Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1785 ไอสังหารกษิติครรภ์

ผู้อาวุโสชิงหยาง!

หม่าไท่เจิ้นกับฝูทงนึกถึงคนผู้หนึ่งในชั่วพริบตา

บุคคลในตำนานระดับจักรพรรดิที่ชื่อสะท้านโลกต้าอวี่เมื่อนานมาแล้ว ในเขตแดนดาราจื่อเหิงเองก็เรียกได้ว่าหาตัวจับยากผู้หนึ่ง

อวี่ชิงหยาง!

เขาเป็นระดับจักรพรรดิที่โดดเด่นตระการตาที่สุดในหมู่บรรพชนเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ พลังต่อสู้อยู่ในชั้นยอดของโลกมาแปดพันปี มีฉายาว่า ‘จักรพรรดิดาบชิงหยาง’ รุ่งโรจน์เหนือฟ้าดารา

เพียงแต่เมื่อนานมากแล้ว หลังจากจักรพรรดิดาบชิงหยางออกท่องเที่ยวก็ไร้ข่าวคราว จวบจนตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ที่อยู่ของเขา

แต่หม่าไท่เจิ้น ฝูทงกลับคิดไม่ถึงว่าในมือหลินสวินดันมีป้ายคำสั่งที่จักรพรรดิดาบชิงหยางพกติดตัวเสียได้!

ชั่วขณะเดียวสายตาที่พวกเขามองหลินสวินก็เปลี่ยนไป

ขณะนี้อวี่อวิ๋นเหอยิ่งตื่นเต้น ร้องออกมาคล้ายไม่อาจควบคุมความรู้สึกได้ว่า “เจ้ารีบบอกมาว่าเหตุใดในมือเจ้าถึงมีป้ายคำสั่งของผู้อาวุโสชิงหยางเผ่าข้าได้”

หลินสวินสังเกตเห็นอย่างฉับไวว่าสถานการณ์ออกจะไม่ชอบมาพากล

สมัยอยู่ที่ป่าต้นหม่อน เขาเคยใช้โคมมหามรรคไร้มลทินช่วยสิ่งมีชีวิตน่ากลัวไว้กลุ่มหนึ่ง ก่อนสิ่งมีชีวิตน่ากลัวกลุ่มนี้จากไปก็มอบของบางอย่างให้เขา

ป้ายคำสั่งอักษร ‘อวี่’ ป้ายนี้ ก็เป็นสิ่งที่ชายชราชุดดำที่แปลงกายมาจากดวงใจที่มีรูพรุนนับร้อยนับพันดวงหนึ่งมอบให้ก่อนจากไป

ตามคำพูดของชายหนุ่มจักจั่นทอง คนผู้นี้เป็นบรรพชนเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่คนหนึ่ง นิสัยสันโดษเย่อหยิ่ง เป็นสหายสนิทของมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์

ตอนแรกคนผู้นี้มาป่าต้นหม่อนกับผู้ร่วมมรรคคนอื่นๆ เพื่ออารักขามหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ โชคร้ายประสบเคราะห์ จึงเร่ร่อนมาถึงตอนนี้

เดิมหลินสวินนึกว่าหลังจากผู้อาวุโสตระกูลอวี่คนนี้จากไป จะต้องกลับไปที่ตระกูลของเขาแน่

แต่พอเห็นท่าทางตื่นเต้นเสียอาการเช่นนั้นของอวี่อวิ๋นเหอ เขาก็สงสัยอยู่ในใจอย่างห้ามไม่อยู่ หากไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลอวี่คนนั้นไม่ได้กลับไปที่ตระกูล ก็เป็นอวี่อวิ๋นเหอไม่รู้เรื่องพวกนี้

หลินสวินชำเลืองมองอวี่อวิ๋นเหอแล้วเอ่ยว่า “รอไปถึงโลกต้าอวี่ พาข้าไปตระกูลพวกเจ้าหน่อย ข้าจะบอกที่มาที่ของเรื่องนี้กับเจ้าเอง”

“เจ้า…”

อวี่อวิ๋นเหอโกรธเกรี้ยว แต่เมื่อสบสายตาลุ่มลึกนั้นของหลินสวินเขาก็ตัวสั่นขึ้นฉับพลัน ทันใดนั้นก็ได้สติกลับมา รับรู้ได้ว่าตนมีฐานะเป็นเชลย

“ส่วนพวกเจ้าสองคน”

สายตาหลินสวินมองมายังหม่าไท่เจิ้นกับฝูทง ทำให้ทั้งสองต่างใจหดเกร็ง ราวกับนักโทษที่กำลังถูกตัดสิน

“ถึงโลกต้าอวี่แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าออกไป”

เมื่อหลินสวินพูดคำนี้ออกมา ทำให้พวกหม่าไท่เจิ้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ออกจะทำใจเชื่อได้ยากด้วย นี่จะ… ปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เลยหรือ

เจ้าหมอนี่ไม่กลัวพวกเขากลับไปนำกำลังคนของสำนักมาทวงแค้นหรือ

หลินสวินไม่อธิบายอะไรอีก

เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากเรือน มองเห็นจวินหวนที่รูปลักษณ์โดดเด่นนั่งดื่มสุราอยู่จึงเดินเข้าไปหา

“เดี๋ยวก็จะถึงโลกต้าอวี่แล้ว”

หลินสวินยืนอยู่ด้านหนึ่งของหัวยาน เงาร่างสูงโปร่ง เสื้อผ้าไหวกระพือตามลม เอ่ยออกมาคล้ายรำพึง

ดวงตางดงามสดสวยทั้งสองของจวินหวนเผยรอยยิ้ม เอียงหัวมองหลินสวินที่อยู่ข้างกายแล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “ยังกังวลว่าที่ข้าปรากฏตัวขึ้นบนยานข้ามโลกลำนี้ จะมีเป้าหมายที่บอกใครไม่ได้หรือ”

หลินสวินพูด “เจ้าว่าอย่างไรล่ะ”

นิ้วมือเรียวยาวขาวสะอาดของจวินหวนหยิบกาสุราขึ้นมา แหงนหน้าขึ้นดื่มอย่างหนำใจค่อยยิ้มเอ่ยว่า “วางใจได้ ข้าไม่ได้น่าเบื่อปานนั้นหรอก”

หลินสวินถาม “เช่นนั้นหลังจากเจ้าไปถึงโลกต้าอวี่แล้วมีแผนอะไร”

จวินหวนกะพริบตาปริบๆ เอ่ยว่า “ไม่งั้น ข้าจะไปกับสหายยุทธ์ดีไหม เจ้าไปที่ใดข้าก็จะไปด้วยได้ไหม”

ผู้ชายคนหนึ่งอย่างเขา แต่ทุกการกระทำกลับเจ้าชู้สำราญ แฝงเสน่ห์ทั้งยามสุขยามตรม งดงามจนเกินไป ทั้งยังทำให้หลินสวินรู้สึกหงุดหงิดไปครู่หนึ่ง

“ขออภัย ข้าไม่มีความคิดจะร่วมเดินทางกับเจ้า”

พูดจบเขาก็หันกายจากไป

การปฏิสัมพันธ์กับจวินหวนไม่ถึงกับเป็นการกีดกันบอกปฏิเสธ เพราะรูปลักษณ์ท่าทางและอากัปกริยาของอีกฝ่ายแม้เรียกได้ว่าน่าตื่นตะลึงหาใดเทียบ แต่ก็ไม่ได้ไว้ตัว กลับมีกลิ่นอายใจกว้างสูงส่ง

ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้หลินสวินก็ยิ่งระมัดระวัง เกรงว่าถ้าหากตนสนิทด้วยมากไป จะเริ่มค่อยๆ ชื่นชอบอีกฝ่ายขึ้นมา…

“ฮ่าๆๆ”

เบื้องหลังเสียงหัวเราะกำเริบเสิบสานของจวินหวนดังขึ้น เจือน้ำเสียงหยอกเย้า และเสียงนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความน่าดึงดูดเสียอย่างนั้น ราวกับเสียงหยกประดับกระทบกัน

เพียงได้ยินเสียงอย่างเดียว ใครก็คงคิดไม่ถึงว่านี่เป็นเสียงของผู้ชาย

หลินสวินยิ่งเร่งฝีเท้าจากมาให้ไวยิ่งขึ้น

บนยานข้ามโลกจวินหวนลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เสื้อผ้าสีชมพูทั้งตัวไหวกระพือท่ามกลางสายลม ประหนึ่งดอกกุหลาบนับไม่ถ้วนกำลังผลิบาน

สายตาเขามองไปยังส่วนลึกของฟ้าดารา ใบหน้าหล่อเหลางดงามขาวสะอาดปรากฏแววทอดถอนใจ

“ทิวทัศน์ดวงดารางดงามปานนี้ กลับไม่ได้ร่ำสุรา ดื่มเหล้าเคล้าเสียงพูดคุยครื้นเครงให้หนำใจ ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายครั้งใหญ่ในชั่วชีวิตจริงๆ…”

……

สามวันผ่านไป

ณ ที่ไกลออกไปในฟ้าดารา มีแสงอันเจิดจรัสโชติช่วงปรากฏขึ้น

ที่นั่นเป็นโลกใหญ่แห่งหนึ่ง ถูกปกคลุมอยู่ใต้ดวงดารานับหมื่นล้าน กฎระเบียบสอดประสานไหลเชี่ยวดั่งน้ำตก สาดแสงงดงามตระการตา

มองไกลๆ โลกนี้ก็เหมือนไข่ใบยักษ์ฟองหนึ่ง ลอยอยู่ใต้ดวงดารานับหมื่นล้าน แผ่กลิ่นอายกฎระเบียบของโลกที่หนาหนัก เก่าแก่และขมุกขมัว

ยานข้ามโลกที่พวกหลินสวินโดยสารมาใหญ่มากแล้ว แต่เทียบกับสิ่งนี้ก็เหมือนเมล็ดข้าวในทะเล เล็กจ้อยถึงที่สุด

โลกต้าอวี่!

โลกใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ในเขตแดนดาราจื่อเหิง!

หลังจากมาถึงฟ้าดาราแห่งนี้ ก็เห็นว่ายานข้ามโลกมหึมาหาใดเทียบปรากฏขึ้นกลางฟ้าดารารอบทิศ เคลื่อนไปยังโลกแห่งนั้น

ยานข้ามโลกบางลำรูปร่างคล้ายเต่าเฒ่าตัวใหญ่ยักษ์ บางลำเหมือนป้อมปราการฟ้าดาราเคลื่อนที่ บ้างก็เหมือนนกบินเหินท่องไปในธารดารา…

บนยานข้ามโลกแต่ละลำต่างมีผู้ฝึกปราณยืนอยู่บนนั้น สนทนาแลกเปลี่ยนกัน ดูครึกครื้นยิ่งนัก ทำให้ฟ้าดาราแห่งนี้ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป

หลินสวินยืนดูภาพนี้อยู่บนยานข้ามโลกและอดสั่นสะท้านไม่ได้

ตั้งแต่เขาฝึกปราณมาจนตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรูปลักษณ์ของ ‘โลกใหญ่’ แห่งหนึ่งจากฟ้าดารา!

“สหายยุทธ์…”

ขณะนี้พอได้เห็นภาพโลกต้าอวี่ฉายเข้าสู่สายตา หม่าไท่เจิ้นกับฝูทงต่างตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้ มองไปยังหลินสวิน

หลินสวินเอ่ย “วางใจได้ ข้าคนแซ่หลินรักษาคำพูด พอถึงโลกต้าอวี่แล้วก็จะปล่อยพวกเจ้าไป”

หม่าไท่เจิ้นกับฝูทงสบตากัน ต่างไม่พูดอะไรอีก

“พี่หลิน ข้าน้อยต้องบอกลาไปก่อนแล้ว”

จวินหวนซึ่งแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่แต่งแต้มด้วยลายกุหลาบก้าวออกมา เขายิ้มมองหลินสวินคราหนึ่งแล้วบอกลา

หลินสวินชะงักไป ประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็คล้ายยกภูเขาออกจากอก รีบเอ่ยว่า “ลาก่อน”

เขาหมายใจให้เจ้าคนที่งดงามจนน่าตกใจ ทั้งยังลึกลับจนดูตื้นลึกหนาบางไม่ออกรีบจากไปโดยไว

จวินหวนทำปากยื่น ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ได้ร่วมทางกันมา ไม่คิดว่ายามบอกลาพี่หลินดันเฉยชาไร้ความรู้สึกเช่นนี้”

หลินสวินมุมปากกระตุก ทำเงียบไปเหมือนไม่ได้ยิน

จากนั้นจวินหวนก็ยิ้มอีก “แต่สำหรับข้าแล้ว การได้พบกันครั้งนี้เรียกได้ว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว ภายหน้าพวกเราต้องได้พบกันอีกแน่ พี่หลิน แล้วพบกันใหม่ในภายหน้า”

พูดจบเขาก็ก้าวขึ้นไป แขนเสื้อใหญ่ไหวกระพือ ทะยานสูงขึ้นไปบนฟ้าดารา

หลินสวินมองส่งเขาจากไป แล้วเอ่ยพึมพำว่า “อยู่กับเจ้านานๆ ต้องทำให้คนอื่นเข้าใจผิด เกิดความคิดคลุมเครือบางอย่างแน่ พวกเราอย่าพบกันอีกเลยจะดีที่สุด…”

ครืน!

ยานข้ามโลกพลันส่งเสียงดังลั่น ละอองแสงงามตระการกระจายออกมา พุ่งเข้าไปในโลกต้าอวี่ที่อยู่ไกลออกไป และหายลับไปในส่วนลึกของพลังกฎระเบียบเวิ้งว้างของโลก

เหนือฟ้าดารา จวินหวนมองดูยานข้ามโลกลำนี้จากไปอย่างเงียบๆ จู่ๆ ก็หันหน้ามองไปยังที่ไกลลิบ

……

ณ ที่ไกลโพ้น มียานข้ามโลกสีดำไม่สะดุดตาสักนิดลำหนึ่ง มีขนาดเพียงไม่กี่สิบจั้งเท่านั้นกำลังโลดแล่นไปในห้วงอากาศ

“ข้าสัมผัสได้แล้ว กลิ่นอายเจ้านอกรีตนั่นกำลังเข้าใกล้โลกต้าอวี่อย่างรวดเร็ว!”

บนยานข้ามโลกสีดำ ภิกษุชราเงาร่างเหี่ยวแห้งคนหนึ่งลืมตาขึ้นอย่างฉับไว ประกายเทพน่าตกตะลึงฉายขึ้นในดวงตา

ใกล้กับภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้ง มีเงาร่างภิกษุชุดดำกลุ่มหนึ่ง ล้วนสีหน้าฮึกเหิม

“น่าสนใจ เมื่อหกปีก่อนเจ้านอกรีตคนนี้หายไปจากแท่นสักการะที่แหล่งสถานคุนหลุน วันนี้ในหกปีต่อมากลับปรากฏตัวใกล้กับโลกต้าอวี่… ถ้าข้าไม่ใช้วิชา ‘แจ้งจิตไร้หลง’ มองทะลุพลังขับเคลื่อนสายหนึ่งของคนนอกรีตนี่ ก็เกือบปล่อยให้เขาหนีไปได้แล้ว…”

ภิกษุชราแห้งเหี่ยวรำพึงรำพัน

เหล่าภิกษุชุดดำล้วนก้มหัวด้วยความเคารพ

ภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้งตรงหน้ามีศักดิ์อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง พลังปราณก็เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อ เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ โพธิสัตว์มีชีวิตที่แท้จริงท่านหนึ่ง

และก็มีเพียงคนเทียมฟ้าเช่นเขาถึงมีความสามารถเช่นนี้ เพียงพลังขับเคลื่อนสายเดียวก็อนุมานร่องรอยของคนนอกรีตบนทางเดินโบราณฟ้าดาราอันเวิ้งว้างแห่งนี้ได้!

“เจ้านอกรีตนี่มีคัมภีร์กษิติครรภ์กับไม้โพธิ์อยู่กับตัว เมื่อหกปีก่อนยังชิงความลับบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไปจากแหล่งสถานคุนหลุนอีก คราวนี้จะปล่อยมันไปไม่ได้อีกเด็กขาด”

ภิกษุรูปหนึ่งเอ่ยเสียงขรึม

“ใช่แล้ว”

คนอื่นก็พากันพยักหน้า

ภิกษุเฒ่าแห้งเหี่ยวเย้ยตัวเอง “ด้วยฐานะของข้า ตอนนี้กลับต่อกรอริยบุคคลเล็กๆ คนหนึ่งเองไม่ได้ หากกระจายออกไปเกรงว่าจะกลายเป็นที่ขบขันของยอดฝีมือ พาให้ผู้อื่นดูถูกเหยียดยาม…”

ก็ในตอนนี้เองเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “รู้ทั้งรู้ว่าจะทำให้ผู้อื่นดูถูกเหยียดหยามแต่ยังทำเช่นนี้ นี่จะเรียกว่าไม่สมเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ หรือแก่แล้วเลยไม่อายดี”

พร้อมกับเสียงนี้ จู่ๆ ยานข้ามโลกสีดำลำนี้ก็ถูกละอองแสงสีชมพูงามตระการตาสาดส่อง ประกายแสงแสงดั่งภาพมายาปรากฏขึ้น

ท่ามกลางละอองแสงไหลเวียน เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ แต่งกายด้วยชุดชมพู ผมยาวดำขลับปักปิ่นเฉียงๆ เผยให้เห็นใบหน้าขาวสะอาดงดงามหล่อเหลา

ทุกการกระทำเจ้าสำราญเป็นธรรมชาติ!

เหล่าภิกษุชุดดำนัยน์ตาหดรัด ลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล ขณะกำลังจะลงมือกลับค้นพบอย่างตกตะลึงว่าพลังทั้งร่างเหมือนถูกผนึกไว้ ไม่อาจใช้ได้แม้แต่นิดเดียว

เพียงครู่เดียวพวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว

“ราชันอริยะกลุ่มหนึ่ง ในแดนกษิติครรภ์ก็คือ ‘อรหันต์ร่างทอง’ ที่มีครอบครองวิชามรรคธรรมกลุ่มหนึ่ง ถ้าเข้าไปในโลกต้าอวี่ต่างเรียกได้ว่าเป็นจอมอหังการ”

จวินหวนสองมือไพล่หลัง ถอนใจเบาๆ “เพียงแต่พวกเจ้าจะลำบากบีบคั้นกันเช่นนี้ไปทำไมเล่า เห็นๆ อยู่ว่ารังแกชาวบ้านน่ะ”

ภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้งแววตาลุ่มลึก ทั้งร่างกลับมียอดพลังแห่ห้อม รูปลักษณ์น่าเกรงขามประหนึ่งทวยเทพโบราณองค์หนึ่งตื่นขึ้น

พลานุภาพไร้รูปร่างนั้นช่างเหมือนกับนายเหนือหัวแห่งมหามรรค สูงส่งเหลือคณา!

เขาจ้องมองจวินหวน นิ่วหน้าเอ่ยว่า “ปิดบังความลับสวรรค์ไว้นอกกาย สหายยุทธ์มีฝีมือล้ำเลิศนัก ไม่ทราบว่าสหายยุทธ์มาจากที่ใด เหตุใดจึงต้องแทรกแซงเรื่องนี้”

จวินหวนยิ้มเอ่ย “ผ่านทางเห็นความไม่สงบจึงชักดาบเข้าช่วยเหลือ เหตุผลนี้ใช้ได้หรือไม่”

แววโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วของภิกษุเฒ่าเหี่ยวแห้ง “ข้ออ้างเด็กน้อยเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อ”

จวินหวนถอนหายใจ ทำปากยื่นเอ่ยว่า “ก็รู้ว่าเจ้าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรในสายตาข้า พวกเจ้าก็เป็นคนตายไปนานแล้วอยู่ดี”

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset