“ใคร?”
เว่ยจื่อหยาขมวดคิ้ว
“เยี่ยนฉุนจวินแห่งเรือนมรรคจักรวาล”
คุนจิ่วหลินพูดอย่างรวดเร็ว “เจ้าหมอนี่จะเอาป้ายคำสั่งเซียนเหินให้ได้ เชื่อว่าเขาต้องยินดีร่วมมือกับพวกเราแน่”
เยี่ยนฉุนจวิน!
เว่ยจื่อหยาสายตาวูบไหวเอ่ยว่า “ดี ลองสักหน่อยก็ไม่เป็นไร”
เดิมทีหากเล่นงานหลินสวินคนเดียว ด้วยพลังต่อสู้ของเขากับคุนจิ่วหลินไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน
ทว่าหลังจากมีอาหูเพิ่มเข้ามา ทำให้ทั้งสองเริ่มรู้สึกรับมือลำบาก หากสามารถดึงเยี่ยนฉุนจวินมาร่วมด้วย ก็เพิ่มโอกาสชนะได้ไม่น้อย
“ไป ข้ารู้ว่าเยี่ยนฉุนจวินอยู่ที่ไหน”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว คุนจิ่วหลินจึงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล
……
ตูม โครม!
บริเวณปากภูเขาไฟใหญ่แห่งหนึ่ง แสงมรรคแวววาบ ประกายศักดิ์สิทธิ์ม้วนตัว มีการต่อสู้ดุเดือดกำลังปะทุขึ้น
“อย่างพวกเจ้าไม่กี่คนยังกล้าชิงของที่ข้าเยี่ยนฉุนจวินหมายปอง ช่างไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไร!”
เยี่ยนฉุนจวินหัวเราะเยาะ
เขาสวมเสื้อคลุมผ้าป่าน มีผมยาวสีทองอ่อน ร่างกายสูงใหญ่แข็งแกร่ง ปราณกระบี่ปานน้ำตกไหลทั่วตัว รุนแรงสะดุดตา
คู่ต่อสู้ของเขาคือหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง ท่าทางไม่ธรรมดา พลังต่อสู้ก็แข็งแกร่งอย่างที่สุด ผู้นำยิ่งเป็นถึงมกุฎมหาอริยะสองคน
เพียงแต่ในสถานการณ์ที่คนมากรังแกคนน้อย กลับเป็นเยี่ยนฉุนจวินที่ครองความได้เปรียบ กระตุ้นกระบี่ยักษ์สีทองเล่มหนึ่ง ชี้ฟ้าทลายดิน ต่อสู้อย่างเกรียงไกร พลังกำราบทั่วทิศ อานุภาพน่ากลัวอย่างที่สุด
ชายหญิงกลุ่มนั้นถูกกดดันโดยสมบูรณ์ แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียดหาที่เปรียบไม่ได้
“ไป!”
สุดท้ายชายหญิงเหล่านั้นหลบหนีไปอย่างไม่จำยอม
เยี่ยนฉุนจวินสีหน้าเย็นเยียบ จ้องจนเงาร่างของคู่ต่อสู้เหล่านั้นหายไปถึงค่อยเอ่ยด้วยไอสังหารเดือดพล่าน “พวกไร้ประโยชน์!”
เขาหันมองใต้ภูเขาไฟ
ในนั้นหินหนืดพรั่งพรู ราวกับมังกรเพลิงร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายเผาฟ้าหลอมดิน
ทว่าเมื่อดูอย่างละเอียดกลับมองเห็นว่าในส่วนลึกของหินหนืดนั่น มีปักษาเพลิงตัวหนึ่งกำลังจัดขนปีกอยู่ในทะเลเพลิง เงาร่างคลุมเครือรางเลือน
ปักษาเพลิงตัวนี้เห็นได้ชัดว่าแปลงมาจากไอมรรคหลอมสมบัติสายหนึ่ง!
และก็เพราะเช่นนี้เยี่ยนฉุนจวินจึงไม่ได้ตามไปโจมตีคู่ต่อสู้พวกนั้น ไม่เช่นนั้นด้วยอุปนิสัยเลือดเย็นของเขา ไม่มีทางหยุดแค่นี้แน่
“ใคร?”
ตอนที่เยี่ยนฉุนจวินเพิ่งจะตัดสินใจลงมือเก็บไอมรรคหลอมสมบัติ จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว ไอชั่วร้ายรุนแรงวาบผ่านในสายตา
“พี่เยี่ยน”
เงาร่างของคุนจิ่วหลินปรากฏ อุปนิสัยของเขาเผด็จการ ทว่าตอนที่เผชิญกับเยี่ยนฉุนจวินกลับแฝงความเคารพ เก็บงำอานุภาพของตน
“คารวะสหายยุทธ์เยี่ยน”
ในเวลาเดียวกันเว่ยจื่อหยาก็มาถึงแล้ว ประสานหมัดคารวะ
เพียงแต่เยี่ยนฉุนจวินมองข้ามเขาโดยตรง ดูไร้มารยาทอย่างที่สุด ท่าทีดูถูกนั่นไม่ปกปิดเลยสักนิด
นี่ทำให้เว่ยจื่อหยาสีหน้าแข็งทื่อ ในใจเดือดดาล ราวกับถูกคนตบหน้าอย่างไรอย่างนั้น แทบจะแขวนหน้าไว้ไม่อยู่
ทว่าสุดท้ายเว่ยจื่อหยาก็อดทนไว้
เพราะอีกฝ่ายคือเยี่ยนฉุนจวิน!
อันดับที่แปดสิบสามในกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคจักรวาล มกุฎมหาอริยะที่เข่นฆ่าอย่างเด็ดขาดคนหนึ่ง
ที่น่าทึ่งที่สุดคือเยี่ยนฉุนจวินฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงสองร้อยปี!
ในบรรดามกุฎมหาอริยะทั่วหล้า เยี่ยนฉุนจวินเป็นปีศาจที่อายุน้อยยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ว่าเป็นใครก็ไม่กล้าดูถูก ด้วยคำว่าเยี่ยนฉุนจวินสามคำนี้ ในทางเดินโบราณฟ้าดาราก็สามารถทำให้คนส่วนใหญ่ในรุ่นเดียวกันพูดถึงแล้วหน้าเปลี่ยนสีแล้ว
“ทำไม พวกเจ้าก็อยากมาแย่งไอมรรคหลอมสมบัติของข้าหรือ”
เยี่ยนฉุนจวินสายตาราวกับกระบี่ จ้องคุนจิ่วหลิน มีท่าทีประหนึ่งว่าหากพูดไม่เข้าหูก็จะลงมือทันที
“พี่เยี่ยนเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามาคราวนี้เพราะมีเรื่องหนึ่งจะปรึกษาพี่เยี่ยน”
คุนจิ่วหลินพูดแล้วก็เล่าแผนการของตนให้เยี่ยนฉุนจวินฟัง
“เพียงแค่ฆ่าเจ้าตัวจ้อยที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งเท่านั้น ควรค่าให้ร่วมมือกันเช่นนี้หรือ คุนจิ่วหลิน เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ทายาทเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุน ทำเช่นนี้ไม่รู้สึกว่าให้ค่าเจ้าตัวจ้อยนั่นเกินไปหรือ”
เยี่ยนฉุนจวินสีหน้าไม่เห็นด้วย
“พี่เยี่ยนคงยังไม่รู้ เจ้าหมอนั่นอาจไม่น่ากลัว แต่ข้างกายเขายังมีผู้หญิงที่พลังต่อสู้น่าหวาดหวั่นอย่างที่สุดคนหนึ่ง…”
คุนจิ่วหลินเล่าเรื่องที่อาหูโจมตีเว่ยจื่อหยาจนบาดเจ็บในกระบี่เดียว
เยี่ยนฉุนจวินจึงเผยสีหน้านิ่งขรึม แม้เขาจะดูถูกเว่ยจื่อหยา แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นพวกร้ายกาจที่ฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง
สามารถมีชื่อบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราได้ ก็เพียงพอจะพิสูจน์ความไม่ธรรมดาของเว่ยจื่อหยาแล้ว
เยี่ยนฉุนจวินใคร่ครวญว่าหากตนลงมือ คิดจะโจมตีเว่ยจื่อหยาให้บาดเจ็บในกระบี่เดียว ก็ต้องใช้ความสามารถที่แท้จริงลงมือเต็มกำลังจึงจะเป็นไปได้!
“พี่คุนดูฐานะของผู้หญิงคนนั้นออกหรือไม่”
เยี่ยนฉุนจวินถาม
คุนจิ่วหลินส่ายหน้า
“เช่นนี้เกรงว่าผู้หญิงคนนี้ก็คงมาจากที่เล็กๆ อย่างดินแดนรกร้างโบราณเหมือนกับหลินสวิน… พวกเจ้าว่าในมือนางจะครอบครองป้ายคำสั่งเซียนเหินด้วยหรือไม่”
ในแววตาของเยี่ยนฉุนจวินเผยประกายคลุมเครือ
“น่าจะเป็นเช่นนั้น”
คุนจิ่วหลินและเว่ยจื่อหยาต่างพยักหน้า
“ได้ ข้าตกลงจะร่วมมือกับพวกเจ้า รอข้าเก็บไอมรรคหลอมสมบัติสายนี้มา ก็จะไปสังหารหลินสวินพร้อมกับพวกเจ้าทันที”
เยี่ยนฉุนจวินตอบตกลง
เขาต้องการป้ายคำสั่งเซียนเหิน ส่วนพวกคุนจิ่วหลินต้องการชีวิตของหลินสวิน เรียกได้ว่ามีแต่ได้ทั้งสองฝ่าย
“เป็นไอมรรคหลอมสมบัติที่มหัศจรรย์นัก!”
กลับเห็นสายตาของคุนจิ่วหลินมองไปยังด้านล่างภูเขาไฟ ส่งเสียงชื่นชม ไอมรรคหลอมสมบัติที่สามารถเปลี่ยนลักษณ์เป็นสัตว์ปีกได้ เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน
“ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ในสายตาของเว่ยจื่อหยาเองก็เผยแววประหลาดเสี้ยวหนึ่ง
ไม่นานมานี้เขาและคุนจิ่วหลินเคยร่วมมือกันแย่งอาหารจากปากเสือ ชิงไอมรรคหลอมสมบัติที่วิวัฒน์เป็นบัวหิมะน้ำแข็งซึ่งถูกหลินสวินหมายปองเอาไว้ นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นคุณลักษณะชั้นหนึ่ง
ทว่าเมื่อเทียบกับไอมรรคหลอมสมบัติตรงหน้าแล้ว กลับดูด้อยกว่าเล็กน้อย
เยี่ยนฉุนจวินยิ้มน้อยๆ “ยิ่งเป็นไอมรรคหลอมสมบัติที่ไม่ธรรมดา รอบๆ ก็จะต้องมีเพลิงเทพคุนหลุนที่น่ากลัวยิ่งกว่า ทั้งสองโปรดถอยห่าง เลี่ยงไม่ให้โดนลูกหลง”
คุนจิ่วหลินและเว่ยจื่อหยาสบตากันแล้วถอยห่างออกไปเงียบๆ
เยี่ยนฉุนจวินเพิ่งจะวางใจอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เขากังวลจริงๆ ว่าพอสองคนนี้เห็นสมบัตินี้แล้ว จะเกิดความคิดชั่วช้าที่ไม่ควรมี
เยี่ยนฉุนจวินจึงไม่ลังเล ลงมือโดยตรง
เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ปราณกระบี่แน่นขนัดเปลี่ยนเป็นแหใหญ่แพรวพราว ปกคลุมไปยังปักษาเพลิงใต้ภูเขาไฟ
“ช่างเป็นมรรคกระบี่ที่มหัศจรรย์นัก”
เว่ยจื่อหยาตาเป็นประกาย แม้ในใจขึ้งโกรธกับท่าทีไร้มารยาทเมื่อครู่นี้ของเยี่ยนฉุนจวิน แต่เขากลับไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าความสามารถมรรคกระบี่ของเยี่ยนฉุนจวินน่าทึ่งมากจริงๆ โดดเด่นอย่างมาก!
ตูมโครม!
ใต้ภูเขาไฟพลันเกิดเสียงกึกก้อง ฟ้าดินสั่นสะเทือน
เพลิงเทพงดงามกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกจากทะเลเพลิงหินหนืด แดงก่ำราวกับเลือด แผ่กลิ่นอายทำลายล้างน่ากลัวที่ชวนขนลุก
แหกระบี่ที่เยี่ยนฉุนจวินแผ่คลุมลงมาพลันถูกแผดเผาในทันที
เยี่ยนฉุนจวินหัวเราะหยัน ริมฝีปากส่งเสียงธรรมคลุมเครือ ห้านิ้วทำมุทราแล้วกดลงมาพลัน
ตูม!
นี่เป็นประทับกระบี่ที่แปลกประหลาดและโบราณเรียบง่าย ด้านหน้าเป็นฟ้า อีกด้านเป็นดิน เมื่อร่วงหล่นลงก็ราวกับพลังฟ้าดินถูกชักนำ อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด
ทันใดนั้นกลุ่มเพลิงเทพสีแดงที่พุ่งออกมาก็ถูกกำราบจนทลายไปทีละกระเบียด
คุนจิ่วหลินและเว่ยจื่อหยาต่างอดสูดหายใจหนาวเยือกไม่ได้ ช่างเป็นมรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งนัก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยได้ยินความแข็งแกร่งของเยี่ยนฉุนจวิน แต่อย่างไรก็เพียงแค่เคยได้ยินเท่านั้น
ตอนที่เห็นกับตาอย่างแท้จริง จึงพบว่ามกุฎมหาอริยะซึ่งอยู่ในอันดับที่แปดสิบสามของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราอย่างเยี่ยนฉุนจวิน แข็งแกร่งกว่าที่จินตนาการ!
พรึ่บ!
ทว่าในตอนที่เยี่ยนฉุนจวินกำราบกลุ่มเพลิงเทพแดงก่ำนั่น เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏ อาศัยการเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศยื่นมือไปคว้า ‘ปักษาเพลิง’ ตัวนั้น
“รนหาที่ตาย!”
ในดวงตาเยี่ยนฉุนจวินสาดประกายศักดิ์สิทธิ์ สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง สายฟ้าสีทองแถบหนึ่งตัดสลับกัน วิวัฒน์เป็นทวนศึกสายฟ้าเล่มหนึ่งแล้วขว้างออกไปอย่างรุนแรง
ตูม!
พลังของการโจมตีนี้แข็งแกร่งจนอยากจะเชื่อ ทว่าทันทีที่เข้าใกล้เงาร่างนั่นก็ถูกสลายทุกกระเบียด ละอองแสงสาดกระเซ็น
สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่ารอบตัวเงาร่างนั้นปรากฏหุบเหวใหญ่แห่งหนึ่ง
“หืม?”
เยี่ยนฉุนจวินสีหน้ามืดทะมึน
“เป็นเจ้าสวะอย่างเจ้า!”
ในเวลาเดียวกันคุนจิ่วหลินและเว่ยจื่อหยาต่างตอบสนอง จำฐานะของเงาร่างนั้นได้
เป็นหลินสวินนั่นเอง!
“คิดไม่ถึงใช่หรือไม่ ประหลาดใจหรือไม่”
หลินสวินพูดเนิบๆ การกระทำของเขากลับไม่ได้ช้า ฉวยโอกาสเก็บไอมรรคหลอมสมบัติที่แปลงเป็นลักษณ์ปักษาเพลิงนั่นไป
“ฆ่า!”
เยี่ยนฉุนจวินลงมือโดยไม่ลังเล เดือดดาลไร้ใดเปรียบ
ก่อนหน้านี้เดิมทีเขาวางแผนว่าหลังจากเก็บไอมรรคหลอมสมบัติแล้ว ก็จะไปสังหารหลินสวินพร้อมกับคุนจิ่วหลินและเว่ยจื่อหยา
แต่คิดไม่ถึงว่าหลินสวินกลับปรากฏตัวเสียเอง ทั้งยังชิงไอมรรคหลอมสมบัติที่เขามองว่าเป็นเนื้อต้องห้ามไปนานแล้ว!
ครืนโครม!
กระบี่ยักษ์ทองอร่ามเล่มหนึ่งปรากฏในมือเยี่ยนฉุนจวิน พอเขากวัดแกว่งท้องฟ้าพลันสั่นไหว ห้วงอากาศระเบิดแหลกราวกับเศษผ้า อานุภาพน่าทึ่ง
ปราณกระบี่ระดับนี้รองรับอานุภาพแห่งจักรวาล มีสภาพบรรยากาศที่ดับทำลายภูผาธารา กวาดล้างโลก!
นี่ก็คือกระบี่จักรวาลไพศาล!
หนึ่งในมรดกพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคจักรวาล มองฟ้าดินเป็นกระบี่ของตน ออกคำสั่งต่อวัฏจักรว่างเปล่า ราวกับนายเหนือหัวแห่งจักรวาล ไม่มีใครกล้าไม่ทำตาม
ในเวลาเดียวกันหลินสวินไม่ถอยไม่หนี พุ่งเข้าเผชิญหน้า แข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด
ชิ้ง!
ในฝ่ามือของเขากระบี่อเวจีดำสนิทดุจนรกโฉบพุ่งออกมา ทำให้ฟ้าดินมืดมิดกะหันทัน ราวกับตกอยู่ในรัตติกาลนิรันดร์
ตูมโครมๆ…
ทั้งสองต่อสู้ดุเดือดในพริบตา ปราณกระบี่ตัดสลับ เจตกระบี่เข้าประชัน โจมตีจนฟ้าดินสั่นสะเทือน สุริยันจันทราไร้แสง
“ลงมือ!”
“ฆ่า!”
คุนจิ่วหลินและเว่ยจื่อหยาเองก็ลงมือแล้ว เหยื่อถึงกับมาท้าทายถึงที่ นี่ทำให้พวกเขาทั้งประหลาดใจทั้งเดือดดาล
ฟุ่บ!
ทว่าสิ่งที่ไวกว่าพวกเขากลับเป็นปราณกระบี่ที่ทรงพลังราวกับประกายม่วงหมื่นกาลสายหนึ่ง แผ่ขยายมาจากขอบฟ้า ฟันขวางกลางอากาศ
อาหูมาแล้ว กระโปรงเหลืองพลิ้วไหว ในดวงตาสุกใสคู่นั้นเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นเยียบ
เป็นนาง!
เว่ยจื่อหยาพลันสีหน้าเปลี่ยนไป
คุนจิ่วหลินส่งเสียงตะโกน คมดาบที่ราวกับวังน้ำวนส่งเสียงอึงอลบ้าคลั่ง เข้าปะทะกับปราณกระบี่ที่พุ่งโจมตีเข้ามา
ปัง!
ครู่ต่อมาเงาร่างของคุนจิ่วหลินโซเซ ถูกสะเทือนจนร่างสั่นไปทั้งตัวระลอกหนึ่ง ดวงตาพลันหดรัดลง
“พวกเจ้าสองคนเป็นของข้า”
อาหูเอ่ยปากเย็นเยียบ ปราณกระบี่สีม่วงที่ทรงพลังไหลหลั่งเรืองรองไปทั้งร่าง แขนงามตวัดเรียก
วู้ม!
ปราณกระบี่สีม่วงสายหนึ่งควบรวมในอากาศ แล้วทะยานออกไป
สีหน้าของคุนจิ่วหลินกับเว่ยจื่อหยาอึมครึม ถูกผู้หญิงคนหนึ่งดูถูกเช่นนี้ ทำให้ทั้งสองอดเดือดดาลไม่ได้
“ฆ่า!”
ทั้งสองต่างสำแดงอานุภาพแท้จริงของตน พุ่งสังหารเข้าไป
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินแห่งนี้ล้วนสั่นโคลง พื้นดินสะท้านสะเทือน ปราณกระบี่กับแสงสมบัติที่หลั่งแสงมรรคและส่งเสียงกึกก้อง ทำให้พื้นที่แถบนี้โกลาหลปั่นป่วนอย่างสิ้นเชิง