Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1708 อริยะกระบี่ชุดดำกู่ฉางซิน

หากอยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา อาศัยฐานะของผู้สืบทอดจากสำนักใหญ่ตระกูลมีชื่อเหล่านี้ ก็สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าบางคนหวาดหวั่นใจ ลูบหน้าปะจมูก

เหมือนดังว่าตีหมาต้องดูเจ้าของ หากผิดใจกับผู้สืบทอดสำนักใหญ่เหล่านี้ ถึงขั้นดึงดูดสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ควบคุมดูแลในสำนักใหญ่ตระกูลมีชื่อเหล่านี้ออกมา นี่จึงจะเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุด

ดังนั้นเมื่อจำฐานะของหลินสวินได้ ผู้ฝึกปราณที่มาเป็นกลุ่มที่สองต่างก็ไม่มีความเกรงกลัวสักนิด แสดงออกอย่างแข็งกร้าวนัก

หลินสวินเห็นดังนี้ก็เพียงตอบกลับแผ่วเบาประโยคเดียวว่า “เยี่ยนฉุนจวินก็บ้าระห่ำเหมือนพวกเจ้า แต่เขากลับตายแล้ว พวกเจ้าอยากเดินตามรอยหรือ”

ก็ด้วยประโยคนี้เองทำให้ผู้ฝึกปราณเหล่านี้แต่ละคนต่างหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ในยามนี้ ว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดาราบางทีพวกเขาอาจทะนงตัวไปข่มคนบางพวกได้

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินที่เคยสังหารเยี่ยนฉุนจวินไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มนี้

ดังนั้นด้วยพวกเขาก็ไม่ได้โง่เขลา จึงตัดสินใจว่าจะถอยไปก้าวหนึ่ง แสดงท่าทีว่าหลินสวินไม่ออกไปก็ไม่เป็นไร แต่พวกเขาก็จะไม่ถอยหนีเพียงเท่านี้

นัยแฝงก็คือต้องแบ่งวาสนาที่อยู่ในโกรกธารหมอกดำด้วยกัน

ใช่แล้ว นี่ก็คือการยอมถอยของพวกเขา คิดว่าจริงใจมากพอแล้ว

แต่สิ่งที่ตอบกลับพวกเขาคือคำกระชับได้ใจความจากหลินสวินว่า

“ไสหัวไป!”

เพียงคำสั้นๆ บวกกับสีหน้าไร้อารมณ์ของหลินสวิน ทำเอาผู้ฝึกปราณเหล่านี้ล้วนโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง หลินสวินคนนี้ช่างบ้าระห่ำนัก ถึงกับให้พวกเขาไสหัวไป จะเกรงใจกันเกินไปแล้ว!

ที่ทำให้พวกเขายิ่งอึ้งงันก็คือ หลินสวินลงมือในทันที

นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเกรงใจกันหรือไม่แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าอหังการถึงขั้นไม่กลัวเกรงอะไร ไม่เห็นพวกเขากับขุมอำนาจเบื้องหลังของพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด!

พวกเขาจึงร่วมกันลงมืออย่างไม่ลังเล

ตูม!

การต่อสู้ปะทุขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับไม่เหนือความคาดหมาย ผู้สืบทอดสำนักใหญ่ที่มาจากทางโบราณฟ้าดาราเหล่านี้ถูกหลินสวินกำราบสังหารทีละคน ไม่ปรานีเลยสักนิด

อะไรกัน สมัยเขาหลินสวินเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณเป็นครั้งแรก เคยก้มหัวนอบน้อมให้สำนักใหญ่แห่งไหนด้วยหรือ

เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ภายหน้าก็ต้องเป็นเช่นนี้!

“พวกเขาไม่ได้โง่ แต่เป็นเพราะคุณธรรมถูกความละโมบบดบัง ทั้งไม่เคยรู้อดีตและพลังต่อสู้ของเจ้า หาไม่แล้วย่อมไม่กล้าท้าทายเช่นนี้แน่”

อาหูกล่าว “ความจริงแล้วคนอย่างเจ้าบนโลกนี้มีน้อยมากจริงๆ ในแหล่งสถานคุนหลุนแห่งนี้ ใครไม่รู้บ้างว่าเยี่ยนฉุนจวินเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาล ทุกคนที่อยากต่อกรด้วยล้วนต้องตรึกตรองผลลัพธ์นี้ สุดท้ายส่วนใหญ่ต่างเลือกถอยเพราะรู้ว่ายุ่งยาก แต่เจ้ากลับไม่สนใจสักนิด”

“ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ข้าฝึกปราณมาจนตอนนี้ก็ทำแบบนี้มาตลอด”

หลินสวินเอ่ย “ถ้าสักวันหนึ่งข้าอดกลั้นและก้มหัวให้ เลือกหวั่นกลัวและถอยหนีเพียงเพราะที่มา ภูมิหลังและฐานะของอีกฝ่าย เช่นนั้นก็ไม่ใช่ข้าอีกแล้ว”

“ถ้าสู้ไม่ได้ ข้าจะหนีหรือซ่อนตัวก็ได้ และไม่กลัวเสียหน้าด้วย แต่ถ้าสู้ได้ก็ไม่เคยทำให้ตัวเองอดสู”

“แน่นอนว่าข้ารู้ดีว่าเล่นงานเด็กย่อมเป็นการยั่วยุให้ผู้ใหญ่ออกมา แต่ไม่เป็นไร ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งข้าจะเหยียบผู้ใหญ่พวกนั้นไว้ใต้เท้า!”

ดวงตาของอาหูใสกระจ่าง ในใจนางรู้ดีว่าหลินสวินไม่ได้แค่พูด เขาทำเช่นนี้ด้วย

อย่างตอนแรกที่ดินแดนรกร้างโบราณ หลินสวินเหิมเกริมไม่หวั่นกลัว เป็นศัตรูกับผู้อื่นไปทั่ว มีสำนักไม่รู้เท่าไรมองเขาเป็นหนามยอกอก

แต่ตอนนี้เมื่อมองไปอีกครั้ง ในดินแดนรกร้างโบราณอันกว้างใหญ่ไพศาล ใครยังจะกล้าดูเบาหลินสวิน

ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นก็ต้องก้มหัวให้!

เพราะเหตุใดน่ะหรือ

เพราะหลินสวินในตอนนี้อยู่จุดปลายยอดของระดับอริยะในดินแดนรกร้างโบราณ พลานุภาพและรากฐานพลังที่มีเพียงพอจะทำให้ไม่ว่าขุมอำนาจใดก็หวั่นกลัว!

ไม่เห็นหรือว่าเผ่าอีการทองแข็งแกร่งปานไหน แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ถูกหลินสวินเหยียบย่ำหรือไร

อาหูยิ้มเอ่ย “ดังนั้นข้าถึงบอกว่าคนอย่างเจ้าก็มีเพียงคนเดียวในใต้หล้านี้ ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แลทำให้ผู้สืบทอดสำนักใหญ่ตระกูลมีชื่อบางคนดูโง่นัก”

“เพราะในจิตใต้สำนึกของพวกเขา ความแข็งแกร่งของฐานะและภูมิหลังก็เป็นอำนาจไว้ข่มขู่อย่างหนึ่งเช่นกัน สามารถทำให้คู่ต่อสู้ที่ภูมิหลังและฐานะด้อยกว่าพวกเขาบางคนกลัวได้ แต่ดันมาเจอคนแหกคอกแบบเจ้าเสียนี่ ได้แต่โทษว่าพวกเขาดวงซวย”

หลินสวินยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นี่เจ้ายอข้าหรือด่าข้ากัน”

อาหูยิ้มเอ่ย “ข้าแค่อธิบายว่าทำไมผู้ฝึกปราณพวกนั้นถึงดูโง่แบบนี้”

……

ในเวลาต่อมาก็มีผู้ฝึกปราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง

ที่น้อยหน่อยก็ห้าหกคน ที่มากหน่อยก็สิบกว่าคน

ในกลุ่มนี้ก็ไม่ขาดพวกหัวไว เมื่อเห็นว่าหลินสวินกับอาหูอยู่ต่างก็หวาดหวั่นใจ ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าใกล้

แต่พวกเขาก็ไม่ได้จากไปจริงๆ เช่นกัน

และมีผู้แข็งแกร่งที่ไม่เชื่อ ทะนงตนว่าชาติกำเนิดไม่ธรรมดา มีกำลังคนมาก แต่ก็ไม่ต่างกับก่อนหน้านี้ ถูกหลินสวินกำจัดอย่างไม่เกรงใจ

“ออกจะชอบกล ยังไม่ถึงวัน คนที่มาเยอะเกินไปแล้ว นี่คงไม่ใช่เพราะเจ้าคนเผ่านักรบผีสวรรค์นั่นชักใยอยู่หลังม่านกระมัง”

อาหูนิ่วหน้า ถึงตอนนี้นางจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ข่าวไม่เพียงรั่วออกไปแล้ว ยังกระจายออกไปเร็วด้วย จึงดึงดูดผู้แข็งแกร่งมามากมายเช่นนี้

“ไล่เสือมากินหมาป่าหรือ”

ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว

“เกรงว่าจะเป็นเช่นนี้ เจ้าหมอนั่นสู้พวกเราไม่ได้ ทั้งไม่ยอมปล่อยวาสนาที่นี่ไป ต้องใช้อุบายบางอย่างแน่”

อาหูเอ่ยต่อ “ถ้ามีคนที่ต่อกรได้ยากบางคนปรากฏตัวขึ้นมาออกหน้าให้พวกเขาเมื่อไร ต้องทำให้พวกเรากลายเป็นศัตรูร่วมกันของทุกคนแน่ เช่นนั้นก็ยุ่งยากเสียแล้ว”

“เช่นนั้นพวกเราก็ปล่อยที่นี่ไปก็พอแล้ว”

หลินสวินเอ่ยอย่างไม่ลังเล

“ปล่อยไปหรือ”

อาหูอึ้งไป

“แน่นอนว่าไม่ได้ปล่อยให้แต่โดยดี”

หลินสวินยิ้ม เข้าใจความนัยได้ยากนัก

……

พวกเหยียนซิวกับหญิงสาวผมเขียวหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ที่ไกลลิบจากโกรกธารหมอกดำแห่งนี้

พวกเขาเห็นเงาร่างผู้ฝึกปราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปรากฏตัว โถมเข้าไปในโกรกธารหมอกดำแห่งนั้นเหมือนกระแสน้ำ

และก็เห็นว่าผู้ฝึกปราณบางคนคว้าน้ำเหลวกลับมา

“ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นแข็งแกร่งปานนี้เชียวหรือ ผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้เข้าไปยังจัดการตัวยุ่งยากอย่างพวกเขาไม่ได้หรือ”

มีคนฉงนใจไม่ว่างเว้น

“ฆ่าเยี่ยนฉุนจวินตาย แล้วยังบีบให้ข้าถอยได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา”

เหยียนซิวกลับเฉยเมยนัก “แต่ตอนนี้ใกล้ๆ กับโกรกธารนั้นมีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจต่างๆ ไม่รู้เท่าไรมารวมตัวกันแล้ว สถานการณ์ยิ่งไม่ดีต่อหลินสวิน!”

ทุกคนดวงตาเปล่งประกาย

ด้วยสถานการณ์หมาป่าซุ่มล้อม แม้หลินสวินจะแข็งแกร่งเพียงไหน แต่จะไม่รู้สึกถึงแรงกดดันได้อย่างไร

“เอ๊ะ!”

ทันใดนั้นเหยียนซิวก็ส่งเสียงตกตะลึง

ในห้วงอากาศไกลลิบ รุ้งกระบี่สีทองสายหนึ่งโฉบพุ่งกรีดเฉือนท้องฟ้า เงาร่างกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บนรุ้งกระบี่สีทองนั้น

ที่นำหน้ามาเป็นชายหนุ่มชุดดำสีหน้าเย็นชาเด็ดเดี่ยวคนหนึ่ง มือจับอยู่บนฝักกระบี่ที่สะพายอยู่ข้างเอว สูงใหญ่บึกบึนดั่งภูผา

ขวับ!

ชายหนุ่มชุดดำคล้ายสังเกตเห็น สายตาชำเลืองมองไปยังจุดที่เหยียนซิวซ่อนตัวอยู่

เพียงสายตาคู่เดียวเท่านั้น กลับดุดันน่ากลัวชวนหวั่นใจถึงที่สุด ดุจดั่งคมกระบี่ที่แหลมคมที่สุดในโลก

เพื่อนร่วมทางที่อยู่ใกล้เหยียนซิวเหล่านั้นต่างหนาวสะท้านในใจ

ต่อให้เป็นตัวเหยียนซิวเองยังร่างกายตึงเครียดเล็กน้อย

ยังดีที่ไม่นานนักชายหนุ่มชุดดำผู้นั้นก็ถอนสายตากลับไป พากลุ่มคนที่อยู่ข้างกายหายลับไปจากขอบฟ้า

“กู่ฉางซิน! เจ้าหมอนี่… ก็มาแล้ว…”

เหยียนซิวรู้สึกปั่นป่วนในใจ

เขาจำคนผู้นี้ได้ มาจากเรือนมรรคจักรวาล ทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ชั้นยอดที่มีชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดาราตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อน

ทุกๆ หนึ่งร้อยปีกระดานมหาอริยะฟ้าดาราจะจัดอันดับใหม่

แต่ชื่อของกู่ฉางซินก็ยังอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกในการจัดอันดับได้ทุกครั้งไป

โดยเฉพาะการจัดอันดับคราวก่อน กู่ฉางซินอยู่อันดับที่ห้าสิบสาม! เรื่องนี้เรียกว่าเป็นที่ตื่นตะลึงในโลกได้แล้ว!

ควรรู้ว่าบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ยิ่งอยู่อันดับสูงเท่าไร การแข่งขันก็ยิ่งดุเดือดและโหดร้ายขึ้นเท่านั้น ศักยภาพต่างกันเพียงนิดเดียวก็ถูกจัดอันดับที่ต่างไปโดยสิ้นเชิงได้

กู่ฉางซินขึ้นสู่ระดับมกุฎมหาอริยะได้ตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อน ห้าร้อยปีต่อมา อันดับของเขาก็ก้าวหน้าและเพิ่มสูงขึ้นทุกครั้ง นี่ก็ดูน่ากลัวนัก

“เป็นเขา!”

คนอื่นก็ล่วงรู้ในทันใด ต่างตื่นตะลึงทั้งนั้น

“พอกู่ฉางซินมา อาจจะกำราบหลินสวินกับผู้หญิงคนนั้นได้อย่างง่ายดาย มีกู่ฉางซินอยู่ ใครยังกล้าไปชิงวาสนากับเขาอีก”

มีคนกังวลใจอย่างยิ่ง

‘แม้กู่ฉางซินแข็งแกร่ง แต่หลินสวินนั่นก็ไม่ใช่พวกกินพืช อย่าลืมสิ เจ้าหมอนี่ถึงเคยฆ่าคนร้ายกาจอย่างเยี่ยนฉุนจวินมาแล้ว ข้าล่ะหวังจริงๆ ว่าเขากับกู่ฉางซินจะสู้จนพ่ายแพ้เละทั้งคู่ พวกเราจะได้คว้าลาภลอยได้’

แววเหี้ยมเกรียมฉายขึ้นในดวงตาของเหยียนซิว “อีกเดี๋ยวพวกเราก็ไปร่วมลงมือ เลือกจังหวะเคลื่อนไหว!”

……

ข้างโกรกธารหมอกดำ ในใจหลินสวินสัมผัสได้ มองไปไกลอย่างรวดเร็ว

รุ้งกระบี่สีทองสายหนึ่งพุ่งทะลุกลางห้วงอากาศมุ่งหน้ามาทางนี้ พวกกู่ฉางซินยืนอยู่บนนั้นราวกับเหล่าเซียนเยือนโลก

ในบริเวณใกล้เคียง ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นกู่ฉางซินเข้าต่างก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว กระสับกระส่ายไม่หยุดหย่อน

“อริยะกระบี่ชุดดำกู่ฉางซิน!”

“เขา… เขาก็มาแหล่งสถานคุนหลุนหรือนี่ เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินข่าวเขาล่ะ”

เสียงร้องตกตะลึงไม่น้อยดังขึ้นใกล้ๆ กัน

นามของคนดั่งเงาของต้นไม้ พอพวกกู่ฉางซินมาถึงก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งที่นั้นทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่าบุคคลพลิกฟ้าซึ่งเป็นอัจฉริยะกระบี่ที่มีชื่อระบือทางเดินโบราณฟ้าดารามานาน ถูกยกให้เป็นอริยะกระบี่ชุดดำแล้วอย่างเขาจะมาด้วย

อีกทั้งยังพาผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลมาด้วยกลุ่มหนึ่ง!

ในขณะเดียวกันหลินสวินก็ได้รู้ฐานะของกู่ฉางซินจากปากอาหู จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ ทันใดนั้นก็ลอบพึมพำกับตัวเองประโยคหนึ่ง

ห้าร้อยปีแล้วยังอยู่ระดับมกุฎมหาอริยะ เป็นเพราะต้องการอ้อยอิ่งอยู่บนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราเลยไม่ไป หรือเป็นเพราะเสียโอกาสเลื่อนระดับเป็นราชันอริยะไปนานแล้วกันแน่

แต่ไม่ว่าเป็นอย่างไหน ในความเห็นของหลินสวิน กิตติศัพท์กับพลังต่อสู้ที่ใช้เวลาห้าร้อยปีเต็มๆ สร้างขึ้น ไม่ถือว่าโดดเด่นตระการตาอย่างแท้จริงสักนิด

ควรรู้ว่าตัวหลินสวินเองฝึกปราณจนตอนนี้ ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยปี!

เทียบกันเช่นนี้ ในจิตใต้สำนึกย่อมคิดว่า ในแง่ระยะเวลาฝึกปราณของกู่ฉางซินก็ไม่ได้น่าดูเท่าไรนัก

แต่ที่หลินสวินไม่รู้ก็คือ ห้าร้อยปีสามารถครองตำแหน่งร้อยคนแรกบนกระดานมกุฎมหาอริยะได้อย่างมั่นคง สำหรับผู้แข็งแกร่งบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เรียกได้ว่ามีความสามารถหาได้ยากยิ่งแล้ว!

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงการฝึกปราณระดับมกุฎมหาอริยะ คนรุ่นอาวุโสส่วนใหญ่ในโลก กระทั่งชั่วชีวิตยังไม่อาจสัมผัสธรณีประตูของระดับนี้ได้สักนิด

พูดได้เพียงว่า หลินสวินยังไม่เข้าใจเรื่องราวในทางเดินโบราณฟ้าดารา ทั้งยังเอาตัวเองไปเปรียบเทียบอีก จะเข้าใจเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset