Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1719 บารมีของเสี่ยวอิ๋น

อาหูสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มือถือกิ่งท้อแบนเดินมุ่งนำหน้าไปก่อน

‘ในโบราณสถานคุนหลุนมีคำกล่าวว่าเห็นป่าอย่าเข้าสืบเรื่อยมา สามารถฟันธงได้ว่าในป่าทึบแถบนี้ก็ต้องซุกซ่อนมหันตภัยเอาไว้เช่นกันเป็นแน่ อีกเดี๋ยวตอนที่พวกเราเคลื่อนไหวต้องระวังตัวหน่อย’

นางสื่อจิตกำชับ

พรึ่บ!

หลินสวินเรียกดาบหักออกมา สะพายธนูวิญญาณไร้แก่นสารไว้ด้านหลัง แล้วเอาเสื้อเกราะสีเงินอ่อนนุ่มชุดหนึ่งมาสวมทับทั่วร่าง

เสื้อเกราะชุดนี้เป็นหนึ่งในทรัพย์หลังศึกที่ชิงมาจากมือบุตรนรกยามอยู่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ มีชื่อเรียกว่า ‘คลื่นเกราะ’ ภายในบรรจุลายมรรคป้องกันหกสิบสี่ชุด ค่อนข้างล้ำค่าหายาก

ไม่นานทั้งคู่ก็เข้าไปในป่าทึบ เบื้องหน้าพลันมืดสนิท กลิ่นอายแปลกพิศวงที่ยะเยือกเย็นและน่าสะพรึงลอยปะทะเข้าหน้า

อาหูสีหน้าเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมาเช่นกัน

ภายในป่าทึบต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้า เครือเถาวัลย์ใหญ่หนาดุจงูเหลือมมังกรห้อยแขวนลงมา บนพื้นกองสุมด้วยใบไม้ร่วงเน่าเปื่อยหนาเตอะ ย่างเหยียบลงไปบนนั้นส่งเสียงกรอบแกรบบดแตกดังออกมา

กลางห้วงอากาศเจือกลิ่นเหม็นเน่าที่เย็นเฉียบชื้นแฉะ ก้าวเดินภายในนั้นใบไม้แผ่ครอบคลุมเวิ้งฟ้า มืดสลัวลึกเร้น เงียบสงัดจนทำให้จิตใจผู้คนรู้สึกโหวงเหวง

‘จากข้อมูลที่ข้าได้รับมา ในป่าทึบผืนนี้มีแมลงพิษที่หายากแปลกพิสดารมากมายจำศีลอยู่ ล้วนน่ากลัวสุดขีด ในกาลเวลาที่ผ่านมา ผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้ามาเสาะหาต้นท้อแบนจำนวนมากล้วนโชคไม่ดีประสบเคราะห์อยู่ที่นี่ ซากศพไม่มีเหลือ’

ระหว่างทางอาหูสื่อจิตกล่าว ‘แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงหยุดผู้ฝึกปราณให้มุ่งหน้ามาไม่ได้ เพราะต้นท้อแบนอัศจรรย์เกินไป สามารถทำให้คนบ้าคลั่ง ยอมเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟโดยไม่นึกเสียดาย’

‘ที่นี่แปลกพิสดารยิ่งจริงๆ เดินอยู่ในนี้ทำให้สภาวะจิตของข้าไม่เสถียร คล้ายกับมีพลังบางอย่างกำลังก่อกวนจิตวิญญาณของข้าอย่างไร้สุ้มเสียงอยู่’

หลินสวินขมวดคิ้วกล่าว

‘นี่ปกติมาก ก่อนหน้านี้ผู้ฝึกปราณมากมายหลงทางอยู่ในนี้ก็เพราะจิตวิญญาณถูกกัดเซาะ เป็นผลให้ประสบเคราะห์ในตอนที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ’

ตลอดทางทั้งคู่เดินหน้าอย่างระวังตัว มองเห็นภาพที่น่าสะพรึงมาไม่น้อย มีเสียงคำรามสัตว์ร้ายที่เกรี้ยวกราดน่ากลัวดังขึ้น สะเทือนจนป่าไม้ไหวโคลง

มีนกปีศาจเหินโฉบฟ้า แผ่กลิ่นอายเหี้ยมเกรียมประหนึ่งนายเหนือหัวออกมา แค่ทอดมองจากไกลๆ ก็ทำให้หลินสวินและอาหูตัวสั่นเทิ้ม น่าสะพรึงเกินไปแล้ว

ขณะเดียวกันยังมีสัตว์ปีศาจไม่น้อยที่โลกภายนอกไม่มีปรากฏตัวขึ้น

อย่างเช่นหอยทากสีดำที่ใหญ่มหึมาเท่าภูเขา ตะขาบสีเขียวเข้มที่มีตารวมกันนับร้อยนับพัน…

ต่อให้เป็นหลินสวินและอาหูก็ยังได้แต่ถอยเลี่ยงไปห่างๆ เพราะสัตว์ปีศาจเหล่านั้นกลิ่นอายแข็งแกร่งชวนตกใจ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้เลยสักนิด

ยังดี พวกเขาระวังตัวอย่างที่สุดตลอดทาง สัมผัสถึงความไม่เข้าทีก็รีบหลบเลี่ยงแต่เนิ่นๆ นี่ถึงได้เดินเข้ามาแบบรอดหวุดหวิดจนถึงตอนนี้ได้

“ที่นี่น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ หากบุ่มบ่ามบุกเข้ามาในนี้ ไม่ว่าใครเกรงว่าล้วนต้องประสบเคราะห์กันทั้งนั้น”

หลินสวินรู้ดียิ่ง หากไม่ใช่เพราะอาหูนำทาง พวกเขาไม่มีทางเดินมาจนถึงเวลานี้ได้เด็ดขาด เพราะเคราะห์สังหารตลอดเส้นทางนี้มากเกินไปจริงๆ

“ในโบราณสถานคุนหลุน แดนแห่งอันตรายเช่นนี้มีจำนวนไม่หวาดไม่ไหว เมื่อเทียบกันแล้วแท่นสักการะนั่นต่างหากที่เป็นแดนแห่งมหันตภัยที่ร้ายแรงที่สุด”

อาหูรีบกล่าวรวดเร็ว “ก่อนหน้าที่จะมาแหล่งสถานคุนหลุน ข้าใช้เวลานานหลายปีรวบรวมรายละเอียดและข้อมูลมากมายถึงกล้ามุ่งหน้ามาเสี่ยง”

ทันใดนั้นหลินสวินขนลุกซู่ ทั่วร่างมีประกายศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรูออกมาและห่อหุ้มอาหูเข้าด้วยกัน หลบเลี่ยงออกไปไกลๆ ทันควัน

บริเวณที่พวกเขาที่อยู่แต่เดิมปรากฏรูโบ๋ขนาดใหญ่รูหนึ่งอย่างไร้สุ้มเสียง หนอนหลากสีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือฝูงหนึ่งทะลักออกมาจากรูราวกระแสน้ำหลาก เบียดเสียดแน่นขนัด แต่ละตัวกลิ่นอายเย็นเยียบเกรี้ยวกราด

“หนอนศพหลากสี!”

ดวงตาอาหูแข็งทื่อ หน้าเปลี่ยนสีทันควัน

นางกับหลินสวินถอยหลบไปไกลๆ ต่างเก็บงำกลิ่นอาย เนื่องจากหนอนชนิดนี้ตามตำนานเล่าว่าหลอมรวมขึ้นจากไอศพดึกดำบรรพ์ อันตรายอย่างยิ่ง

ฆ่าพวกมันตายง่ายแสนง่ายนัก แต่ไอศพที่แผ่ออกมาหลังจากพวกมันตายกลับเป็นพิษร้ายที่น่าสะพรึงหาใดเปรียบ สัมผัสโดนเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้จิตวิญญาณผุสลาย มรรควิถีเปื่อยยุ่ย!

ครืน…

หนอนศพหลากสีมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังกรูกันออกมาจากรูนั่นก็กระจายไปยังสี่ทิศแปดทาง

หลินสวินและอาหูต่างไม่กล้าหยุดเท้า มุ่งหน้าด้วยความรวดเร็ว

ทันใดนั้นเสียงขลุ่ยอื้ออึงสายหนึ่งก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของป่าทึบ ดุจดั่งเสียงสะอื้นไห้ของเหล่าเทพ ทำเอาผู้คนขนลุก

หลังจากนั้นก็เห็นหนอนศพหลากสีพวกนั้นราวกับถูกบังคับควบคุม ล้วนพุ่งไปทางหลินสวินและอาหู!

อาหูหน้าเปลี่ยนสี “สมควรตาย ถึงกับมีคนเชี่ยวชาญวิชาควบคุมหนอนศพหลากสี หมายจัดการกับพวกเราในเงามืด!”

นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ จิตรับรู้แผ่กว้าง ลัดเลาะแผ่พุ่งไปตามทิศทางที่เสียงขลุ่ยดังลอยมา

ท่ามกลางความเลือนราง พอจะตรวจจับได้ถึงเงาร่างสายหนึ่งซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเงาตะคุ่มของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง กลิ่นอายคล้ายมีแต่ไม่มี

ครืน…

แต่ไม่รอให้หลินสวินจับพิกัดได้อย่างละเอียด ในพื้นที่ใกล้เคียงหนอนศพหลากสีมืดฟ้ามัวดินก็พุ่งเข้ามา

หนอนพวกนี้กลิ่นอายเย็นเยียบเกรี้ยวกราด แผ่ไอศพที่ชวนให้ผู้คนคลื่นเหียนออกมา แผ่ครอบทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง ทำให้คนหมดทางหนี หลบไม่พ้น

“มีแต่ต้องฝ่าวงล้อมออกไปเท่านั้นแล้ว”

เนตรงามของอาหูเจือแววดุร้าย แต่หลินสวินห้ามนางไว้ก่อน

สวบ!

แทบจะพริบตาเดียวเงาร่างของเสี่ยวอิ๋นโฉบพุ่งออกจากตัวหลินสวิน เขากวาดสายตามองหนอนศพหลากสีที่บุกโจมตีเข้ามาพวกนั้น ใบหน้าเล็กที่หล่อเหลาห้าวหาญไร้ทัดเทียมฉายแววเหยียดแคลนและขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูกออกมา

ตูม!

เขาสาวเท้าเหยียบห้วงอากาศ แผ่กลิ่นอายดุกร้าวออกมา นั่นเป็นพลังสายเลือดที่เป็นของหนอนกินเทพ

หนอนศพหลากสีที่พุ่งเข้ามาจากสี่ทิศแปดทางไม่มีตัวไหนไม่สั่นเทิ้ม ร่วงเกรียวหล่นตุบจากห้วงอากาศ ตัวสั่นสะท้าน ร้องโหยหวน ราวกับกำลังก้มหัวศิโรราบต่อผู้เป็นราชัน!

เสียงขลุ่ยเป็นระลอกเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นร้อนรนและเร่งเร้า คล้ายสัมผัสได้ถึงความไม่เข้าที กำลังควบคุมหนอนศพหลากสีสุดกำลัง

แต่ทั้งหมดล้วนเปลืองแรงเปล่า

ภายใต้บารมีสะท้านสะเทือนของเสี่ยวอิ๋น หนอนที่เกรี้ยวกราดน่าสะพรึงสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามหน้าเปลี่ยนสีพวกนี้ ล้วนเชื่องเชื่อจนเหมือนทาสไพร่ที่ต้อยต่ำอย่างไรอย่างนั้น

หลินสวินและอาหูสบตากันสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจ นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า หนึ่งสิ่งโค่นหนึ่งสิ่ง[1] หรือ

ควรรู้ว่าเสี่ยวอิ๋นยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด ลำพังแค่อาศัยกลิ่นอายก็ข่มความโอหังของหนอนศพหลากสีพวกนี้ได้แล้ว!

“ไป!”

ภาพเหตุการณ์ที่ชวนตกใจยิ่งกว่าปรากฏขึ้น เมื่อเสี่ยวอิ๋นออกคำสั่ง หนอนศพหลากสีพวกนั้นร้องระงมทะยานขึ้นมาพร้อมกัน บุกกรูไปยังทิศทางที่เสียงขลุ่ยดังลอยมา

“แย่แล้ว!” ห่างออกไปหลายพันจั้ง ชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เก็บขลุ่ยในมือแล้วหันตัวหนีไปทันที

“นายท่าน พวกเราจะไล่ตามไปหรือไม่”

เสี่ยวอิ๋นไอสังหารพลุ่งพล่าน “ข้าสัมผัสได้ว่าในป่าทึบแถบนี้มีหนอนแมลงมากมายจำศีลอยู่ แต่สายเลือดของพวกมันล้วนเทียบข้าไม่ติด ข้าสามารถทำให้พวกมันเชื่อง ฟังคำสั่งจากข้าได้!”

ประโยคเดียวทำเอาหลินสวินและอาหูแววตาลุกวาว ตอบตกลงโดยไม่ลังเลสักนิด

จากนั้นเสี่ยวอิ๋นนำทางอยู่เบื้องหน้า มีหนอนศพหลากสีฝูงหนึ่งล้อมอยู่ใกล้ๆ ราวกับผู้คอยเบิกทาง

หลินสวินและอาหูเดินตามอยู่ข้างหลัง ในใจก็อดยินดีอย่างแปลกประหลาดขึ้นมาไม่ได้

ป่าทึบแถบนี้มีอันตรายซุ่มอยู่รอบด้าน หนทางเบื้องหน้าสำหรับทั้งคู่ไม่มีใครไม่ระแวดระวังตัวสุดขีด มีอยู่หลายครั้งยิ่งเกือบประสบเคราะห์

แต่ตอนนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว

มีเสี่ยวอิ๋นอยู่ สามารถบังคับหนอนพิษเหี้ยมโหดชั่วร้ายที่กระจายตัวอยู่ในป่าทึบแถบนี้พวกนั้นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ อันตรายที่พบเจอทั้งหมดตลอดทางก็ย่อมลดลงถึงที่สุดด้วย!

ครืน…

กลางป่าทึบหนอนแมลงที่มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มปรากฏตัว รวมเข้ากับกองทัพมใต้บัญชาของเสี่ยวอิ๋น

หนอนพวกนี้มี ‘หนอนผีหน้าเขียว’ ที่ตัวใหญ่เท่าฝ่ามือ มี ‘หนอนมารไผ่สะท้อน’ ที่ลำตัวเรียวเล็กเหมือนเข็มเป็นต้น

พวกมันรวมตัวกันแน่นขนัด ปกคลุมฟ้าดิน ทำเอาหลินสวินและอาหูมองจนอดสูดหายใจเย็นไม่ได้ ล้วนไม่กล้าจินตนาการ ว่าในป่าทึบผืนนี้มีหนอนแมลงพิษร้ายแรงแปลกพิสดารจำศีลอยู่มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร

ตูม!

บนทางเบื้องหน้า หอยทากสีดำที่ใหญ่มหึมาเท่าภูเขาตัวหนึ่งถูกทำให้ตื่นตกใจ

กลิ่นอายของมันน่าสะพรึงถึงขีดสุด หากเป็นตอนแรกหลินสวินและอาหูต้องถอยหลบไปห่างๆ ไม่กล้าเฉียดใกล้อย่างแน่นอน

แต่ขณะนี้สิ่งที่ทำให้พวกหลินสวินปากอ้าตาค้างคือ หอยทากสีดำที่ใหญ่มหึมาตัวนี้ถึงกับหนีลิบลิ่วปานหมอกควัน ทับต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าโค่นล้มไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

เห็นได้ชัดว่าหอยทากสีดำตัวนี้ก็รู้ว่าเสี่ยวอิ๋นและกองทัพใหญ่หนอนแมลงใต้บัญชาของมันไม่อาจหาเรื่องได้ง่าย

“รู้เช่นนี้แต่แรก ก่อนเดินทางให้เสี่ยวอิ๋นออกมาซะก็ดี”

หลินสวินทอดถอนใจ วันนี้ถือว่าเขาได้เปิดโลกแล้ว ได้สัมผัสอำนาจบารมีแท้จริงของหนอนกินเทพ ราวกับราชันแห่งหนอนแมลงจริงๆ มากบารมีถึงขีดสุด

“นายท่าน ป่าทึบผืนนี้ถูกขนานนามว่า ‘รังหนอนเซียนโบราณ’ นับตั้งแต่ช่วงบุพกาลก็คงอยู่สืบมาจนปัจจุบัน หนอนแมลงที่กระจายตัวอยู่ในนี้ล้วนพิทักษ์ปกป้อง ‘แดนลับป่าท้อ’ ที่อยู่ด้านหลังรังหนอนเซียนโบราณ”

ระหว่างทางเสี่ยวอิ๋นและหนอนพวกนั้นพูดคุยสื่อสารกัน ได้รู้ความลับไม่น้อยทีเดียว

เพียงแต่หนอนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่มีสติปัญญา สิ่งที่รู้จึงมีจำกัดอย่างมาก

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ทำเอาหลินสวินและอาหูรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

แดนลับป่าท้อ!

ต้นท้อแบนที่ดุจดั่งตำนานต้นนั้นก็ต้องอยู่ในนั้นแน่นอน!

ขณะเดียวกันในส่วนลึกของป่าทึบ ชายหนุ่มชุดดำคนนั้นเคลื่อนย้ายหายตัว สีหน้าร้อนรนราวกับผวาตกใจ

สุดท้ายเขามาถึงพื้นที่โล่งเตียนแถบหนึ่งในส่วนลึกของป่า ที่นี่ว่างเปล่าโล่งโถง ต้นหญ้าไม่เจริญงอกงาม มีเพียงห้วงอากาศที่จุดกึ่งกลางปรากฏบานประตูซึ่งมีประกายแสงไหลเวียนบานหนึ่ง

เบื้องหน้าบานประตูมีผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งเฝ้าคุ้มกันอยู่ มีทั้งชายหญิง ล้วนมาดสง่าไม่ธรรมดา สวมใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับแบบเดียวกัน เห็นได้ชัดว่ามาจากขุมอำนาจเดียวกัน

“แย่แล้ว มีคนเข้ามาใกล้ รีบไปรายงานนายน้อยเร็วเข้า!”

ทันทีที่ชายหนุ่มชุดดำมาถึงก็ร้องโพล่งเสียงตื่น

ชายหญิงเหล่านั้นต่างอึ้งไป สีหน้าแปลกพิกล

“เส้นทางรังหนอนเซียนโบราณนี่มีแต่พวกเรา ‘สำนักวิญญาณหมื่นปฐม’ เท่านั้นที่รู้ คนอื่นจะเข้าใกล้ได้อย่างไร”

“เป็นไปไม่ได้กระมัง ตลอดทางนี้อันตรายชุกชุม คนทั่วไปไม่รอดชีวิตเดินมาถึงที่นี่ได้หรอก”

“อีกอย่างนายน้อยเพิ่งจะเข้าสู่แดนลับป่าท้อ เขาสั่งการไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ไม่ว่าใครล้วนไม่สามารถมารบกวนได้ตามใจชอบ”

ผู้สืบทอดจากสำนักวิญญาณหมื่นปฐมเหล่านี้ต่างออกความเห็นกันสารพัด สีหน้าออกจะไม่ค่อยเห็นด้วย

ชายหนุ่มชุดดำร้อนรนจนเหงื่อกาฬท่วมหัว กล่าวว่า “พวกเจ้าไม่เข้าใจสักนิด ชายหนึ่งหญิงหนึ่งคู่นั้นไม่กลัววิชาควบคุมหนอนของพวกเราเลยด้วยซ้ำ หนำซ้ำพวกหนอนในรังหนอนเซียนโบราณถึงกับถูกพวกเขาควบคุมและบงการ กำลังแห่เข้ามาทางนี้!”

ในลานเงียบงันไปชั่วขณะ ชายหญิงเหล่านั้นล้วนเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา

ควรรู้ว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดารา สำนักวิญญาณหมื่นปฐมของพวกเขาบางทีอาจไม่สามารถเทียบรัศมีกับหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ได้

แต่ในวิชาควบคุมหนอน กลับมีน้อยขุมอำนาจนักที่จะเทียบพวกเขาได้!

และตอนนี้ถึงกับเกิดเรื่องผิดวิสัยเช่นนี้ได้ ใครบ้างจะไม่ตกใจ

วู้มๆๆ…

เสียงหวีดคำรามที่ปานกระแสคลื่นระลอกหนึ่งดังก้องขึ้นมาจากระยะไกลโดยฉับพลัน

หลังจากนั้นผู้สืบทอดสำนักวิญญาณหมื่นปฐมเหล่านี้ต่างหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดชายหนุ่มชุดดำถึงได้ลนลานจนกลายเป็นสภาพนี้

——

[1] หนึ่งสิ่งโค่นหนึ่งสิ่ง หมายถึง ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม ย่อมมีอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถปราบมันได้

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset