“สำเร็จแล้วหรือ”
หูหมิงงุนงงไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามทันใด “ภารกิจไหนกัน”
คนคุ้มกันรีบพูดว่า “ภารกิจหลอมกระบี่บินของผู้อาวุโสสำนักปราณศิลาเมฆ รางวัลคือผลึกมรรคห้าร้อยก้อนขอรับ”
หูหมิงส่งเสียงอืม
“ฮ่าๆ เจ้าเฒ่า ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดไหม”
อวี่อวิ๋นเหอร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “เร็วเข้าๆๆ เอาผลึกมรรคห้าร้อยก้อนมา!”
หูหมิงแค่นหัวเราะ “สำเร็จไปแค่ภารกิจเดียวเท่านั้น คุณชายจะดีใจเร็วเกินไปไหม”
ทุกคนที่มุงดูอยู่ใกล้ๆ หัวเราะขึ้น เห็นได้ชัดว่าคิดเช่นกันว่าอวี่อวิ๋นเหอข่มอารมณ์ไม่อยู่ ได้ใจจนลืมตัวไปหน่อย
แต่ครู่ต่อมาก็มีคนคุ้มกันอีกคนพุ่งเข้ามาแล้วร้องว่า “ใต้เท้าหูหมิง สำเร็จแล้วขอรับ คราวนี้ทั้งสามภารกิจสำเร็จหมดเลยขอรับ!”
คนคุ้มกันตื่นเต้นนัก สีหน้าสะท้านสะเทือนไปหมด
“อะไรนะ”
หูหมิงสั่นไปทั้งตัว จิตใจปั่นป่วน
รอยยิ้มของผู้คนที่มุงดูอยู่ใกล้ๆ ก็แข็งค้างขึ้นมา เปลี่ยนเป็นฉงนใจไม่หยุด สำเร็จอีกแล้วหรือ
ควรรู้ว่าในบรรดาภารกิจของห้องภารกิจทั้งหมด ภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธและวางกระบวนค่ายกลเดิมทีก็ยากกว่าภารกิจอื่นอยู่บ้าง
มิเช่นนั้นคนที่ประกาศภารกิจเหล่านี้คงไม่เสนอค่าตอบแทนให้สูงขนาดนั้น
และตอนนี้ หลินสวินที่ทำภารกิจเสร็จได้อย่างรวดเร็วถึงขั้นเรียกได้ว่าสุดยอด ทำสำเร็จไปแล้วสี่ภารกิจ!
นี่สามารถทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว
อวี่อวิ๋นเหอสีหน้าเบิกบาน ท่าทางเหมือนได้รับชัยชนะ เอ่ยว่า “ข้าดีใจเร็วไปไหม ฮ่าๆ เจ้าเฒ่า นี่เป็นเพียงการพิสูจน์ว่าเจ้าไม่รู้ความเกินไปแล้ว”
หูหมิงสีหน้าแข็งทื่อ หัวเราะหยันเอ่ยว่า “อย่าลืมล่ะ จนถึงตอนนี้สหายของท่านทำภารกิจเสร็จไปแล้วหนึ่งร้อยกว่าชิ้น ท่านกล้ารับประกันไหมว่าเขาจะทำสำเร็จทุกชิ้น”
อวี่อวิ๋นเหอหน้าเจื่อน เอ่ยอย่างโมโหว่า “ถ้าสุดท้ายสำเร็จหมดล่ะ”
หูหมิงแสร้งยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ”
ล้อเล่นอะไรกัน!
ภารกิจหนึ่งร้อยกว่าชิ้น ต่อให้ปฐมาจารย์สลักลายมรรคมายังไม่กล้ารับรองเลยว่าจะไม่พลาดสักครั้ง!
ด้วยมีฐานะเป็นผู้รับผิดชอบห้องภารกิจ หลายปีมานี้หูหมิงมีโอกาสได้พบปฐมาจารย์สลักลายมรรคหลายคน แต่ตอนพวกเขาทำภารกิจก็มีข้อผิดพลาดอยู่บ้างอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ไปเสียทุกคน
หูหมิงไม่เชื่อว่าหลินสวินจะเก่งกาจกว่าปฐมาจารย์สลักลายมรรค
ที่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ อวี่อวิ๋นเหอกัดฟันพูดว่า “เป็นไปได้! เป็นไปได้อย่างแน่นอน!”
หูหมิงหัวเราะ ท่าทางเหมือนคร้านจะโต้เถียงกับเขา
เสียงหัวเราะระลอกหนึ่งก็ลอยมาจากกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ๆ กัน การแสดงออกของอวี่อวิ๋นเหอถูกพวกเขามองว่าอีกฝ่ายทั้งโมโหทั้งอายจนกลายเป็นเดือดดาล ขาดความมั่นใจ
แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
เขากำลังตั้งใจทำภารกิจให้เสร็จ และไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจเรื่องพิพาทเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สักนิด
โดยสรุปแล้ว หาเงินสำคัญที่สุด!
แต่ไม่นานบรรยากาศในบริเวณห้องภารกิจก็อึกทึกครึกโครมขึ้นโดยสมบูรณ์ พร้อมเสียงที่ดังขึ้นระลอกหนึ่ง
“ใต้เท้าหูหมิง ข่าวส่งกลับมาว่าภารกิจวางกระบวนค่ายกลสามอย่างได้รับการยืนยันขอรับ”
“ใต้เท้าหูหมิง ภารกิจหลอมอาวุธห้าอย่างได้รับการยืนยันขอรับ”
“ใต้เท้าหูหมิง…”
เสียงแทบจะดังขึ้นในเวลาเดียวกัน ขณะนี้หูหมิงคล้ายถูกสายฟ้าฟาด แทบกระโดดเหยงขึ้นมาแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก
พร้อมๆ กันนั้นเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ
“นี่จะมหัศจรรย์ไปแล้วกระมัง”
“เหมือนว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานข่าวกลับมาว่าภารกิจล้มเหลวเลย…”
“สวรรค์ คุณชายท่านนี้คงไม่ใช่ปฐมาจารย์สลักลายมรรคหรอกใช่ไหม”
สีหน้าแต่ละคนเจือแววตะลึงพรึงเพริด สายตาที่มองหลินสวินล้วนเปลี่ยนไปแล้ว
อวี่อวิ๋นเหอกลับสีหน้าผ่องใส ยิ้มแย้มเบิกบาน กางแขนออกพลางเอ่ยว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าแหกตาดูเสียสิ!”
หูหมิงอ้าปากกำลังจะพูดอะไร
เสียงรายงานเซ็งแซ่ระลอกหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“ใต้เท้าหูหมิง ยืนยันภารกิจสองอย่าง”
“ใต้เท้าหูหมิง เจ้าสำนักกระบี่เขาเมฆาบอกว่าภารกิจคราวนี้แก้ปัญหาเรื่องเร่งด่วนของเขาได้ ทั้งยังให้วิธีแก้ไขได้ดีเกินคาด เขายืนยันแล้วและจะให้ค่าตอบแทนสองเท่าเพื่อตอบแทนสหายผู้รับภารกิจ”
“ใต้เท้าหูหมิง มีข่าวรายงานกลับมาอีกแล้วว่า…”
หูหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ไม่มีที่ล้มเหลวสักอย่างเลยหรือ”
คนคุ้มกันต่างส่ายหน้า
หูหมิงกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น สีหน้าเหม่อลอย รับตำแหน่งในห้องภารกิจหลายปีขนาดนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้เป็นครั้งแรก
เจ้าหมอนั่นเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็น… ปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่ซ่อนคมในฝักคนหนึ่งจริงๆ
ส่วนผู้คนที่อยู่แถวนั้นต่างสะท้านอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนสีหน้าตกตะลึงไปหมด เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่หนักแน่นอย่างกับเหล็ก พวกเขาจะไม่ยอมก็ไม่ได้
ในเวลาต่อมาข่าวที่ส่งกลับมาก็ตามมาติดๆ และมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละภารกิจที่หลินสวินทำเสร็จ สุดท้ายก็ได้รับการยืนยัน ไม่ล้มเหลวสักอย่าง!
หูหมิงอึ้งงันไปหมดแล้ว
ผู้คนที่มองมุงดูบริเวณนั้นก็ยิ่งมีมากขึ้น ต่างมาเพราะได้ยินข่าว เมื่อได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นหน้าห้องภารกิจ แต่ละคนล้วนตกตะลึงไม่หยุด
จวบจนต่อมา ในสายตาทุกคู่ที่มองมายังหลินสวินล้วนเจือแววสะท้านสะเทือน ตื่นตะลึง เคารพและชื่นชมอย่างไม่อาจควบคุมได้
ปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่มีความสามารถอย่างแท้จริงผู้หนึ่ง ทำให้ไม่ว่าขุมอำนาจหรือผู้ฝึกปราณคนใดต่างให้ความเคารพอย่างสูงสุดได้
นี่เป็นสิ่งที่รับรู้โดยทั่วกันตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันซึ่งไม่สามารถทำลายได้
และหลินสวินยังอายุน้อยเพียงนี้ หนำซ้ำทำภารกิจที่รับมาทำเสร็จจนถึงตอนนี้ ไม่เพียงว่องไวจนคนอ้าปากตาค้าง ตั้งแต่เริ่มจนจบยังไม่เคยมีภารกิจใดล้มเหลวสักครั้งอีกด้วย
นี่จะไม่ให้ทุกคนสะท้านสะเทือนและชื่นชมเขาได้อย่างไร
จนกระทั่งท้ายที่สุด แม้แต่หูหมิงยังต้องยอมรับโดยสมบูรณ์ โค้งตัวให้อวี่อวิ๋นเหอและกล่าวขอโทษเจือแววละอายว่า “ข้ามีตาหามีแววไม่ ก่อนหน้านี้ทำให้คุณชายทั้งสองเสียเวลา ขอท่านใจกว้างให้อภัยด้วย”
อวี่อวิ๋นเหอยิ้ม รู้สึกสบายใจนัก เอ่ยว่า “ช่างเถอะ ข้าใช่คนไร้เหตุผลที่ไหนกัน”
ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “แต่ว่าค่าตอบแทนที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย ขาดไม่ได้แม้แต่ก้อนเดียว”
หูหมิงบื้อใบ้ไป เอ่ยอย่างหยิ่งทระนงทะลุเมฆาว่า “คุณชายวางใจได้เลย หอสมบัติศิลาเมฆของข้ายังไม่เคยติดค้างค่าตอบแทนลูกค้าแม้แต่คนเดียว”
ตามเวลาที่ผันผ่าน หลินสวินยังรับภารกิจ และเช่นเดียวกัน ภารกิจที่ทำเสร็จทุกอย่างก็ได้รับการยืนยันอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดความแตกตื่นเป็นระลอกอยู่ตลอด
ใกล้ๆ กับห้องภารกิจ เงาร่างผู้ฝึกปราณที่มารวมตัวกันมีมากมายยิ่งขึ้น คนยืนกันแน่นขนัดเบียดเสียด ดูเป็นภาพที่อลังการนัก
ถึงท้ายที่สุดแม้แต่อวี่อวิ๋นเหอยังสะท้านไปด้วย คิดไม่ถึงอย่างยิ่ง ว่าที่แท้คนร้ายกาจอย่างหลินสวินจะเป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
……
เวลาเดียวกัน ในห้องหรูหราห้องหนึ่งของหอสมบัติศิลาเมฆ
“อาจารย์โม่ อีกสามเดือนการฝึกที่ ‘แดนลับต้าอวี่’ ก็จะเปิดขึ้นแล้ว คราวนี้บุคคลชั้นยอดของทั้งเก้าโลกใหญ่ในเขตแดนดาราจื่อเหิงจะเข้าร่วมทั้งหมด”
หลันไฉ่อีในชุดคลุมนกกระเรียนหรูหรา รูปลักษณ์งามเลิศเอ่ยปากเบาๆ “ที่ท่านพ่อของข้าเชิญท่านมา ก็เพราะหวังว่าจะขอแรงจากท่านช่วยเหลือสนับสนุนข้ากับอวิ๋นเจิงในแดนลับต้าอวี่”
ตรงหน้านางมีชายชราชุดเขียวที่มีผมขาวดุจขนกระเรียนแต่ใบหน้าดั่งเด็กน้อยคนหนึ่ง อีกฝ่ายได้ยินก็นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ
หลันไฉ่อีกับอวี่อวิ๋นเจิงสบตากันคราหนึ่ง ก่อนยิ้มพลางเอากล่องหยกกล่องหนึ่งออกมาเปิด แล้ววางไว้ตรงหน้าอาจารย์โม่
จากนั้นนางจึงเอ่ยว่า “ท่านพ่อของข้าเคยกำชับว่าจะไม่ให้อาจารย์โม่เหนื่อยเปล่า นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าอาจารย์โม่จะไม่ปฏิเสธ”
ในกล่องหยกมีโอสถเทพส่องประกายสดใสต้นหนึ่งวางอยู่ เผยละอองแสงดุจภาพมายา กลิ่นหอมบริสุทธิ์เตะจมูก
ชายชราชุดเขียวที่ถูกเรียกว่าอาจารย์โม่ดวงตาเป็นประกายวาบ
โสมสมบัติผานหลง!
นี่เป็นถึงโอสถเทพชั้นเลิศชนิดหนึ่ง ในโลกต้าอวี่เคยมีคนเสนอราคาหนึ่งล้านผลึกมรรค แต่ก็ยังซื้อสมบัตินี้ไม่ได้!
“นี่…”
อาจารย์โม่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วยิ้มขื่นเอ่ยว่า “สหายน้อยทั้งสอง ข้าคนแซ่โม่แม้ถูกยกย่องให้เป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรค แต่ก็ยังไม่เคยเข้าไปในแดนลับต้าอวี่ เกรงว่าถึงตอนนั้นจะช่วยอะไรมากไม่ได้น่ะสิ”
อวี่อวิ๋นเจิงหัวเราะเบิกบานใจ “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ขอเพียงมีอาจารย์โม่ช่วยเหลือก็พอแล้ว”
“อาจารย์โม่เชิญดู”
หลันไฉ่อีนำหนังสัตว์เก่าแก่ออกมาผืนหนึ่ง บนนั้นมีกระบวนผนึกลายมรรคที่รางเลือนประทับอยู่ภาพแล้วภาพเล่า
“นี่คือภาพกระบวนผนึกที่ปกคลุมอยู่ในพื้นที่วาสนาแห่งหนึ่งภายในแดนลับต้าอวี่ เพียงแต่ไม่สมบูรณ์เท่าไร เชื่อว่าด้วยความสามารถของท่านจะต้องสลายกระบวนผนึกนี้ได้สบายแน่”
อาจารย์โม่หยิบมาดูเล็กน้อย อนุมานเงียบๆ อยู่พักใหญ่ถึงค่อยพยักหน้าเจือยิ้มว่า “ดูท่าจะไม่คณามือข้าคนแซ่โม่จริงๆ”
หลันไฉ่อีกับอวี่อวิ๋นเจิงยิ้มขึ้นทันใด
ต่อมาทั้งแขกทั้งเจ้าภาพก็เบิกบานกลมเกลียว
“คุณหนู”
เสียงเคารพนบนอบเสียงหนึ่งดังขึ้นนอกประตูห้องหรู
“มีอะไร”
หลันไฉ่อีนิ่วหน้า
“วันนี้หอสมบัติศิลาเมฆของพวกเรามีปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่เก่งกาจคนหนึ่งมาเยือน ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ท่านกำชับว่าถ้ามีคนเช่นนี้มา จะต้องรายงานท่านทันทีหรือขอรับ”
เสียงเคารพนบนอบนั้นดังขึ้น
หลันไฉ่อีอึ้งไป ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์โม่ ตนเคยออกคำสั่งเช่นนี้ไปจริงๆ
แต่ตอนนี้อาจารย์โม่ก็มาแล้ว นางย่อมคร้านจะสนใจปฐมาจารย์สลักลายมรรคคนอื่น
หลันไฉ่อีเอ่ย “เจ้าลงไปเถอะ เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว”
ก็เป็นในตอนนี้เองที่อาจารย์โม่เอ่ยปากด้วยความประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ “ปฐมาจารย์สลักลายมรรคในโลกต้าอวี่ ส่วนมากข้ารู้จักทั้งนั้น ไม่เคยได้ยินว่าวันนี้มีใครมาที่หอสมบัติศิลาเมฆแห่งนี้ แปลกจริงๆ เชียว”
หลันไฉ่อีเห็นดังนี้ก็ใจกระตุกอย่างอดไม่ได้ “ใครก็ได้”
คนคุ้มกันคนหนึ่งผลักประตูเข้ามา ค้อมกายคารวะ “คุณหนูมีคำสั่งอะไรขอรับ”
หลันไฉ่อีพูด “เล่าเรื่องปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่ปรากฏตัวในหอสมบัติศิลาเมฆตอนนี้ให้ฟังที”
คนคุ้มกันรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าห้องภารกิจให้ฟังทั้งหมด สุดท้ายยังเอ่ยเจือความชื่นชมว่า “ตอนนี้แม้แต่ใต้เท้าหูหมิงยังยอมรับ ชื่นชมคุณชายท่านนั้นไม่หยุด”
หลังจากหลันไฉ่อีได้รู้เรื่องเหล่านี้ก็ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ “ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
“น่าสนใจ”
อาจารย์โม่ยิ้มพลางลุกขึ้นแล้ว “ในฐานะผู้ร่วมมรรค กลับไม่รู้ว่าบนโลกยังมีคนเช่นนี้ ไม่สู้พวกเราไปดูด้วยกันดีไหม ไปพบคุณชายผู้นี้เสียหน่อย”
“ก็ดี”
หลันไฉ่อีกับอวี่อวิ๋นเจิงลุกขึ้นทันที
ทั้งสามออกจากห้อง เดินไปยังห้องภารกิจ
เห็นได้แต่ไกลว่าบริเวณห้องภารกิจมีคนอออยู่เต็มไปหมด เงาร่างเบียดแน่น ครึกครื้นอย่างยิ่ง
นี่ทำให้หลันไฉ่อีอดประหลาดใจไม่ได้ เมื่อก่อนไม่เคยเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น
“หืม ทำไมถึงเป็นเจ้าโง่นี่…”
แต่อวี่อวิ๋นเหอสีหน้าแปลกใจ มองปราดเดียวก็เห็นอวี่อวิ๋นเหออยู่ในส่วนลึกของกลุ่มคน รวมถึงหลินสวินที่กำลังทำภารกิจอยู่
“ปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่เจ้าว่าคงไม่ใช่เขาใช่ไหม”
อวี่อวิ๋นเหอถามคนคุ้มกันข้างกาย
คนคุ้มกันตอบอย่างซื่อตรงว่า “เรียนคุณชาย เป็นคนผู้นี้ขอรับ”
ในชั่วขณะเดียวอวี่อวิ๋นเหอกับหลันไฉ่อีก็ชะงักไปพร้อมกันแล้ว ข้ารับใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างกายลูกคุณหนูไม่สนใจร่ำเรียนคนนั้น ดันเป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคคนหนึ่งหรือ