เมื่อครั่นครืนเสียงหนึ่งดังขึ้น ยานข้ามโลกที่ใหญ่โตราวกับแผ่นดินลอยสูงขึ้นกลางอากาศ ฉีกชั้นเมฆให้ขาดออกแล้วทะยานขึ้นไปนอกเวิ้งฟ้า
“ไปแล้ว…”
บนพื้นดิน ผู้ฝึกปราณโลกลำนำสวรรค์นับไม่ถ้วนมองดูภาพนี้ จิตใจปั่นป่วนไม่หยุด
หลินเต้าหยวน!
ชายหนุ่มซึ่งมีที่มาลึกลับคนนี้ กวาดซัดม่านฟ้าโลกลำนำสวรรค์ดั่งดาวหาง ทำเอาฟ้าดินสั่นไหวเพราะเขา
ใครก็รู้ดีว่าชื่อนี้จะต้องถูกจารึกในประวัติศาสตร์โลกลำนำสวรรค์ดุจรอยประทับ
“ไปแล้ว”
หนานเหลยเผิงพ่นลมหายใจขุ่นออกมาเฮือกหนึ่ง
เขารู้ว่าเมื่อหนานชิวตามหลินสวินไป ชะตาของเผ่ามู่ซางก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ แล้ว
ในภายหน้าต่อให้เผ่ามู่ซางอ่อนแอถึงที่สุด แต่ขอเพียงมีหนานชิวอยู่ ย่อมมีความหวังที่จะผงาดขึ้นอีกครั้ง!
……
บนยานข้ามโลก หอศาลาอาคารเรียงราย สายธารไหลผ่านสะพานน้อย พื้นที่กว้างขวางยิ่ง ยืนอยู่บนนั้นก็เหมือนยืนอยู่ในเมืองย่อมๆ เมืองหนึ่ง
ที่จุดศูนย์กลางของยานข้ามโลกเป็น ‘กระบวนผนึกลายมรรค’ ที่เรียกได้ว่าใหญ่โตโอฬารกระบวนหนึ่ง เป็นดั่งเตาไฟลุกโหมที่โคจรเดือดพล่านเตาหนึ่ง ปลดปล่อยพลังอันเกรียงไกรไพศาล กระตุ้นให้ยานข้ามโลกเคลื่อนที่ทะลวงอากาศ
กลางกระบวนผนึกลายมรรคมีผลึกมรรคสูงเท่าภูเขาขนาดย่อมๆ ลูกหนึ่งกองอยู่ ล้วนเป็นผลึกมรรคชั้นสูง เป็นแหล่งพลังในการท่องทะยานของยานข้ามโลก
ตอนนี้หลินสวินยืนอยู่หน้ากระบวนผนึกลายมรรคนี้ มือถือจานสำริดกลมใบหนึ่ง บนนั้นมีภาพบุปผาปักษามัจฉาแมลงสลักอยู่ ฉาย ‘แผนที่เส้นทางฟ้าดารา’ ผืนหนึ่งออกมา
นี่คือแผนที่เส้นทางสู่โลกต้าอวี่
“ยานข้ามโลกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขุมอำนาจทั่วไปจะครอบครองได้จริงๆ…”
ครู่สั้นๆ หลินสวินก็ชักสายตากลับมา ตัดสินคร่าวๆ ได้อย่างหนึ่ง
ยานข้ามโลกเช่นนี้ แค่วัตถุดิบเทพที่จำเป็นในการสร้างยังต้องใช้เป็นหมื่นชนิด มากถึงหลายหมื่นชิ้น!
นอกจากนี้ยังต้องสลักกระบวนผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนไว้ทั้งในและนอกตัวยาน แม้เป็นนักสลักลายมรรคที่มีวิชาสูงล้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีขึ้นไปถึงทำงานที่สลับซับซ้อนเช่นนี้ให้แล้วเสร็จ
และหลังจากสร้างยานข้ามโลกเสร็จ ในการท่องทะยานแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้ผลึกมรรคจำนวนมหาศาลเป็นเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายมากมายยิ่งยวด ขุมอำนาจทั่วไปแบกรับความสิ้นเปลืองเช่นนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
ควรรู้ว่าผลึกมรรคมีอีกชื่อหนึ่งว่าผลึกสมบัติมหามรรค มีไอวิญญาณเจตะอันเข้มข้นและบริสุทธิ์หาใดเทียบ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการฝึกปราณของผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะ
ผลึกมรรคขนาดเท่าหัวแม่โป้งก้อนหนึ่งมีมูลค่าที่เรียกได้ว่าน่าตกใจ ผลึกมรรคเช่นนี้สิบก้อนก็สามารถแลกกับโอสถเทพอันล้ำค่าได้ต้นหนึ่ง!
และการใช้ยานข้ามโลกท่องทะยานแต่ละครั้ง อย่างน้อยก็ต้องใช้ผลึกมรรคหลักพันก้อน ถ้าเส้นทางยาวไกล ปริมาณผลึกมรรคที่ใช้ไปก็ยิ่งน่าตกตะลึง
อย่างการเดินทางจากโลกลำนำสวรรค์ไปโลกต้าอวี่ ก็ต้องใช้ผลึกมรรคชั้นสูงสี่พันก้อนเต็มๆ!
“พวกเจ้าขับยานข้ามโลก เสียทรัพย์ไปมากมายเช่นนี้เพื่อมารับศิษย์ในที่เล็กๆ อย่างโลกลำนำสวรรค์หรือ”
หลินสวินถาม
ข้างกันมีชายวัยกลางคนชุดเทาผู้หนึ่งยืนอยู่ เขามีนามว่าฝูทง ที่โลกลำนำสวรรค์ก่อนหน้านี้ เขาโชคดีรอดมาได้เหมือนกับหม่าไท่เจิ้นและอวี่อวิ๋นเหอ เพราะหลินสวินยั้งมือ
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน”
ฝูทงสีหน้าซึมกะทือ ท่าทางยอมจำนน เอ่ยว่า “ก่อนเดินทางมาโลกลำนำสวรรค์ พวกเราเคยไปโลกเล็กอื่นๆ มาแล้วเก้าแห่ง รวบรวม ‘ไหมทองสังข์มรกต’ ที่เป็นของขึ้นชื่อของโลกทอเมฆาแปดพันจิน ‘กระดูกหยกลอยลม’ ที่เป็นวัตถุดิบเทพขึ้นชื่อของโลกแสงหยกสามร้อยจิน ‘ขนหางไก่ฟ้าทมิฬ’ ของขึ้นชื่อของโลกว่างเปล่าห้าสิบคู่ …”
เขาแจ้งชื่อของวัตถุดิบเทพ โอสถเทพและสินแร่นานาชนิด
ในที่สุดก็เอ่ยว่า “สินค้าพวกนี้ถ้าส่งไปขายที่โลกต้าอวี่ สามารถขายได้ราคาดีเป็นสิบเท่า หรือกระทั่งร้อยเท่า ผลึกมรรคที่ยานข้ามโลกนี้ใช้ไป เมื่อเทียบกันแล้วยังเล็กน้อยยิ่งนัก”
ฝูทงพูดถึงตรงนี้สีหน้าก็ซับซ้อนเล็กน้อย “เดิมทีที่พวกเรามายังโลกลำนำสวรรค์ เป็นเพราะต้องการเก็บรวบรวมโอสถเทพนามว่า ‘หญ้าทมิฬด้วงม่วง’ กองหนึ่ง แต่ว่า…”
เขาพูดไม่จบ แต่ก็เผยความนัยออกมาจนหมดแล้ว
หลินสวินคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “พูดแบบนี้ เจ้ากำลังโทษว่าข้าทำลายโอกาสค้าขายก้อนโตของพวกเจ้าหรือ”
ฝูทงรีบร้อนสายหัวปฏิเสธ
หลินสวินไม่ได้คิดเอาความ ในใจยามนี้ยิ่งรู้ถึงคุณค่าการมีอยู่ของยานข้ามโลก
บนทางเดินโบราณฟ้าดารา การครอบครองยานข้ามโลกก็เท่ากับได้ครอบครองวิธีการท่องไปในฟ้าดาราสู่โลกใบอื่น ทั้งสามารถใช้วิธีทางการค้า ซื้อขายแลกเปลี่ยนทรัพยากรจากโลกต่างๆ ฉกฉวยความมั่งคั่งที่ไม่อาจจินตนาการได้!
ทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลหาใดเทียบ หมื่นโลกกระจายตัวอยู่ภายในนั้น
เพียงแค่โลกต้าอวี่แห่งเดียวก็ควบคุมโลกใบเล็กเหมือนอย่างโลกลำนำสวรรค์สิบกว่าแห่ง ครอบครองความมั่งคั่งไม่ขาดสาย ขุมอำนาจเช่นนี้ คิดจะไม่รุ่งเรืองคงยาก
ตอนนี้หลินสวินรู้ชัดแล้วว่าในจักรวาลฟ้าดาราเต็มไปด้วยอันตรายและเภทภัยอันไม่อาจจินตนาการได้ ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิแทบไม่มีใครกล้าท่องทะยานในนั้นตามใจชอบ
และยานข้ามโลกก็กลายเป็นเครื่องมือที่เหล่าผู้ฝึกปราณจากโลกต่างๆ ข้ามผ่านฟ้าดารา
ทว่าต่อให้เป็นยานข้ามโลก ก็ทำได้เพียงท่องไปตามเส้นทางฟ้าดาราที่แน่นอน ถ้าเปลี่ยนเส้นทาง จะหลงทางและประสบเคราะห์ในฟ้าดาราได้ง่ายยิ่ง
กระทั่งว่าต่อให้ท่องไปบนเส้นทางฟ้าดาราที่แน่นอนตายตัว ก็ยังประสบอันตรายนานาชนิดได้เสมอ เช่นจู่ๆ ก็มีกระแสปั่นป่วนฟ้าดาราปรากฏขึ้น หรือสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ฝ่าเข้ามาในเส้นทาง…
‘ดูท่าภายหน้าข้าจะต้องสร้างยานข้ามโลกสักลำเสียแล้ว…’
หลินสวินจมสู่ห้วงความคิด
ไม่มียานข้ามโลกก็เท่ากับสูญเสียพลังในการเดินทางได้อย่างอิสระในทางเดินโบราณฟ้าดารา ทันทีที่ติดอยู่ในโลกบางแห่ง คิดจะออกมานั้นยากนัก
โครม!
ทันใดนั้นยานข้ามโลกที่อยู่ใต้เท้าสะเทือนขึ้นมา กระโจนขึ้นไปในเวิ้งฟ้าดาราฉับไว
หลินสวินเงยหน้าขึ้นทันควัน ก็เห็นว่าดวงดาวนับล้านฉายวิบวับ เจิดจรัสเปล่งรัศมี ธารดาราไร้สิ้นสุดโคจร เมฆดาราผืนแล้วผืนเล่าเคลื่อนที่เป็นวงจร ตระการตาและเกรียงไกร
มองเห็นกลุ่มดาวหางอันโชติช่วงกรีดผ่านได้เป็นครั้งคราว ราวกับดอกไม้ไฟกำลังปะทุขึ้นกลางฟ้าดารา งดงามจนชวนตะลึง
นี่จึงจะเป็นทางเดินโบราณฟ้าดาราที่แท้จริง!
หลินสวินรำพึงในใจ
……
“สหายยุทธ์ ข้าอยากรู้บางเรื่องจากเจ้า”
ในเรือนกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่งบนยานข้ามโลก หลินสวินนั่งอยู่กับพื้น สายตามองไปยังหม่าไท่เจิ้นที่อยู่ไม่ไกล
ตอนนี้บุคคลระดับราชันอริยะที่มาจากสำนักยุทธ์เตาโอสถผู้นี้สีหน้าบูดบึ้ง ดวงตามีแต่ความชิงชังเสียดกระดูก
เขาไม่พูดสักคำ
หลินสวินยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าไม่ให้ความร่วมมือ ข้าก็จะทำลายพลังปราณของเจ้า แล้วโยนเจ้าออกไปจากยานข้ามโลกลำนี้”
หม่าไท่เจิ้นตัวแข็งทื่อ พูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าลองดูสิ!”
หลินสวินไม่ใช่คนพูดจาไร้สาระมาแต่ไหนแต่ไร เขาลุกขึ้นมาอยู่ตรงหน้าหม่าไท่เจิ้นทันที ก้มมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยว่า
“เจ้าตายไปก็ยังมีอวี่อวิ๋นเหอ ฝูทง ต่อให้พวกเขาไม่ให้ความร่วมมือเช่นเดียวกับเจ้า รอถึงโลกต้าอวี่ข้าย่อมมีวิธีสืบเรื่องที่อยากรู้มาได้ ตอนนี้เจ้ายังจะดื้อรั้นหัวชนฝาต่อไปจริงๆ หรือ”
เสียงราบเรียบแต่กลับทำให้หม่าไท่เจิ้นตัวสั่นเทา
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างยากเย็น
“ข้าให้เกียรติเจ้าได้ แต่เงื่อนไขคือเจ้าต้องให้ความร่วมมือกับข้า”
หลินสวินเดินกลับไปที่นั่ง เอ่ยว่า “คำถามข้อแรก สำนักยุทธ์เสวียนจีอยู่ที่ไหน”
“สำนักยุทธ์เสวียนจีหรือ”
หม่าไท่เจิ้นชำเลืองมองหลินสวินปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “โลกใหญ่หงเหมิงในเขตแดนดาราใจกลาง นั่นเป็นถึงพื้นที่ศูนย์กลางที่แท้จริงของทางเดินโบราณฟ้าดารา ขุมอำนาจใหญ่ชั้นยอดในโลกอย่างหกเรือนมรรคใหญ่ เผ่านักรบใหญ่ทั้งสิบล้วนยึดครองอาณาเขตในนั้น”
ทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด
แต่มีเพียง ‘เขตแดนดาราใจกลาง’ ที่ถูกมองว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกปราณ เก่าแก่และรุ่งเรืองที่สุดในทางเดินโบราณฟ้าดารา ดำรงมาแต่โบราณ มหามรรคเป็นนิรันดร์ โชติช่วงไม่เสื่อมสลาย!
และโลกใหญ่หงเหมิงก็ตั้งอยู่ในเขตแดนดาราใจกลาง โลกนี้ถูกขนานนามอีกอย่างหนึ่งว่า ‘โลกอันดับหนึ่งของฟ้าดารา!’
นอกเขตแดนดาราใจกลาง ‘เก้าเขตแดนมหาดารา’ กับ ‘สามสิบสามโลกใหญ่’ มีชื่อเสียงที่สุด
อย่างโลกต้าอวี่ก็ตั้งอยู่ในเขตแดนดาราจื่อเหิง หนึ่งในเก้าเขตแดนมหาดารา เป็นหนึ่งในโลกใหญ่ๆ มากมายที่อยู่ในเขตแดนดาราแห่งนี้
เมื่อได้รู้เรื่องเหล่านี้ ใจหลินสวินก็สะท้านไประลอกหนึ่ง
ทางเดินโบราณฟ้าดาราใหญ่โตเพียงไหนกันแน่
ก่อนหน้านี้ในใจเขายังมีโครงร่างไม่ชัดเจน ตอนนี้ถึงได้รู้ชัดว่าทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลปานไหน!
มีโลกใบเล็กสิบกว่าแห่งอยู่ภายใต้โลกต้าอวี่
แต่โลกต้าอวี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในโลกใหญ่มากมายที่อยู่ในเขตแดนดาราจื่อเหิง และเขตแดนดาราจื่อเหิง ก็เป็นหนึ่งในเก้าเขตแดนมหาดารา…
นี่ก็หมายความว่าหากภายหน้าหลินสวินอยากไปสำนักยุทธ์เสวียนจี จะต้องออกจากโลกต้าอวี่ก่อน แล้วค่อยออกจากเขตแดนดาราจื่อเหิง จากนั้นก็ข้ามฟ้าดาราไป หลังจากไปถึงเขตแดนดาราใจกลางแล้วจึงจะเข้าไปในโลกใหญ่หงเหมิงที่สำนักยุทธ์เสวียนจีตั้งอยู่ได้!
คาดการณ์ได้ว่านี่ต้องเป็นเส้นทางอันยาวไกลจนไม่อาจจินตนาการได้สายหนึ่ง
“คำถามข้อที่สอง อาณาเขตเผ่าเจินหลงอยู่ที่ไหน”
หลินสวินถาม
หม่าไท่เจิ้นนัยน์ตาหดรัด เอ่ยว่า “เผ่าเจินหลงเป็นหนึ่งในเผ่าเก่าแก่ที่ลึกลับที่สุดบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ตามคำร่ำลือ อาณาเขตที่เผ่านี้ยึดครองได้รับการขนานนามว่า ‘แดนเจินหลง’ แต่ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใดกันแน่ กลับมีเพียงสำนักเก่าแก่น้อยนิดที่รู้”
หลินสวินนิ่วหน้าพูด “ในโลกต้าอวี่มีคนรู้ข้อมูลเรื่องแดนเจินหลงหรือไม่”
หม่าไท่เจิ้นส่ายหัว “อย่าว่าแต่โลกต้าอวี่ เกรงว่าขุมอำนาจใหญ่ทั้งเขตแดนดาราจื่อเหิงยังไม่มีใครรู้ คิดจะสืบข้อมูลของแดนเจินหลง อาจจะมีเพียงไปยังโลกใหญ่หงเหมิงที่เขตแดนดาราใจกลาง”
หลินสวินประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเผ่าเจินหลงนี้จะลึกลับเช่นนี้
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “คำถามข้อที่สาม เจ้ารู้จัก ‘พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ’ หรือไม่”
ปีนั้นยามชายหนุ่มจักจั่นทองจะพาบิดามารดาของจ้าวจิ่งเซวียน รวมถึงสิ่งมีชีวิตน่าหวาดหวั่นบางตนไปทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เคยเล่าเรื่อง ‘พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ’ ให้หลินสวินฟัง
หม่าไท่เจิ้นชะงักไป ส่ายหัวเอ่ยว่า “ขุมอำนาจบนทางเดินโบราณฟ้าดารามีมากมาย ข้าฝึกปราณในโลกต้าอวี่มาทั้งชีวิต ยังไม่เคยได้ยินเรื่อง ‘พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ’ มาก่อน”
หลินสวินไม่ได้ประหลาดใจ เขาถามต่อว่า “แล้วโลกมืดอยู่ที่ไหน อย่างสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ล่ะ”
หม่าไท่เจิ้นตัวแข็งทื่อ ส่ายหัวเอ่ยอีกครั้งว่า “บนทางเดินฟ้าดารา ผู้ฝึกปราณแทบทุกคนรู้ถึงการมีอยู่ของโลกมืด แต่โลกมืดอยู่ที่ไหนกันแน่กลับมีคนน้อยนิดที่บอกได้”
หลินสวินสอบถามอีกหลายคำถาม แต่สิ่งที่หม่าไท่เจิ้นรู้กลับมีจำกัด ไม่สามารถตอบได้
นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ทันใดว่าแม้โลกต้าอวี่จะเป็นโลกใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่จุดศูนย์กลางซึ่งรุ่งโรจน์ที่สุดของทางเดินโบราณฟ้าดาราอยู่ดี
ดูท่าข้อมูลที่ตนอยากรู้ คงทำได้เพียงไปสืบที่เขตแดนดาราใจกลาง
‘เขตแดนดาราใจกลาง โลกใหญ่หงเหมิง หกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่… แม้แต่สำนักยุทธ์เสวียนจียังอยู่ในนั้น… ดูท่าภายหน้าคงต้องไปสักรอบถึงจะได้…’
ยามหลินสวินครุ่นคิด ยานข้ามโลกพลันสั่นโคลงรุนแรง เหมือนพบเข้ากับแรงต้านอันแข็งแกร่ง
——