Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1734 ข่าวลือเก้าลับสามผนึก

โลกที่ผุพัง ทิวทัศน์ที่รกร้างผลาญทำลาย แผ่กลิ่นอายวังเวงที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่งออกมา

“ไม่ว่าที่แห่งนี้จะมีศุภโชคหรือไม่ สิ่งสำคัญเหนือสุดคือต้องตามหาพวกหมีเหิงเจินให้ได้”

แววตาหลินสวินเยือกเย็น

เขาและอาหูเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกัน เหาะเหินกลางห้วงอากาศ ลัดเลาะเสาะหาระหว่างแผ่นดินที่ลอยผลุบโผล่กลางอากาศชิ้นแล้วชิ้นเล่า

“อาหู เจ้ารู้จักคำกล่าวถึง ‘เก้าลับ’ ของคุนหลุนหรือไม่”

ระหว่างทางหลินสวินกล่าว

อาหูจัดระเบียบกระบวนความคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างแช่มช้าว่า

“เคยได้ยิน ในกาลเวลาที่ผ่านมา เคยมีผู้แข็งแกร่งมากมายมุ่งหน้ามาแสวงหาวาสนาที่แหล่งสถานคุนหลุน ในพื้นที่ที่ถูกพวกเขาเสาะหาแล้ว ยกให้ ‘แดนแห่งเก้าลับ’ เร้นลับที่สุด และแดนแห่ง ‘สามผนึก’ อันตรายที่สุด”

“เก้าลับ ก็คือโลกลึกลับเก้าแห่ง เขาพญามังกรเป็นเพียงหนึ่งในนั้น บริเวณอื่นๆ ในโบราณสถานคุนหลุนยังมีแดนลับคล้ายๆ กันอีกแปดแห่งกระจายอยู่”

“ในแดนเก้าลับนี้ มีเพียงผู้ที่ถือครองป้ายคำสั่งเซียนเหินเท่านั้นจึงจะมีโอกาสเข้าไปได้”

“นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมหลังจากพวกเราปรากฏตัว จึงถูกฝึกปราณมากมายขนาดนั้นจับจ้อง ประโยชน์ของป้ายคำสั่งเซียนเหินมากมายเกินไปจริงๆ ไม่ว่าใครล้วนตาลุกกันทั้งนั้น”

ได้ฟังถึงตรงนี้หลินสวินก็อดแปลกใจไม่ได้ “ทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่เหนือล้ำปานใด แต่เหตุใดกลับไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหิน ตรงข้ามกลับเป็นเก้าดินแดนที่มีป้ายคำสั่งเร้นลับระดับนี้”

อาหูกล่าว “เหตุผลภายในนั้นข้าเองก็ไม่อาจล่วงรู้ แต่กลับเคยได้ยินข่าวลือหนึ่ง”

หลินสวินเผยแววสนใจขึ้นมาทันที “ข่าวลืออะไร”

“มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า ในอดีตกาลเก้าดินแดนก็คือจุดศูนย์กลางของหมื่นโลกทั่วหล้า และถูกมองเป็นแดนต้นกำเนิดที่การบำเพ็ญเพียรรุ่งเรือง!”

“ในตอนนั้นโบราณสถานใหญ่สองแห่งอย่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และแหล่งสถานคุนหลุนล้วนมีเส้นทางที่เชื่อมสู่เก้าดินแดน แต่พร้อมๆ กันกาลเวลาที่เคลื่อนคล้อย เก้าดินแดนเกิดการเปลี่ยนแปลงประหนึ่งท้องสมุทรกลายเป็นผืนนา ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ฝึกปราณได้อีกต่อไป จึงค่อยๆ เสื่อมโทรมลง”

“ถึงอย่างไรเจ้าเองก็รู้ดี ผู้ที่พลังปราณยิ่งสูง มรรคาที่อยากปีนป่ายก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ความต้องการที่มีต่อทรัพยากรฝึกปราณก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”

“เก้าดินแดนแม้จะเรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาล แต่ยามเมื่อปราณของผู้ฝึกปราณบรรลุถึงระดับอริยะแล้ว ด้วยกลิ่นอายมหามรรค กฎเกณฑ์ของฟ้าดิน ไม่สามารถทำให้พวกเขาเกิดการพัฒนาใดๆ บนมรรคาได้แล้ว”

“ดังนั้นในกาลเวลาไร้สิ้นสุดตั้งแต่อดีตมา ผู้ฝึกปราณจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างเหยียบย่างบนเส้นทางที่มุ่งสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา”

“สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในเก้าดินแดน ยังเกิดขึ้นในโลกอื่นๆ บนฟ้าดาราด้วย แต่มีเพียงเก้าดินแดนจึงจะมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และแหล่งสถานคุนหลุน!”

“นี่ก็คือสาเหตุที่ว่า ทำไมเก้าดินแดนถึงมีสมบัติเร้นลับเช่นป้ายคำสั่งเซียนเหินได้”

“แน่นอน นี่เป็นเพียงข่าวลืออย่างหนึ่งเท่านั้น จริงแท้อย่างไรกันแน่ เกรงว่าต่อให้เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิก็ยังบอกยาก”

ถึงตอนนี้หลินสวินเริ่มเข้าใจรางๆ แล้ว

จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดบ้าบิ่นอย่างหนึ่งขึ้นมา

หากบอกว่าเก้าดินแดน เริ่มแรกสุดเป็นแดนต้นกำเนิดที่การฝึกปราณรุ่งเรือง

เช่นนั้นดินแดนรกร้างโบราณก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นพื้นที่แกนกลางภายในนั้น

และ ‘โลกชั้นล่าง’ ที่ตั้งอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นแกนหลักของแกนกลาง เป็นแดนต้นกำเนิดแรกเริ่มสุด!

สาเหตุที่มีความคิดเช่นนี้ ก็เพราะโลกชั้นล่างแห่งนั้นไม่ธรรมดาเกินไป ลำพังแค่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในจตุโบราณสถานก็ยังตั้งอยู่ภายในนั้น!

แต่นี่เป็นเพียงความคิดของหลินสวินเท่านั้น

ความลับของวัฏจักรฟ้าดาราว่างเปล่าทั้งบนล่างในใต้หล้านี้มีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว จากความรู้และประสบการณ์ในปัจจุบันของเขา ยังห่างไกลไม่สามารถอนุมาน ‘ต้นกำเนิดของโลก’ หรือคาดเดาสถานที่กำเนิดมหามรรคได้

“แล้วแดนสามผนึกใหญ่คืออะไรอีก”

หลินสวินเอ่ยถามต่อ

อาหูกล่าว “ที่แรกคือ ‘แท่นสักการะ’ ลือกันว่าซ่อนความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์เอาไว้”

“ที่ที่สองคือ ‘ผาสยบมรรค’ ว่ากันว่าที่นั่นควบรวมกลิ่นอายต้นกำเนิดของหมื่นมรรคใต้หล้าเอาไว้”

“ที่ที่สามก็คือ ‘แดนผนึกไร้นาม’ ที่นั่น… เป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแหล่งสถานคุนหลุน จากอดีตถึงปัจจุบัน ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปในนั้นแทบจะตายเพราะประสบเคราะห์กันทั้งนั้น”

กล่าวถึงตรงนี้นัยน์ตาของอาหูวาบแววกริ่งเกรง “ข้าเคยได้ยินมาว่า ช่วงสมัยดึกดำบรรพ์เคยมีคนรอดชีวิตกลับออกมาจากแดนผนึกไร้นาม แต่กลับสูญเสียความทรงจำ กลายเป็นบ้าไป หนำซ้ำบนตัวยังรายล้อมด้วยกลิ่นอายด่านเคราะห์น่าสะพรึง หลังจากกลับมาทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ไม่นานก็ตายอนาถจากโลกไป”

“ก่อนสิ้นใจคนผู้นี้ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ จนป่านนี้ยังแพร่กระจายอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา”

หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “เขาพูดอะไรหรือ”

“มรรคาสะบั้นแล้ว ไม่อาจร้องขอ!”

ริมฝีปากอาหูเอ่ยไม่กี่คำออกมาเบาๆ

ประโยคเดียวที่สุดแสนธรรมดา แต่กลับเสมือนแฝงพลังที่ชวนให้ผู้คนหวั่นผวา ทำเอาร่างกายหลินสวินยังสั่นเทิ้มน้อยๆ

มรรคาสะบั้นแล้ว?

นี่อย่าบอกนะว่าหมายถึงว่า แม้ผู้ฝึกปราณจะทุ่มหยาดเหงื่อแรงกายตลอดชีวิต แม้ว่าจะเหยียบย่างระดับจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์แห่งมรรค ก็ต้องพบกับจุดจบที่ไม่อาจเอื้อมสัมผัสมหามรรคได้

“เจ้าอย่าเก็บมาคิดจริงจังเลย นี่เป็นแค่สิ่งที่คนเสียสติตายคนนั้นเหลือทิ้งไว้ก่อนสิ้นใจเท่านั้น แม้จะกระจายไปในโลก แต่ก็มีไม่กี่คนที่คิดว่าเป็นเรื่องจริง”

อาหูกล่าว “เพียงแต่ ‘แดนผนึกไร้นาม’ นั่นเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแหล่งสถานคุนหลุนจริงๆ จนตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าลองเฉียดใกล้อีกเลย”

หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง

ทำความเข้าใจ ‘เก้าลับสามผนึก’ แล้ว คราวนี้เขาจึงพบว่า จำนวนความลับที่ซ่อนอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน เหนือกว่าที่ตนจินตนาการหลายโข

ที่นี่เหมือนปิดครอบด้วยหมอกหนาแถบหนึ่ง ไม่ว่าใครมาอยู่ในนี้ต่างรู้สึกถึงความลับและปริศนามากมาย

“พวกเรามุ่งหน้ามาครั้งนี้ อย่างมากสุดก็รั้งอยู่ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น หลังครึ่งปี เส้นทางที่แหล่งสถานคุนหลุนเชื่อมสู่โลกภายนอกก็จะปิดผนึกและหายไปอีกครั้ง”

อาหูกล่าวทอดถอนใจ “นี่ก็กำหนดไว้แล้วว่าครั้งนี้พวกเราไม่มีทางสอดส่องความลับในแหล่งสถานคุนหลุนได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน จากอดีตตราบปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้”

ตอนที่ทั้งคู่พูดคุยกัน ได้ข้ามผ่านแผ่นดินลอยผลุบโผล่มากมายแล้ว

ขณะที่หลินสวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ บริเวณไกลๆ ก็มีเสียงคำรามสะเทือนเดือดดาลดังลอยมาระลอกหนึ่ง…

“ทำไมไม่ได้ ทำไม!?”

“ข้าลู่เสวียนจีทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่ากิเลนโลหิต กำเนิดมาพร้อมมหาโชควาสนา ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ไม่ถึงสามร้อยปีก็ไต่เต้าขึ้นสู่อันดับสามสิบเจ็ดบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา!”

“จากรากฐานพลังระดับนี้ของข้า ยังไม่สามารถได้รับการยอมรับจาก ‘พลังแห่งสรรพชีวิต’ บนโลกใบนี้ยังจะมีสักกี่คนที่มีคุณสมบัติ”

“ถอยไปให้หมด ข้าจะทุ่มสุดตัวอีกครั้ง!”

ในน้ำเสียงเจือความไม่เต็มใจและคับแค้นไร้สิ้นสุด

ลู่เสวียนจี!

หลินสวินและอาหูสบตากันปราดหนึ่ง ต่างฮึกเหิมขึ้นมา

วู้ม…

หลินสวินโคจรไอซวนหนีปิดครอบเงาร่างของทั้งสองเอาไว้ จากนั้นก็เคลื่อนเข้าไปใกล้ๆ อย่างไร้สุ้มเสียง

ไม่นานแผ่นดินลอยตัวที่กว้างขวางสุดขีดแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น พาดขวางกลางห้วงอากาศ อาณาเขตพันลี้เต็ม บนนั้นเทือกเขาทรุดถล่ม ต้นหญ้าไม่เจริญงอกงาม รกร้างหาใดเปรียบเช่นเดียวกัน

มีเพียงพื้นที่ตรงกลางเท่านั้นที่เห็นชัดว่าไม่เหมือนกันอย่างมาก

ที่นั่นมียอดเขาที่รูปร่างคล้ายระฆังใบใหญ่ สูงตระหง่านแข็งแกร่ง ตัวเขาคละคลุ้งด้วยไอขุ่นมัว แผ่กลิ่นอายเก่าแก่เวิ้งว้างออกมา

บริเวณเชิงเขา ผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งยืนปักหลัก มีจำนวนสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนอานุภาพไม่ธรรมดา กลิ่นอายน่าตกใจ

ผู้นำคือชายหนุ่มที่สวมชุดสีเลือด มีเขาเดี่ยวสีเลือดบนหัว รูปร่างสูงใหญ่กำยำถึงที่สุดคนหนึ่ง

เขายืนอยู่หน้าภูเขาใหญ่ ผมยาวปลิวไสว สีหน้ามืดทะมึนเกรี้ยวกราด สายตาจับจ้องบนกำแพงหินหน้าภูเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย หว่างคิ้วเจือแววขุ่นแค้น

ไม่ต้องเดาสักนิด คนผู้นี้ต้องเป็นลู่เสวียนจีทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่านักรบกิเลนโลหิตอย่างแน่นอน!

หลินสวินและอาหูเข้าใกล้อย่างเงียบๆ ด้วยมีไอซวนหนีปิดบัง การปรากฏตัวของพวกเขาย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ตกใจคือ เมื่อเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ ภูเขาใหญ่ผ่าเผยที่รูปร่างคล้ายระฆังใหญ่นั่นก็เสมือนขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สูงตระหง่านมากขึ้นทุกที…

จนกระทั่งต่อมา ถึงกับให้ความรู้สึกค้ำยันจักรวาล สูงจนไม่อาจป่ายปีนให้แก่ผู้คน!

หลินสวินและอาหูต่างระวังตัวและรอบคอบมากขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งตอนที่ระยะห่างจากพวกลู่เสวียนจีเหลือประมาณพันจั้ง คราวนี้ทั้งคู่หยุดฝีเท้า เงาร่างซุกซ่อนอยู่หลังกองเนินหินแถบหนึ่ง

‘เจ้าดูบนกำแพงหินภูเขานั่น’

อาหูรีบสื่อจิตอย่างรวดเร็ว

หลินสวินมองตามไป ก็เห็นส่วนล่างของภูเขาใหญ่มีไอขุ่นมัวคละคลุ้ง มองเห็นได้รางๆ ว่ากำแพงหินนั่นเงาวับเหมือนกระจก ประทับด้วยแผนภาพโบราณภาพหนึ่ง

ในภาพสุริยันจันทราดาราห้อมล้อม บนแผ่นดินใหญ่เวิ้งว้าง มีผู้คนและสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนกำลังกราบไหว้สักการะ สีหน้าเคร่งขรึมและศรัทธา

บนเวิ้งฟ้านั่นกลับมีระฆังใบหนึ่งลอยอยู่!

นี่คือ ‘ภาพหมื่นวิญญาณเซ่นไหว้’ ที่เก่าแก่ถึงขีดสุดภาพหนึ่ง แผ่กลิ่นอายเคร่งขรึมพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมา ทำให้ในใจผู้คนสะท้านสะเทือน

เพียงแต่วัตถุที่พวกเขาเซ่นไหว้บูชา กลับเป็นระฆังใบหนึ่ง มันลอยอยู่ใต้เวิ้งฟ้า ใหญ่จนน่าตกใจ ตัวระฆังประทับลายมรรคคลุมเครือเนืองแน่น

ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงภาพหินสลักภาพหนึ่ง แต่ตอนที่สายตาพวกหลินสวินมองไปทางระฆังใบนี้ ถึงกับมีพลานุภาพสูงสุดที่สามารถสยบจักรวาล สั่นคลอนธารดารา บารมีกระจายทั่วหล้า!

ภาพนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่สุด เป็นไปได้สูงว่าอาจซ่อนมหาศุภโชคเอาไว้อย่างไม่ต้องสงสัย

‘ลู่เสวียนจีน่าจะอยากได้รับการยอมรับจากภาพหินสลักนี้… หืม?’

อาหูคล้ายใคร่ครวญ

จากนั้นนางก็อึ้งไป พบว่าสีหน้าหลินสวินผิดแปลกไปอยู่บ้าง สายตาจับจ้องระฆังใบนั้นไม่วางตา คล้ายแปลกใจยิ่ง ทั้งเหมือนไม่อยากเชื่อ

‘เป็นอะไรไป’

นางสื่อจิตเอ่ยถาม

‘ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าจะเคยเห็นระฆังใบนี้…’

สายตาหลินสวินเลื่อนลอยเล็กน้อย

อาหูก็อดฉงนใจไม่ได้ นี่เป็นถึงแดนผนึกหนึ่งในแดนเก้าลับของแหล่งสถานคุนหลุน ภาพหินสลักภาพนั้นใช่ว่าใครๆ จะสามารถพบเห็นได้

แต่หลินสวินถึงกับบอกว่าเคยเห็นระฆังใหญ่ในภาพหินสลัก นี่ทำให้นางแปลกใจมากเช่นกัน

‘เป็นมันหรือ…’

ในหัวหลินสวินผุดภาพเป็นฉากๆ ขึ้นมา

ปีนั้นตอนที่เขาเข้าสู่แดนฐิติประจิมในดินแดนรกร้างโบราณเป็นครั้งแรก เคยเข้าร่วม ‘เทศกาลโคมกถามรรค’ ครั้งหนึ่ง นั่นเป็นบนเขาพยับคราม บนเขามีต้นโคมสำริดมรรคโบราณอยู่ต้นหนึ่ง

เขาฟันฝ่าผ่านด่านตลอดทาง ผ่านบททดสอบด่านแล้วด่านเล่า และได้รับวาสนามากมายหลายชนิด

เช่นยามอยู่ที่ป่าศิลาแสดงมรรค หลินสวินหยั่งถึงมรรคดับดารากลืนกินเป็นครั้งแรก ได้เห็นภาพสะท้านโลกฉากแล้วฉากเล่าที่มหาจักรพรรดิดับดาราวิ่งไปตลอดทางบนวัฏจักรฟ้าดารา

หรืออย่างในบททดสอบถกมรรค หลินสวินได้รับสมบัติโบราณแปลกพิสดารอย่างขวดมหามรรคไร้ขอบเขตชิ้นนี้

นอกจากนี้ในเทศกาลโคมกถามรรคยังเกิดเรื่องราวน่าเหลือเชื่อขึ้นมากมาย

สิ่งที่ทำให้หลินสวินยากจะลืมเลือนที่สุดก็คือ ในขั้นสุดท้ายเคยมีแท่นมรรคแท่นหนึ่งปรากฏขึ้น บนแท่นมรรควางระฆังสำริดใบหนึ่งเอาไว้

ระฆังนี้สูงเพียงครึ่งฉื่อเท่านั้น ประกายแสงไหลเวียน ประทับลายมรรคแน่นขนัด วิเศษอัศจรรย์สุดหยั่ง

ตอนนั้นเพื่อช่วงชิงระฆังใบนี้ หลินสวินกับพวกอวี่หลิงคงยังต่อสู้ปะทะกันอย่างดุเดือดรุนแรงหาใดเปรียบอีกด้วย!

แต่ผลสุดท้ายก็ไม่มีใครได้ระฆังใบนี้ไป

เพราะผลกรรมที่ระฆังใบนั้นพันผูกไว้ยิ่งใหญ่เกินไป ไม่ใช่หลินสวินในตอนนั้นจะสามารถเฉียดใกล้ได้เลยสักนิด!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset