Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1815 ความแข็งแกร่งของแดนมรรคต้นแบบ

เลือดสดๆ ย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง ศึกของเหล่าราชันอริยะศึกหนึ่ง ทำให้พลังกฎระเบียบที่ปกคลุมทั้งแดนลับต้าอวี่ถูกจู่โจมทำลาย

ทิวทัศน์ดั่งวันโลกาวินาศเช่นนั้นทำเอาผู้ฝึกปราณมากมายที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของแดนลับจิตใจสั่นระรัว เลือกหลบหนีและจากไปโดยไม่ลังเลสักนิด

และยังมีคนที่ไม่กลัวตายมากมายสังเกตการณ์

ถึงอย่างไรการต่อสู้ขนาดนี้ก็เรียกได้ว่าหาได้ยากในโลกต้าอวี่ หมื่นพันปียังไม่ได้เห็นสักครั้ง

เข่นฆ่าเดือดพล่าน

พวกคนใหญ่คนโตที่มาจากเก้าโลกใหญ่เหล่านั้น แต่ละคนเหมือนทวยเทพผู้คลุ้มคลั่งกราดเกรี้ยว อานุภาพสะท้านโลก

เมื่อเทียบกันแล้วหลินสวินที่กรำศึกเพียงลำพังดูคล้ายตกอยู่ในการล้อมโจมตี แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นมกุฎราชันอริยะสองคนนั้นหรือราชันอริยะคนอื่น ล้วนไม่อาจข่มการเข้าจู่โจมของเขาได้สักนิด

เพียงครู่สั้นๆ ก็มีราชันอริยะห้าคนถูกสังหาร!

นี่เป็นจำนวนที่ทำให้ผู้คนบนโลกใจสั่นได้ สำหรับขุมอำนาจใหญ่กลุ่มใดในโลก ระดับราชันอริยะคนหนึ่งก็ประหนึ่งเสาหลักกลางกระแสธาร ทุกครั้งที่เสียไปคนหนึ่ง ล้วนเป็นความเสียหายและความกระทบกระเทือนอันหนักหน่วงหาใดเทียบครั้งหนึ่ง

และในตอนนี้ ราชันอริยะร่วงโรยเป็นสายฝน!

หลินสวินกลับไม่รู้สึกอะไรสักนิดกับเรื่องเหล่านี้ เขาดำดิ่งในการต่อสู้ หยั่งรู้ความอัศจรรย์นานาชนิดของระดับมกุฎราชันอริยะ

แม้เป็นเพียงต้นแบบของเขตแดนมรรคที่ควบรวมออกมา แต่พลังต่อสู้ที่เขาครอบครองในตอนนี้อยู่เหนือราชันอริยะธรรมดาไปไกลมากแล้ว

ต่อให้เป็นมกุฎราชันอริยะอย่างเฟิงหรูเสวี่ยก็ยังอับแสงลงเช่นกัน

ว่ากันถึงแก่น ก็เป็นเพราะมรรคาและพลังต่อสู้ที่เขาครอบครองล้วนเรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวทั่วหล้านิรันดร์กาล!

ฟุ่บ!

กระบี่หนึ่งเปล่งแสงเย็นเยียบ ศีรษะเลือดหลั่งรินหัวหนึ่งกระเด็นขึ้น ในที่นั้นมีราชันอริยะตายอีกคนหนึ่ง ถูกดาบหักฟันสังหาร

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง เงาร่างพริบวาบพุ่งไปหาอีกคน

สีหน้าของเขาไม่ทุกข์ไม่สุข แววตาลุ่มลึก สะท้อนหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า เข่นฆ่าดั่งสายลม พลานุภาพดุจเทพ

เคร้ง!

ชายหนุ่มชุดแดงที่มีลายเพลิงแดงประทับอยู่โจมตีเข้ามา มือถือดาบศึกเข้าต้านการจู่โจมของหลินสวิน แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สบาย เลือดลมปั่นป่วน

อีกด้านหนึ่ง หญิงชุดหรูหราสง่างามควบคุมจักระเทพที่หมุนวนโครมครามเข้ากำราบหลินสวิน

พลังต่อสู้ของมกุฎราชันอริยะทั้งสองคนนี้ย่อมไม่อาจเทียบได้กับคนทั่วไป ด้วยการร่วมกันขนาบโจมตี ทำให้พลังจู่โจมของหลินสวินถูกกีดขวาง

หากไม่ทำเช่นนี้ เกรงว่าราชันอริยะคนอื่นคงถูกสังหารสิ้นซากไปนานแล้ว

‘เขตแดนมรรคพันเปลี่ยนหมื่นแปลง แต่คุณลักษณะกับอานุภาพจะสูงหรือต่ำ มองปราดเดียวก็รู้…’

ระหว่างที่ต่อสู้หลินสวินก็ตระหนักได้ในใจ

หลังจากบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะ ทำให้ยามเขาศึกษาเขตแดนมรรคของคนอื่น นัยเร้นลับที่มองทะลุก็แตกต่างไปอีก ทั้งยังทำให้เขารับรู้และเข้าใจเขตแดนมรรคของคนอื่นอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ประสบการณ์เหล่านี้ล้วนแปรสภาพเป็นการหยั่งรู้อย่างหนึ่งที่สั่งสมในใจหลินสวิน สิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อการควบรวมเขตแดนมรรคของเขาในภายภาคหน้า

‘ในระดับนี้ข้าเป็นเพียงผู้มีพลังปราณขั้นต้น แต่เพราะมรรควิถีและพลังที่ครอบครองเหนือระดับเดียวกันไปไกล จึงสังหารได้เหมือนฆ่าไก่เชือดลิง’

‘น่าเสียดาย ยังไม่แข็งแกร่งพอ ถ้าข้าควบรวมเขตแดนมรรคให้เป็นรูปเป็นร่าง ตอนบรรลุขั้นสมบูรณ์คงไร้ศัตรูในระดับนี้’

‘ก็ไม่รู้ว่าพวกที่อยู่บน ‘กระดานราชันอริยะปวงสวรรค์’ จะมีมรรควิถีเช่นไร เขตแดนมรรคของพวกเขาจะแข็งแกร่งปานไหนกัน’

…เมื่อความคิดของหลินสวินดั่งโบยบิน ความหยั่งรู้บังเกิดขึ้น การต่อสู้ในที่นั้นก็ยิ่งดุเดือด

โดยเฉพาะชายชุดแดงกับหญิงชุดงามหรูนั้น ขัดขวางและประกบโจมตีเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาทนไม่ไหวอยู่บ้าง

นี่ก็คือมกุฎราชันอริยะ ถ้าสู้หนึ่งต่อหนึ่งหลินสวินย่อมมั่นใจว่าจะสู้ไวจบไวได้แน่

แต่ในการตะลุมบอนครั้งใหญ่เช่นนี้ จะต้องพบกับการรัดพันของพลังและส่งผลกระทบมากมาย จึงต้องปฏิบัติต่างออกไปแล้ว

หลินสวินไม่คิดอะไรอีก สลัดความคิดฟุ้งซ่าน รวมใจนึกคิด

ตูม!

รอบกายเขาเกิดเสียงมรรคกราดเกรี้ยว แสงสว่างไร้ขอบเขตปะทุออกมา ต้นแบบเขตแดนมรรคแถบหนึ่งฉายขึ้นเบื้องหลังเขา ปกคลุมท้องฟ้าแถบนี้

“สมควรตาย พลังของข้าดันถูกกำราบโดยสมบูรณ์แล้ว!?”

ชั่วพริบตาชายชุดแดงหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

“นี่มันเขตแดนมรรคอะไรกัน กลิ่นอายที่สร้างขึ้นจะน่ากลัวเกินไปแล้ว…”

ในขณะเดียวกันหญิงชุดงามหรูก็จิตใจสั่นระรัว ร่างกายแข็งทื่อ พลังทั้งร่างต่างถูกมหาพลานุภาพไร้รูปกำราบไว้อย่างจัง

ส่วนราชันอริยะคนอื่นที่อยู่ตรงนั้นยิ่งไม่ไหว แต่ละคนเงาร่างโซซัดโซเซแทบยืนไม่อยู่ การขับเคลื่อนพลังทั้งร่างเกิดความรู้สึกอืดอาด พลังไม่เป็นดั่งใจ เหมือนถูกตีโซ่ตรวนพันธนาการหลายชั้น

“นี่มันพลังอะไร”

พวกเขาตกตะลึง

ก็เห็นว่าห้วงอากาศไกลออกไป เงาร่างหลินสวินปกคลุมไปด้วยไอขุ่นมัว คลุมเครือไม่ชัดเจน

และเหนือหัวเขา เขตแดนมรรคแถบหนึ่งสะท้อนออกมา จะคล้ายเตาหลอมก็ไม่ใช่ จะเหมือนหุบเหวก็ไม่เชิง ภายในนั้นลึกล้ำ ไม่อาจบรรยายได้ดุจมหามรรค

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นเพียงต้นแบบ แต่เมื่อเขตแดนมรรคนี้ปรากฏ ทุกคนต่างรู้สึกไร้พลังเสมือนตกลงไปในเหวลึก ไม่อาจลิขิตชะตาตัวเองได้ ทั้งยังเหมือนอยู่ในเตาหลอมกลียุค กำลังถูกทรมานและหลอมกลั่น…

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกกดดันทางจิตวิญญาณ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ทำให้คนใหญ่คนโตเหล่านี้รู้สึกหวาดผวาอย่างน่าประหลาด

แค่ต้นแบบยังน่ากลัวปานนี้แล้ว ตอนที่เป็นรูปเป็นร่างจะน่าตกตะลึงปานไหน

“พวกเจ้าโชคดีนักที่ได้เห็นเขตแดนมรรคของข้าคนแซ่หลิน ตายตาหลับได้แล้ว”

พอหลินสวินเอ่ยปากเสียงตูมก็ดังขึ้น ชายชุดแดงที่อยู่ใกล้เขาที่สุดถูกดึงเข้าสู่เขตแดนมรรคของหลินสวิน

ชั่วพริบตานี้เขาเหมือนตกลงไปในหุบเหวลึกไร้ก้น รอบทิศว่างเปล่า เวิ้งว้างไร้สิ้นสุด ตกลงไปเรื่อยๆ ไร้กำลังดิ้นรน ไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนแปลง…

ความหวาดผวาอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นมาในจิตใจ ชายชุดแดงร้องลั่นอย่างอดไม่อยู่ว่า “สหายยุทธ์ ข้ายอมแล้ว ขอเจ้าปล่อยข้าไปสักครั้ง!”

“สายไปแล้ว”

คำไม่กี่คำโพล่งออกมาจากปากหลินสวิน ประหนึ่งเจตจำนงที่มาจากสวรรค์

ฟุบ!

ก็เห็นว่าหุบเหวพลันหดตัว เกิดแรงกลืนกินมหาศาลไม่อาจควบคุมได้ ปกคลุมชายชุดแดงในชั่วพริบตา

มองเห็นได้จากตาเปล่าว่าสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั้งร่างเขาเหมือนถูกดึงออกไปจนหมดในพริบตาเดียว ร่างกายแตกระแหงแห้งเหี่ยว เลือดลมหม่นหมอง พลังชีวิตมลายสิ้น แท่นเทพราชันอริยะที่มรรควิถีทั้งร่างควบรวมออกมาแตกระแหงทุกกระเบียด สลายเป็นฝุ่นผงปลิวว่อน

ชั่วพริบตาก็หายวับไป!

ในขณะเดียวกันในใจหลินสวินก็เกิดความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง รู้สึกได้ถึงกระแสมหามรรคอันเร่าร้อนพลุ่งพล่านผุดเข้ามาในร่างตนจากเขตแดนมรรค

ในกระแสนั้นมีแต่เศษเสี้ยวกฎเกณฑ์มหามรรคกระจัดกระจาย ยุ่งเหยิงปนเป ล้วนเป็นนัยเร้นลับมหามรรคที่ชายหนุ่มชุดแดงหยั่งรู้ได้บนวิถีมรรค

หลินสวินหลอมเพิ่มเล็กน้อยก็กลายเป็นการหยั่งรู้มหามรรค เหมือนกับได้รับพลังมหามรรคของชายชุดแดง

‘กลืนมรรควิถีของคนอื่น แปลงเป็นของตนเองหรือ’

ตัวหลินสวินยังออกจะตกตะลึง นี่ถึงเป็นอานุภาพที่แท้จริงของพรสวรรค์ดับดารากลืนกินหรือ

เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อนัก เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าชัดๆ!

ควรรู้ว่าการบำเพ็ญมหามรรคยากลำบากปานไหน ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งใช้ทั้งชีวิตหยั่งรู้ศุภโชคฟ้าดินกว่าจะหยั่งถึงนัยเร้นลับมหามรรคได้ ขณะนี้สำหรับหลินสวินแล้ว เพียงกลืนกินมันเข้าไปก็อยู่แค่ปลายนิ้วเอื้อม ทันทีที่วิชาเช่นนี้ถูกคนอื่นพบเข้า ต้องส่งผลให้ทั่วหล้าสะท้านสะเทือนแน่

แต่หลินสวินสวินประเมินอีกหน่อยก็ผิดหวังอยู่บ้าง

สำหรับคนอื่น พลังมหามรรคของชายชุดแดงผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นศุภโชคใหญ่เท่าฟ้าชิ้นหนึ่ง เพียงพอจะทำให้อริยมรรคคนใดก็ตามเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก

แต่สำหรับหลินสวินแล้วกลับเหมือนของไม่มีคุณค่า

สาเหตุก็ง่ายดายนัก ในการเสาะแสวงมหามรรค มรรคากับพลังมหามรรคที่เขาครอบครองก้าวล้ำชายชุดแดงผู้นี้ไปไกล

สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินรู้สึกได้รับผลเก็บเกี่ยวมา ก็คือความเข้าใจและการหยั่งรู้ที่ชายชุดแดงผู้นี้มีต่อเขตแดนมรรคในพลังมหามรรคของเขา

เรื่องเหล่านี้สำหรับหลินสวินแล้วมีประโยชน์ในการใช้เป็นกระจกเงา พูดง่ายๆ ก็คือใช้เป็นตัวเปรียบเทียบจุดผิดพลาดที่ต้องแก้ไข

‘แม้จะไม่มีประโยชน์มากมาย แต่ก็สามารถเอามารวมเป็น ‘การหยั่งรู้มหามรรค’ ได้ ต่อให้เอาไปให้คนอื่นหรือเอาออกขายก็ใช้ได้’

ระหว่างที่หลินสวินครุ่นคิด ในที่นั้นก็ตกตะลึงไม่ว่างเว้น

ชายชุดแดง มกุฎราชันอรินะเช่นเดียวกับเฟิงหรูเสวี่ย แต่กลับสูญสลายไปไม่อาจต่อต้านสักนิดภายใต้การกำราบของเขตแดนมรรคของหลินสวิน

ภาพเช่นนี้กระตุ้นให้คนใหญ่คนโตเหล่านั้นขวัญหนีดีฝ่อ แต่ละคนต่างเลือกหนีตาย

แม้แต่มกุฎราชันอริยะอย่างหญิงชุดงามหรูผู้นั้น ในตอนนี้ก็ยังเลือกหลบหนี

พวกเขาขวัญกระเจิงโดยสมบูรณ์แล้ว!

เดิมทีพวกเขาสงสัยตัวตนของหลินสวิน หมายจะมาสังหารชิงศุภโชคยิ่งใหญ่ด้วยความละโมบครอบงำจิตใจ

แต่ใครจะไปคิดว่าหลินสวินไม่ใช่มกุฎมหาอริยะอีกแล้ว ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเขากำราบมกุฎราชันอริยะที่มีชื่อเสียงมานานได้!

นี่ยังจะสู้อย่างไรอีก

แต่หลินสวินจะปล่อยให้พวกเขาหนีไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร

“โจมตี!”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กระตุ้นเขตแดนมรรคที่ยังเป็นต้นแบบเต็มกำลัง ก็เห็นว่ากลิ่นอายขุ่นมัวอบอวลปกคลุมลงมาคล้ายม่านฟ้าในทันใด

สุดขอบฟ้าสี่ทิศ ผืนดินแปดด้าน ประหนึ่งถูกผนึก!

ชั่วพริบตาก็มีราชันอริยะหลายคนถูกขังอยู่ในนั้น หนำซ้ำเขตแดนมรรคยังยืดขยายออกไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

ราชันอริยะที่ถูกขังไว้แต่ละคนเป็นดั่งแมลงตัวจ้อยที่ตกลงไปในหุบเหวลึก ร่างกายถูกผนึกโดยสิ้นเชิง ไม่อาจดิ้นรนได้สักนิด

แม้จะดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งยังไร้ประโยชน์ ต่างถูกสังหารไปในชั่วพริบตา สลายเป็นหมอกควัน พลังมหามรรคทั้งร่างถูกช่วงชิงกลืนกิน แทรกเข้าไปในร่างหลินสวิน

หลินสวินไม่สนใจเรื่องนี้สักนิด สายตาเขาจับจ้องหญิงชุดงามหรูระดับมกุฎราชันอริยะผู้นั้น

ผู้หญิงคนนี้เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ความเร็วน่าตกตะลึงหาใดเทียบ

แต่หลินสวินไม่ได้ร้อนรนสักนิด

เขาชูมือขึ้นแล้วชี้ไปบนอากาศเบาๆ

พอการชี้นี้หายลับไป ครู่ต่อมาก็ปรากฏกลางอากาศอยู่เบื้องหลังหญิงชุดงามหรู กำราบลงมา

ห่างไกลล้วนไปถึง!

ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปแห่งหนใด ก็จะสังหารได้ด้วยนิ้วเดียวในชั่วพริบตา!

หลังจากหลินสวินบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะ พลังและอภินิหารของดรรชีนี้ก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น

ปึง!

เงาร่างของหญิงชุดงามหรูโซซัดโซเซกลางฟ้าดิน หล่นร่วงจากกลางอากาศ ใบหน้าเผยแววเหลือเชื่อ

แทบจะในขณะเดียวกัน หลินสวินทะยานมากลางอากาศ สีหน้าเรียบเฉย “ข้ามาส่งเจ้าไปตายเองจะดีกว่า”

ตูม!

เขตแดนมรรคที่คล้ายความขุ่นมัวแรกกำเนิดปกคลุมลงมา

“ไม่…!”

หญิงชุดงามหรูหวีดร้อง ใบหน้างามมีแต่ความพรั่นพรึง

แต่ไม่นานนักเสียงก็เงียบลงในทันใด

พอเขตแดนมรรคโคจร มกุฎราชันอริยะผู้สง่างามคนนี้ก็ถูกช่วงชิงกลืนกินพลังทั้งร่างตามรอยชายชุดแดงไปด้วย

ส่วนคนอื่น หายลับไปเป็นฝุ่นควัน!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset