Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1834 เข้ามาไม่ขาดสาย

เสียงตูมตามดังขึ้นระลอกหนึ่ง

สมบัติอริยะและสมบัติเก็บของจำนวนหนึ่งกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เรืองแสงสว่างไสว

เหล่าคนใหญ่คนโตหอเสียงสวรรค์รวมถึงอวี๋จวิ้น เปลี่ยนเป็นขี้เถ้าไปทั้งหมด สลายไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง

มองเห็นภาพเหล่านี้ หลิ่วชิงเยียนอึ้งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งถึงค่อยเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ดวงตาคู่ใสฉ่ำน้ำเต็มไปด้วยความตะลึง

นางเอ่ยพูด “ผู้อาวุโส ท่านเป็นใครกันแน่”

หลินสวินรู้ว่าหลิ่วชิงเยียนจะต้องสงสัยแน่ พลันปวดหัวขึ้นมา เอ่ยว่า “แม่นางชิงเยียน ข้าคนแซ่อวี่แค่ไม่เคยเผยความสามารถแท้จริงเท่านั้น”

หลิ่วชิงเยียนส่ายหน้า “อาจารย์ของข้าเคยพูดว่า ผู้อาวุโสอวี่เสวียนที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับราชันอริยะ ย่อมไม่มีทางฆ่ามกุฎราชันอริยะได้อย่างง่ายดายเหมือนท่าน…”

พูดถึงตรงนี้นางเหมือนนึกอะไรขึ้น จึงอดพูดไม่ได้ “ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่ถูกฆ่าเมื่อหลายวันก่อนพวกนั้น คงไม่ใช่…”

ไม่รอพูดจบหลินสวินก็สารภาพตามจริง “ไม่ผิด เป็นฝีมือข้าคนแซ่อวี่”

หลิ่วชิงเยียนแววตางุนงง เอ่ยว่า “หากท่านคืออวี่เสวียนจริงๆ จะกล้าไปสังหารผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ได้อย่างไร… ยิ่งไปกว่านั้นเกรงว่าอวี่เสวียนตัวจริงไม่มีทางทำเรื่องสะท้านโลกเช่นนี้เพื่อข้าหลิ่วชิงเยียน…”

นางพึมพำ เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามทำให้ตนเองใจเย็น แต่เพราะตกใจเกินไป เนิ่นนานก็ไม่อาจทำให้อารมณ์สงบลง

“แม่นางชิงเยียน เจ้ารู้ไว้เพียงว่าข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้าก็พอแล้ว”

หลินสวินถอนหายใจในใจ

เขารับรู้ได้รางๆ ว่าหลิ่วชิงเยียนคงจะเดาความจริงบางส่วนออกบ้างแล้ว

“อืม”

ครู่ใหญ่หลิ่วชิงเยียนถึงค่อยพยักหน้า จ้องมองหลินสวิน ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายสว่างไหว “ผู้อาวุโส ข้าเชื่อท่าน”

หลินสวินลอบถอนหายใจ ยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี”

นึกถึงแต่ละภาพเมื่อครู่นี้ หลิ่วชิงเยียนพูดอย่างกังวล “ผู้อาวุโส ท่านฆ่าคนของหอเสียงสวรรค์มากขนาดนี้ หลังจากนี้จะทำอย่างไร”

“ทหารมาใช้ขุนศึกต้าน น้ำมาใช้ดินขวาง[1]”

หลินสวินพูดเรียบๆ

อย่างไรก็แตกหักกันไปแล้ว ก็แค่สู้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น

บนกำแพงไกลๆ เด็กหนุ่มชุดป่านส่งเสียงจุ๊ๆ ทอดถอนใจ “เคยเห็นคนที่รนหาที่ตาย แต่ไม่เคยเห็นคนที่รีบร้อนจะรนหาที่ตายเช่นนี้”

เขาคล้ายเดาผลลัพธ์ออกนานแล้ว!

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มชุดป่านอดยิ้มอย่างมีความสุขในความทุกข์ของผู้อื่นไม่ได้ “อู้ว พี่ชายคราวนี้เจ้าถูกจับได้แล้ว นี่ไม่ใช่หมายความว่าความสนุกเพิ่งเริ่มขึ้นหรือ”

……

เวลาล่วงเลยไป

บรรยากาศในหอเมฆมรกตกดดันขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากอวี๋จวิ้นจากไป ครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีข่าวส่งมา ทำให้สีหน้าของคนตระกูลจินเทียนอย่างพวกจินเทียนฉีต่างค่อยๆ อึมครึมลง

หอเสียงสวรรค์รับแขกเช่นนี้หรือ

เกินไปแล้ว!

ส่วนอู่อวิ๋นเหลียนนั้นเหมือนมดในกระทะร้อน นั่งไม่ติด ในใจลอบพร่ำบ่น เพียงแค่เล่นงานราชันอริยะคนหนึ่งเท่านั้น ต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยหรือ

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของพวกจินเทียนฉีไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ อู่อวิ๋นเหลียนเองก็ตึงเครียดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ศิษย์พี่อู๋แย่แล้ว หลังจากพวกอาจารย์ลุงอวี๋จวิ้นเข้าเรือนพักของศิษย์น้องชิงเยียนก็ไม่ออกมาอีกเลย!”

ทันใดนั้นผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์คนหนึ่งเดินมาอย่างเร่งรีบ เหงื่อเต็มหน้าผาก สีหน้าตื่นตระหนก “ข้าสงสัยว่า… พวกเขาอาจจะเจอการเปลี่ยนแปลงอะไรเข้า!”

“อะไรนะ”

อู่อวิ๋นเหลียนลุกพรึ่บขึ้น สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด

เพล้ง!

คนตระกูลจินเทียนคนหนึ่งปัดจอกเหล้าในมือแตก ยิ้มเย็นชาด้วยสีหน้าอึมครึม “หลิ่วชิงเยียนคนนี้ พวกข้าอยากเจอหน้าสักครั้งถึงกับทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากเช่นนี้ นี่เห็นชัดว่าดูถูกพวกข้า!”

ผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์อย่างพวกอู่อวิ๋นเหลียนอดลนลานไม่ได้ ต่างลุกขึ้นยืน

“ทุกท่าน ข้า…”

อู่อวิ๋นเหลียนหมายจะพูดอะไรสักหน่อยก็ถูกจินเทียนฉีตัดบท เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “วันนี้ผู้อาวุโสตระกูลข้าเพิ่งพูดว่าไม่ให้พวกเราก่อเรื่อง ดังนั้นเขาเองก็คร้านจะถือสาพวกเจ้า แต่หลิ่วชิงเยียนนั่น จะต้องส่งตัวมาให้ข้า!”

“ใช่ เจ้าสารเลวคนนี้อุตส่าห์ไว้หน้ากลับไม่ต้องการ หากไม่สั่งสอนนางสักหน่อย พวกเราคนตระกูลจินเทียนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

ทันใดนั้นคนตระกูลจินเทียนคนอื่นๆ ต่างส่งเสียง สีหน้าอึมครึม

ในโลกใหญ่จินเทียน ใครกล้าไม่เคารพพวกเขา และมีใครกล้าเมินเฉยต่อพวกเขา

แต่ตอนนี้กลับดีนัก ผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์คนหนึ่งดันกล้าไม่ไว้หน้า!

ความจริงจุดสำคัญอยู่ที่วันนี้พวกเขาอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้โอกาสนี้ระบายอารมณ์ก็เท่านั้น

“หลิ่วชิงเยียนนั่นอยู่ที่ไหน นางไม่มา พวกเราไปเจอนางด้วยตัวเองเป็นอย่างไร”

จินเทียนฉีแววตาเย็นเยียบ จับจ้องอู่อวิ๋นเหลียน

ดวงหน้างามของอู่อวิ๋นเหลียนขาวซีด หากปล่อยให้หลิ่วชิงเยียนตกอยู่ในมือของพวกจินเทียนฉี จุดจบต้องไม่ดีแน่

แม้อู่อวิ๋นเหลียนอยากให้หลิ่วชิงเยียนตายจนแทบรอไม่ไหว แต่นางรู้ดียิ่งกว่าว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับหลิ่วชิงเยียน ด่านข่งอวี้นั่นใครก็ผ่านไม่ได้!

นางสูดหายใจลึกคราหนึ่ง อธิบายเสียงเบา “คุณชาย ฐานะของหลิ่วชิงเยียนไม่ธรรมดา นางเป็นถึงคนในดวงใจของข่งอวี้แห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ หากมีความผิดพลาดอะไร…”

คำพูดนี้ไม่พูดยังดี แต่พอพูดออกมากลับทำให้พวกจินเทียนฉีเดือดดาลขึ้นมา สีหน้าแต่ละคนแปลกประหลาดและย่ำแย่หาที่เปรียบไม่ได้

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เอาข่งอวี้มาข่มพวกเราหรือ”

จินเทียนฉีโกรธจนหน้าเขียว

ข่งอวี้แห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ทายาทสายตรงของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง แน่นอนว่าพวกเขาเองก็รู้จัก ทว่าคนตระกูลจินเทียนอย่างพวกเขาจะกลัวได้อย่างไร

อู่อวิ๋นเหลียนราวกับโดนฟ้าผ่า ลอบอุทานว่าแย่แล้ว

“ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง พาพวกเราไปพบหลิ่วชิงเยียน”

จินเทียนฉีออกคำสั่งอย่างไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ

……

รัตติกาลราวกับหมึก บนถนนเสียงดังเอะอะ

อู่อวิ๋นเหลียนพาคนตระกูลจินเทียนที่เกรี้ยวกราดทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปยังเขารับแขก เหตุการณ์นี้ปิดไม่อยู่สักนิด ถูกสายตาไม่รู้เท่าไหร่จับจ้อง

“ได้ยินหรือไม่ หลิ่วชิงเยียนผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์ปฏิเสธการพบหน้าคนตระกูลจินเทียน ทำให้อีกฝ่ายเดือดดาล!”

“คราวนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่”

“หอเสียงสวรรค์นี่โชคร้ายเกินไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เพิ่งตาย แม้แต่กึ่งจักรพรรดิอย่างฮว่าเตี่ยนยังทำได้เพียงคุกเข่าขอชีวิต ตอนนี้ดันล่วงเกินเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนอีก”

“หลิ่วชิงเยียนหรือ นี่เป็นถึงเทพธิดาของเขตแดนดาราจื่อเหิง ได้ยินว่าเพราะนางล่วงเกินข่งอวี้แห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ จึงถูกหอเสียงสวรรค์เพิกเฉยและกดดัน”

บนยานลมกรด เสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายดังขึ้น

ถนนเส้นหนึ่งในนั้นมีแผงลอยร้านหนึ่งตั้งอยู่ เจ้าของแผงคือชายวัยกลางคนผิวดำคล้ำราวกับชาวนาคนหนึ่ง

บนแผงลอย เมล็ดพันธุ์นานาชนิดวางอยู่ รวมถึงจอบที่มีสนิมอันหนึ่ง

ชายในชุดหรูหราคนหนึ่งนั่งยองๆ หน้าแผงลอย พินิจอย่างแปลกใจรอบหนึ่งก่อนจะชี้ไปที่เมล็ดพันธุ์สีดำราวกับมุก ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือเม็ดหนึ่ง “ของเล่นนี่กี่ผลึกมรรค”

ชายวัยกลางคนผิวดำราวกับชาวนานั่นเงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มซื่อๆ “ไม่แพง แปดแสนผลึกมรรค”

ชายชุดหรูอึ้ง พูดอย่างผิดคาด “เท่าไหร่นะ”

ชายวัยกลางคนผิวดำคล้ำพูด “แปดแสนผลึกมรรค”

“ยังจะบอกว่าไม่แพง… เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ”

ชายชุดหรูถุยน้ำลายอย่างแรงทีหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อจากไป

ชายวัยกลางคนผิวดำยิ้ม ไม่ได้ถือสา

นี่เป็นถึง ‘ผลแท้แรกมรรค’ อย่าว่าแต่แปดแสนผลึกมรรค แปดล้านผลึกมรรคยังมีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนแย่งกัน!

น่าเสียดายที่บนโลกนี้คนที่รู้ค่ามันน้อยเกินไปจริงๆ

คิดถึงตรงนี้สายตาของชายวัยกลางคนผิวดำก็มองไปยังเขารับแขกไกลๆ พร้อมพึมพำในใจ ‘บนเขานั่น จะมีสักกี่คนที่รู้ค่าสิ่งนี้’

……

ตอนที่อู่อวิ๋นเหลียนพาพวกจินเทียนฉีเดินขึ้นเขารับแขก

มุมปากของตู้คงที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเรือนเผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง สถานการณ์เช่นนี้ต้องการคนมาปั่นป่วนจริงๆ

บางทีเช่นนี้จึงจะสามารถดึงดูดให้เจ้านอกรีตคนนั้นออกมาได้กระมัง

ที่ไหล่เขา ชายชราในชุดคลุมที่เอนตัวงีบบนเก้าอี้ไม้หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างยากจะสังเกตเห็น

เจ้าพวกไม่เอาไหนพวกนี้!

เด็กหนุ่มชุดป่านที่ฟุบอยู่บนกำแพงเห็นภาพนี้พลันมีความสุขขึ้นมา โบกมือพูด “รู้ทั้งรู้ว่าในป่ามีเสือก็ยังจะเข้าป่า พี่ชายทั้งหลาย โชคดี!”

พวกจินเทียนฉีขมวดคิ้ว ต่างแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ ในใจเต็มไปด้วยเพลิงโกรธ

แต่สุดท้ายพวกเขาก็อดกลั้นไว้

พวกเขาได้ยินแล้วว่า ผู้อาวุโสระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งของหอเสียงสวรรค์เคยคุกเข่าตรงหน้าเรือนหลังนี้

อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าเด็กหนุ่มชุดป่านและหญิงชราที่พักอยู่ในเรือนหลังนี้จะเป็นคนที่ไม่อาจล่วงเกิน

นี่ก็คือเหตุผลที่พวกจินเทียนฉีอดทน ไม่เช่นนั้นหากเป็นปกติ พวกเขาคงตบเด็กหนุ่มชุดป่านปากอัปมงคลให้ตายคามือไปนานแล้ว!

เห็นเช่นนี้อู่อวิ๋นเหลียนเองก็ลอบโล่งอก นางกังวลจริงๆ ว่าพวกจินเทียนฉีจะพาล ไปปะทะกับเด็กหนุ่มชุดป่านโดยตรง

หากเป็นเช่นนั้นก็กลายเป็นเทพเซียนตีกัน มนุษย์โลกรับกรรม หอเสียงสวรรค์ก็จะติดร่างแหไปด้วย!

คิดๆ แล้วอู่อวิ๋นเหลียนก็รู้สึกปวดใจ ในเขตแดนดาราจื่อเหิง หอเสียงสวรรค์ของพวกเขาคือสำนักอันดับหนึ่ง ในฐานะผู้สืบทอด พวกเขามีใครเคยประสบเรื่องอดสูเช่นนี้บ้าง

แต่หลังออกจากเขตแดนดาราจื่อเหิง อู่อวิ๋นเหลียนถึงพบว่าทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด บนโลกนี้ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจล่วงเกินมากมายเพียงใด!

“คราวนี้ในที่สุดก็จะครื้นเครงขึ้นมาแล้ว…”

เด็กหนุ่มชุดป่านเลียปาก ในใจสั่นไหว เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ หอเสียงสวรรค์… ขุมอำนาจมากขนาดนี้ พี่ชายคนนั้นจะกล้าล่วงเกินกี่คน

“เด็กเน่าอย่างท่านนี่ กลัวโลกวุ่นวายไม่พอหรือ”

หญิงชราก่นด่าพร้อมรอยยิ้มประโยคหนึ่ง จากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าขอบอกท่านไว้ เรื่องที่คนผู้นั้นก่อ ให้เขาเป็นคนรับผิดชอบเอง จะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับท่าน ข้าเองก็จะไม่ยุ่งเกี่ยว”

เด็กหนุ่มชุดป่านพูดอย่างเหลืออด “รู้แล้วๆ ดูความครึกครื้นเฉยๆ คงได้กระมัง”

หญิงชราพยักหน้า “แน่นอน”

และตอนนี้เอง พวกจินเทียนฉีได้มาถึงหน้าเรือนที่พวกหลินสวินพักอยู่แล้ว

“ที่นี่หรือ”

จินเทียนฉีพินิจรอบหนึ่ง

“ใช่”

อู่อวิ๋นเหลียนพยักหน้า

ในใจนางขมขื่น ความหวังเดียวก็คือ หลังจากผู้อาวุโสชั้นสูงเหลียงชวนและฮว่าเตี่ยนรู้ข่าวแล้ว จะสามารถมาได้ในทันที

ไม่เช่นนั้นที่แห่งนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่แน่!

“หลิ่วชิงเยียนอยู่ไหม”

จินเทียนฉีพูดเสียงขรึม

เพลิงโกรธที่สุมอกเขาอยู่ไม่มีที่ระบาย วันนี้เริ่มจากถูกผู้อาวุโสต่อว่า จากนั้นถูกหลิ่วชิงเยียนผู้สืบทอดหอเสียงสวรรค์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งปฏิเสธ จะให้เขาทนได้อย่างไร

“มีเรื่องอะไร”

เสียงของหลินสวินดังขึ้นจากในเรือน

และในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ คนที่มาคราวนี้ดันไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งหอเสียงสวรรค์

“มีเรื่องอะไรเช่นนั้นหรือ”

จินเทียนฉีเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง พูดอย่างเย็นเยียบ “หลิ่วชิงเยียนนั่นไม่อยากเจอพวกเรา พวกเรามาเจอนางสักหน่อยไม่ได้หรือ”

หลินสวินเลิกคิ้ว เขาเดาฐานะของอีกฝ่ายออกแล้ว ในใจอดจนคำพูดไม่ได้

ปัญหามาไม่ขายสายจริงๆ อยากอยู่อย่างสงบสักหน่อยก็ไม่ได้

……………………………….

[1] ทหารมาใช้ขุนศึกต้าน น้ำมาใช้ดินขวาง หมายถึง รับมือไปตามสถานการณ์

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset