

แน่นอนว่าเจียงเหิงผู้สืบทอดของสำนักยุทธ์เสวียนจียังเหลือบมองหลินสวินเป็นครั้งคราว ท่าทางเหมือนกลัวหลินสวินจะหนีไป

น่าเสียดายที่เจียงเหิงไม่รู้ว่าในใจของหลินสวินได้ตัดสินใจอยู่ก่อนแล้ว ว่าหลังจากเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุน เขาจะหาโอกาสจับเป็นนางก่อน

มีเสียงตกตะลึงดังขึ้นทันใด…

“ผู้สืบทอดของเรือนมรรคเหล่ามารก็มาแล้ว”

เมื่อวาจานี้กล่าวออกมาก็ทำลายความเงียบในที่นั้นทันที และทำให้บริเวณนั้นเกิดความไม่สงบ

ก็เห็นว่าห่างออกไปมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งปรากฏ ผู้นำคือชายชุดเขียวคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนป่วยไข้ ผิวขาวผ่องผิดธรรมดา

ผมขาวดุจหิมะของเขาประบ่า ใบหน้างามพิกล นอกจากนี้ก็ไม่มีจุดใดที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน

แต่เมื่อเห็นชายชุดเขียวคนนี้ปรากฏตัว คนไม่น้อยในที่นั้นต่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว หน้าพลันเปลี่ยนสี

ฮว่าซิงหลี!

ผู้สืบทอดของ ‘เรือนมรรคเหล่ามาร’ หนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ มกุฎมหาอริยะคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งตำนาน ทั้งเป็นจอมมารไร้ปรานีที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาคนหนึ่ง!

เล่าลือว่าคู่ต่อสู้ที่ตายในเงื้อมมือเขา ไม่ถึงหมื่นก็ต้องมีแปดพัน ต้องรู้ว่าคู่ต่อสู้พวกนี้ไม่มีใครที่ไม่ใช่บุคคลระดับอริยะที่ชื่อเสียงระบือลั่น

ก่อนหน้านี้ไม่นานยังมีเรื่องใหญ่ที่น่าฮือฮาเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น ฮว่าซิงหลีลงมือฆ่าบุคคลแห่งยุคคนหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่สองร้อยสามสิบเจ็ดของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลบนทางเดินโบราณฟ้าดารา!

ยามนี้เมื่อเห็นจอมมารคนหนึ่งที่สองมือเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเช่นนี้ปรากฏตัว ใครเล่าจะไม่ตกใจ

สำหรับความสนใจพวกนี้ ฮว่าซิงหลีดูเฉยชาเป็นอย่างยิ่ง เขายิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไรมาก พาผู้สืบทอดของเรือนมรรคเหล่ามารกลุ่มหนึ่งที่ตามหลังมายืนอยู่ริมแม่น้ำเซียนเหิน

“หลินสวิน!”

แต่ไม่รอให้สภาวะจิตของทุกคนได้สงบ ข้างกายของฮว่าซิงหลีพลันมีเสียงเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้นทันที “เจ้ากล้ามากนักนะ ถึงกับกล้าปรากฏตัวที่นี่ คิดว่าริมแม่น้ำเซียนเหินนี้ไม่มีใครจำเจ้าได้รึ!?”

คนที่พูดคือชายคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมโลหิต นัยน์ตาแดงก่ำเรียวยาว บนสีหน้าไม่อำพรางแววเกลียดชังแม้แต่น้อย

เซวี่ยชิงอี!

หลินสวินใจดิ่งลงทันที

คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับอีกฝ่ายที่นี่ ทั้งยังมาพร้อมกับผู้สืบทอดของเรือนมรรคเหล่ามารด้วย

หลินสวิน!

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ในที่นั้นก็อึกทึกครึกโครมทันที

ในหัวของผู้แข็งแกร่งไม่น้อยเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาพร้อมกัน เจ้าคนที่ถือป้ายคำสั่งเซียนเหินนั่น ถึงกับซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนนานแล้วหรือ

เมื่อมองตามสายตาของเซวี่ยชิงอีไป สายตามากมายก็พากันมองไปยังหลินสวินคนเดียว

จีเฉียนและเจียงเหิงสบตากันวูบหนึ่ง ในใจรู้สึกแค้นนัก ล้วนคิดไม่ถึงว่าเวลานี้แล้วยังจะมีเจ้าโง่คนหนึ่งมาเปิดโปงฐานะของหลินสวินอีก

คราวนี้เท่ากับได้ทำลายแผนการของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

พวกเขาล้วนอยากจะฆ่าเซวี่ยชิงอีทิ้งทันที

หลินสวินก็ถอนหายใจในใจ เรื่องทางโลกยากคาดเดา เจียงเหิงไม่เปิดโปงฐานะของตน กลับกลายเป็นว่าเซวี่ยชิงอี เจ้าคนที่โชคดีหอบชีวิตหนีเงื้อมมือตนไปได้คนนี้เป็นคนเปิดเผยทุกอย่างแทน

แต่หลินสวินก็ไม่เกรงกลัวและหวั่นหวาด มองไปยังเซวี่ยชิงอีด้วยสายตาเยียบเย็นกล่าว

“พวกขี้แพ้ ตอนนั้นหากเจ้าไม่ซ่อนตัว คงตายที่สมรภูมิเก้าดินแดนไปนานแล้ว มีหรือจะมายืนเห่าอยู่ต่อหน้าข้าได้อีก”

ประโยคเดียวไม่มีเกรงใจสักนิด แต่ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นยืนยันฐานะของหลินสวินได้อย่างสมบูรณ์

ในดวงตาของคนไม่น้อยเผยไอสังหารออกมาทันที ล้วนดูกระเหี้ยนกระหือรือ

………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset