Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1740 ต้นมรณะฝังวิญญาณ

ภิกษุจีวรดำรู้สึกว่าเหลวไหลจริงๆ

หลินสวิน บุคคลร้ายกาจชั้นยอดคนหนึ่งที่เคยฆ่ามกุฎมหาอริยะอย่างพวกเยี่ยนฉุนจวิน ลู่อ๋าง กู่ฉางซิน เถาเจี้ยนสิง คุนจิ่วหลิน

บุคคลพลิกฟ้าคนหนึ่งซึ่งชิงไอมรรคหลอมสมบัติ ‘บทประพันธ์มหามรรค’ แล้วยังหนีไปได้อย่างปลอดภัยในศึกใหญ่บนภูเขากลับหัว สังหารเหล่าศัตรูบนยอดเขาพญามังกร เป็นได้แค่เจ้าตัวเล็กในสายตาของสำนักโบราณจรัสเทพหรือ

ทั้งรางวัลค่าหัวและอันดับบนกระดานเทพลงทัณฑ์ยังรั้งท้ายทั้งหมดด้วย!

นี่ทำให้ภิกษุจีวรดำรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

แดนกษิติครรภ์ของข้าให้ความสำคัญกับเจ้านอกรีตคนหนึ่งเช่นนี้ ในสายตาสำนักโบราณจรัสเทพของเจ้ากลับกลายเป็นเป้าหมายเล็กๆ ที่ไม่ถูกให้ความสำคัญอย่างหนึ่ง นี่ไม่ได้แสดงว่าแดนกษิติครรภ์ของข้าไร้สามารถหรอกรึ

ซาหลิวชิงหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “เจ้าอย่าเข้าใจผิด นี่เป็นแค่ช่วงก่อนเข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุน สำนักโบราณจรัสเทพของข้ายังไม่รู้เบื้องลึกของเจ้าหมอนี่ จึงได้มองเป็นเจ้าตัวจ้อย”

“และที่ข้ามาแหล่งสถานคุนหลุนครานี้ เดิมทีก็ไม่ได้มาเพื่อไล่ฆ่าเจ้าหมอนี่ แต่ต่อมาถึงค่อยพบว่าเจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา”

“ข้ากล้ายืนยันว่าหากตัดหัวเขากลับไปที่สำนักได้ จำนวนของรางวัลค่าหัวที่ได้รับ ต้องมากกว่าสามสิบผลึกสมบัติมหามรรคหลายเท่าตัวแน่นอน!”

กล่าวถึงตอนท้ายเขาก็เลียริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับสัตว์ที่กระหายเลือด

ผลึกสมบัติมหามรรคกำเนิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกาพิภพ คุณประโยชน์อัศจรรย์ มีประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกปราณของผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะขึ้นไป

ขณะเดียวกันผลึกสมบัติมหามรรคก็เป็นสกุลเงินหายากอย่างหนึ่งที่นำมาใช้แลกเปลี่ยนบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ทั้งถูกมองเป็น ‘ผลึกมรรค’ ด้วย

มูลค่าของผลึกมรรคก้อนหนึ่ง เทียบได้กับโอสถวิญญาณหมื่นปีต้นหนึ่ง!

สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะ ผลึกมรรคคือสกุลเงินแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีอะไรมาแทนได้

เมื่อได้ฟังคำพูดของซาหลิวชิง ภิกษุจีวรดำก็รู้สึกสงบลงไม่น้อย

เขายื่นข้อเสนอ “เจ้าหมอนี่ยากจัดการ ทั้งยังมีสมบัติหายาก แค่จับตายมันได้ ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาย่อมมากมายและน่าล่อใจถึงขีดสุด เจ้ากับข้าสองคนไม่สู้ร่วมมือกันสักครั้งเป็นอย่างไร”

ซาหลิวชิงแววตาไหววูบ “ร่วมมืออย่างไร”

“ทรัพย์หลังศึกแบ่งกันคนละครึ่ง”

“ได้!”

ซาหลิวชิงใคร่ครวญเล็กน้อยก็รับปาก

ความแข็งแกร่งของหลินสวินก็ทำให้เขาระวังตัว หากร่วมมือกับบุคคลร้ายกาจที่จัดอยู่ในหมู่ ‘อรหันต์หลุดพ้น’ ของแดนกษิติครรภ์คนนี้ได้ โอกาสที่จะสำเร็จย่อมมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

อรหันต์หลุดพ้น สมญานี้มีเพียงยอดบุคคลในหมู่ผู้สืบทอดระดับมหาอริยะของแดนกษิติครรภ์ที่ครอบครองได้

ภิกษุจีวรดำตรงหน้าคนนี้มีฉายาว่า ‘คูตู้’ แต่ในโลกมืดกลับถูกพวกเหี้ยมโหดป่าเถื่อนนับไม่ถ้วนเรียกว่า ‘อรหันต์เลือด’!

ด้วยในมือคนผู้นี้เคยสังหารคนมานับหมื่น เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

วันนี้ก็ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวออกไป ทำให้ข่าวที่หลินสวินมุ่งหน้าไปยังแท่นสักการะแพร่กระจายไปทั่วโบราณสถานคุนหลุนอย่างรวดเร็ว ดึงดูดสายตาไม่รู้เท่าไหร่

แดนโบราณที่เงียบเหงา ท้องนภาที่แตกสลาย พื้นปฐพีสีแดงก่ำ…

นี่คือเขตแดนอันตรายแห่งหนึ่งที่ทั้งลึกลับและชั่วร้าย

เมื่อเคลื่อนย้ายผ่านแท่นบูชาห้าสีมา พวกหลินสวินก็ปรากฏตัวในฟ้าดินแห่งนี้

พวกเขาต่างเรียกสมบัติออกมาเกือบจะทันที ระมัดระวังกันเต็มที่

“ทุกท่าน ตั้งแต่นี้ไปอันตรายจะคงอยู่ทุกแห่งหน จะไปถึงแท่นสักการะนั้นได้ไหม ก็ต้องดูความสามารถของพวกเราแล้ว”

เมิ่งอี้สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แววตาลุ่มลึก

เหนือศีรษะเขามีภาพมรรคที่ทำจากหนังสัตว์เก่าแก่ภาพหนึ่งลอยอยู่ ละอองแสงสลัวรางมากมายพร่างพรมครอบตัวเขา

ในมือเขาควบคุมเข็มทิศกระดองเต่าที่ขาวกระจ่างดุจหยกงามชิ้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ใช้นำทาง

หลินสวินเหลือบมองไปก็เห็นจีเฉียน เจียงเหิงติดอาวุธครบชุดแล้วเช่นกัน

วู้ม!

ตอนนี้เขาเรียกดาบหักออกมา ซ่อนขวดมหามรรคไร้ขอบเขตไว้กลางฝ่ามือ ขับเคลื่อนพลังทั่วร่างออกมาอย่างเงียบเชียบ

อาหูก็ไม่กล้าละเลยเช่นกัน เตรียมการพร้อมสรรพ ชุดกระโปรงของนางพลิ้วไหว กลางฝ่ามือมีแสงมรรคสีม่วงทรงพลังหลายสายปรากฏออกมา

นี่ทำให้เมิ่งอี้อดมองนางอีกครั้งไม่ได้ คล้ายผิดคาดอยู่บ้าง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

“ไป”

เมิ่งอี้ลอยตัวขึ้นไปนำทางข้างหน้า ไม่กล้าใช้วิชาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ

ไม่ใช่เพราะข้อจำกัดของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน หากแต่เป็นเพราะในแดนผนึกอันตรายนี้เต็มไปด้วยเคราะห์สังหารและภัยพิบัติมากเกินไป

การใช้วิชาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายอย่างสิ้นเชิง

พวกเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เหมือนเดินอยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลา สิ่งที่ถาโถมเข้าใส่คือกลิ่นอายของยุคสมัยและวันเวลา

เมื่อทุกคนต่างสังเกตเห็นจุดนี้ก็ใจสั่นระรัวอย่างอดไม่ได้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือคลื่นกฎระเบียบของกาลเวลา กระจายอยู่ในแดนผนึกอันตรายนี้ราวกับสายน้ำเล็กๆ

เคราะห์ดีที่พวกเขาระวังตัวเต็มที่ ทั้งยังมีพลังปราณระดับมกุฎมหาอริยะ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นมาที่นี่ ต้องแบกรับการกัดกร่อนของ ‘พลังแห่งกาลเวลา’ เช่นนี้ไม่อยู่แน่ คงทำให้อายุขัยหมดลงด้วยความเร็วที่ชวนตะลึง สุดท้ายก็เน่าเปื่อยตายจากไป!

“นัยเร้นลับแห่งกาลเวลาถูกมองเป็นยอดกฎเกณฑ์สูงสุด ต่อให้เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิ ก็มีน้อยคนนักที่หยั่งถึงและควบคุมได้”

เมิ่งอี้สีหน้าจริงจัง “ไม่เคยคิดเลยว่าในแดนผนึกแท่นสักการะนี้ คลื่นของกฎเกณฑ์กาลเวลาจะเคลื่อนไหวเด่นชัดราวกระแสน้ำขึ้นลงเช่นนี้”

หลินสวินนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง เขากำลังลองหยั่งสัมผัสพลังของกาลเวลา

พรึ่บ!

เพียงแต่ชั่วพริบตาเส้นผมปอยหนึ่งของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาวดุจหิมะ แห้งเหี่ยวโรยรา เหมือนได้รับการลงทัณฑ์ของกาลเวลา

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก

แดนผนึกแห่งนี้เปล่าเปลี่ยวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมองไปก็เป็นภาพของแดนรกร้างว่างเปล่า กว้างใหญ่ไพศาลและพังทลาย สะเก็ดดาวที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดวงแล้วดวงเล่าล้วนด่างพร้อยและไม่สมประกอบหาใดเปรียบ

ยังมีเศษโลกที่แยกออกจากกัน กลายเป็นผืนดินแหว่งเว้าลอยเกลื่อนอยู่ตรงนั้น เหมือนซากศพที่ร่วงหล่นลงไปในสายน้ำแห่งกาลเวลา

บรรยากาศที่มืดสลัวและกดดันเข้าปกคลุมฟ้าดิน ทำให้ที่นี่ดูแปลกประหลาดและชวนขนพองสยองเกล้าหาใดเปรียบ ไม่รู้ว่าในโบราณกาลเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้แดนผนึกแห่งนี้เงียบสงัดเช่นนี้

‘ลือกันว่าโลกดับสลายที่นี่ ดวงดาวร่วงหล่นนิรันดร์ ณ ที่แห่งนี้ เวลาว่างเปล่าเมื่ออยู่ที่นี่ มีเพียงแท่นสักการะที่คงอยู่ไม่เสื่อมสูญ’

อาหูสื่อจิตบอกหลินสวิน ‘ตอนนี้ดูท่าว่าจะไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ’

หลินสวินอดตื่นตะลึงไม่ได้

โลกดับสลาย!

ดวงดาวร่วงหล่นนิรันดร์!

เวลาว่างเปล่า!

มีเพียงแท่นสักการะที่คงอยู่ไม่เสื่อมสูญ!

เมื่อเข้าใจนัยที่แฝงอยู่ภายในเล็กน้อย ก็พอจะทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามหนาวเยือกในใจ ไม่กล้าจินตนาการว่าบนโลกนี้จะมีแดนประหลาดเช่นนี้อยู่

ทันใดนั้นในบรรยากาศที่เย็นเยียบเหมือนเงียบสงัดนี้พลันมีเสียงอื้ออึงประหลาดดังขึ้น เสียงมาจากขอบฟ้าที่อยู่ห่างออกไป ราวกับลำธารที่หลั่งไหลเรื่อยเฉื่อย

“สวรรค์ นั่นคืออะไร”

เจียงเหิงเบิกตากว้าง ร้องเสียงหลง

ยามนี้พวกหลินสวินต่างเผยสีหน้าตกใจ ในสายตาของพวกเขามองเห็นแม่น้ำขาวดุจหิมะสายหนึ่งไหลบ่าลงมาจากเวิ้งฟ้า

สายน้ำขาวสะอาดวาวระยับ ใสกระจ่างเป็นประกายไม่แปดเปื้อนมลทิน ยามไหลลงมาจากเวิ้งฟ้าจะพรมเงาแสงงามตระการ พาให้ผู้คนหลงใหล

เมื่อมองมันก็เหมือนมีการเปลี่ยนแปลงแห่งสี่ฤดู กาลเวลาสับเปลี่ยน เรื่องทางโลกเคลื่อนคล้อยส่องสะท้อนออกมา!

“หนีเร็ว!”

เมิ่งอี้และอาหูหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน เหมือนเจอเรื่องน่ากลัวถึงขีดสุด ขยับตัวหนีห่างจากที่นี่ไปพร้อมกับพวกหลินสวิน

ขณะที่หลินสวินกำลังสงสัย ก็เห็นแม่น้ำสายนั้นปะทะเข้ากับผืนดินที่ลอยอยู่ ผืนดินที่มีรัศมีหลายพันลี้นั้นถึงกับผุกร่อนโดยไร้สุ้มเสียง กลายเป็นเถ้าละอองลอยล่องหายไป

หยดน้ำที่กระเซ็นออกมานั้นดูเหมือนเล็กจ้อย แต่กลับซัดสะเก็ดดาวมากมายที่อยู่ใกล้ให้แตกกระจาย!

เหตุการณ์นั้นเหมือนนายเหนือหัวบนสวรรค์บดขยี้ดาวดวงแล้วดวงเล่าจนละเอียด ทำลายผืนแผ่นดินมากมาย สะท้านใจคน

สุดท้ายหยดน้ำที่สาดกระจายไปทั่วได้รวมตัวกันอีกครั้ง กลายเป็นแม่น้ำกระจ่างขาวดุจหิมะสายหนึ่งค่อยๆ หายไปจากขอบฟ้า

“นั่น… นั่นคืออะไรกันแน่”

เจียงเหิงหน้าซีดเผือด นางเพิ่งเคยเจอเรื่องน่ากลัวเช่นนี้เป็นครั้งแรก

“กระแสน้ำหลากแห่งกาลเวลา!”

เมิ่งอี้เป่าปากโล่งอกเหมือนหวาดผวา เฉลยคำตอบ

นี่คือกระแสน้ำหลากที่เกิดจากการรวมตัวของพลังกฎเกณฑ์เวลาซึ่งบริสุทธิ์ที่สุด สามารถสังหารทุกสิ่งอย่างบนโลกเหมือนดาบแห่งกาลเวลาพาดผ่าน!

“พลังกฎเกณฑ์เช่นนี้สามารถดูดเก็บหรือครอบครองได้หรือไม่”

หลินสวินเอ่ยถาม

“ไม่มีทาง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเคยมีคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิบุกเข้ามาที่นี่ ด้วยต้องการจะใช้ยอดอภินิหารเก็บกระแสน้ำหลากแห่งกาลเวลาไว้ วางแผนจะหยั่งรู้พลังแห่งกาลเวลาที่ประทับอยู่ในนั้น แต่สุดท้ายก็พบจุดจบที่จิตสลายวิญญาณแตกซ่าน”

เมิ่งอี้เล่าข่าวลับหนึ่งออกมา ทำเอาพวกหลินสวินสูดหายใจหนาวเยือกกันหมด

คนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิยังต้านพลังแห่งกาลเวลาที่น่ากลัวเช่นนี้ไม่อยู่?

นี่ช่างน่าตกตะลึงนัก!

พวกเขามุ่งหน้าต่อไป กลางฟ้าดินดูว่างเปล่าและวังเวงยิ่งกว่าเดิม สะเก็ดดาวและเศษเปลือกโลกที่ปรากฏนานเข้าก็มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนร่วงหล่นลงไปในสุสานนี้ชั่วนิรันดร์

กระทั่งผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็มๆ จันทร์เพ็ญสีเลือดเก้าดวงปรากฏอยู่บนเวิ้งฟ้าที่ห่างออกไป แผ่แสงที่มืดสลัวแดงก่ำออกมา

“ทุ่งรกร้างจันทร์โลหิต…”

นัยน์ตาของเมิ่งอี้ฉายแววอัศจรรย์น่าพรั่นพรึง “ทุกท่านระวังตัวด้วย ตั้งแต่นี้ไปจะมีสัตว์ร้ายและภัยพิบัติอับมงคลประหลาดปรากฏออกมาอีกมาก”

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลงจีเฉียนก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว กล่าวว่า “พี่เมิ่งเจ้ารีบดูเร็ว นั่นใช่ ‘ต้นมรณะฝังวิญญาณ’ หรือไม่”

เวลานี้ทุกคนต่างมองเห็นต้นไม้ต้นนั้นแล้ว มันหยั่งรากกลางอากาศ สูงไม่รู้กี่หมื่นจั้ง กิ่งก้านแห้งเหือด ลำต้นแตกระแหง ทั้งต้นอบอวลด้วยไอมรณะที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

บนกิ่งก้านแน่นขนัดของมันมีหลุมดำอยู่เนืองแน่น ราวกับหลุมศพนับไม่ถ้วน

ที่แปลกประหลาดที่สุดคือ ต้นไม้ใหญ่ที่แห้งเหี่ยวต้นนั้นไม่ได้อยู่กับที่ หากแต่ลอยไปมากลางอากาศเหมือนสิ่งมีชีวิต

หลินสวินตัวเย็นเฉียบในชั่วพริบตา ขนลุกไปทั้งตัว เกร็งไปทั้งร่าง สัมผัสได้ถึงอันตรายที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง

ในหลุมดำแน่นขนัดบนต้นไม้ใหญ่แห้งเหี่ยวนั้นมีเงาดำมากมาย

เมื่อมองอย่างละเอียด นั่นกลับเป็นซากศพหลายร่าง มีทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตสารพัดแบบ มากมายหลายหลาก

แต่ละร่างล้วนแตกหักไม่สมบูรณ์ ไอมรณะสีดำน่าหวาดกลัวอบอวล

เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินเข้าไปใกล้ ซากศพบางส่วนก็เหมือนจะสัมผัสได้ ลุกขึ้นนั่งทันที!

ฮูม!

กิ่งก้านบนต้นไม้ใหญ่แห้งเหี่ยวนั้นสั่นสะเทือนรุนแรงทันใด หลุมดำที่เหมือนหลุมศพนับไม่ถ้วนถูกสั่นคลอน แผ่ไอมรณะโหมกระหน่ำออกมาบดบังฟ้าคลุมตะวัน

เกือบจะเวลาเดียวกัน ซากศพมากมายก้าวออกมาจากหลุมดำของต้นไม้ใหญ่นั้น ราวกับเทพผีกลุ่มหนึ่งที่มาจากนรก กลิ่นอายน่ากลัวอันร้ายกาจแผ่กระจายออกมา

จันทร์โลหิตเก้าดวงบนฟ้าแผ่แสงโลหิตประหลาดแดงก่ำหลายสาย ลู่ลงมาอาบไล้ซากศพพวกนี้ ทำให้กลิ่นอายของพวกมันแต่ละตนน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

มองจากไกลๆ ต้นไม้ใหญ่ที่แห้งเหี่ยวหยั่งรากกลางอากาศ ซากศพมากมายยืนอยู่บนนั้น เหนือศีรษะมีจันทร์โลหิตเก้าดวงเด่นนภา ไอมรณะที่ปกคลุมฟ้าดินดุจหมึกเขียน ย้อมห้วงอากาศเป็นสีดำสนิท

ภาพนั้นช่างแปลกประหลาดชวนประหวั่นถึงขีดสุด!

“เป็นต้นมรณะฝังวิญญาณในตำนานดังคาด พี่หลิน รีบนำป้ายคำสั่งเซียนเหินออกมาเร็ว!”

เมิ่งอี้หน้าเปลี่ยนสี กล่าวเตือนอย่างรวดเร็ว

วู้ม!

หลินสวินและอาหูนำป้ายคำสั่งเซียนเหินออกมาพร้อมกันโดยไม่ลังเล

………………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset