เตาหลอมสมบัติใบหนึ่ง เคยหลอมศาสตราจักรพรรดิเก้าชิ้นออกมาในคราวเดียว!
เดิมนี่ก็เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว สะท้านสะเทือนชวนสยองถึงขีดสุด ทำเอาผู้คนล้วนไม่กล้าจินตนาการ เตาหลอมสมบัติเช่นนี้จะมีอานุภาพชวนอัศจรรย์แค่ไหนกัน ถึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้
และตอนนี้ ก้อนทองแดงสีดำกลางฝ่ามือก้อนนี้ ก็คือเศษชิ้นส่วนที่เตาหลอมสมบัติใบนี้เหลือทิ้งไว้ มหัศจรรย์พันลึกหาใดเปรียบ!
และพร้อมกันนั้นในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจ ที่แท้แดนหลอมสมบัติที่ดุจดั่งโลกใบเล็กนี้ ความจริงก็วิวัฒน์มาจากเตาหลอมสมบัติใบนั้นนั่นเอง
‘เพลิงเทพคุนหลุน’ นานาชนิดที่กระจายตัวอยู่ที่นี่ ความจริงแล้วก็เป็นเศษเสี้ยวเชื้อเพลิงที่เตาหลอมสมบัติใบนั้นเหลือทิ้งไว้ ริบหรี่ถึงขีดสุด
‘ไอมรรคหลอมสมบัติ’ ของที่นี่ ก็เป็นไอสมบัติที่เตาหลอมสมบัติใบนั้นเหลือทิ้งไว้เช่นเดียวกัน มีประโยชน์ต่อการหลอมและพัฒนาคุณลักษณะสมบัติชนิดต่างๆ ได้!
เมื่อคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว ภายในใจหลินสวินก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้น
ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เตาหลอมสมบัติใบนั้นจะต้องได้รับความเสียหายบางอย่าง จนแปลงเป็น ‘แดนหลอมสมบัติ’ เช่นตอนนี้ และกลายเป็น ‘แดนมงคล’ ในสายตาของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน
‘แล้วศาสตราจักรพรรดิเก้าชิ้นที่เคยถูกเตาหลอมสมบัติหลอมออกมาในคราวเดียวนั่นล่ะ หลังจากประสบมหาเคราะห์ครั้งนั้นแล้ว ยังอยู่รอดสืบมาหรือไม่’
‘หากอยู่รอดสืบมา ศาสตราจักรพรรดิเก้าชิ้นนี่ไปอยู่ที่ไหนกัน’
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งระงับความกังขาภายในใจ
ที่นี่คือแหล่งสถานคุนหลุน มีผนึกและความลับที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้กระจายอยู่มากมาย เขาสามารถสอดส่องความจริงมุมหนึ่งของแดนหลอมสมบัติได้ ก็เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น
เขาเก็บก้อนทองแดงสีดำในมือเอาไว้ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด
ของสิ่งนี้เป็นของที่ ‘เตาหลอมสมบัติ’ ใบนั้นเหลือทิ้งไว้ เร้นลับหาใดเปรียบ บางทีภายหน้าอาจมีประโยชน์อย่างอื่น
หลินสวินไม่ได้โอ้เอ้อีก ทอดสายตามองบทประพันธ์มหามรรคนั่น
และยามนี้ สายตาของทุกคนที่อยู่ไกลออกไปต่างก็มองไปที่หลินสวินเป็นจุดเดียว แต่ละคนล้วนมีสีหน้าแตกต่างกัน หลากหลายความคิด
หลินสวินลงมือแล้ว ยื่นมือไปคว้าไอมรรคหลอมสมบัติที่วิวัฒน์เป็นบทประพันธ์มหามรรคนั้น
ตูม!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ภูเขากลับหัวขนาดมหึมาพลันถล่มครืน ก้อนหินแตกระเบิด เปลวเพลิงฟุ้งกระจาย เพลิงเทพที่วิวัฒน์เป็นนกปีศาจสีม่วงเหล่านั้นต่างก็พลอยหายลับตามไปด้วย
“โอกาสมาแล้ว!”
คนไม่น้อยสายตาเป็นประกาย
“ฆ่า!”
และบุคคลชั้นเลิศเหมือนอย่างเถาเจี้ยนสิงและลู่อ๋างยิ่งออกโจมตีตั้งแต่จังหวะแรกโดยไม่ลังเล โถมเข้าใส่หลินสวินที่อยู่ไกลออกไป
ตูมโครม!
ชั่วขณะเดียวที่แห่งนี้สั่นสะเทือน ฟ้าดินอลหม่าน ถูกไอสังหารอันน่าสะพรึงปิดครอบ
การต่อสู้มาแบบปุบปับเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะให้โอกาสหลินสวินรอดออกไปแต่อย่างใด!
“หลินสวิน มอบไอมรรคหลอมสมบัตินั่นมาซะ ข้ารับรองว่าจะไม่ตอแยเจ้าอีกต่อไป!”
เถาเจี้ยนสิงพุ่งออกมาคนแรก ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่านักรบเถาอู้ผู้นี้ไอเลือดท่วมฟ้า ไอสังหารเดือดพล่าน ท่าทางหยิ่งผยอง
ขณะที่เขาพูดก็เรียกทวนวงเดือนสวรรค์เล่มหนึ่งออกมานานแล้ว คมประกายพาดขวางอากาศ หอบม้วนระลอกคลื่นกฎเกณฑ์มหามรรคหมื่นชั้น บุกโจมตีเข้ามา
เคร้ง!
หลินสวินเรียกดาบหักออกมารับ ทั้งสองปะทะกัน ดุจดั่งภูเขาไฟสองลูกระเบิดปะทุ ก่อให้เกิดระลอกคลื่นน่าสะพรึง
“ไม่มีปัญญาช่วงชิงสมบัติ ยังคิดจะแย่งไปซึ่งๆ หน้า คิดว่าข้าคนแซ่หลินรังแกง่ายหรือ”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น
“ก็จะรังแกเจ้าจะทำไม”
เถาเจี้ยนสิงสีหน้าไร้ความรู้สึก โบกสะบัดทวนวงเดือนสวรรค์ พลานุภาพสะท้านโลก ห้อตะบึงโจมตี ฝีมือเผด็จการและหฤโหดถึงขีดสุด
ห้วงอากาศของที่นี่ล้วนปั่นป่วนวุ่นวาย เมฆสิบทิศพังถล่ม
“เหอะๆ”
หลินสวินหัวเราะ เพียงแต่รอยยิ้มดูเย็นชา “ข้ายังไม่เคยลิ้มรสเนื้อเถาอู้เลย ก็ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร…”
เขาโคจรคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด ทั่วร่างเปล่งแสง ปรากฏลักษณ์ประหลาดเหวใหญ่ อานุภาพทะยานสู่ขีดสุดในครู่เดียว
ดาบหักกวาดเคลื่อน ดุจดั่งธารดาราผืนหนึ่งพลิกม้วน
หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า!
ร่างกายของเถาเจี้ยนสิงถูกซัดปลิวพร้อมเสียงก้องกระหึ่ม ทวนวงเดือนสวรรค์ยังเกือบจะหลุดออกจากมือ
เขากระอักเลือดออกปากจมูก อดรู้สึกเสียวสยองไม่ได้ เจ้าหมอนี่พลังน่ากลัวยิ่งนัก
ควรรู้ว่าเขามั่นใจในมรรควิถีของตนอย่างยิ่งมาโดยตลอด อาละวาดบนทางเดินโบราณฟ้าดาราและเป็นยอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่คนรุ่นเดียวกัน
หาไม่ก็คงไม่มีทางไต่เต้าสู่อันดับเจ็ดสิบเจ็ดของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราได้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ในการปะทะกันซึ่งๆ หน้า ก็ถูกซัดถอยกรูดในคราเดียวเหมือนอย่างลู่อ๋างก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
“แค่นี้ก็กล้าป่าวประกาศว่าจะรังแกข้า? เผ่าเถาอู้ชอบคุยโวแบบนี้กันหมดเลยหรือ”
หลินสวินหัวเราะลั่น ผมดำปลิวไสว มาดเหยียดหยันไร้ศัตรู
“ฆ่า!”
ลู่อ๋างและพวกร้ายกาจคนอื่นๆ อีกหลายคนก็บุกเข้ามา ล้อมโจมตีหลินสวินจากหลายทิศทาง
ชั่วขณะเดียวแสงสมบัติตัดสลับ วิชามรรคดุจเกลียวคลื่นปิดครอบฟ้าดิน
บุคคลเหล่านี้ไม่มีใครไม่ใช่พวกร้ายกาจที่โดดเด่นในหมู่มกุฎมหาอริยะ ไม่เพียงชาติกำเนิดไม่ธรรมดา รากฐานพลังยังแกร่งกล้า แต่ละคนราวกับปีศาจกินกันไม่ลง
เมื่อร่วมกันปิดล้อมโจมตี พลานุภาพระดับนั้นเพียงพอจะทำให้คนรุ่นเดียวกันคนใดก็ตามขวัญผวา!
สีหน้าของหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมด้วย
เขาไม่กล้าอืดอาด โถมบุกเต็มกำลัง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณภายในร่างโคจรเดือดพล่านดุจดั่งเตาที่ลุกโชน กระแสเลือดแต่ละสายก็เสมือนเจินหลงตัวแล้วตัวเล่าห้อทะยาน
ท่ามกลางความเลือนราง ทุกคนต่างรู้สึกว่าหลินสวินในเวลานี้เหมือนหุบเหวใหญ่แห่งหนึ่ง เงาร่างไร้ขอบเขต เขมือบฟ้ากลืนกินปฐพี
ตูมโครม!
ฟ้าดินของที่นี่ล้วนเหมือนแตกระเบิด สุริยันจันทราหม่นแสง ฟ้าดินพลิกกลับ
เท้าหลินสวินเหยียบย่ำก้าวเดิน พุ่งทะยานลงมือ ดาบหักวาบประกายฟันเฉือน และในสองมือของเขาต่างกำกระบี่อเวจีและกระบี่ยอดสังหาร สู้ศึกสิบทิศเพียงลำพัง!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ชั่วขณะหนึ่งถึงกับไม่มีใครสามารถปราบอานุภาพของเขาไว้ได้
นี่ทำให้คนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี
ก่อนหน้านี้พวกเขาแค่เคยได้ยินเรื่องที่หลินสวินฆ่าเยี่ยนฉุนจวิน และได้เห็นว่าเขาโจมตีลู่อ๋าง เถาเจี้ยนสิงถอยร่นได้อย่างไร
แต่ใครต่างก็คาดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์ปิดล้อมแน่นหนาระดับนี้ หลินสวินยังคงสามารถสำแดงฤทธิ์เดชกล้าแกร่งเช่นนี้ออกมาได้
นี่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างสิ้นเชิง!
และในบริเวณไกลออกไป ผู้ชมการต่อสู้จำนวนหนึ่งต่างก็สยดสยองไม่สิ้น ปากอ้าตาค้าง
“หลินสวินนี่ออกจะแกร่งเกินไปแล้วกระมัง”
“เขามาจากดินแดนรกร้างโบราณสถานที่พรรค์นั้นจริงๆ หรือ ไม่สมจริงเกินไปแล้ว…”
“ไม่ใช่มังกรหาญย่อมไม่กล้าข้ามคงคา พวกที่กล้าสังหารเยี่ยนฉุนจวินมีหรือจะเป็นพวกธรรมดาทั่วไป”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นสี่ทิศ
ผู้แข็งแกร่งที่แต่เดิมตั้งใจจะจับปลาช่วงน้ำขุ่นจำนวนหนึ่งต่างอดลังเลไม่ได้ ขืนเข้าไปแทรกในการต่อสู้ระดับนี้ในตอนนี้ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายชัดๆ
แต่ยังมีคนจำนวนหนึ่งตั้งท่าพร้อมก่อกวน พวกเขาคิดว่าหลินสวินถูกปิดล้อมแน่นหนาแล้ว ท่าทางตอนนี้เหมือนจะยังพอแผลงฤทธิ์ได้ แต่ความเป็นจริงไม่น่ากลัวแล้ว
ในใจอาหูร้อนรน กำลังจะเข้าช่วยเหลือ กลับได้ยินเสียงสื่อจิตจากหลินสวินให้นางเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ หากตอนที่เกิดอันตรายจริงๆ ค่อยลงมือก็ไม่สาย
อาหูใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง
นางเองก็รู้ว่าการพรวดพราดเข้าไปตอนนี้ บางทีอาจพอช่วยหลินสวินแบ่งเบาแรงกดดันส่วนหนึ่งได้
แต่ขณะเดียวกันถ้าหากตนถูกปิดล้อม ตกอยู่ในสภาพเสี่ยงอันตรายไปด้วย กลับจะกลายเป็นตัวถ่วงให้หลินสวิน
ไม่สู้รอเวลาเหมาะๆ สบโอกาสค่อยลงมือ!
ตูมโครม!
การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว กลางฟ้าดินแห่งนั้นถูกแสงมรรคลุกโชนท่วมทับ พลังกฎเกณฑ์น่าสะพรึงมากมายแผ่กระจาย ปรากฏลักษณ์ประหลาดน่าหวาดหวั่นนับไม่ถ้วนอย่างเห็นได้ชัด
ในที่สุดหลินสวินก็รู้สึกถึงแรงกดดันยิ่งใหญ่แล้วเช่นกัน
คู่ต่อสู้ครั้งนี้แต่ละคนล้วนหาใช่ธรรมดา หากสู้ตัวต่อตัว เขามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะซัดพวกเขาร่วงทีละคนได้แน่นอน
แต่เมื่อพวกเขากรูเข้ามาในคราเดียว สถานการณ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว
“ฆ่า!”
พวกลู่อ๋าง เถาเจี้ยนสิงบุกโจมตีเต็มกำลัง ต่างไม่ออมมือแต่อย่างใด มองหลินสวินเป็นเหยื่อ หมายจะสังหารและชิงสมบัติไปจากเขา
พวกเขาต่างรู้ดี บนตัวหลินสวินไม่เพียงมีไอมรรคหลอมสมบัติที่แปลงเป็นบทประพันธ์มหามรรคเท่านั้น ยังมีป้ายคำสั่งเซียนเหินอีกด้วย!
ปึง!
ไม่ทันไรในที่สุดหลินสวินก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ไหล่ถูกปราณกระบี่สายหนึ่งกรีดผ่าน เลือดเนื้อสาดกระเซ็น เห็นกระดูกขาวรำไร
ถึงแม้บาดแผลนี้จะถูกรักษาคืนสภาพเดิมในชั่วพริบตา แต่ด้วยเหตุนี้ก็สามารถมองออกว่า การโจมตีแบบคนหมู่มากรุมหนึ่งครั้งนี้ดุเดือดขนาดไหน
นี่ก็เป็นอันตรายครั้งใหญ่คราวแรกที่หลินสวินประสบนับตั้งแต่ก้าวสู่ระดับระดับมกุฎมหาอริยะ และเป็นการได้รับบาดเจ็บครั้งแรกด้วยเช่นกัน!
เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเถาเจี้ยนสิง ลู่อ๋างก็เหมือนฉลามได้กลิ่นคาวเลือด ยิ่งลงมือเหี้ยมเกรียมและน่าสะพรึงกว่าเดิม
หนำซ้ำพร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนคล้อย จำนวนผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการต่อสู้ก็เพิ่มมากขึ้นไม่ขาดสาย แรงกดดันต่อหลินสวินก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินก็ยังไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย!
นัยน์ตาดำของเขาดุจหุบเหว ลุกโชนด้วยจิตต่อสู้ที่ปะทุดุจหินหนืด พลังทั้งหมดล้วนถูกโคจร กระตุ้นถึงขีดสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
และพร้อมๆ กับการสำแดงเดชของคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด ยังใช้วิชาอริยะยุทธ์ โทสะหยาจื้อ ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว กระตุ้นนัยเร้นลับของพลังรอบกายออกมาด้วย
ตูมโครม!
ถึงตอนสุดท้าย หนึ่งลมหายใจเข้าออกของหลินสวินล้วนเหมือนพายุอสนีเดือดคลั่ง เหนี่ยวนำอานุภาพโดยรอบ ทั่วร่างกายเขามีประกายพิสุทธิ์โชติช่วงไหลหลั่ง ดุจดั่งเหวใหญ่ที่ปิดครอบฟ้าดินกำลังเคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศ
เงาร่างไร้ขอบเขต เผด็จการไม่มีสอง!
นี่ทำให้คนที่ปิดล้อมโจมตีเหล่านั้นไม่มีใครไม่ตกใจ ใจสั่นสะท้าน นี่เป็นปีศาจพลิกฟ้าแบบใดกันแน่ เพิ่งมีปราณแค่ขั้นต้นของระดับมกุฎมหาอริยะเท่านั้น ดันแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว ภายหน้าหากเติบใหญ่กว่านี้ นั่นยังจะรับมือไหวหรือ
แม้เป็นบุคคลที่อยู่ในห้าสิบอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา เกรงว่าก็ไม่มีทางมีรากฐานพลังเช่นนี้ได้!
สวบ!
เจตกระบี่ที่คล้ายมายาสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศมาจากระยะไกล อานุภาพกระบี่ดั่งงูมังกรทะยาน มีพลานุภาพบดขยี้เวิ้งฟ้า
เจตกระบี่ยุทธจักรไร้ผูกมัด!
เหวินฉิงเสวี่ยผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรที่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ มาโดยตลอด เวลานี้ก็ลงมือแล้วเช่นกัน นางงดงามประดุจเซียน เงาร่างอรชร ทันทีที่ลงมือก็เป็นการโจมตีที่ทรงพลังดั่งอสนีบาต!
ฉัวะ!
ถึงแม้หลินสวินจะต้านกระบี่นี้ได้ แต่กลับถูกเจตกระบี่กวาดโดน หน้าอดถูกฟันเป็นรอยแผลโชกเลือดสายหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวด้วย
แววตาหลินสวินเย็นเยียบ เหลือบมองเหวินฉิงเสวี่ยปราดหนึ่ง สีหน้าปราศจากอารมณ์
“ฆ่า!”
พวกลู่อ๋าง เถาเจี้ยนสิงอาศัยจังหวะนี้ อานุภาพที่โจมตียิ่งเหี้ยมโหดน่าสะพรึง
เหล่าคนที่ชมดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ต่างมองออก หลินสวินเข้าตาจนแล้ว สถานการณ์พลิกผันแล้ว!
และหัวใจของอาหูก็อดบีบรัดไม่ได้ นางเตรียมพร้อมช่วยเหลือแล้ว กลางฝ่ามือของนางมีแผนภาพน้ำเต้าใบหนึ่งปรากฏขึ้นมารางๆ
พรวด!
ในสนามรบแผ่นหลังของหลินสวินถูกประทับใหญ่สายหนึ่งกระแทกใส่ เงาร่างซวนเซ ในปากกระอักเลือด
“ตาย!”
ลู่อ๋างที่คว้าโอกาสได้สีหน้าเหี้ยมเกรียม ตวัดกระบี่โถมเข้ามา
แต่ก็เป็นยามนี้เอง มุมปากหลินสวินปรากฎเส้นโค้งเย้ยหยัน แววตานั่นดุจดั่งจ้องเหยื่อที่มาหาถึงที่ เจือแววนึกสนุก
หืม?
ในใจลู่อ๋างพลันเสียววาบ รู้สึกพรั่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
และตอนนี้เอง หลินสวินพลันพุ่งเข้ามา ในฝ่ามือเขาปรากฏขวดหยกมันแพะใบหนึ่ง ปลดปล่อยกระบี่สามสิบสามชั้นออกมาโดยพลัน
กระบี่แต่ละชั้นล้วนก่อตัวขึ้นจากปราณกระบี่หนึ่งหมื่นแปดพันสาย
ทันทีที่กระบี่สามสิบสามชั้นปรากฏ เสมือนดั่งทะเลปราณกระบี่ผืนหนึ่งแผ่ครอบฟ้าดิน!