Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1712 ก้อนทองแดงสีดำ

หลินสวินไม่สนใจเสียงฮือฮาและตกตะลึง รวมถึงสายตาเจือแววประหลาดที่ทอดมองมาจากรอบๆ ที่แห่งนั้น

เขาเดินหน้าต่อ

ภูเขากลับหัวอยู่ข้างหน้าสามพันจั้ง ที่นั่นเปลวเพลิงพลุ่งพล่าน แสงเทพไหลเวียน ศักดิ์สิทธิ์ผิดธรรมดา

ณ ที่แห่งนั้น ไอมรรคหลอมสมบัติที่แปลงเป็นบทประพันธ์มหามรรคสะดุดตาที่สุด

แต่เช่นเดียวกัน เพลิงเทพสีม่วงที่เกิดขึ้นพร้อมไอมรรคหลอมสมบัติเช่นนี้ก็มีพลานุภาพน่ากลัวและดุร้ายที่สุด

เพลิงเทพเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นเพลิงวายุดับวิญญาณ มีที่แดนหลอมสมบัติที่เดียว แม้แต่มกุฎมหาอริยะ หากไม่มีสมบัติลับเป็นที่พึ่งก็ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสฤทธิ์เดชของมัน

ตูม!

นกปีศาจอีกตัวหนึ่งทะลวงอากาศเข้ามาโจมตีหลินสวินด้วยท่าทางเหิมฮึก

คราวนี้พวกเหวินฉิงเสวี่ย เถาเจี้ยนสิงต่างจับตามองอย่างตั้งใจ

แสงไฟลุกโชน ห้วงอากาศถูกหลอมละลาย แต่นกปีศาจนั่นยังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวิน ก็ถูกเพลิงมรรคอัศจรรย์กำราบและกลืนกินจนสิ้นอีกครั้ง

ง่ายดายดั่งขยี้แมงเม่าที่บินเข้ากองไฟตัวหนึ่ง!

พวกเหวินฉิงเสวี่ย เถาเจี้ยนสิงหน้าเปลี่ยนสีกันหมดแล้ว ในมือพวกเขาถือสมบัติลับอยู่ ถึงกล้าเสี่ยงอันตรายยิ่งยวดเข้าใกล้ภูเขากลับหัว

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ยามพวกเขาเดินหน้าก็ยังคงถูกจู่โจม ต้องต้านทานและสลายด้วยพลังทั้งหมดที่มี ทำให้ความเร็วในการเดินหน้าชะลอลง

แต่หลินสวินกลับไม่เกิดเรื่องแบบนี้สักนิด อุปสรรคทั้งหมดต่างถูกกำจัดไปอย่างราบคาบ ดูทิ่มแทงตาถึงที่สุด

‘สารเลว!’

มีคนแช่งด่าในใจ รู้สึกไม่เป็นธรรมนัก แววดุร้ายฉายวาบในแววตา

‘ออกจะชอบกลแล้ว…’

มีคนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา

และมีคนลงมือทันที ไม่อาจยอมถูกหลินสวินนำหน้าไปได้

ตูม!

ปราณกระบี่น่าเกรงขามโชติช่วงยาวนับหลายร้อยจั้งสายหนึ่งโฉบพุ่ง บดขยี้ห้วงอากาศ ฟันไปที่หลินสวิน

เสียงร้องตกตะลึงระลอกหนึ่งดังขึ้นที่นั่น

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เหวลึกแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วหมุนวน ปราณกระบี่ที่ฟันมานั้นถล่มลงไปทุกกระเบียด ถูกทำลายกลืนกินไปพร้อมกับเสียงดังสนั่นจนหูแทบดับ

หลินสวินเหลือบตามองไปก็เห็นรูปลักษณ์ของคนลงมืออย่างชัดเจน

คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มชุดฟ้าร่างผอมบาง ผิวพรรณเรื่อเรืองไปด้วยแสงสีเงิน ที่หน้าผากมีเขากิเลนเขาหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่เย็นชาและลุ่มลึก

เมื่อเห็นหลินสวินสลายกระบี่ของตนได้สบาย ชายหนุ่มเขากิเลนก็อึ้งไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

ส่วนผู้แข็งแกร่งมากมายที่มองดูอยู่ไกลออกไปต่างอดวิพากษ์วิจารณ์ฮือฮาขึ้นมาไม่ได้แล้ว

“ลู่อ๋างจากเผ่านักรบกิเลนโลหิตผู้นี้ก็อหังการไปแล้ว…”

“ไม่เห็นหรือ ลู่อ๋างก็อยู่ข้างหน้าหลินสวิน เขาจะยอมถูกหลินสวินไล่ตามได้อย่างไร”

“เหอะๆ มีเรื่องครึกครื้นให้ดูแล้ว”

จากเสียงสนทนาทำให้หลินสวินรู้ฐานะของชายหนุ่มเขากิเลนผู้นี้

ลู่อ๋าง ลูกหลานเผ่านักรบกิเลนโลหิต หนึ่งในสิบเผ่านักรบใหญ่ มกุฎมหาอริยะผู้หนึ่งที่อยู่อันดับเจ็ดสิบเจ็ดของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา

“ถ้าเจ้าถอยไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้”

ลู่อ๋างเอ่ยปากเย็นชา

เหนือศีรษะเขามีกระดูกสัตว์สีเลือดก้อนหนึ่งลอยอยู่ แสงเลือดบาดตาแผ่กระจายออกมา กำลังต่อกรกับนกปีศาจสีม่วงที่อยู่ใกล้เคียงตัวหนึ่ง

วาจาเขาไม่เกรงใจอย่างยิ่ง ข่มขู่หลินสวิน

พวกเหวินฉิงเสวี่ยกับเถาเจี้ยนสิงที่กระจายตัวอยู่ทางอื่นล้วนนิ่งดูดาย แน่นอน พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเชื่องช้า ยังคงดิ้นรนมุ่งหน้าดังเดิม

ชิ้ง!

ดาบหักเคลื่อนออกมาแสงเรืองสีขาวโพลนกรีดทะลุอากาศออกไป

นี่ก็คือคำตอบของหลินสวิน

ลู่อ๋างสีหน้าขรึมลง พอความคิดเขาขยับไหว ประทับกระบี่ชิ้นหนึ่งก็ถลาออกมา แปรสภาพเป็นภูเขาใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ปราณกระบี่บนภูเขาแน่นขนัดนับหมื่นม้วนตลบออกไป

ปราณกระบี่ไพศาลแน่นขนัด แต่ละสายต่างมีอานุภาพสังหารอริยะ!

ตูม โครมๆ!

เสียงปะทะสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น ปราณกระบี่นับหมื่นพันถาโถมเชี่ยวกราก ทันทีที่สัมผัสกับดาบหักก็ระเบิดกระจุยสะเทือนเลื่อนลั่น

มองจากไกลๆ ความแกร่งกล้าคมประกายของดาบหักประหนึ่งไม่อาจต้านทานได้โดยสมบูรณ์ ทะลวงปราณกระบี่เชี่ยวกรากหนาแน่นให้เป็นรอยแหวกตรงแน่วเส้นหนึ่ง

ในที่สุดเสียงตูมก็ดังขึ้น ประทับกระบี่ที่เปลี่ยนเป็นภูเขาใหญ่สูงตระหง่านถูกดาบหักฟันออก ละอองแสงกระเซ็นกระสายราวหิมะถล่มลูกใหญ่!

พลังโจมตีอันน่าหวาดหวั่นไร้ขอบเขตนั่นซัดจนร่างลู่อ๋างสั่นไหว เลือดลมทั้งกายปั่นป่วน

แข็งแกร่งนัก!

ลู่อ๋างหน้าเปลี่ยนสี

แต่ไม่ให้โอกาสเขาได้ตอบสนองสักนิด ดาบหักก็ฟันมาอีกครั้งภายใต้การควบคุมของหลินสวิน คมประกายน่าครั่นคร้ามและดุดันนั้นมีแสงมรรคคลุมเครือน่าหวาดหวั่นหลั่งไหลอยู่

ลู่อ๋างขนลุกเกรียว ใช้พลังทั้งหมดเข้าต้าน

ครู่ต่อมาตัวเขาก็ถูกฟันกระเด็นออกไป ริมฝีปากมีเลือดไหล ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ที่อนาถที่สุดก็คือ นกปีศาจสีม่วงที่อยู่ใกล้กันตัวหนึ่งถือโอกาสเข้าโจมตีให้สิ้นซาก

ทว่าลู่อ๋างสมกับเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎที่มีชื่ออยู่ในกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ในช่วงเวลาวิกฤตยิ่งนี้ ก็ใช้ศักยภาพแฝงของตัวเองทั้งหมดเคลื่อนย้ายหนีออกมาจากบริเวณนั้น

เงาร่างของเขาปรากฏห่างออกมาหลายพันจั้ง สีหน้าไม่น่าดู อึมครึมเป็นที่สุด

เพราะด้วยการโจมตีนี้ ข้อได้เปรียบที่เขาได้มาก่อนหน้านี้จึงอันตรธานไปหมดแล้ว คิดจะเข้าใกล้ภูเขากลับหัวนั้นอีกก็ทำได้เพียงเคลื่อนไหวใหม่อีกครั้งหนึ่ง

“เอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง น่าขัน”

หลินสวินเผยสีหน้าเย้ยหยัน

พวกเหวินฉิงเสวี่ย เถาเจี้ยนสิงเห็นดังนี้ ในใจก็หวาดหวั่นอย่างอดไม่ได้ ลู่อ๋างขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ถึงกับถูกขับออกจากการช่วงชิง นี่เป็นสิ่งที่ใครก็คิดไม่ถึง

เช่นเดียวกัน ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาก็ทำให้พวกเขาระแวดวะวัง

ด้านเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มองดูอยู่ไกลออกไปต่างจิตใจสั่นระรัว หลินสวินคนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว สมกับเป็นพวกร้ายกาจพลิกฟ้าที่สามารถสังหารเยี่ยนฉุนจวินได้!

“เจ้าสวะ ข้าไม่ได้ไอมรรคหลอมสมบัตินั่นไป เจ้าก็อย่าหวัง!”

ลู่อ๋างกัดฟันส่งเสียงคำรามดาลเดือด

ตูม!

เขาลงมืออีกครั้ง เรียกวงแหวนทองแดงสีขาวโพลนส่องแสงเจิดจ้าออกมาวงหนึ่ง พลันคำรามแล้วพุ่งเข้าหาหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป

วงแหวนสมบัติยอดหยิน!

สมบัติโบราณมีชื่อเป็นอย่างยิ่งชิ้นหนึ่ง ลือกันว่าวงแหวนสมบัตินี้หนักหนึ่งหมื่นแปดพันจิน โจมตีเบาๆ ครั้งเดียวยังพังภูผาธาราแหลกกระจุย ตีทะลวงจักรวาล

เคร้ง!

ดาบหักโฉบขึ้นไป เพียงการโจมตีเดียวเท่านั้นก็ฟันวงแหวนสมบัติยอดหยินให้กระเด็น พื้นผิวปรากฏรอยหนึ่ง ร้องครวญไม่หยุด

ลู่อ๋างตื่นตระหนกกราดเกรี้ยว ยังไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

วงแหวนสมบัติยอดหยินเป็นสมบัติอริยะโบราณชิ้นหนึ่ง ที่มาที่ไปยิ่งใหญ่ถึงที่สุด แต่ตอนนี้ถึงกับได้รับความเสียหายในการโจมตีเดียว!

“อย่าบีบให้ข้าฆ่าเจ้า”

หลินสวินเอ่ยปากเย็นชา

ยามเอ่ยวาจาเขาก็เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

ห่างไปหลักพันจั้งเท่านั้น เพราะมีเพลิงมรรคอัศจรรย์ช่วยเหลือทำให้เขาเดินหน้าอย่างง่ายดายเหมือนผ่าลำไผ่ ไม่นานนักก็เข้าประชิดบริเวณใกล้เคียงภูเขากลับหัวนั้น

ลู่อ๋างสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เขาเหมือนอยากลงมืออีก จู่ๆ ไอสังหารน่าหวั่นก็ปกคลุมเงาร่างของเขา

เขาจิตใจครั่นคร้าม ก็เห็นว่าไม่ไกลออกไปหญิงสาวชุดเหลืองคนหนึ่งกำลังจ้องเขาอย่างเย็นชา หว่างคิ้วเจือไอสังหาร

เมื่อมองดูบริเวณใกล้เคียงอีกครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีผู้แข็งแกร่งกระจายตัวอยู่เท่าไร ในกลุ่มนั้นมีคนกำลังคิดจะดูเรื่องตลกจากเขาไม่รู้กี่คน

นี่ทำให้ลู่อ๋างสงบลงไป เก็บกลั้นความไม่ยินยอมไว้ภายในใจ

และในขณะเดียวกันเหวินฉิงเสวี่ยที่กำลังดิ้นรนเดินหน้าก็หยุดชะงักกะทันหัน เนตรกระจ่างผกผันไม่ว่างเว้น ในใจถอนใจเบาๆ

หมดโอกาสแล้ว

ห่างไกลเกินไป!

ไม่นานนักพวกเถาเจี้ยนสิงก็หยุดลงทีละคน สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

หลินสวินในตอนนี้เหมือนว่องไวจนไม่เห็นฝุ่น ทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังไกลๆ ไม่อาจตามทันได้อีก

พยายามแค่ไหนก็มีแต่เปลืองแรงเปล่า

“หึ! ผู้แข็งแกร่งที่นี่มากมายปานไหน ชิงไอมรรคหลอมสมบัติได้สายหนึ่งแล้วอย่างไร ข้าล่ะอยากเห็นว่าเจ้าจะรักษาสมบัตินี้ไว้ได้หรือไม่!”

เถาเจี้ยนสิงหัวเราะหยัน เสียงดังก้องไปทั้งที่นั้น

ประโยคเดียวทำให้คนจำนวนไม่น้อยใจหวั่นไหว

คนนั้นไร้ความผิด ผิดที่ครอบครองหยก หลินสวินชิงบทประพันธ์มหามรรคนั่นไปได้ แต่ภายใต้สายตาที่จับจ้องเช่นนี้ ใครจะมองดูเขาถือเอาสมบัติจากไปคาตาได้

ชั่วขณะเดียวไม่เพียงแต่พวกเหวินฉิงเสวี่ย แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ดูอยู่ใกล้ๆ มากมายก็มีความคิดต่างกันไป

‘แย่ล่ะ เจ้าพวกนี้คิดจะฆ่าคนชิงสมบัติแล้ว!’

อาหูสะดุดกึกในใจ

ฟุ่บ!

ไกลออกไปหลินสวินปีนขึ้นไปบนเขากลับหัวอย่างง่ายดาย

ใกล้ๆ กันเพลิงเทพลุกโชน ประกายแสงไหลเวียน เกิดเป็นกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าครั่นคร้ามไร้สิ้นสุด แต่ต่างถูกเพลิงมรรคอัศจรรย์กำราบสลายทีละดวง

บทประพันธ์มหามรรคส่องแสง อบอวลไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ไม่เสื่อมสลาย

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ขณะที่กำลังเก็บไอมรรคหลอมสมบัติอันมหัศจรรย์สุดหยั่งนั้น จู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าหน้าหินผาข้างๆ ก้อนหนึ่งมีก้อนทองแดงไม่สมบูรณ์อยู่หนึ่งก้อน ถูกปกคลุมด้วยเพลิงลุกโชนร้อนแรง หากไม่มองให้ละเอียดยากจะสังเกตได้ว่ามีมันอยู่

ก้อนทองแดงนั้นมีขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น สีดำขมุกขมัวไม่สะดุดตาอย่างยิ่ง แต่เมื่อสายตาของหลินสวินมองไปกลับถูกดึงดูดทันที รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเก่าแก่เวิ้งว้างปะทะเข้ามา

เขายื่นมือไปคว้า เดิมทีต้องการจะเก็บสิ่งนี้ขึ้นมาพิจารณาในมือ ใครจะไปคิดว่าก้อนทองแดงสีดำขมุกขมัวไม่สะดุดตานี้จะหนักอึ้งหาใดเทียบ!

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ต้องโคจรพลังทั้งร่างถึงยกก้อนทองแดงไว้ในมือได้ เพียงแต่กลับดูกินแรงนัก

นี่ทำให้หลินสวินใจสะท้าน เผยแววเหลือเชื่อ นี่ช่างละม้ายการยกภูเขาเทพบรรพกาลลูกหนึ่ง หนักอึ้งจนไม่อาจจินตนาการได้!

สิ่งนี้คืออะไร

หลินสวินแบ่งจิตรับรู้ส่วนหนึ่งเข้าไปสัมผัส

ตูม!

ชั่วพริบตาภาพสะท้านโลกภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสมอง…

เตาหลอมสมบัติที่ลุกโชนเตาหนึ่งตั้งตระหง่านกลางฟ้าดิน เพลิงเทพสีม่วงลุกโหมอยู่ในเตา วิวัฒน์เป็นพลังกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิดั่งกระแสธาร

เวิ้งฟ้าดั่งถูกเผา ทุกที่ในห้วงอากาศมีแต่กระแสร้อนระอุน่ากริ่งเกรง

‘วันนี้ ข้าใช้เตานี้ หลอมเก้าศาตราจักรพรรดิเพื่อพิทักษ์คุนหลุน!’

เสียงรางเลือนเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่รู้ว่าดังมาจากไหน

จากนั้น…

ในเตาหลอมสมบัตินั้นพลันมีกระบี่เทพเล่มหนึ่งพุ่งออกมากะทันหัน ความแกร่งกล้าของเจตกระบี่สะท้านเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทันทีที่ปรากฏก็เหนี่ยวนำให้เกิดอานุภาพยิ่งใหญ่ เสียงสัทครรลองมหามรรคดั่งปวงเทพเปล่งเสียงสวดดังขึ้น

ที่ตามมาติดๆ ก็มีทวนศึกเล่มหนึ่ง โคมทองแดงดวงหนึ่ง ธงศึกผืนหนึ่ง ประทับมรรคชิ้นหนึ่ง ขวดหยกขวดหนึ่ง ชุดเกราะชุดหนึ่ง เรือหยกลำหนึ่ง ดาบเทพเล่มหนึ่ง… ต่างพุ่งออกมาจากเตาหลอมสมบัติทีละชิ้น

สมบัติแต่ละชิ้นล้วนปล่อยปรากฏการณ์ประหลาดคับฟ้าออกมา มีอานุภาพสะท้านหมื่นกาล กดข่มให้ฟ้าดินแถบนี้ยุบตัวจ่อมจม

จากนั้นเคราะห์พิบัติก็มาเยือน หมายจะทำลายสมบัติที่เรียกได้ว่าหาได้ยากยิ่งทั้งเก้าชิ้นนี้!

ลมหายใจหลินสวินหยุดชะงัก อกสั่นขวัญแขวน

ไม่ว่าจะกระบี่เล่มนั้นหรือด่านเคราะห์ที่กำลังมาเยือน ต่างสูงส่งและน่าครั่นคร้ามเกินไป น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการได้

หลินสวินเพียงรู้สึกว่าในหัวมีเสียงดังวิ้ง ภาพตรงหน้าพร่ามัว

ภาพที่เห็นในหัวก่อนหน้านี้ต่างหายลับไปหมด แต่ในใจกลับตระหนักถึงนัยเร้นลับบางอย่าง เข้าใจเรื่องบางเรื่อง

หลินสวินเหงื่อกาฬซึมไปทั้งตัว เมื่อมองดูก้อนทองแดงสีดำมอๆ ก้อนนั้นอีกครั้ง แววตาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

ใครจะคิดได้ว่าก้อนทองแดงสีดำขมุกขมัวไม่สะดุดตาก้อนนี้ จะเป็นสิ่งที่เตาหลอมสมบัติที่หลอมศาสตราจักรพรรดิเก้าชิ้นหลงเหลือไว้กัน

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset