Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1771 เลวร้ายกลายสุขสวัสดิ์

ไม่นานนักประกายเทพที่ปลดปล่อยจากทั้งร่างหลินสวินก็รวมตัวเหมือนกระแสน้ำ

เขายืนอยู่กลางอากาศ ผมดำปลิวสยาย ดวงตาดำสุกสกาวดั่งดารา

ตั้งแต่เข้ามาในฟ้าดาราอันเวิ้งว้างแห่งนี้ก็ผ่านไปแล้วเกือบเก้าเดือน ด้วยการหยั่งรู้และขัดเกลา ทำให้หลินสวินมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง

แม้เป็นสถานการณ์คับขัน ขอเพียงจิตใจเป็นดังเดิม ก็เป็นการฝึกปราณอันล้ำค่าหาได้ยากครั้งหนึ่ง!

ช่วงที่ผ่านมานี้สิ่งที่เขาได้รับไปไม่อาจเรียกว่าไม่มาก

อย่างแรก การควบคุมพลังของตนถึงขั้นบรรลุจุดสูงสุด สอดรับกับมรรคประหนึ่งเผาติงชำแหละวัว

ต่อมา หลอมครรภ์เทพอวัยวะตันห้าออกมาได้ การฝึกคัมภีร์มหามรรคหวงถิงบรรลุถึงขั้น ‘ห้าสี’ ทำให้มรรควิถีของตนก็ทะลวงถึงขั้นสมบูรณ์ของระดับมหาอริยะได้อย่างราบรื่นไปด้วย

ขาดแต่ทลายอุปสรรคหนึ่งไปได้ ก็จะแจ้งมรรคระดับอริยะขึ้นเป็นราชัน!

“น่าเสียดาย…”

ไม่นานนักหลินสวินกลับถอนหายใจยาวส่งเสียงออกมา

เพราะถึงตอนนี้ โอสถเทพกับของล้ำค่าที่ใช้ในการเติมพลังซึ่งอยู่กับตัวเขากำลังจะหมดลงไปแล้ว

เก้าเดือนยังหาทางออกจากฟ้าดาราแห่งนี้ไม่ได้ ทำให้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจนัก และเพราะทรัพยากรที่อยู่กับตัวขาดแคลน ทำให้จิตใจของเขาหนักอึ้งไม่น้อย

“ทำได้เพียงผนึกพลังขับเคลื่อนของตัวเองไว้ส่วนหนึ่งไปก่อนแล้ว…”

หลินสวินตัดสินใจ

เพียงไม่กี่อึดใจกลิ่นอายทั้งตัวเขาก็เปลี่ยนแปลงฉับพลัน ลดลงจากระดับมกุฎมหาอริยะขั้นสมบูรณ์สู่ระดับมกุฎอริยะแท้ขั้นต้น

ในขณะเดียวกันเขารวมพลังที่จุดศูนย์กลาง ใช้กายเป็นนาวา ใช้จิตเป็นไม้พาย อาศัยพันฤกษ์วัฏจักรนำพานำทางท่องทะยานไปในฟ้าดารา

เช่นนี้แล้วหลินสวินก็เหมือนผนึกพลังของตนเอาไว้ ใช้พลังทั้งหมดไปกับการท่องทะยาน

กาลเวลาผันผ่าน…

ท่ามกลางฟ้าดาราอันเงียบเชียบและเยียบเย็น จิตใจหลินสวินจมจ่อมกับการหยั่งรู้วิชาตน…

ทรัพยากรขาดแคลนย่อมไม่อาจฝึกมรรควิถีได้ หยั่งรู้วิชาจึงกลายเป็นสิ่งเดียวที่หลินสวินทำได้

……

ผ่านไปอีกครึ่งปีอย่างรวดเร็ว

หลินสวินหลอมนัยเร้นลับของดรรชนีมหาอุดมสลายมายาทั้งหมดเข้าไปในคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคได้สำเร็จ ทำให้วิชาที่สร้างขึ้นด้วยตัวเองนี้แปรสภาพอีกครั้งหนึ่ง มีคุณสมบัติแห่ง ‘ห้วงอากาศว่างเปล่า’ เพิ่มขึ้นมา

กระบวนการหลอมวิชาก็เหมือนคัมภีร์อันว่างเปล่าเล่มหนึ่งถูกหลินสวินเขียนตัวหนังสือลงไปไม่หยุด ทิ้งบทความอันเลิศลอยไว้ในทุกๆ หน้า!

คัมภีร์เตาหลอมมหามรรคก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งวิชาที่หลอมมีมากเท่าไร นัยเร้นลับที่มีอยู่ก็ยิ่งลึกลับมากเท่านั้น อานุภาพที่มีก็ยิ่งแกร่งกล้าขึ้นไปด้วย

แต่ก็ในช่วงครึ่งปีนี้เองที่ทรัพยากรเติมพลังที่หลินสวินพกติดตัวทั้งหมดถูกใช้ไปจนสิ้น

ในระหว่างนี้เขาก็ลองเสาะหาพลังชีวิต แสวงหาทรัพยากรที่จะนำมาใช้ได้ตามดาวต่างๆ แต่สุดท้ายก็กลับมามือเปล่า

ฟ้าดาราแห่งนี้เดิมก็เป็น ‘ที่ตาย’ แห่งหนึ่ง!

หลินสวินลองติดต่อ ‘อู๋เชวีย’ วิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร แต่กลับพบว่าฝ่ายหลังจมสู่ภาวะเก็บตัวชั้นลึกมานานแล้ว ไม่มีทางตื่นขึ้นมาในช่วงสั้นๆ

ฉึบ!

ฝ่ามือหลินสวินมีปิ่นหยกเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ปิ่นมีรูปลักษณ์โบราณเรียบง่าย เจียระไนขึ้นจากหยกดำสนิทลึกลับชนิดหนึ่ง บนนั้นมีตัวอักษร ‘ซี’ สลักอยู่ตัวหนึ่ง

นี่เป็นนามของหญิงลึกลับที่อยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์ผู้นั้น

ถ้าพบกับเคราะห์ใหญ่เฉียดเป็นเฉียดตาย ขอเพียงกระตุ้นปิ่นหยกนี้ หญิงลึกลับก็จะออกมาจากห้องโถงมรรคาสวรรค์

หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนเก็บปิ่นหยกลงไปอีก

ไม่ได้เป็นเคราะห์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเสียหน่อย ไยต้องรบกวน ‘ซี’ ด้วย

ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าสุดท้ายความทรมานครั้งนี้จะกักขังข้าเอาไว้ได้หรือไม่

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สลัดความคิดยุ่งเหยิงทิ้ง สภาวะจิตยิ่งสงบนิ่งและแน่วแน่

ในสภาวะเฉียดเป็นเฉียดตายถึงน่ากลัวที่สุด แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาเป็นตายที่แท้จริง

หลินสวินไม่ได้เป็นพวกชอบเอาชนะ เขารู้ดีว่าพลังภายนอกก็เป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพแห่งตน จะทำตามใจปรารถนาก็ได้ แต่ไม่อาจล้ำเส้นกฎเกณฑ์!

โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวโยงกับการหลอมมรรควิถีของตนเอง ยิ่งไม่อาจใช้พลังภายนอกได้ง่ายๆ หาไม่แล้วรังแต่จะทำให้มรรควิถีของตนด่างพร้อย

……

ครึ่งปีผ่านไป

หลินสวินผนึกพลังหลอมจิตและหลอมกาย ใช้เพียงพลังหลอมปราณมาค้ำจุน

หนึ่งปีผ่านไป

พลังหลอมปราณที่หลินสวินเหลือไว้เพียงอย่างเดียวถูกใช้ไปจนหมดสิ้น เปิดใช้พลังหลอมกาย

สองปีผ่านไป

หลินสวินเปิดใช้พลังหลอมจิต

…กาลเวลาผันผ่าน จนวันหนึ่งในปีที่ห้าของการท่องทะยานในฟ้าดาราอันแห้งแล้งแห่งนี้ พลังทั้งหมดในตัวหลินสวินก็ใช้ไปจนสิ้น

ทั้งตัวเขาหม่นแสงลง สติรับรู้ราวกับตกอยู่ในภาวะคล้ายตาย มีเพียงเจตจำนงตามสัญชาตญาณที่ยังค้ำจุนไว้อยู่

หลินสวินในตอนนี้จิตใจกลับสงบนิ่งและปลอดโปร่งอย่างประหลาด ‘เป็นและตาย ว่างและเต็ม โรยและรุ่ง หยินและหยาง…’

ก็ในสถานการณ์คับขันถึงที่สุดเช่นนี้เอง การหยั่งรู้อันหายากหาใดเทียบต่างๆ ผุดขึ้นในจิตใจของหลินสวิน

ทันใดนั้นก็ไม่รู้หลินสวินเอาพลังมาจากไหน พลันยืดตัวตรง ประกายเทพวาววาบออกมาจากดวงตาดำ

เป็นและตายไม่แน่นอน!

ว่างเปล่าและเติมเต็มไร้จำกัด!

ร่วงโรยและรุ่งเรืองเป็นวัฏจักร!

หยินและหยางเข้าแทนที่ซึ่งกันและกัน!

สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นมรรคแห่ง ‘เลวร้ายกลายสุขสวัสดิ์’

ตูม!

เมื่อกระจ่างแจ้งถึงจุดนี้ ร่างกายของหลินสวินที่เดิมแห้งเหี่ยวโรยรา พลังหลอมกาย หลอมปราณและหลอมจิตทั้งสามที่ใช้ไปจนสิ้นแล้วก็พลิกผันถึงที่สุดในตอนนี้

พลังแฝงของเขาถูกกระตุ้นขึ้นโดยสมบูรณ์ พลังแรกกำเนิดที่อยู่ในส่วนลึกสุดของร่างกายได้รับการปลดปล่อย

จากนั้นพลังชีวิตอันไพศาลดั่งสายธารก็พวยพุ่งไปยังแขนขาและกระดูกดั่งภูเขาถล่มสมุทรคำราม ถาโถมเพิ่มพูดทั้งร่าง ประหนึ่งคลองที่แห้งเหือดถูกฝนห่าใหญ่กระหน่ำรดลงมา!

เลวร้ายกลายสุขสวัสดิ์!

ถ้าไม่ถูกบีบจนถึงที่สุดเช่นนี้ แม้แต่ตัวหลินสวินยังไม่กล้าเชื่อว่าตนจะถึงกับมีพลังแฝงมหาศาลที่ยังไม่ถูกขุดออกมา

เพียงครึ่งเค่อเท่านั้น สภาพของหลินสวินก็ฟื้นฟูถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดอย่างหมดจด

แม้พลังปราณยังไม่ทะลวงขั้น แต่หลินสวินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนไม่ใช่แค่เท่าตัว!

ก็เหมือนทะเลสาบแห่งหนึ่งที่กว้างใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่า ทะเลสาบยังเป็นทะเลสาบ แต่สายน้ำที่บรรจุอยู่ไม่เหมือนเดิมไปนานแล้ว

หลินสวินยืนเงียบๆ อยู่เหนือฟ้าดารา เสื้อผ้าโบกพลิ้ว ผมดำปลิวสยาย กลิ่นอายยากจับต้องอันอิ่มเอิบแผ่ออกมาทั่วกาย สีหน้ามีแต่ความโอหัง

ขณะนี้ความเชื่อมั่นในตัวเองอันแรงกล้าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สายตาของเขากวาดมองฟ้าดารา ปากโพล่งเบาๆ ว่า

“ระดับนี้ มีข้าไร้ศัตรู!”

ชัดถ้อยชัดคำ ดังก้องจักรวาล สะท้านสิบทิศ

……

เหมือนถูกฟ้าเบื้องบนอิจฉา หลังจากหลินสวินแปรสภาพ ‘เลวร้ายกลายสุขสวัสดิ์’ ท่ามกลางสถานการณ์คับขันถึงที่สุดแล้ว การเดินทางในฟ้าดาราครั้งนี้ก็ยังไม่จบลง

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปีโดยไม่รู้ตัว

หลินสวินไม่อาจไม่ใช้วิธีเดิม ทั้งยังต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อประหยัดพลังกาย แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้การผลาญพลังก็ยังอันตรายยิ่งดังเดิม…

ถูกทรมานขนาดนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาเกรงว่าคงหมดอาลัยตายอยาก สิ้นหวังยอมแพ้ไปนานแล้ว

แต่หลินสวินยังคงหนักแน่น ถ้าความตายไม่มาจู่โจม จะไม่ยอมแพ้เช่นนี้เด็ดขาด

‘ก็ไม่รู้ว่าศิษย์พี่เก่ออวี้ผูกับศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยจะรู้หรือไม่ ว่า ‘ทางรอด’ ที่ท่านอาจารย์หลงเหลือไว้ให้ในตอนนั้นจะลำบากยากเข็ญขนาดนี้…’

หลินสวินถอนใจในใจ

หกปีเต็มๆ แล้ว!

ตัวคนเดียวท่องทะยานไปในฟ้าดาราไร้ขอบเขตที่ว่างเปล่า เย็นเยียบ และมีแต่กลิ่นอายความตายเช่นนี้ ไม่มีทรัพยากร ไม่มีพลังชีวิต ไม่มีพลังมหามรรค…

ประสบการณ์และการเคี่ยวกรำที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ สามารถทำให้คนที่สภาวะจิตไม่แข็งแกร่งต้องทรมานจนเสียสติ

“หืม?”

ก็ในระหว่างที่ความคิดของหลินสวินโบยบินไปนี้เอง จู่ๆ ก็สังเกตได้ว่าเข็มของพันฤกษ์วัฏจักรนำพาส่งเสียงวิ้งขึ้นทันใด

หลินสวินเงยหน้าขึ้นมองออกไปไกลตามจิตใต้สำนึก ก็เห็นว่าในส่วนลึกของจักรวาลอันไร้ขอบเขต มีประตูวังวนสีเทาขมุกขมัวบานหนึ่งปรากฏขึ้นเงียบๆ

ชั่วพริบตานี้ร่างของหลินสวินพลันตึงเครียด ดวงตาเปล่งประกาย ความตื่นเต้นดีใจยากบรรยายจู่โจมเข้าที่ดวงใจราวน้ำหลาก

ทางรอด!

ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นแล้วหรือ

หลินสวินแทบจะทุ่มพลังที่เหลืออยู่เฮือกสุดท้ายในร่างกายทั้งหมด พุ่งถลาไปหาประตูวังวนที่อยู่ไกลออกไปเต็มกำลัง

โครม!

ชั่วพริบตาที่เงาร่างกระโจนเข้าไป หลินสวินรู้สึกเพียงเบื้องหน้าฟ้าพลิกดินคว่ำ ร่างกายถูกพลังเคลื่อนย้ายอันน่ากลัวเหนี่ยวนำไปโดยสูญเสียการควบคุม

‘ในที่สุดก็ได้ออกไปแล้วสินะ…’

ขณะนี้จิตใจที่ตึงเครียดมาหกปีของหลินสวินผ่อนคลายลงโดยสมบูรณ์ เขาคร้านจะสนใจแล้วว่าประตูวังวนนี้จะส่งเขาไปที่ไหน

ขอเพียงออกจากสถานที่บ้าๆ ที่เหมือนกับกรงขังแห่งนี้ได้ก็พอแล้ว!

จากนั้นภาพตรงหน้าหลินสวินที่ใช้พลังจนหมดสิ้นก็ดำมืดไปหมด หลับใหลไปโดยสมบูรณ์ เขาเหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ

‘ซี’ หญิงลึกลับที่อยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์เผยรอยยิ้ม

หกปีมานี้นางเห็นทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหลินสวิน หลายครั้งแม้แต่ตัวนางเองยังทนดูต่อไปไม่ได้ หมายจะลงมือช่วยอย่างอดไม่อยู่

แต่ทุกๆ ครั้งหลินสวนก็ฝืนทนต่อไปได้อย่างปาฏิหาริย์

กระทั่งตอนนี้มองดูหลินสวินหนีออกจากกรงขังได้สำเร็จ ในใจของซีก็โล่งใจและยินดีเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

“เหนื่อยแล้ว ก็นอนให้สบายเถอะ…”

ครู่ต่อมาเงาร่างอรชรดั่งภาพฝันของซีก็ออกมาจากห้องโถงมรรคาสวรรค์

ที่นี่คืออุโมงค์ฟ้าดาราสายหนึ่ง เต็มไปด้วยกระแสกาลเวลายุ่งเหยิง ละอองแสงปลิวกระจาย งดงามตระการตา ทั้งยังอันตรายถึงที่สุด

ตูม!

กรงเล็บสัตว์มหึมาข้างหนึ่งพลันยื่นมาจากความว่างเปล่าไกลลิบ ตบเข้าที่อุโมงค์ฟ้าดาราสายนี้อย่างจัง

ยามซีปรากฏตัว เหมือนคาดเดาภาพนี้ได้ล่วงหน้า สีหน้าเรียบเฉยไม่หวั่นไหว เพียงแค่ยื่นมือออกไปกรีดเบาๆ

พลังดรรชนีโฉบพุ่ง เปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในอากาศประหนึ่งเสาค้ำฟ้า กลิ่นอายไพศาลที่กระจายออกมาข่มกรงเล็บสัตว์นี้ไว้อย่างจัง

ทั้งสองปะทะกัน เกิดเป็นคลื่นกระแทกน่ากลัวแผ่กระจายออกมา ทำเอาอุโมงค์ฟ้าดาราสายนี้สั่นสะเทือนรุนแรง

กรงเล็บสัตว์มหึมามิดฟ้าถูกซัดให้ถอยไปแล้ว ในความว่างเปล่าไกลออกไปมีเสียงสัตว์ร้องคำรามอู้อี้

ซีเงยหน้ามองไป ก็เห็นอสูรยักษ์พิสดารตัวมหึมาหาใดเทียบตัวหนึ่งเคลื่อนขวางห้วงอากาศ ชักนำดวงดาวนับหมื่นพันมาด้วย

เพียงแค่ดวงตาทั้งคู่ของมันก็เหมือนดวงอาทิตย์สองดวง แดงฉานน่าหวาดหวั่น แผ่ประกายน่ากลัวที่เย็นชาไร้ความปรานีออกมา

แต่เมื่อเทียบกับร่างกายใหญ่โตของมันนั้น ดวงดาราทั้งท้องฟ้าก็เหมือนไข่มุกที่ไม่สะดุดตาเม็ดแล้วเม็ดเล่า…

ถ้าหลินสวินตื่นอยู่จะต้องจำได้ว่าเขาเคยพบอสูรยักษ์ฟ้าดาราอันพิสดารตัวนี้มาก่อน และยังไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย!

ซีนัยน์ตาหดรัด สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง พาหลินสวินที่หลับไหลกระโจนไปยังส่วนลึกของอุโมงค์ฟ้าดาราด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

ตูม!

อสูรยักษ์แปลกประหลาดตัวนั้นยื่นกรงเล็บมหึมาออกมาบดขยี้ห้วงอากาศ ตีอุโมงค์ฟ้าดาราที่ซีเคลื่อนผ่านไปสายนั้น ละอองแสงปลิวว่อน ระเบิดออกท่ามกลางความว่างเปล่า

ภาพน่ากลัวนั้นสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิตกตะลึงจนเหงื่อกาฬชโลมกาย

แต่สุดท้ายก็ยังถูกซีหลบพ้นไปก่อนก้าวหนึ่ง หายลับไปในประตูวังวนขนาดยักษ์ที่อยู่สุดปลายอุโมงค์

“หุบเหวกลืนกิน… ข้าจะจับเจ้าให้ได้…”

อสูรยักษ์ประหลาดตัวนั้นถลึงตาเยียบเย็นแดงฉาน มองดูจุดที่ซีหายลับไปอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงหันกลับ หายลับไปในห้วงอากาศเวิ้งว้าง

——

(จบภาค มหายุคอันพร่างพราว ใครเล่าคุมสถานการณ์)

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset