Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1730 หนึ่งก้าวเหยียบย่าง พลิกฟ้าคว่ำดิน

“ทะยาน!”

“ทะยาน!”

“ทะยาน!”

ขณะนี้มกุฎมหาอริยะสิบกว่าคนอย่างกู่ฉางซิน คุนจิ่วหลิน เถาเจี้ยนสิงล้วนยืนอยู่กลางอากาศ

บ้างถือควบคุมธงเล็กสีเหลืองส้ม บ้างมือถือระฆังทองแดงสีชาด บ้างโคจรจักระสีม่วง บ้างโบกม้วนภาพเก่าแก่

ก็เห็นว่าในค่ายกลกลียุคสังหารมารนั้นมีเสียงธรรมดังสนั่น แสงประกายม้วนตลบ ฉายภาพประหนึ่งวันสิ้นโลกออกมา

ภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างสูดหายใจเย็นอย่างห้ามไม่อยู่

กระบวนค่ายกลสังหารโบราณกระบวนหนึ่ง ถูกมกุฎมหาอริยะหลายคนร่วมกันควบคุมและโคจร ต่อให้เป็นราชันอริยะ ถูกขังไว้ภายในนั้นก็ต้องประสบเคราะห์!

เขาหลินสวินเป็นเพียงมกุฎมหาอริยะเท่านั้น อาจจะแสดงพลังต่อสู้น่าตกตะลึงถึงที่สุดในการกรำศึกก่อนหน้านี้ แต่ว่า…

จะรับการกักขังสังหารเช่นนี้ได้อย่างไร

“หลินสวินคนนี้จบเห่แล้ว…”

บนทางขึ้นเขา ในหมู่ผู้ชมการต่อสู้ไม่ขาดคนที่มีสายตาเจนจัด เพียงดูจากพลานุภาพที่กระบวนค่ายกลใหญ่นั้นปลดปล่อยออกมาก็ตัดสินได้แล้ว

ในระดับมหาอริยะ ไม่ว่าผู้ใดขอเพียงถูกกักขังไว้ก็ไม่ต้องพูดถึงทางรอดอีก!

เปรี้ยง!

อานุภาพของค่ายกลกลียุคสังหารมารยิ่งน่าครั่นคร้ามขึ้นแล้ว ส่งผลให้เวิ้งฟ้าสั่นสะท้าน บนภูเขาพญามังกรอันกว้างใหญ่มีปรากฏการณ์ประหลาดราวผลาญฟ้าทำลายดินปรากฏขึ้น

โชคดีที่ภูเขาพญามังกรเป็นหนึ่งในเก้าแดนลับที่อยู่ในโบราณสถานคุนหลุน แข็งแกร่งมั่นคงหาใดเทียบ อยู่ยงคงกระพันประหนึ่งนิรันดร์กาล จึงรับกลิ่นอายกระบวนค่ายกลสังหารเช่นนี้ไว้ได้

หากอยู่ในโลกภายนอก อย่าว่าแต่ภูเขาลูกหนึ่งเลย ต่อให้เป็นเมืองอันกว้างใหญ่สักแห่งก็จะถูกกระบวนค่ายกลใหญ่นี้หลอมทำลาย!

“ฆ่า!”

เถาเจี้ยนสิงฮึกเหิม เจือไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในใจเต็มไปด้วยความสาแก่ใจ

ก่อนหน้านี้ถูกหลินสวินขัดแข้งขัดขาไปหมด ทำเอาเขาอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว หลินสวินประหนึ่งสัตว์ที่ถูกขัง จะฆ่าจะแกงอยางไรล้วนทำได้

“อ้อ ทุกคนต้องระวังหน่อย เจ้าหมอนี่ตายไปไม่สำคัญ แต่อย่าให้สมบัติที่อยู่บนตัวเจ้านี่หลอมละลายไป”

กู่ฉางซินยิ้มจางๆ ลำพองใจอย่างมาก

“คราวนี้กักขังสังหารเจ้าหมอนี่ได้ ก็เป็นเพราะกระบวนค่ายกลสังหารที่อยู่ในมือของพี่กู่กระบวนนี้ สมกับเป็นหนึ่งใน ‘ห้ามหาผนึกอริยะ’ ของเรือนมรรคจักรวาล ทำให้ข้าผู้แซ่คุนได้เปิดหูเปิดตาอย่างอดไม่ได้”

คุนจิ่วหลินทอดถอนใจ

คนอื่นๆ ในที่นั้นต่างก็ลอบพยักหน้า

อานุภาพของกระบวนค่ายกลนี้เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดินจนเทพผีร่ำไห้จริงๆ มีอานุภาพเหลือเชื่อ ทำให้พวกเขาต่างหวาดผวาไม่หยุด

“ทุกท่านชมเกินไปแล้ว ความจริงหลินสวินคนนี้ก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง แต่น่าเสียดาย เขาบ้าระห่ำเกินไป โดยทั่วไปพวกบ้าระห่ำแบบนี้ก็ย่อมไม่มีจุดจบที่ดีอะไร!”

กู่ฉางซินยิ้มผยอง

พวกเขาคุยโอ่ราวกับว่าสถานการณ์ต้องเป็นไปตามนั้น คว้าชัยชนะมาไว้ในมือมั่นแล้ว

เหล่าผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่บนทางขึ้นเขาต่างลอบถอนใจ หลินสวินนั่นไม่เพียงเป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง เขายังฆ่าเยี่ยนฉุนจวินสังหารลู่อ๋าง ในศึกใหญ่ที่ภูเขากลับหัวยังครองความเป็นหนึ่ง หนีจากไปอย่างปลอดภัย!

ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นคนเก่งกาจธรรมดา จะดึงดูดให้ผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่มากมายขนาดนี้มาร่วมมือกันโจมตีได้อย่างไร

กล่าวอย่างไม่เกินเลยได้ว่า แม้เจ้าหมอนี่มาจากดินแดนรกร้างโบราณ แต่ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเขา ความเลิศล้ำของท่วงท่า แม้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังทำให้คนรุ่นเดียวกันจำนวนมากหม่นหมอง ทำให้บุคคลแห่งยุคบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราบางคนยังเชิดหน้าชูคอไม่ได้!

แต่สุดท้ายความเป็นจริงก็โหดร้ายยิ่งนัก หลังจากวันนี้ไป บุคคลชั้นยอดดั่งเย้ยฟ้าเช่นนี้ต้องถูกลบชื่อไปจากโลกแล้ว…

เช่นนี้ใครเล่าจะไม่ทอดถอนใจได้

“หืม!?”

แต่ก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ กู่ฉางซินก็นิ่วหน้า สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล

จิตรับรู้เขาแผ่ขยาย สัมผัสนับรู้กระบวนค่ายกลใหญ่ แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เอ่ยเสียงหลงว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร”

เสียงเจือแววตะลึงงุนงง ประหนึ่งพบกับเรื่องเหลือเชื่อที่สุดในโลก

คุนจิ่วหลินชะงักไป อดเอ่ยถามไม่ได้ว่า “พี่กู่ หรือเจ้าหมอนี่จะถูกหลอมไปด้วยกันกับสมบัติที่อยู่กับตัวมันแล้ว”

คนอื่นก็สับสนงงงวย

ตูม!

ก็ตอนนี้เอง ประกายเทพแสงมรรค ปรากฏการณ์ประหลาดในค่ายกลใหญ่กลียุคสังหารมาร… พลันระเบิดออกมาหมด ถูกพลังอันน่ากลัวจู่โจมพุ่งกระจาย

ทิวทัศน์ในกระบวนค่ายกลใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาทุกคนอย่างชัดเจนตามไปด้วย

ก็เห็นว่าหลินสวินยืนอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง นิ่งไม่ไหวติง ไม่บาดเจ็บสักนิด ชุดสีขาวพระจันทร์ทั้งตัวปลิวไหวไปตามลม ว่างเปล่ายากจับต้องดั่งเซียนจุติลงมา

“นี่…”

ดวงตาของพวกคุนจิ่วหลิน เถาเจี้ยนสิงต่างเบิกกว้างจนแทบหลุดออกมา ท่าทางเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ ความลำพองที่อยู่บนใบหน้าต่างแข็งค้าง

นี่เป็นไปได้อย่างไร

ความน่ากลัวของอานุภาพค่ายกลกลียุคสังหารมารทำให้พวกเขาต่างชมไม่ขาดปาก รู้สึกไหวหวั่นหาใดเทียบ สามารถกักขังสังหารระดับราชันอริยะได้

แต่ดูตอนนี้สิ หลินสวินที่ถูกขังอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่นั้นตั้งแต่ต้นจนจบดันไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิดเดียว!

“สวรรค์!”

“ข้าตาฝาดไปรึเปล่า”

“ถะ… ถึงกับ… ไม่เป็นไรเลยหรือ”

ทุกคนต่างอึ้งไปแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง ก่อนหน้านี้พวกเขายังถอนใจ เห็นใจกับความตายของหลินสวินไม่หยุด

จะคิดได้อย่างไรว่าหลินสวินไม่ต้องการความเห็นใจของใครสักนิด!

เพราะแม้แต่ค่ายกลกลียุคสังหารมารที่ทำให้ทุกคนสิ้นหวัง ยังทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่ผมสักเส้น!

ณ ที่แห่งนั้นเงียบสงัด ต่างมึนงงกับภาพนี้ จิตวิญญาณถูกโจมตี

ภายในกระบวนค่ายกลใหญ่ หลินสวินสีเอ่ยปากด้วยไม่สีหน้าไม่เข้าใจ “ทำไมหยุดเสียล่ะ มาๆๆ ดำเนินการแสดงของพวกเจ้าต่อสิ”

ประโยคเดียวดั่งดาบแหลมคมแทงเข้าไปในหัวใจของพวกกู่ฉางซินอย่างจัง ทำเอาสีหน้าพวกเขาปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ โกรธจนทวารทั้งเจ็ดแทบมีควันพวยพุ่ง

นี่เป็นการเย้ยหยันและดูหมิ่นโดยสิ้นเชิงอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ใบหน้าพวกเขาปวดแสบปวดร้อนเหมือนถูกตบหน้าเสียงดังฉาดหนึ่ง!

“ฆ่า! ลงมือเต็มกำลัง กำจัดไอ้เวรนี่!”

กู่ฉางซินคำรามลั่น เส้นเลือดตรงขมับปูดโปน โกรธโดยสมบูรณ์แล้ว

โครมครืน!

กระบวนค่ายกลใหญ่ถูกโคจรอีกครั้ง พลานุภาพแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่มาก

ไม่ว่าจะเป็นเถาเจี้ยนสิง คุนจิ่วหลิน หรือมกุฎมหาอริยะคนอื่น ต่างใช้พลังทั้งร่างกระตุ้นกระบวนค่ายกลใหญ่ถึงที่สุด

เงาร่างของหลินสวินถูกแสงมรรคและประกายเทพมืดฟ้ามัวดินกลบมิดอีกครั้ง

“คราวนี้คงได้แล้วกระมัง” ครู่สั้นๆ เถาเจี้ยนสิงก็เอ่ยปาก สีหน้าอึมครึมเย็นชา

แม้สามารถควบคุมกระบวนค่ายกลใหญ่ได้ แต่เขากลับไม่อาจสัมผัสถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกระบวนค่ายกล มีเพียงกู่ฉางซินที่เป็นผู้ควบคุมหลักของค่ายกลนี้ถึงจะสัมผัสได้

ดังนั้นยามเถาเจี้ยนสิงเอ่ยถาม สายตาจึงมองไปที่กู่ฉางซิน

ชั่วพริบตาเขาก็สังเกตได้ว่าสีหน้าของกู่ฉางซินแปลกชอบกล ลูกตาเบิกกว้าง กัดฟันเค้นเขี้ยว ท่าทางโกรธเกรี้ยวทำใจเชื่อได้ยาก

ภาพนี้ก็ถูกผู้ฝึกปราณคนอื่นสังเกตเห็นเช่นกัน ในใจเต้นตุบๆ หรือว่า…

ตูม!

ยามนี้กระบวนค่ายกลใหญ่ส่งเสียงกัมปนาถอีกครั้ง ละอองแสงระเบิดกระจุยหายไป

ก็เห็นว่าเงาร่างของหลินสวินยืนอยู่กลางแสงมรรคละอองแสงเต็มฟ้า แม้ไม่ขยับสักนิด แต่ราวกับหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย!

กระทั่งพลังกระบวนค่ายกลใหญ่ที่สามารถทำลายระดับราชันอริยะได้ ก็ต่างซ่านเซ็นไปข้างๆ ร่างกายเขา

ทั้งที่นั้นต่างสั่นสะท้าน เงียบเชียบไร้เสียง

ผู้ชมการต่อสู้บนทางขึ้นเขาต่างชะงักงันอยู่ตรงนั้น พวกเขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยพบเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้มาก่อน!

“นี่ก็คือกับดักสังหารที่พวกเจ้าวางไว้หรือ”

หลินสวินเอ่ยปากแล้ว เจือความเย้ยหยันอย่างไม่ปิดปัง “เหมือน… จะไม่เท่าไรนะ”

ในที่สุดเขาก็เคลื่อนไหวแล้ว ก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว

ตูม!

เพียงก้าวเดียวเท่านั้นกลับเหมือนมีอานุภาพสูงสุด กระบวนค่ายกลใหญ่กลียุคสังหารมารที่สืบทอดมาในเรือนมรรคจักรวาลกระบวนนี้ระเบิดกระจุยดังสนั่น

ประกายเทพโถมซัด สัญลักษณ์ลายมรรคแน่นขนัดกระจัดกระจาย

หนึ่งก้าวเหยียบย่าง พลิกฟ้าคว่ำดิน ค่ายกลใหญ่มลายสิ้น!

ทุกคนต่างเผยสีหน้าตกตะลึง มองดูเงาร่างสูงโปร่งที่เดินแผ่วพลิ้วออกมาจากกระบวนค่ายกลใหญ่นั้น

ประหนึ่งได้พบทวยเทพ!

“นี่ ก็คือฝีมือชั้นยอดของปฐมาจารย์ลายมรรคหรือ…”

ในหมู่คนดู แววตาอาหูเลื่อนลอยอยู่บ้าง ตื่นตะลึงกับฝีมือสะท้านโลกที่หลินสวินสำแดงออกมาในขณะนี้เช่นกัน

“การเข่นฆ่า เริ่มตั้งแต่ตอนนี้!”

เสียงต่ำลึกเย็นชาประหนึ่งกระแสหนาวเย็นม้วนตลบทั้งที่นั้น เงาร่างหลินสวินหายลับไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

ครู่ต่อมาเขาก็ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่ง ร่างเหมือนเตาหลอมมหามรรคที่สั่งสมพลังไว้นานแล้วเตาหนึ่ง ซัดกระแสเจตกระบี่พร่างพราวกรรโชกแรงดั่งสายน้ำออกมา

ปัง! ปัง! ปัง!

ไม่ทันได้ต้านทานสักนิด ร่างของผู้ฝึกปราณเหล่านี้ก็ถูกกลบมิดในชั่วพริบตา ระเบิดออกดังลั่นภายใต้เจตกระบี่เจิดจ้าที่ล้างผลาญ ชั่วพริบตาที่เลือดเนื้อกระเซ็นกระสาย ก็ถูกปราณกระบี่ทำให้ระเหยไป

ตายไร้ศพ ฝุ่นปลิวควันมลาย!

ภาพอันอหังการและนองเลือดเช่นนี้ทำให้พวกกู่ฉางซินต่างตัวสั่นระริก ไม่อาจสนใจเรื่องอื่น ต่างโจมตีเต็มกำลัง

“รีบลงมือ!”

“เข้าไปพร้อมกัน ปลิดชีพเจ้าหมอนี่!”

เสียงคำรามเดือดดาลสะท้านฟ้าสะเทือนดิน บนยอดเขาพญามังกร เหล่าผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ต่างเคลื่อนไหวแล้ว ล้อมฆ่าหลินสวินคนเดียวราวกับวงคลื่นเป็นชั้นๆ

ตูม โครมๆ!

วิชามรรคที่มีอานุภาพสุดหยั่งทั้งปวง แสงสมบัติที่โชติช่วงแจ่มจรัสต่างๆ พวยพุ่งในที่นั้นมากมาย

ฟ้าดินต่างเปลี่ยนสี ห้วงอากาศล้วนโกลาหลยุ่งเหยิง!

เหล่าผู้ชมเห็นภาพเช่นนั้นก็ร้องตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่ ถอยหนีหวาดผวา กลัวแต่ว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

“หนึ่งต่อหนึ่ง พวกเจ้าสู้ไม่ได้ ใช้คนมากสู้กับหนึ่ง พวกเจ้าก็ยิ่งไม่ไหว!”

เงาร่างหลินสวินส่องแสงประหนึ่งเตาหลอมลุกโชนเหิมฮึก ไอสังหารกับความโกรธเคืองที่สั่งสมอยู่ในใจปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์ในขณะนี้

ชิ้ง!

ดาบหักโฉบออกมา ส่งเสียงใสโถมซัดเก้าชั้นฟ้า เพียงพริบไหวเบาๆ ครั้งเดียว ในที่นั้นก็มีร่างผู้ฝึกปราณหลายคนถูกฟันเอวสะบั้น ส่งเสียงร้องอนาถ

ตูม!

หลินสวินโคจรวิชาแห่งตน ชั่วอึดใจประหนึ่งลมพายุซัดสาด เคลื่อนกวาดในที่นั้น เผด็กการผงาดกร้าวดั่งเทพมาร ไอสังหารสะท้านฟ้า

ทุกที่ที่เขาผ่าน ไม่ว่าจะวิชามรรคใดหรือสมบัติอะไรล้วนถูกถล่มกระจุยกระจาย ไม่อาจขัดขวางได้

อานุภาพเทพดั่งไร้ศัตรูเทียบเทียมนั้น ทำเอาผู้ชมต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง

“ฆ่า!”

กู่ฉางซินถือกระบี่บุกเข้ามา ร่างกายมีเจตกระบี่สีดำพลุ่งพล่านทะลวงเมฆา เขาสีหน้าคล้ำเขียว มีแต่ความดุร้าย ยามลงมือยิ่งไม่เกรงใจสักนิด

ฉึบ!

ในฝ่ามือเขากระบี่เทพดั่งรุ้ง ควบรวมพลังจักรวาล มีอานุภาพไพศาลไม่อาจป้องกัน เมื่อประกายกระบี่ชี้ไป ห้วงอากาศก็ถูกกรีดออกเป็นรอยตรงแน่ว

นี่ก็คือกู่ฉางซิน พวกร้ายกาจที่อยู่ในร้อยอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ออกโจมตีเดือดดาล คนทั่วไปย่อมเทียบไม่ได้

เพียงแต่…

หลินสวินเพียงใช้ฝ่ามือเดียวตบออกไป เจตกระบี่น่ากลัวที่ทะลวงสังหารมาก็ระเบิดออกทุกกระเบียด พลังฝ่ามือแผ่ขยาย ตบใส่ตัวกู่ฉางซินจนกระเด็น

ปึง!

ท่ามกลางเสียงทุ้มหนัก กู่ฉางซินกระอักเลือดออกปากจมูก กระแทกกับหินผาเก่าแก่ก้อนหนึ่งอย่างรุนแรงดุจว่าวสายป่านขาด ภาพตรงหน้าพร่ามัว

ฝ่ามือเดียว ตบจนกู่ฉางซินไร้แรงตั้งกระบวนท่า!

หลายคนต่างศีรษะชาหนึบ นี่ยังเป็นคนอยู่ไหม

ด้านมกุฎมหาอริยะที่เคยประมือกับหลินสวินอย่างคุนจิ่วหลิน เถาเจี้ยนสิงล้วนตัดสินเด็กขาดในยามนี้ ว่าหลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว

ไม่เพียงพลังปราณทะลวงระดับมหาอริยะขั้นกลาง แม้แต่พลังต่อสู้ยังแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนเกินหนึ่งเท่า!

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset