อาหูตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ใบหน้างามเคร่งขรึม
คู่ต่อสู้ของนางคือซวีหลิงคุน ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าจักรพรรดิตระกูลซวี อยู่อันดับที่สิบสามบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา เรียกได้ว่าเป็นจอมเผด็จการแห่งยุคในหมู่คนรุ่นเดียวกัน!
ก่อนหน้านี้อาหูก้าวขึ้นบันไดมา ระหว่างทางก็พบคู่ต่อสู้มากมาย สังหารคนไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกันแล้วยังถือว่าไม่หนักหนา
ทว่าเมื่อครู่นี้จู่ๆ ซวีหลิงคุนก็หันตัวมา โจมตีลงมาจากบันไดหินขั้นสูง จากนั้นก็ต่อสู้กับอาหูจนตั้งรับไม่ทัน
ตูม!
ซวีหลิงคุนสีหน้าเลือดเย็น หวดหมัดบุกสังหาร ไอเลือดพลุ่งพล่านดุจสมุทรแผดคำราม ลำแสงสีมองบาดตากลายเป็นพลังหมัดไร้เทียมทานโฉบพรวดออกมา
แม้อาหูจะฮึดกำลังต่อต้าน ก็ยังซัดสะเทือนจนตัวซวนเซอยู่ดี ถอยร่นลงมาจากบันไดหินหลายขั้น
“แม่นาง ข้าคนแซ่ซวียังคงยืนยันประโยคเดิม หากเจ้ายอมเชื่อฟัง ถวายชีวิตให้ข้า ข้ารับรองว่าจะเหลือทางรอดให้แก่เจ้า!”
ซวีหลิงคุนเอ่ยปากเสียงเข้ม ร่างกายเขาสูงใหญ่กำยำ ผิวกายไหลเวียนด้วยแสงสีทอง ทุกท่วงท่าอิริยาบถ มีอานุภาพข้าเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวในทั่วหล้าฟ้าปฐพี
ตูม!
ขณะพูด เขาไม่เคยออมมือ เงื้อหมัดหวดสังหาร ดุจดั่งเทพสงครามสีทอง เผด็จการ อำมหิต แข็งแกร่ง
อาหูเผยแววเหยียดหยัน “ให้ข้ายอมเชื่อฟัง จากนั้นก็เอาไปข่มขู่ ไม่ก็ทำให้หลินสวินอับอายอย่างนั้นหรือ”
“ฉลาด!”
ซวีหลิงคุนเห็นชัดว่าตรงไปตรงมายิ่ง ไม่ปิดบังแต่อย่างใด
“ฝันไปเถอะ”
อาหูขำพรืด
สถานการณ์นางอันตรายยิ่ง หลังจากถูกกดข่มจนไม่เหลือทางให้ถอย ใบหน้างามก็เริ่มค่อยๆ ซีดขาวขึ้นมา
สาเหตุนั่นก็เพราะ บนเส้นทางสักการะ ครอบด้วยผนึกมหามรรคลึกลับ ไม่ว่าสมบัติและพลังภายนอกใดๆ ก็ตามล้วนไม่สามารถดึงออกมาใช้ได้
เช่นเดียวกัน หากเดินมุ่งหน้า ก็เหมือนเรือเล็กทวนกระแสน้ำ อาจประสบแรงบีบคั้นของพลังเคี่ยวกรำได้
แต่หากเดินสวนทิศทาง ก็เหมือนตามลมตามน้ำ ถึงขั้นยังสามารถหยิบยืมพลังเคี่ยวกรำที่น่ากลัวนั่นมาโมตีศัตรูพร้อมกันได้
ก็เหมือนซวีหลิงคุนในเวลานี้ เดิมทีพลังต่อสู้ก็น่าสะพรึงสุดขีดอยู่แล้ว ซ้ำยังเดินสวนทิศทาง พลังเคี่ยวกรำนั่นกลับถูกเขาใช้ประโยชน์อย่างไร้รูป บุกโจมตีอาหูพร้อมกัน!
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ อาหูก็คงไม่สะบักสะบอมเช่นนี้เด็ดขาด
“คนอื่นล้วนพากันรีบเร่งมุ่งสู่แท่นสักการะ เจ้ากลับเดินย้อนลงมาอย่างไม่นึกเสียดายเพื่อจะโจมตีข้า ไม่กลัวจะแย่งชิงวาสนาสักการะมาไม่ได้หรือ”
อาหูกล่าวเยียบเย็น
“น่าขัน ความตายมาจ่อตรงหน้าแล้ว ห่วงตัวเจ้าเองหน่อยเถอะ”
ซวีหลิงคุนหัวเราะลั่น ผมยาวปลิวไสว เหยียดหยันและเลือดเย็น กล่าวว่า “จิตข้าดุจมีด ฟันลมบั่นคลื่น”
ตูม!
พลังหมัดของเขาเจิดจ้า ดุจดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก
กลางเสียงชนกระแทกกึกก้อง เงาร่างอาหูซวนเซ ริมฝีปากไหลรินคราบเลือดแดงฉานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ใจข้าดุจเขา สูงตระหง่านไม่สั่นคลอน!”
ตูม!
ซวีหลิงคุนตะโกนลั่น เสียงยิ่งน่าสะพรึงและสยดสยองมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายไหลเวียนแสงสีทองโชติช่วง ดุจวิญญาณอริยะสู้รบในยุคบรรพกาล
อาหูแค่นเสียงเฮอะออกมา แม้ว่าสุดท้ายจะต้านการโจมตีนี้ได้ แต่เงาร่างของนางกลับถูกซัดสะเทือนจนถอยหลังออกไปห้าขั้นบันได ใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามล้วนเปลี่ยนเป็นซีดเซียว
บริเวณสูงขึ้นไปของขั้นบันได กลางไอแรกกำเนิดคละคลุ้ง เงาร่างที่อรชรดุจเทพเซียนสายหนึ่งคอยเฝ้าสังเกตทุกสิ่งนี้เงียบๆ ใบหน้างดงามนิ่งเฉยไม่ไหวติง
เหวินฉิงเสวี่ย!
จนกระทั่งเวลานี้ ในที่สุดนางก็เอ่ยปาก “พี่ซวี หวังว่าจะไว้ชีวิตนางด้วย คนตาย ไม่สามาราถข่มขู่หลินสวินนั่นได้”
เสียงก็เรียบเฉยจนไม่มีความผันผวนของอารมณ์ใดๆ สักนิด
“วางใจได้ ข้ารู้ดียิ่งกว่าเจ้า”
ซวีหลิงคุนกล่าวราบเรียบ
“กายข้าดุจสวรรค์ ไร้เทียมทานมิอาจต้าน!”
ทันใดนั้นซวีหลิงคุนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พลังหมัดพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง ความน่าสะพรึงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏแสงทองหมื่นจั้ง มีกฎเกณฑ์มหามรรคก้องกระหึ่มอยู่ในนั้น
ในที่สุดอาหูก็หน้าเปลี่ยนสี การโจมตีนี้ นางไม่มีความมั่นใจว่าจะต้านได้อีกแล้ว ถึงขั้นที่แม้แต่ถอยก็ยังทำไม่ได้ เพราะพลังปราณรอบกาย ถูกอานุภาพของหมัดนี้ปิดครอบไว้แล้ว!
ในขณะนี้เอง จู่ๆ เงาร่างสายหนึ่งก็โฉบพรวดขึ้นมาจากขั้นบันไดเบื้องล่าง
ควรรู้ว่า แต่ละขั้นของบันไดหินนั้นล้วนปิดครอบด้วยพลังเคี่ยวกรำที่น่าสะพรึง ก็เหมือนสิ่งกีดขวางและอุปสรรคเป็นชั้นๆ แม้จะเป็นบุคคลชั้นยอด เดินเหินบนนั้น ย่างก้าวแต่ละทีก็ยังยากลำบาก ไม่อาจไม่ระแวดระวังตัว
แต่เงาร่างสายนั้นกลับเหมือนปราศจากสิ่งกีดขวาง เข้ามาใกล้ในชั่วพริบตา หมับเดียวก็ลากอาหูมาอยู่ด้านหลัง
และพร้อมกันนั้น เขาหวดหมัดขวาออกไป
ตูม!
เสียงกระแทกที่สะเทือนเลื่อนลั่นฟ้าดินดังขึ้น ไอแรกกำเนิดที่คละคลุ้งแถวนั้นล้วนถูกซัดสะเทือนจนสลายออกไป
บนบันไดหิน เงาร่างสายนั้นยืนตระหง่าน มั่นคงดุจรากงอกออกจากเท้า ไม่ไหวติงสักนิด มีเพียงอาภรณ์ทั้งชุดโบกสะพัดกลางลมแกร่ง ผมยาวพลิ้วไหว
“หลินสวิน?”
เนตรงามของอาหูเบิกกว้าง เผยแววดีใจออกมา
“ยกให้ข้าก็พอ”
บนบันไดหิน นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบจนน่ากลัว ล้นทะลักไอสังหารที่ชวนให้ผู้คนพรั่นใจดุจเหวลึก
ฝั่งตรงข้าม ซวีหลิงคุนก็เผยสีหน้าตกใจ จากนั้นพลันมุ่นคิ้ว “เหอ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาไวทีเดียว”
บนบันไดหินที่สูงขึ้นไปอีก เหวินฉิงเสวี่ยถอนหายใจในใจ
ขาดอีกแค่ก้าวเดียว!
แต่หลินสวินนี่ดันมาเสียแล้ว…
“พี่ซวี โอกาสพลาดไปแล้ว ควรไปกันได้แล้ว”
เหวินฉิงเสวี่ยกล่าวพลาง หันตัวเดินทางยังข้างบนแล้ว ไม่อิดอาดยืดยาดสักนิด เพราะนางรู้ดียิ่ง เวลานี้ไม่ใช้โอกาสเหมาะที่สุดที่จะปะทะหลินสวินซึ่งๆ หน้าสักนิด
“เดี๋ยวจะตามคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”
ซวีหลิงคุนแค่นเสียงเย็น เหลือบมองหลินสวินปราดหนึ่ง และตั้งใจจะหันตัวออกไป
“ไป? ข้าให้พวกเจ้าไปแล้วหรือ”
ในเสียงยะเยือกเยียบเย็น หลินสวินลงมือแล้ว
ตูม!
เขาซัดหมัดหนึ่งออกมา ดุจดั่งเหวใหญ่กลืนฟ้าทะยานขึ้นไป เผด็จการไร้ทัดเทียม
“รนหาที่ตาย!”
ซวีหลิงคุนสีหน้าขรึมลง ทันใดนั้นร่างกายก็ขยายออก นัยน์ตาดุจอสนีสีทอง ฟันมือต่างหมัด ซัดสะเทือนกับมันจังๆ
หมัดนี้ อานุภาพต่างออกไปแล้ว เต็มไปด้วยพลังปราณโลหิตระฟ้า เจิดจ้าชัชวาล ควบรวมออกเป็นลายมรรคกฎเกณฑ์อันแน่นขนัด
ก็เหมือนเทพสงครามบุกลงมาจากสวรรค์!
ขณะนี้ ราวกับสุริยันจันทราชนกันเอง พลังหมัดน่าสะพรึงแตกระเบิดกลางห้วงอากาศ ประกายแสงไหลเคลื่อน ส่องสะท้อนขั้นบันไดหินเขียวอันเก่าแก่
หลินสวินและซวีหลิงคุนต่างฝ่ายต่างถอยหลังหนึ่งก้าว
แต่หนึ่งก้าวที่ถอยหลังไปนี้ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ภายใต้การปิดครอบของพลังเคี่ยวกรำของพลังสักการะนี้ หลินสวินเหมือนดั่งเรือน้อยทวนกระแสน้ำ ถูกโจมตีถอยร่นก้าวหนึ่งยังไม่ถึงขั้นร้ายแรงอะไร
ทว่าซวีหลิงคุนกลับเดินตามกระแส เสมือนตามน้ำตามลม หนึ่งก้าวที่เขาถูกซัดถอยนี้ ความจริงก็เท่ากับเข้าใกล้เบื้องหน้าพลังสักการะเพิ่มอีกหนึ่งก้าว!
ด้วยเหตุนี้แค่คิดก็รู้ว่า หากทั้งคู่เปลี่ยนตำแหน่งกัน ในการโจมตีครั้งนี้ ซวีหลิงคุนต้องตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างแน่นอน
ซวีหลิงคุนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย และตระหนักได้ถึงความห่างชั้นของหนึ่งก้าวนี้
“เจ้าว่า จิตวิญาณเจ้าดุจมีดหรือ”
หลินสวินเอ่ยปากเรียบเฉย
ขณะพูด เขาสาวเท้าก้าวไปเบื้องหน้า ท่าทางสบายๆ
แต่ซวีหลิงคุนกลับขนลุกซู่ ก็เหมือนถูกสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งจับจ้อง ในใจถึงกับรู้สึกว่าไม่เข้าที
โฉบ!
เขาไม่อยากยื้อยุดอีกต่อไป ชั่วพริบตาเงาร่างไหวโลง แปลงเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งโฉบพรวดไปยังเส้นทางสักการะ
เสียงดังสวบคราหนึ่ง หลินสวินสาวเท้าตามไป ความเร็วไม่ถือว่าเร็วมาก แต่กลับมาหยุดอยู่ด้านหลังซวีหลิงคุนอย่างน่าเหลือเชื่อ ดุจดั่งแสงวาบโฉบแล่น หลุดพ้นพันธนาการทั้งปวง!
“ไปให้พ้น!”
ซวีหลิงคุนสมกับเป็นนายเหนือหัวแห่งยุคที่อยู่อันดับสิบสามบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ ไม่มีความลนลานเลยแม้แต่เสี้ยว
ห้านิ้วกำเป็นหมัด ใช้อานุภาพดุกร้าวและพลังน่าสะพรึงที่ไม่อาจจินตนาการสยบฆ่าไปทางหลินสวิน
หมัดมหาห้วงอากาศ!
หมัดนี้ ซวีหลิงคุนได้งัดใช้วิชาลับแห่งตน กระตุ้นพลังแฝงไอเลือดรอบตัว ดูคล้ายหมัดธรรมดา ความจริงแล้วมีอานุภาพซัดทลายภูผาธารา ล้มคว่ำสุริยันจันทรา
ตูม!
พลังเคี่ยวกรำที่ปิดครอบอยู่บนเส้นทางสักการะถึงกับถูกหมัดนี้ซัดกระจุย กลายเป็นกระแสปั่นป่วนซัดเชี่ยวสี่ทิศ แข็งแกร่งจนทำลายล้างพังเละ
เห็นแต่หลินสวินไม่หลบไม่หลีก ในร่างกายพลันพุ่งโฉบเขากระบี่ลูกหนึ่งออกมา
ปึง!
เขากระบี่ลูกนี้ถูกซัดกระจุยในพริบตา แต่ เขากระบี่ลูกแล้วลูกเล่าก็ปรากฏขึ้นตามมาติดๆ แต่ละลูกล้วนปิดครอบด้วยเจตกระบี่โชติช่วง
ปึงๆๆ!
กลางเสียงกระแทกที่ดังครืดคราดบาดหู เขากระบี่อสูรปฐพีแต่ละลูกพังถล่ม กลายเป็นละอองแสง ทว่าท้ายที่สุดก็ยังเป็นพลังหมัดนี้ของซวีหลิงคุนถูกทำลายล้างและซัดพังเละก่อน
พร้อมกับเสียงก้องกระหึ่มดั่งกระแสน้ำหลากดุจทะเล เขากระบี่แต่ละลูกสยบฆ่าลงมา ทำเอาซวีหลิงคุนมีความรู้สึกมือไม้พันกันในทันที
เขาตะโกนลั่นจ้าละหวั่น บุกโจมตีสุดกำลัง
จนกระทั่งตอนที่พลังเขากระบี่อสูรปฐพีเจ็ดสิบสองแห่งล้วนสลายไป เขาก็ค่อนข้างสะบักบอมแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อ้ผาขาดวิ่น ล้วนเกิดจากถูกปราณกระบี่กรีดเฉือน
เขาสีหน้ามืดทะมึน หว่างคิ้วเจือแววเดือดดาล
ตูม!
แต่ไม่รอให้เขาตอบสนอง หลินสวินก็บุกเข้ามาแล้ว ร่างกายดุจเหวใหญ่ ร่ายสำแดงท่าร่างแห่งตน ปล่อยมือออกโจมตีคราหนึ่ง ก็มีพลังมหาศาลที่ไร้ศัตรูเทียมทาน
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ทั้งคู่ปะทะกันหลายสิบครั้งแล้ว
เนื่องด้วยไม่สามารถงัดใช้สมบัติ และไม่สามารถเคลื่อนย้ายกลางอากาศได้ การเข่นฆ่าดุเดือดครั้งนี้ของทั้งคู่ล้วนเป็นการปะทะกันจังๆ แบบพานพบศัตรูบนทางแคบอย่างสมบูรณ์!
ผ่านไปครู่หนึ่ง เงาร่างซวีหลิงคุนโซเซ ถูกฝ่ามือเดียวของหลินสวินกระแทกเข้าที่บริเวณไหล่ เลือดเนื้อพุ่งกระเซ็น กระดูกล้วนกรอบแตก
เขาเจ็บจนส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา ในที่สุดก็หน้าเปลี่ยนสี
ประมือกับหลินสวินอย่างแท้จริง เขาถึงค้นพบความน่ากลังของอีกฝ่าย
“เจ้าว่า ใจเจ้าดุจหิน สูงตระหง่านไม่สั่นคลอนหรือ”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ ก้าวเดินบุกสังหาร สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรอบตัวล้วนกำลังร้องระงม ดุจดั่งเสียงธรรมดังก้อง สะเทือนโสตจนเกือบหูหนวก
ซวีหลิงคุนนัยน์ตามืดทะมึน ทุ่มกำลังสุดแรง
ตูม!
ร่างของเขาก็เหมือนเพลิงเทพสีทองกำลังลุกโหม แปลงเป็นสูงใหญ่หลายจั้ง เงื้อหมัดดุจภูเขา อานุภาพน่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายโข
แต่เพียงครู่เดียวสั้นๆ ก็ถูกหมัดเดียวของหลินสวินซัดใส่ตัว คันฉ่องป้องกันดวงใจที่ปิดครอบบริเวณหน้าอกล้วนส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา แตกระแหงออกเป็นลายเล็กๆ สายแล้วสายเล่า
ส่วนซวีหลิงคุนก็ปากจมูกกระอักเลือด เงาร่างถึงกับถูกซัดสะเทือนจนโฉบผ่านบันไดหินหลานขั้นในบริเวณที่สูงขึ้นไป!
อาหูยังอดสูดหายใจเย็นไม่ได้
มุ่งเดินทางบนเส้นทางสักการะเดิมก็ไม่ง่าย คิดอยากย่างเท้าก้าวหนึ่งบนบันไดหินแต่ละขั้น ก็ยังต้องมีพลังที่สามารถต้านทานกับมันได้
และตอนนี้ ซวีหลิงคุนถึงกับถูกซัดสะเทือนจนลอยกระเด็นห่างออกไปหลายขั้น! นี่ควรต้องมีพลังที่น่าสะพรึงปานใด จึงจะสามารถทำถึงขั้นนี้ได้
“เจ้าว่า กายเจ้าดุจสวรรค์ ไร้เทียมทนนมิอาจต้านหรือ”
หลินสวินเดินไปข้างหน้า อาภรณ์โบกสะบัด ดุจดั่งเทพสังหารที่เดินออกจากเหวลึก กลิ่นอายทที่แผ่ซ่านออกมา เผด็จการไร้ทัดเทียม
ซวีหลิงคุนตกใจระคนเดือดดาล คล้ายไม่อยากเชื่อ ทั้งคล้ายไม่อาจยอมรับได้ เหมือนคิดไม่ถึงสักนิดว่า พลังต่อสู้ของหลินสวินจะแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนี้
แต่สุดท้าย เขากัดฟันคราหนึ่ง หันตัวมุ่งหนีไปยังเบื้องหน้าเส้นทางสักการะต่อ
แท่นสักการะอยู่ข้างบนนี่เอง เขาไม่อยากสู้ให้ตายกันไปข้างกับหลินสวินในตอนนี้
“จะหนีรอดได้หรือ”
หลินสวินไหนเลยจะยอมให้เขาหนีไปได้ นัยน์ตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า สายเท้าตามขึ้นไป
บนเส้นทางสักการะนี้ ก็เหมือนการเคี่ยวกรำแห่งยุคอย่างหนึ่ง ตลอดทางไม่รู้มีผู้แข็งแกร่งเท่าไหร่ก้าวย่างยากลำบาก ปีนป่ายขึ้นแต่ละขั้นล้วนเปลืองแรงเป็นที่สุด
บ้างก็ถึงขั้นถูกกดข่มจนไม่สามารถเคลื่อนไหว ไม่อาจไม่เลือกถอยหนี
แต่ตอนนี้ กลับมีการไล่ล่าฆ่าสังหารดุเดือดปะทุขั้นบนบันไดหินเขียวเก่าแก่แห่งนี้!
พลังเคี่ยวกรำนั่นยังไม่สามารถสกัดกั้น ซวีหลิงคุนแทบจะหนีตายสุดแรงเกิด ส่วนหลินสวินก็ไล่ตามติดๆ ไม่ยอมปล่อยอยู่ข้างหลัง
ก่อนหน้านี้หลินสวินมองเห็นแต่แรกแล้ว ดูเหมือนซวีหลิงคุนลงมือกับอาหูเพียงคนเดียว แต่ความจริงเห็นชัดว่าร่วมมือกันกับเหวินฉิงเสวี่ย!
ฉะนั้นครั้งนี้ ซวีหลิงคุนก็ต้องตายด้วยเหมือนกัน!
——