Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1762 ย่ำแดนดินคุนหลุนผา

เหตุใดแดนกษิติครรภ์ถึงมองหลินสวินเป็นคนนอกรีตที่ต้องฆ่าทิ้ง

หนึ่งเป็นเพราะไม้โพธิ์ที่ผนึกพลังต้องห้ามไว้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือหลินสวินครอบครองคัมภีร์มหาครรภ์จุติ!

อย่างก่อนหน้านี้ที่หลินสวินมองทะลุวิชาเคลื่อนย้ายของคูตู้ได้ สิ่งที่ใช้ก็คือภินิหารหนึ่งที่อยู่ในคัมภีร์มหาครรภ์จุติ

ณ ที่นั้นเงียบกริบ พวกจวนอวี๋เหิง ถังซู เนี่ยเจี้ยนเฉินต่างหวาดหวั่นใจ

พวกเขาก็ต่างดูฐานะของซาหลิวชิงกับคูตู้ออก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะถึงกับถูกพวกเขาหมายหัว

นี่เป็นถึงผู้สืบทอดสองในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืด!

ทันทีที่ถูกหมายหัว เภทภัยในภายหน้าก็จะไร้ที่สิ้นสุด

พอรับรู้ได้ถึงจุดนี้ ทั่วเฉิงไห่ที่เดิมหดหู่จนแทบกระอักเลือดก็ยินดีปรีดา ดีใจที่ผู้อื่นเป็นทุกข์ขึ้นมาครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้

เขารู้ดีว่าหลังจากเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน ก็มีผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ตายลงด้วยน้ำมือหลินสวินไม่รู้เท่าไร

เยี่ยนฉุนจวิน ลู่อ๋าง กู่ฉางซิน เถาเจี้ยนสิง คุนจิ่วหลิน ซวีหลิงคุน เหวินฉิงเสวี่ย… คนเหล่านี้ต่างเป็นบุคคลชั้นยอดที่เลื่องชื่อทั้งนั้น

นอกจากคนเหล่านี้ จวบจนตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งตายด้วยน้ำมือหลินสวินอย่างน้อยหลายร้อยคน!

เรื่องพวกนี้หากกระจายออกไป จะมีขุมอำนาจใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดารากลุ่มไหนยอมปล่อยเจ้าหมอนี่ได้กัน

ตอนนี้แม้แต่โลกมืดยังหมายหัวหลินสวิน นี่ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างไม่ต้องสงสัย!

เป็นอย่างที่คูตู้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่ชั่วชีวิตนี้หลินสวินจะไม่ไปเหยียบทางเดินโบราณฟ้าดารา หาไม่ต้องถูกขุมอำนาจใหญ่ไม่รู้เท่าไรโจมตีแน่

“ยิ้มชอบใจขนาดนี้ ไม่ปวดแก้มหรือ”

จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยปาก ทอดสายตามองไป

ทั่วเฉิงไห่ใบหน้าแข็งทื่อ เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ผุดลุกขึ้นทันควัน “หลินสวิน คิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่กล้าประมือกับเจ้า”

“จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันดูไหมล่ะ”

กลับเห็นว่าถังซูสีหน้าตั้งตาคอย

ทั่วเฉิงไห่หน้าเจื่อน โกรธจนแทบกระอักเลือด

“เอ๊ะ!”

ในตอนนี้เอง จู่ๆ จวนอวี๋เหิงก็ส่งเสียง

มองไปตามสายตาเขาก็พบว่าเหนือท้องฟ้าสูง ศิลามรรคสักการะป้ายหนึ่งลอยอยู่สูงขึ้นไปเจ็ดพันจั้ง ทัดเทียมกับศิลามรรคสักการะของจวนอวี๋เหิง ถึงขั้นสูงกว่าเล็กน้อยอยู่กลายๆ!

ในที่นั้นระส่ำระสายไปครู่หนึ่งด้วย สายตาทอดมองไปยังเงาร่างงามล้ำที่อยู่บนแท่นมรรคห้าสีนั้นโดยมิได้นัดหมาย

เพราะว่านี่เป็นศิลามรรคสักการะของอาหู!

และเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่มีผลสำเร็จสูงกว่าจวนอวี๋เหิงจนถึงตอนนี้!

“ถ้าเจ้าไม่กล้าลงมือกับแม่นางถังซู พวกเรามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันสักรอบดีไหม”

อาหูเสื้อผ้าพลิ้วไหว ยิ้มเดินลงมาจากแท่นมรรคห้าสี

นางท่วงท่านุ่มนวลอ่อนหวาน สง่างามยิ่งนัก แววตางดงามเปี่ยมชีวิตชีวาจับจ้องไปที่ทั่วเฉิงไห่

“หึ! ข้าไม่เหมือนหลินสวิน ไม่เคยรังแกผู้หญิง”

ทั่วเฉิงไห่ยิ้มหยัน นั่งลงอีกครั้งด้วยสีหน้าอึมครึม

“เป็นอย่างไรบ้าง”

สายตาอาหูมองที่หลินสวิน ออกจะเป็นห่วง

แม้พวกซาหลิวชิงถูกฆ่าไปหมด แต่การปรากฏตัวของพวกเขากลับรบกวนใจหลินสวินที่กำลังสัมผัสจุดเปลี่ยนสักการะ

“ไม่เป็นไร”

หลินสวินเอ่ย สองมือไพล่หลัง มองไปที่จักรวาลเวิ้งฟ้าเหนือหัว

เพียงแต่ในสายตาของเขา จักรวาลแห่งนี้เปลี่ยนไปไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

และไม่มีใครรู้ว่าในการหยั่งรู้ชั้นลึกก่อนหน้านี้ หลินสวินไม่เพียงมองทะลุแดนบ่อเกิดที่ ‘เตามารดาหลอมสมบัติ’ ถือกำเนิดขึ้น

แต่ยังได้รับการหยั่งรู้อันน่าเหลือเชื่ออีกด้วย!

“จริงด้วย ทำไมเจ้าถึงเลือกใช้ ‘แรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิต’ สักการะล่ะ”

หลินสวินไม่เข้าใจอยู่บ้างจึงเอ่ยถามอาหู การได้รับแรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิตและกลายเป็นอริยบุคคล ทำให้พลังของตนแปรสภาพ มีอานุภาพแห่งอริยบุคคล สามารถบรรลุเป็นมกุฎราชันอริยะในภายหลังได้จริง

แต่เทียบกันแล้วกลับสู้การสักการะด้วย ‘แรงปรารถนาแห่งมหามรรค’ ไม่ได้!

อุทิศตนเป็นอริยบุคคลด้วยแรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิต ในเวลาเดียวกันก็ต้องมองประโยชน์สุขของสรรพชีวิตเป็นที่ตั้ง เช่นการใช้มรรคของตนสั่งสอนสรรพชีวิต เผยแพร่มรรคในใต้หล้า

ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วยากนัก!

อีกทั้งทันทีที่ไม่ทำเช่นนี้ ก็จะถูกแรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิตเหนี่ยวรั้ง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฝึกปราณของตนในอนาคต

แต่การใช้แรงปรารถนามหามรรคสักการะจะไม่ได้รับผลกระทบเช่นนี้

อาหูยิ้มเอ่ย “เช่นนี้แหละดีแล้ว มหามรรคที่ข้าเสาะแสวงยังไม่ถึงขั้นสามารถอุทิศตนเป็นอริยบุคคลได้ รอภายหน้ามีโอกาสข้าก็อยากเปิดสำนักตั้งพรรค สองสั่งสรรพชีวิต ประสาทวิชามรรค เผยแผ่แก่นอัศจรรย์แก่พวกเขา”

หลินสวินไม่พูดอะไรอีก

นี่ก็คือการเสาะแสวงมหามรรค สิ่งที่ทุกคนไขว่คว้าย่อมแตกต่างกันไป

ฮูม!

ไม่นานนักฮว่าซิงหลีก็หยั่งถึงจุดเปลี่ยนสักการะสายหนึ่ง จึงขึ้นไปบนแท่นมรรคห้าสี

เขาไม่เหมือนกับจวนอวี๋เหิง เนี่ยเจี้ยนเฉินและถังซูที่อยู่ข้างหน้า พลังสักการะที่ชักนำมาถึงกับเป็นแสงมรรคโอฬาร!

ปรากฏการณ์ประหลาดน่ากลัวอย่าง ‘สามพันแดนมาร หมื่นวิญญาณสลายเคราะห์’ ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา!

“สักการะด้วยแรงปรารถนามหามรรค!”

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด

แทบจะในขณะเดียวกัน เสียงร้องตื่นตะลึงระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น ทุกคนที่อยู่ในลานอย่างจวนอวี๋เหิง ถังซูยังเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาอย่างอดไม่ได้

เพราะจนถึงตอนนี้ นี่คือคนเดียวที่อุทิศตนเป็นอริยบุคคลด้วย ‘แรงปรารถนามหามรรค’ เห็นชัดว่าโดดเด่นต่างจากผู้อื่น

“คิดไม่ถึงว่าฮว่าซิงหลีคนนี้จะถึงกับบุกเบิกวิชามรรคมารใหม่วิชาหนึ่ง ได้รับการยอมรับจากพลังสักการะเสียได้…”

สายตาที่จวนอวี๋เหิงมองฮว่าซิงหลีเปลี่ยนไปแล้ว

คนอื่นก็ไม่อาจสงบจิตใจลงได้

โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นศิลามรรคสักการะของฮว่าซิงหลีพุ่งขึ้นไปบนฟ้าสูงด้วยความเร็วน่าตกใจ เอาชนะผลสำเร็จของทุกคนก่อนหน้านี้ในคราวเดียว ทะยานสูงขึ้นไปถึงแปดพันจั้ง ทุกคนทั้งที่นั้นก็ร้องตื่นตะลึงขึ้นมาระลอกหนึ่ง

ผลสำเร็จเช่นนี้ไม่เพียงแต่น่าตกตะลึง ยังกดข่มผลงานของคนรุ่นก่อนที่เคยเฉิดฉายที่นี่ในอดีตบางส่วนด้วย!

“ในเรือนมรรคเหล่ามาร ภายหน้าจะมีบุคคลผู้เยี่ยมยอดเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งแล้ว…”

อาหูยังตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

ฮว่าซิงหลี บุคคลแห่งยุคที่อันดับบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราต่ำกว่าซวีหลิงคุนกับจวนอวี๋เหิงไปมาก แต่กลับสร้างผลงานน่าตื่นตายามอุทิศตนเป็นอริยบุคคลเช่นนี้ได้ นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ใครก็คิดไม่ถึง

“พี่หลิน ก็เหลือเจ้าคนเดียวแล้ว”

ฮว่าซิงหลีเดินลงมาจากแท่นมรรคห้าสี เขาผมสีเงินดุจหิมะทั้งศีรษะ ใบหน้ายังซีดขาวอมโรคดังเดิม

แต่ทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับมีความน่าเกรงขามดั่งตั้งตระหง่านเหนือเวิ้งฟ้า

หลายคนต่างทอดสายตามองหลินสวิน

ตอนนี้บนแท่นมรรคห้าสีนี้ก็เหลือหลินสวินเพียงคนเดียวที่ยังไม่สัมผัสจุดเปลี่ยนสักการะจริงๆ

พวกเขาต่างสีหน้าแตกต่างกันไปอย่างอดไม่ได้

หลินสวินก่อนหน้านี้อหังการและแข็งแกร่งปานไหน แต่กลับยังไม่อาจสักการะอริยมรรคได้เสียอย่างนั้น คงไม่ใช่ว่า… เป็นเพราะถูกพวกซาหลิวชิงรบกวน ทำให้เขาเสียโอกาสได้ศุภโชคนี้ไปจริงๆ แล้วกระมัง

ก็ในตอนนี้เอง หลินสวินยิ้มแล้วเดินไปยังแท่นมรรคห้าสีที่อยู่ไกลออกไป

เขาเยื้องย่างเนิบนาบประหนึ่งเดินเล่นในสวน เยือกเย็นสบายอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

ทว่าทุกคนต่างอึ้งไป

นี่เขาจะทำอะไร

ควรรู้ว่าหากยังไม่หยั่งถึงจุดเปลี่ยนสักการะ ไม่มีใครเข้าใกล้แท่นมรรคห้าสีนั้นได้!

นี่เป็นสิ่งที่มีคนทดลองหลายครั้งมานานแล้ว

และตอนนี้หลินสวินที่ยังสัมผัสจุดเปลี่ยนสักการะไม่ได้ แต่กลับเดินไปยังแท่นมรรคห้าสี ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ

“หลินสวิน เจ้าไม่ยินยอมหรือ แต่เจ้าควรรู้ว่าในอดีตคนที่มาถึงแท่นสักการะแต่คว้าจุดเปลี่ยนสักการะไว้ไม่ได้เหมือนเจ้ามีมากนัก!”

ทั่วเฉิงไห่เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ ดูเหมือนเป็นการเตือน แต่กลับเจือนัยคลุมเครือ ราวกับกำลังดูเรื่องตลก

อาหูมุ่นคิ้วเรียวงาม ไม่ได้พูดอะไร เพราะนางก็ไม่เข้าใจว่าหลินสวินจะทำอะไรเช่นกัน

พวกจวนอวี๋เหิง ถังซู เนี่ยเจี้ยนเฉิน ฉีเซี่ยนอวี๋ต่างจับตามองการเคลื่อนไหวอันผิดปกติของหลินสวินนี้ เจือด้วยความกังขาและไม่เข้าใจ

ทั้งหมดนี้หลินสวินไม่สนใจสักนิด

ภายในสภาวะจิตของเขากลับมีเสียงธรรมกังวานดั่งระฆังใหญ่ ดังสนั่นจนคนหูหนวกยังต้องเหลียวหลัง

‘ยาตรานภสินธุ์ ย่ำแดนดินคุนหลุนผา!’

มรรคคาถาท่อนเดียวกลับเหมือนพลังวิเศษอัศจรรย์ ส่งผลให้ทัศนียภาพของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลภาพแล้วภาพเล่าปรากฏขึ้นในสมองหลินสวิน

มีทั้งวังวนเปลวเพลิงมหึมาดั่งหลุมดำฟ้าดารา แปรสภาพเป็นแหล่งกำเนิดมรรคหลอมสมบัติ เพลิงมรรคนับหมื่นหลั่งไหลออกมาแผดเผาดวงดารา

มีทั้งทะเลดาราไร้สิ้นสุด ห้วงอากาศว่างเปล่าโดยรอบหนาวเย็นเงียบสงัด เดินเพียงลำพังรู้สึกวิเวกไปชั่วกัลป์

มี…

ทัศนียภาพต่างๆ ประสบการณ์ต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่หลินสวินหยั่งรู้ได้ก่อนหน้านี้

และในตอนนี้เอง ทัศนียภาพเหล่านี้ต่างก็ไหลผ่านสภาวะจิตของหลินสวินอย่างราบเรียบดั่งกระแสธาร

ไม่ว่าจักรวาลไร้สิ้นสุด ดวงดาราหมื่นล้าน ซุ่มซ่อนนัยเร้นลับแห่งมหามรรคใต้หล้า…

ตัวข้าเยื้องย่างเสรี จรลีพุ่งทะยานสูงขึ้นไป!

ท่ามกลางความเลื่อนลอย หลินสวินคล้ายมองเห็นว่าเมื่อนานมาแล้วเคยมีคนผู้หนึ่งอยู่ที่นี่ เยื้องย่างแช่มช้า อยู่เหนือวัฏจักรอย่างอิสระ!

ก็ในตอนนี้เองที่หลินสวินก้าวขึ้นสู่แท่นมรรคห้าสี

ผ่อนคลายสบายใจราวกับเดินบนพื้นราบ

ทุกคนต่างนัยน์ตาหดรัด เขา… ถึงกับขึ้นไปแล้วหรือ

นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ก่อนหน้านี้พวกเขาแต่ละคนเคยลองมาก่อนทั้งนั้น แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ถูกพลังผนึกที่แผ่ออกมาจากแท่นมรรคห้าสีสกัดไว้

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับกลายเป็นข้อยกเว้น!

ยามเดินขึ้นแท่นมรรคห้าสี หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย มีเพียงแววรู้แจ้งเผยออกมาจากดวงตาดำทั้งสอง จิตใจปลอดโปร่งเปิดกว้าง

เขาเงยหน้าขึ้นมองจักรวาลเวิ้งฟ้า สะบัดแขนเสื้อยื่นมือขวาออกไป ชูฝ่ามือขึ้นฟ้า

‘เกี่ยวตะวันแลจันทรา กอบกุมไว้ทั่วอัมพร!’

มรรคคาถาท่อนเดียวราวกับดังเข้าไปถึงส่วนลึกของสภาวะจิต

ในครรลองสายตาของหลินสวิน จักรวาลที่ไพศาลเงียบสงัดราวกับไร้สิ้นสุดนั่นสะท้อนกลับในดวงตา ประหนึ่งหดเล็กลงไปไม่รู้กี่เท่า

“หืม?”

“นี่…”

“สวรรค์!”

ในลานมีเสียงร้องตกตะลึงดังขึ้นระลอกหนึ่ง

ทุกคนไม่อาจทำใจเย็นได้แล้ว แต่ละคนสีหน้าฉงน มองไปยังเวิ้งจักรวาลนั้น

ที่นั่นมีดวงดารานับไม่ถ้วนไหวกะพริบ บ้างสว่างพร่างพราว บ้างหม่นหมองสลัวราง

ก่อนหน้านี้พวกเขาแต่ละคนทำการหยั่งรู้ สัมผัสจุดเปลี่ยนสักการะได้ ดวงดาราแต่ละดวงบนนั้นก็แปรสภาพเป็นพลังสักการะสายแล้วสายเล่าโรยตัวลงมา หลอมเข้าไปในร่างพวกเขา ทำให้พวกเขาแปรสภาพเป็นอริยบุคคลนับแต่นี้

ทว่าตอนนี้ในสายตาของพวกเขา ดวงดารานับไม่ถ้วนในห้วงจักรวาลนั้นล้วนเปล่งประกายเจิดจรัสเป็นสายๆ ออกมา รวมตัวแน่นราวกับธารดาราไหลเชี่ยว โปรยปรายลงมาจากเวิ้งฟ้า!

ใต้หล้าเหมือนกำลังสั่นเทิ้ม ในวัฏจักรเปล่งแสงเจิดจ้า ส่องสว่างไปทั้งฟ้าดารา โชติช่วงหาใดเทียบ ประหนึ่งร่องรอยเทพกำลังถือกำเนิด

ภาพอันน่าเหลือเชื่อนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นสั่นสะท้าน!

แม้แต่ผู้ฝึกปราณมากมายที่อยู่ตรงตีนเขา ไม่มีวาสนามาถึงแท่นสักการะ ในยามนี้ก็ยังตื่นตะลึง พากันมองไปที่ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า

เดิมทีที่นั่นถูกไอขุ่นมัวขมุกขมัวบดบังตลบอบอวล มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น

แต่ในตอนนี้กลับมีประกายเจิดจ้าสะดุดตาสว่างขึ้นกลางไอขุ่นมัว ฉายส่องเวิ้งฟ้าอันทึบทึมนั้นให้กระจ่าง ศักดิ์สิทธิ์ตระการตา!

ทุกคนล้วนสะท้านสะเทือน ต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นบนแท่นสักการะนั้น

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset