Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1825 คลื่นยักษ์เขย่าขวัญ

ภายใต้ยามราตรี บนยานลมกรดที่ส่องแสงสว่างจ้าตกสู่ความโกลาหลวุ่นวาย มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระยะๆ

อารมณ์ตื่นตระหนก ไม่ปลอดภัย หวาดผวาราวกับกำลังหมักบ่ม คละคลุ้งอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกปราณทุกคนบนยานลมกรด

ผู้แข็งแกร่งจากหอเสียงสวรรค์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าบังคับแสงเคลื่อนไหวเจิดจ้า ปรากฏตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ อย่างเช่นลานมรรคหลอมยุทธ์ หอลิ้มหิมะ หอมกำจรเป็นต้น

และหลังจากนั้นมีข่าวมากมายแพร่สะพัดไปทั่วยานลมกรดที่แสงไฟประดุจมังกร และโกลาหลปั่นป่วนลำนี้ราวกับอัสนีบาต…

“ลานมรรคหลอมยุทธ์ตายเจ็ดคน มกุฎราชันอริยะหนึ่งคน ระดับราชันอริยะหกคน! ผู้ตายล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์!”

“ห้องอักษร ค. หมายเลขสามกลิ่นคาวเลือดฉุนกึก! ว่ากันว่าผู้เฒ่าทังผู้รับผิดชอบลานมรรคหลอมยุทธ์หายตัวไปไม่รู้ร่องรอย”

“หอลิ้มหิมะ คนใหญ่คนโตหกคนจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หกคนหายตัวไปอย่างน่าประหลาด เหมือนกับระเหยไปจากโลก ไม่มีเหลือร่องรอยใดๆ หลงเหลือ”

“ว่ากันว่าตอนนั้นชั้นสองของหอลิ้มหิมะถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ แต่กลับเกิดเรื่องพิสดารเช่นนี้ หลงจู๊หอสุราถูกจับกุมตัว ดำเนินการไต่สวนแล้ว”

“หอหอมกำจร ห้องพิเศษรับรองแขกสูงศักดิ์ ไหวจื่ออิ๋นผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หายตัวไป ในที่เกิดเหตุเหลือเพียงอาภรณ์เกลื่อนพื้นกับหญิงคณิกาที่สลบไสลหลายสิบคน”

“ผู้สืบทอดที่โดดเด่นคนหนึ่งของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ กลับเหลวไหลมากราคะไม่สิ้นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องฉาวโฉ่ใหญ่โตปานใด ยามนี้ข่าวพวกนี้ล้วนถูกหอเสียงสวรรค์เก็บเงียบแล้ว”

“ร้านเตาโอสถ รุ่ยคงผู้อาวุโสสายนอกของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ หัวถูกเด็ดไปแล้ว”

“ร้านหญ้ามรกต ชวีฝูผู้ดูแลสายนอกของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ จิตวิญญาณถูกขจัด”

…แต่ละข่าวต่างเรียกได้ว่าเป็นพายุ และเมื่อข่าวชุดนี้แพร่สะพัดออกไปพร้อมกัน บนยานลมกรดก็จมสู่ความโกลาหลอย่างสิ้นเชิง

ผู้โดยสารบนยาน ไม่ว่าจะมาจากขุมอำนาจชั้นนำแห่งไหน หรือจะเป็นเหล่าผู้กล้า ผู้สูงศักดิ์ หรือเทพเซียนชั้นนำใดๆ ล้วนถูกทำให้ตื่นตะลึงระส่ำระสาย

ยานลมกรด นี่เป็นถึงยานข้ามโลกของหอเสียงสวรรค์ แต่คืนนี้กลับเกิดเรื่องนองเลือดเช่นนี้ขึ้น ใครจะไม่ตกใจบ้าง

ที่น่าสยดสยองที่สุดคือ พวกที่บ้างก็ถูกฆ่า บ้างก็หายตัวไปอย่างลึกลับเหล่านั้น ล้วนมาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์!

นี่เป็นถึงหนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่แห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา ลูกศิษย์ในสำนักคนใดคนหนึ่งเดินออกมา อยู่ในโลกอื่นล้วนถูกปฏิบัติเยี่ยงแขกสูงศักดิ์ชั้นยอดที่สุด

อย่างหอเสียงสวรรค์ เป็นสำนักอันดับหนึ่งของเขตแดนดาราจื่อเหิง แต่เมื่อเทียบกับเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ก็ยังห่างชั้นราวฟ้ากับเหว เทียบกันไม่ติด

แต่ยามนี้ผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มที่มาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าสถานะสูงต่ำล้วนตายกันหมด!

นี่เป็นความสะท้านสะเทือนครั้งใหญ่ชัดๆ ผลกระทบและคลื่นลมที่เกิดขึ้นทั้งหมด สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามบนยานลมกรดต่างขวัญผวา

“ฆาตกรคือใคร”

นี่คือสิ่งที่ทุกคนต่างให้ความสนใจมากที่สุด

“หอเสียงสวรรค์… เจอปัญหาใหญ่แล้ว!”

และมีคนมากมายคาดเดาออกมาว่า เมื่อผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนี้ตายบนยานลมกรด หอเสียงสวรรค์จะต้องประสบคลื่นมรสุมอย่างแน่นอน

ภายในโถงใหญ่ที่งดงามหรูหราแห่งหนึ่ง

ผู้อาวุโสชั้นสูงฮว่าเตี่ยนของหอเสียงสวรรค์สีหน้ามืดทะมึน นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่พูดจาสักคำ ผมเคราของเขาดุจสีหมึก สวมชุดปราชญ์แขนกว้าง นัยน์ตาลุ่มลึกดุจวังน้ำวน ทอประกายแสงน่าสะพรึง

มกุฎราชันอริยะสี่คน ราชันอริยะทั้งกลุ่ม รวมถึงผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์อย่างพวกอู่อวิ๋นเหลียน เวลานี้ล้วนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เงียบกริบปานจักจั่นหน้าหนาว

สีหน้าแต่ละคนต่างฉายแววตกใจแกมสงสัย หวาดผวา เป็นกังวล เดือดดาลต่างๆ นานายากปกปิด

บรรยากาศกดดันจนทำเอาผู้คนจวนจะหายใจไม่ออก

“เรียนผู้อาวุโส นับมาแล้ว ผู้แข็งแกร่งจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์รวมทั้งสิ้นสิบเก้าคน ทั้งหมดล้วน… ล้วนไม่เห็นแล้ว”

น้ำเสียงสั่นเทาสายหนึ่งดังขึ้นนอกโถงใหญ่ ทำลายความเงียบลง

เปรี้ยง!

ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด หัวใจรัดเกร็งรุนแรงครู่หนึ่ง

“แล้วคนที่หายตัวไปอย่างประหลาดนั่นล่ะ จะระเหยไปจากโลกจริงๆ หรือ ที่นี่เป็นถึงยานลมกรด อยู่ในฟ้าดารา ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากยานลมกรด!”

อู่อวิ๋นเหลียนตวาดลั่น

นอกโถงใหญ่น้ำเสียงสั่นเทาสายนั้นดังขึ้นต่อ “พวกเราค้นหาทั่วทุกซอกมุมของยานลมกรดแล้ว ล้วนไม่มีร่องรอยของพวกเขาเลย…”

“พวกสวะ!”

อู่อวิ๋นเหลียนก่นดาอย่างเดือดดาล

และในยามนี้เอง ฮว่าเตี่ยนที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “มีแต่คนตายเท่านั้นถึงจะถูกกำจัดไปจากโลกอย่างไร้สุ้มเสียง”

ประโยคเดียวทำให้หัวใจของทุกคนในที่นี้หนักอึ้ง

ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่มที่ข่งอวี้ส่งมา กลับตายบนยานลมกรดของหอเสียงสวรรค์ของพวกเขา เรื่องนี้ต่อให้พวกเขาไม่ได้ทำ ก็ต้องถูกโยงไปเกี่ยวด้วยอยู่ดี!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ทุกคนต่างตกใจแกมโกรธยากระงับ

“ฆาตกรล่ะ ยังตรวจสอบไม่ได้อีกหรือ”

เสียงของฮว่าเตี่ยนกดต่ำ เจือแววเยียบเย็นกรีดกระดูก โทสะที่สั่งสมอยู่ภายในใจของเขาจวนจะปะทุอยู่รอมร่อ

นอกโถงใหญ่ผู้อาวุโสหอเสียงสวรรค์ที่มารายงานคนนั้นทรุดเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุ้บหนึ่งครา กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ฆาตกรคนนั้นไม่เหลือร่องรอยใดๆ ตอนที่ลงมือสังหารก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใคร ยามนี้ พวกเรายังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขอรับ”

อู่อวิ๋นเหลียนกล่าวทันควัน “จะใช่อวี่เสวียนนั่นหรือไม่”

วันนี้นางเพิ่งสั่งการให้จั่นปิ่งไปขอความช่วยเหลือจากพวกผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เพื่อกำจัดอวี่เสวียน และในวันนี้ก็ดันเกิดเหตุการณ์นองเลือดพวกนี้ขึ้น!

อีกทั้งอู่อวิ๋นเหลียนได้รับข่าวว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ อวี่เสวียนเคยออกจากที่พัก เข้าไปในเมืองของยานลมกรด

เดิมทีในความคิดของอู่อวิ๋นเหลียน เจ้าหมอนี่จะต้องเป็นคนตายคนหนึ่งแล้วชัดๆ

แต่ใครเลยจะคาดคิด อวี่เสวียนถึงกับรอดชีวิตกลับมา ตรงข้ามกลับเป็นผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนั้นที่ประสบเคราะห์กันหมด!

“เป็นไปไม่ได้!”

“เจ้าหมอนั่นเป็นแค่ราชันอริยะคนหนึ่งเท่านั้น หากเขาทำได้ถึงขั้นนี้จริง ให้ข้าปาดคอฆ่าตัวตายยังได้เลย”

“อวี่เสวียน? นั่นก็แค่พวกสวะที่รู้จักแต่ก้มหน้ายอมจำนนเท่านั้น!”

ฉับพลันคนมากมายในโถงใหญ่ต่างพากันส่ายหน้า

ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่ตายอนาถบนยานลมกรด ไม่ขาดพวกระดับมกุฎราชันอริยะ ซ้ำยังปรากฏตัวกันเป็นกลุ่มก้อน มีหรือที่ราชันอริยะคนหนึ่งจะฆ่าตายได้

ในความคิดของทุกคน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทำให้ผู้คนแตกตื่น เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง คนที่สามารถทำได้ถึงขึ้นนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นพวกระดับกึ่งจักรพรรดิ!

ถึงขั้นที่ฆาตรกรอาจไม่ใช่แค่คนเดียว เพราะผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่ตายบนยานลมกรดครั้งนี้ต่างก็กระจายตัวกันตามสถานที่ต่างๆ

อู่อวิ๋นเหลียนขบคิด และรู้สึกว่าการคาดเดานี้ของตนช่างเหลวไหลเกินไป ไม่มีน้ำหนักพอ จึงส่ายหน้าโดยพลัน ลบชื่อ ‘อวี่เสวียน’ ออกจากหัวไป

นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กัดฟันกล่าว “ต่อให้ไม่ใช่ฝีมืออวี่เสวียน แต่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับหลิ่วชิงเยียนแน่!”

ประโยคเดียวทำให้หัวใจทุกคนไหวกระตุก

ก็จริง ที่ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนั้นมาในครั้งนี้ก็เพราะหลิ่วชิงเยียนไม่ใช่หรือ

ตอนนี้จวงอวิ้นจื้อถูกกักบริเวณแล้ว อวี่เสวียนนั่นก็ไร้ภัยคุกคามเหมือนพวกใจเสาะ หากไม่ผิดจากที่คาด วันนี้ก็จะสามารถถือโอกาสบีบหลิ่วชิงเยียนให้ก้มหัวยอมจำนน

แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ดันเกิดเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้ขึ้น นี่ออกจะบังเอิญเกินไปหน่อย

“ส่งคนไปตรวจสอบที่ ‘เขารับแขก’ ว่าหมู่นี้มีคนเคยติดต่อกับหลิ่วชิงเยียนและอวี่เสวียนหรือไม่”

ฮว่าเตี่ยนตัดสินใจ “นอกจากนี้ปิดข่าวให้มิดชิด ส่งกำลังคนไปปลอบขวัญผู้ฝึกปราณที่อยู่บนยานลมกรด จะให้เรื่องน่าตื่นตระหนกเช่นนี้ลุกลามต่อไปไม่ได้”

ทุกคนพยักหน้า

ก่อนจะถึงโลกใหญ่หงเหมิง ยังมีเวลาอีกราวๆ ครึ่งปี ในระหว่างนี้ขอเพียงสามารถจับตัวฆาตกรได้ ก็จะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากเหตุนองเลือดครั้งนี้ได้

“ฮว่าเตี่ยน!”

ทันใดนั้นเสียงตวาดลั่นเดือดดาลสายหนึ่งก็ดังขึ้นนอกโถงใหญ่ “กองกำลังชั้นเลิศข้างกายคุณชายข้ากลับมาตายบนยานลมกรดลำนี้กันหมด เจ้าไม่ใช่ควรให้คำอธิบายกับข้าสักอย่างหรือ”

นี่คือชายชุดหยกคนหนึ่ง สีหน้าคล้ำเขียว ตาแทบถลน

ท่าทีของเขาก็ดุดันหาใดเปรียบ ไม่เกรงกลัวคนใหญ่คนโตของหอเสียงสวรรค์หน้าไหนในที่นี้สักนิด เกือบจะชี้หน้าก่นด่าฮว่าเตี่ยนอยู่แล้ว

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าฮว่าเตี่ยนหรือคนอื่นๆ ในที่นี้ล้วนมีท่าทีกล้ำกลืนฝืนทน

สาเหตุก็เพราะชายชุดหยกคนนี้เป็นผู้ติดตามข้างกายข่งอวี้ นามว่าข่งหลิน ถึงจะไม่ใช่ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ แต่กลับไม่มีใครกล้าละเลย

ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ข่งหลินเป็นลูกหลานเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง

เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง นั่นเป็นถึงเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์เช่นเดียวกับเผ่าจักรพรรดิตระกูลซวีและเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุน จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนบรรพบุรุษของเขาคือผู้นำแห่ง ‘เจ็ดจักรพรรดิอสูรมารดึกดำบรรพ์’!

คนระดับนี้ หอเสียงสวรรค์มีหรือจะกล้าล่วงเกิน

“สหายน้อยโปรดใจเย็น เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ตอนนี้ยังไม่สามารถชี้ตัวได้ว่าฆาตรกรเป็นใคร แต่สหายน้อยวางใจได้ มีข้าฮว่าเตี่ยนอยู่ จะต้องลากตัวเจ้าฆาตกรออกมาให้ได้!”

ฮว่าเตี่ยนหยัดตัวลุกขึ้น ให้สัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

คนอื่นๆ ต่างก็พากันพยักหน้า

แต่ข่งหลินกลับไม่คล้อยตาม ยังคงยิ้มเย็นอย่างแข็งกร้าว “แค่จับฆาตกรได้ก็พอแล้วหรือ กองกำลังชั้นยอดข้างกายคุณชายข้าล้วนตายกันหมด! เรื่องนี้ข้าจะดูว่าหอเสียงสวรรค์ของพวกเจ้าจะอธิบายอย่างไร!”

กล่าวจบเขาก็หันตัวจากไป

ท่าทางแข็งกร้าวไร้มารยาทนั่น ทำเอาฮว่าเตี่ยนโกรธจนใบหน้าชรามืดทะมึน คนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากันเลิกลั่ก

ไม่ว่าจะเป็นเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หรือเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตบนทางเดินโบราณฟ้าดาราทั้งสิ้น ไม่ใช่คนที่พวกเขาหอเสียงสวรรค์จะกล้าล่วงเกิน

ถึงขนาดที่ว่าต่อให้ท่าทีของข่งหลินเลวร้ายปานใด พวกเขาก็ได้แต่บีบจมูกยอมรับ คับแค้นปานใดก็ได้แต่อดทน

“ยังมัวอึ้งอะไรกันอยู่ ไปตรวจสอบสิ!”

ฮว่าเตี่ยนคำรามเดือด

เวลานี้เขาเองก็ไม่อาจควบคุมสภาพอารมณ์ที่สั่งสมภายในใจได้ เดือดดาลดุจราชสีห์ เสียงประหนึ่งฟ้าคำราม ก้องสะเทือนทั่วโถงใหญ่

หอสดับบรรเลง

จวงอวิ้นจื้ออารมณ์ดีอย่างยิ่ง

นางรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้แล้ว ตอนที่เพิ่งได้ยินในใจยังสะท้านสะเทือนไม่สิ้น

แต่ไม่นานก็ตระหนักได้ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นกลับทำให้นางและลูกศิษย์อย่างหลิ่วชิงเยียนล้วนได้ประโยชน์ทั้งสิ้น!

อย่างน้อยตอนที่ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้ เกรงว่าหอเสียงสวรรค์คงแบ่งกำลังมาจัดการพวกนางศิษย์อาจารย์ไม่ได้สักนิด

“ทำเรื่องไม่ดีมามากย่อมพิฆาตตน นี่ก็คือกรรมตามสนองสินะ”

จวงอวิ้นจื้อเอ่ยปากเนิบนาบ

ตรงข้าม สีหน้าของเซียวอวิ๋นคงและโอวหยางเพ่ยออกจะไม่น่าดู ในใจพวกเขาต่างก็ไหวหวั่น ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดกับหอเสียงสวรรค์หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น

ส่วนท่าทีของจวงอวิ้นจื้อ พวกเขาล้วนไม่ได้ใส่ใจสักนิด

“นี่ถึงกับเป็นเรื่องจริง…”

หลิ่วชิงเยียนยืนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น นางสวมชุดขาวบริสุทธิ์ เงาร่างอ้อนแอ้น ดวงหน้างดงามพิสุทธิ์กระจ่างฉายแววตกใจ

แม้จะเป็นเช่นนี้นางก็ยังคงงดงามดุจภาพวาด ประหนึ่งเทพเซียนเยือนโลก

ครู่ต่อมาหลิ่วชิงเยียนพยายามทำให้ตนเองสงบลงมา อดทอดสายตามองไปไกลๆ ไม่ได้

ที่ตรงนั้นหลินสวินกำลังฝึกปราณ สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลม ประหนึ่งไม่รู้สึกรู้สากับเหตุการณ์ใหญ่สะเทือนฟ้าดินที่เกิดขึ้นภายนอกสักนิด

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset