การท้าทายของเด็กหนุ่มชุดผ้าป่านทำให้มกุฎราชันอริยะที่เอ่ยปากคนนั้นระเบิดโทสะ กำลังเตรียมจะลงมือ กลับถูกฮว่าเตี่ยนขวางเอาไว้
ฮว่าเตี่ยนเสียงเย็นชา “เจ้าหนุ่ม ข้าถามเจ้าอีกคำ คนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนั้น… ถูกเจ้าฆ่าใช่หรือไม่”
“ข้า…”
เด็กหนุ่มชุดผ้าป่านเพิ่งจะอ้าปาก อานุภาพกดข่มน่ากลัวทรงพลังสายหนึ่งแผ่ออกจากร่างฮว่าเตี่ยน ทำเอาร่างของเขาแข็งทื่อไปกะทันหัน ราวกับถูกภูเขาใหญ่แสนลูกสยบกำราบ
และในยามนี้ ฮว่าเตี่ยนเอ่ยปากเสียงเรียบ “จำไว้ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ขืนยังเล่นลิ้นชีวิตน้อยๆ นี่คงยากรักษา”
ในเรือนหญิงชราปรากฏตัวอย่างไรสุ้มเสียง
เส้นเลือดบนหน้าผากของเด็กหนุ่มชุดป่านนูนขึ้น สีหน้าที่เดิมยิ้มเบิกบานถูกความสงบนิ่งและเฉียบคมแทนที่
และในส่วนลึกของดวงตาเขา มีความบ้าคลั่งรวมตัวอยู่รางๆ
ทว่าสุดท้ายเขากลับสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ข่มกลั้นไอสังหารในใจ อ้าปากตะโกนว่า “พี่ชาย เจ้าทนเห็นข้าเป็นแพะรับบาปได้จริงๆ หรือ พวกเขาจะลงมือฆ่ากันเชียวนะ”
ประโยคเดียวทำให้สายตาของพวกฮว่าเตี่ยนต่างมองไปอีกบริเวณ มองเห็นหลินสวินที่ยืนอยู่หน้าเรือนหลังหนึ่ง
“อวี่เสวียน?”
มีคนจำหลินสวินได้ พลันไม่ชอบใจขึ้นมา “เจ้าสวะนี่จะเป็นฆาตกรที่สังหารผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ได้อย่างไร”
คนอื่นๆ เองก็หัวเราะเยาะ เก็บสายตากลับมา
อวี่เสวียน ราชันอริยะคนหนึ่งของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ เบื้องลึกเบื้องหลังถูกพวกเขาสืบจนแน่ชัดนานแล้ว ย่อมไม่เชื่อว่าเขาจะมีความสามารถในการทำเรื่องเช่นนี้ได้
“เจ้าตัวจ้อย กล้าทำไม่กล้ารับหรือ”
“กัดคนไปทั่วไม่ดีนะ!”
“อวี่เสวียนมีความสามารถแค่ไหนพวกเรารู้ดี เจ้าไม่รู้สึกว่าเอ่ยคำพูดที่โง่เขลาเช่นนี้ออกมาน่าขันมากหรือ”
แววตาที่พวกเขามองไปยังเด็กหนุ่มชุดผ้าป่านต่างไม่เป็นมิตรขึ้นมา
หลินสวินขมวดคิ้ว ถูกด่าว่าสวะ แน่นอนว่าเขาไม่ชอบใจอย่างมาก แต่พอเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มชุดป่าน ในใจเขาก็อดเบิกบานไม่ได้
พลันเห็นเด็กหนุ่มชุดผ้าป่านท่าทางยุ่งยากเหมือนกินแมลงวันตายเข้าไป เอามือกุมหน้าผาก พูดอย่างเจ็บปวด “ข้าโชคร้ายอะไรขนาดนี้ ไม่เพียงกลายเป็นแพะรับบาป ยังเจอพวกมีตาแต่ไร้แววกลุ่มหนึ่งมาซักไซ้เล่นงาน ท่านยาย ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
ฮว่าเตี่ยนสีหน้าอึมครึม จนตอนนี้เจ้าหมอนี่ยังมีท่าทางไม่ใยดี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไรหรือ
เขาเพิ่งคิดจะทำอะไรสักอย่าง จู่ๆ ก็นัยน์ตาพลันหดรัด สั่นไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก มองไปยังเรือนด้านหลังเด็กหนุ่มชุดผ้าป่าน
ในเรือน หญิงชราสีหน้าเมตตาเดินมาอย่างเชื่องช้า “นายน้อย ตายดีไม่สู้อยู่อย่างเกียจคร้าน ชีวิตของท่านมีค่ากว่าพวกเขามาก”
เสียงแฝงความเอ็นดูอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หลายคนในนั้นขมวดคิ้ว เพิ่งจะสังเกตถึงตัวตนของหญิงชรา
ราชันอริยะคนหนึ่งอดพูดอย่างเดือดดาลไม่ได้ “ยายแก่ เจ้า…”
ปัง!
เพิ่งพูดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ร่างของคนผู้นี้ก็ระเบิดแหลก เลือดเนื้อร่วงหล่นเต็มพื้น กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นกระจายออกมา
ในใจคนใหญ่คนโตหอเสียงสวรรค์ล้วนหวาดกลัว สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพร้อมเพรียง เพิ่งจะตระหนักได้ว่าหญิงชราที่รูปลักษณ์ไม่สะดุดตา ท่าทางแก่ชราเอื่อยเฉื่อย กลับเป็นบุคคลน่ากลัวที่เก็บซ่อนพลังอย่างลึกล้ำ
แม้แต่หลินสวินยังนัยน์ตาหดรัด หญิงชรานั่น… ไม่ธรรมดา!
ในที่นั้นมีเพียงเด็กหนุ่มชุดป่านที่ท่าทางไม่เปลี่ยนแปลง เอ่ยเสียงทอดถอนใจ “ไหนบอกว่าจะไม่ออกศีล”
หญิงชราสายตาเมตตา “มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่นับว่าออกศีล”
เด็กหนุ่มชุดผ้าป่านหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา ไม่เห็นใครในสายตา!
“ฮว่าเตี่ยนแห่งหอเสียงสวรรค์ คารวะผู้อาวุโส”
และตอนนี้เอง ฮว่าเตี่ยนที่เดิมสีหน้าอึมครึมไอสังหารเต็มเปี่ยม จู่ๆ ก็โค้งคำนับ น้ำเสียงแฝงความนอบน้อม “ก่อนหน้านี้หากล่วงเกินตรงไหน ขอท่านโปรดอย่าถือสา”
เสื้อผ้าตรงแผ่นหลังของฮว่าเตี่ยนถูกเหงื่อซึมจนชุ่มทันตาเห็น!
ทั้งนี่นั้นต่างผิดคาด จากนั้นตื่นตะลึงและเงียบกริบไร้เสียง
ฮว่าเตี่ยนเป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิ ทว่าตอนนี้กลับเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโส ทั้งยังก้มหัวขอขมา!
นี่เหมือนฟ้าผ่าคราหนึ่ง ทำเอาคนของหอเสียงสวรรค์ที่มาเอาความต่างงุนงง
หรือหญิงชราคนนี้คือ…
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งหรือ
คิดถึงตรงนี้ทุกคนหนังหัวชาวาบ
หญิงชราเดินมายืนอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มชุดผ้าป่าน ไม่ได้สนใจฮว่าเตี่ยนที่ก้มหัวคำนับอยู่ตรงนั้น แต่ถามเด็กหนุ่มชุดผ้าป่านด้วยเสียงเมตตา “นายน้อย ท่านว่าทำอย่างไรดี หากในใจท่านรู้สึกไม่เป็นธรรมก็ฆ่าให้หมดได้”
ทุกคนยิ่งตื่นตระหนก สีหน้าหวาดกลัว
หญิงชรายังน่ากลัวขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นที่มาของนายน้อยข้างกายนางคนนี้… จะไม่ใช่น่ากลัวยิ่งกว่าหรือ
“ผู้อาวุโส!”
ชั่วขณะนี้ฮว่าเตี่ยนพลันคุกเข่าลง “พวกข้ามีตาหามีแววไม่ ขอท่านโปรดใจกว้างปล่อยพวกเราไปสักครั้ง!”
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับคุกเข่าลงต่อหน้าทุกคนอย่างไม่ห่วงศักดิ์ศรี
ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่จับตามองเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่ในเงามืดต่างสูดหายใจหนาวเยือกอย่างไม่มีข้อยกเว้น ฮว่าเตี่ยนคนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสชั้นสูงของหอเสียงสวรรค์ เป็นระดับกึ่งจักรพรรดิที่ทุกคนใฝ่หา แต่กลับคุกเข่าขอร้องเช่นนี้
ความตื่นตะลึงและแรงสะเทือนที่เกิดขึ้นจากภาพนี้ไม่ต้องพูดถึงว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน
แม้แต่ในใจหลินสวินยังครัดเคร่งระลอกหนึ่ง เขาพอจะเดาออกว่าหญิงชราเป็นบุคคลระดับใด
ในที่นั้นเงียบกริบ
หญิงชรายังคงไม่สนใจฮว่าเตี่ยนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น จ้องมองเพียงเด็กหนุ่มชุดป่าน
เด็กหนุ่มชุดป่านสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด หลังจากมีหญิงชราหนุนหลัง ท่าทีของเขากลับเปลี่ยนไป จากที่ลำพองอวดดีก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนเป็นเหมือนเจอโจทย์ยิ่งขึ้นมา
ครู่ใหญ่เขาถึงถอนหายใจ “ท่านยาย ท่านบอกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่อนุญาตให้ข้าก่อเรื่องไม่ใช่หรือ”
หญิงชราพูดอย่างจริงจัง “ไม่ก่อเรื่องไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะกลัวเรื่องเดือดร้อน ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้นายน้อยเพียงแค่ประสบความยุ่งยากอย่างไม่เป็นธรรมเท่านั้น”
เด็กหนุ่มชุดป่านสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วพูดว่า “การออกจากบ้านครั้งนี้ ท่านพ่อข้าบอกว่าข้าใจร้อนมุทะลุ บอกข้าว่าทำใจให้สงบนิ่งได้เมื่อไหร่ค่อยกลับบ้านได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เส้นทาง ‘สงบใจ’ นี้เดินได้ไม่ง่ายเลย”
เขาหัวเราะเยาะตนเอง “หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงฆ่าพวกเขาไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อการสงบใจ กลับทำให้ข้าทรมานไปทั้งตัว”
ในสายตาหญิงชราเผยความสงสาร เอ่ยว่า “นี่เพิ่งเริ่มต้น ไม่ต้องรีบ”
เด็กหนุ่มชุดป่านขานรับว่าอืมคำหนึ่ง
ตอนนี้พวกฮว่าเตี่ยนราวกับนักโทษที่รอการไต่สวน แต่ละคนหวาดหวั่นยากจะสงบ ในใจถูกความหวาดกลัวท่วมท้น
จู่ๆ เด็กหนุ่มชุดป่านก็ถีบใส่ร่างฮว่าเตี่ยน ถีบจนผู้อาวุโสชั้นสูงระดับกึ่งจักรพรรดิคนนั้นหงายหลังล้มลงพื้น อเนจอนาถไม่เหลือสภาพ
เขาไม่กล้าต่อต้านสักนิด ถึงขั้นเป็นฝ่ายสลายพลังป้องกันบนร่าง กลัวเพียงว่าจะสะเทือนใส่เด็กหนุ่มชุดป่านคนนั้น
เด็กหนุ่มชุดป่านเห็นเช่นนี้ ในใจรังเกียจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชี้ฮว่าเตี่ยนแล้วก่นด่ายกใหญ่ “เป็นถึงกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับไม่รักษาหน้าตา ไม่มีศักดิ์ศรีสักนิด ถึงว่าอายุปูนนี้แล้วยังไม่สามารถแจ้งมรรคกลายเป็นจักรพรรดิ สภาพอย่างเจ้าชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าได้คิดเลย!”
เขาเหมือนยังไม่คลายโทสะ พุ่งไปถีบฮว่าเตี่ยนอย่างแรงอีกหลายที ทั้งยังถีบใส่ใบหน้าของฮว่าเตี่ยนทีหนึ่งด้วย ใบหน้าแก่ชราแดงก่ำขึ้นมา แต่ยังคงก้มหัวพร้อมรอยยิ้ม
“เฒ่าสวะ!”
เด็กหนุ่มชุดป่านก่นด่าอย่างรุนแรงคำหนึ่ง ในใจกลับผิดหวังอย่างไม่ทราบสาเหตุ กึ่งจักรพรรดิเชียวนะ เพื่อความอยู่รอด แม้แต่ศักดิ์ศรีก็ไม่เอาแล้วหรือ
“ไสหัวไปเถอะ”
เขาโบกมือ
ฮว่าเตี่ยนเหมือนได้หลุดพ้น คำนับขอบคุณ สายตากลับมองไปยังหญิงชราคนนั้น
หญิงชรากล่าว “ทำไม ยังคิดจะอยู่เป็นหนอนคำนับตัวหนึ่งหรือ”
ฮว่าเตี่ยนจึงลุกขึ้นอย่างลนลาน รีบพาคนจากหอเสียงสวรรค์จากไปทันที ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขาไม่อยากอยู่อีกทั้งชาติ
“ช้าก่อน”
เสียงของเด็กหนุ่มชุดป่านดังขึ้น ทำให้ร่างของฮว่าเตี่ยนชะงักไปทันที หัวใจแขวนลอยสูง นายน้อยท่านนี้จะคืนคำหรือ
เด็กหนุ่มชุดป่านพูดอย่างราบเรียบ “ที่บอกว่าจะถลกหนังล่ะ”
ประโยคเดียวราวกับฟ้าผ่า ทำเอาวิญญาณของมกุฎราชันอริยะที่อยู่ข้างๆ ฮว่าเตี่ยนแทบหลุดออกมา คุกเข่าลงพื้นร้องขอชีวิต
ก็เห็นหญิงชราตวัดคว้ากลางอากาศ ชั่วพริบตาเดียวผิวหนังทั้งตัวมกุฎราชันอริยะคนนี้ก็ถูกถลกออกมา เส้นเอ็นแต่ละเส้นถูกดึงออกทีละชุ่น ทั้งร่างบิดกระตุกเพราะความเจ็บปวดและหวาดกลัว ส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดที่เศร้ารันทดอย่างที่สุด
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไร้เรี่ยวแรงดิ้นรน!
ภาพอันโหดร้ายนองเลือดทำเอาพวกฮว่าเตี่ยนสีหน้าซีดเซียว ปากสั่นระริก แต่กลับไม่มีใครกล้าก้าวออกมาขอความเมตตา
สุดท้ายแม้มกุฎราชันอริยะคนนี้จะรอดชีวิต พลังดั้งเดิมกลับเสียหายหนัก ถูกพวกฮว่าเตี่ยนพาตัวจากไปอย่างรวดเร็ว
หญิงชราแค่นเสียงขึ้นจมูกเบาๆ คราหนึ่ง จากนั้น…
ผู้แข็งแกร่งที่จับตาดูภาพเหล่านี้อยู่ในที่มืดรู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณประหนึ่งถูกค้อนกระแทก ภาพตรงหน้าพร่ามัว ทรมานจนแทบกระอักเลือด ไม่กล้ามองทางนั้นอีกแม้แต่แวบเดียว
ตอนที่ทำทุกอย่างเสร็จ หญิงชรามองหลินสวินที่อยู่ไกลๆ แวบหนึ่ง แววตาราบเรียบ ทว่าชั่วพริบตานี้หลินสวินกลับเกร็งไปทั้งตัว ราวกับมดตัวน้อยที่ถูกเทพองค์หนึ่งจับจ้องอย่างไรอย่างนั้น
แม้เพียงพริบตาหญิงชราก็เก็บสายตาไป แต่หลินสวินรู้ว่านี่คือการเตือนอย่างไร้สุ้มเสียง!
และตอนนี้เอง จู่ๆ เด็กหนุ่มชุดป่านก็กระโดดขึ้นกำแพง พูดอย่างดุร้าย “พี่ชาย ความผิดของเจ้า ข้าช่วยแบกให้แล้วครั้งหนึ่ง นี่เป็นบุญคุณใหญ่หลวงเชียวนะ ต่อไปเจ้าต้องคืนให้ข้าด้วย”
หลินสวินยิ้มบางๆ “แม้ข้าจะรู้สึกขอบคุณเจ้ามาก แต่ว่ากันถึงที่สุดข้าไม่เคยขอให้เจ้าแบกรับความผิดนี้ บุญคุณนี้… ข้าไม่นับ”
“เจ้า…!”
เด็กหนุ่มชุดป่านโกรธจนถลึงตา “ท่านยาย ข้าคิดว่าควรให้เจ้าหมอนี่ลิ้มลองการถูกถลกหนังสักหน่อยหรือไม่”
หญิงชรายิ้มตาหยีพูด “ได้สิ”
เด็กหนุ่มชุดป่านกลับตกใจเสียเอง รีบพูดว่า “ช่างเถอะๆ พวกเราอย่าถือสาเจ้าคนโลกแคบนี้เลย”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ หมุนตัวเดินเข้าเรือนไป
มองเขาจนลับตาไป เด็กหนุ่มชุดผ้าป่านพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ท่านยาย ก่อนหน้านี้ข้ายังสงสัยว่าศักดิ์ศรีบนโลกนี้มีค่าอะไร ตอนนี้ถึงพบว่าข้าคิดผิดไปแล้ว อย่างน้อยพี่ชายคนนั้นก็แตกต่าง ยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง”
หญิงชราสีหน้าเมตตา นิ่งฟังเงียบๆ
“ไม่เลวๆ ถึงว่าแวบแรกที่เห็นเขาก็รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่แตกต่างจากคนอื่น”
เด็กหนุ่มชุดป่านเผยรอยยิ้มเบิกบาน
หญิงชรายังคงยิ้มตาหยีฟัง
นางไม่ได้บอกเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายว่า บางทีคนผู้นั้นอาจไม่ได้มีศักดิ์ศรีมีเกียรติใด แต่มีความมั่นใจที่แตกต่างจากคนอื่น!
ตั้งแต่ต้นจนจบ คนผู้นั้นไม่มีอาการหวาดกลัวเลยสักนิด นิ่งสงบราวกับหิน
นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า อีกฝ่ายไม่ได้กลัวยายเฒ่าอย่างนาง
คิดๆ แล้วก็จริง ผู้ที่กล้าสังหารคนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
เมื่อเปรียบกันแล้ว นายน้อยแม้ฉลาดหลักแหลมแต่กำเนิด พรสวรรค์ไร้ที่เปรียบ ทว่าในการเคี่ยวกรำบนโลกอย่างไรก็ยังขาดประสบการณ์
แต่หญิงชราเชื่อว่า ขอเพียงนายน้อยสามารถสงบใจในการเดินทางครั้งนี้ได้ ความสำเร็จในอนาคตจะต้องโดดเด่นเหนือคนผู้นั้นแน่!
……..