Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1837 เขตแดนกระบี่เมืองจักรพรรดิขาว

มกุฎราชันอริยะ พลังเขตแดนมรรคที่ครอบครองย่อมน่าสะพรึงเหนือจินตนาการเป็นธรรมดา

อู้หมิงเป็นหนึ่งในเก้าผู้ทรงฌานหลุดพ้นแห่งแดนกษิติครรภ์ เคี่ยวกรำมรดกเมืองพุทธ รากฐานและพลังต่อสู้ย่อมหาใช่ธรรมดาทั่วไป

เมื่อหนึ่งฝ่ามือซัดออกไป อานุภาพเปี่ยมล้มที่สำแดงออกมาทำให้กึ่งจักรพรรดิเหลียงชวนยังรู้สึกตกใจ และทำเอาผู้แข็งแกร่งที่ลอบมองดูการต่อสู้ในเงามืดต่างสะเทือนอารมณ์ไม่สิ้น

ทว่าก็เป็นฝ่ามือนี้ ที่ถูกหลินสวินต้านทานสลายไปอย่างไร้สุ้มเสียง

พร้อมๆ กับพลังฝ่ามือของหลินสวินพุ่งออกไป

ตูม!

ทั่วทั้งตัวอู้หมิงล้วนส่ายไหวอย่างจัง เสื้อผ้าโบกสะบัด งอบเหนือศีรษะล้วนแตกระเบิดทันควัน แหลกกระจุยล่องลอย

“ทะยาน!”

ที่ตีนเขา ภิกษุเฒ่าตู้คงเปล่งคำหนึ่งออกมา

ทั่วทั้งเขารับแขกพลันปิดครอบด้วยพลังคุ้มกันไร้รูปหนึ่งชั้น

ชายชราในชุดคลุมสีหน้าไม่ไหวติง เก็บมือขวาที่รวบอยู่แขนเสื้อกลับมาเงียบๆ ก่อนหน้านี้เขาเองก็ตั้งใจจะทำเช่นนี้เหมือนกัน

หาไม่ ลำพังแค่การต่อสู้ครั้งนี้ปะทุขึ้น เขารับแขกลูกนี้คงถูกซัดกระจุยเป็นแน่

“แข็งแกร่งนัก!”

“เจ้าหมอนี่เก็บงำได้ลึกล้ำนัก มิน่าถึงสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนั้นได้ ขนาดผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนเหล่านั้นยังถูกเขากำราบด้วยมือเดียว”

พื้นที่ต่างๆ ของเขารับแขกมีเสียงร้องอุทานระลอกหนึ่งดังขึ้น

“สหายยุทธ์ เจ้าไม่คิดจะไปกับพวกเราสักเที่ยวจริงๆ หรือ”

สายตาของอู้หมิงดั่งมหาสมุทร ไหลเวียนสัญลักษณ์อักษรสันสกฤตอันคลุมเครือ

ขณะพูดเขาสาวเท้าก้าวขึ้นหน้า ใต้ฝ่าเท้าปรากฏดอกบัวสีดำดอกแล้วดอกเล่า และด้านหลังของเขามีภิกษุท่องธรรม กำราบเงาแสงมืดมิด ขับเน้นให้เขาดูมีอานุภาพน่าสยดสยอง

ตูม!

ทันใดนั้นเขายกมือขึ้น ครรลองฟ้าลักษณ์ปฐพี ห้าดรรชนีควบรวมประทับขวดสมบัติออกมา เหินข้ามอากาศเข้าโจมตี

“เจ้าอยู่ต่อไม่ใช่ว่ายิ่งดีหรือ”

หลินสวินเอ่ยปากเสียงเรียบ

ทันทีที่เขาดีดนิ้ว กระถางใหญ่ใบหนึ่งก็ปรากฏ ลายมรรคบนนั้นสอดประสาน กฎเกณฑ์ไหลเวียน เผยอานุภาพกำราบทั่วสี่ทิศ ไม่อาจสั่นคลอนได้

ประทับขวดสมบัติและกระถางใหญ่ชนกระแทกกันอย่างแรงบนห้วงอากาศ แสงมรรคและประกายเรืองรองน่าสะพรึงแผ่กว้าง เสียงอึกทึกครึกโครมก้องสะท้อนดุจสายฟ้า

ประทับขวดสมบัติแตกสลายทันที กระถางใหญ่ก็ร่วงตามลงไป เข้ากำราบไปทางอู้หมิง

อู้หมิงนัยน์ตาหดรัด สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทั่วร่างรายล้อมด้วยแสงธรรมสีดำ ชั่วขณะนั้นมองผ่านๆ ราวกับกลายร่างเป็นสามหัวหกแขน ซัดฝ่ามือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ปัง! ปัง! ปัง!

ประทับฝ่ามือราวกับหยาดฝนก็ไม่ปาน ซัดใส่กระถางใหญ่ ทุกๆ การโจมตีล้วนมีอานุภาพซัดถล่มภูผาธารา

สุดท้ายกระถางใหญ่ก็แตกกระจุยกระจาย

แต่หลินสวินสบโอกาสบุกโจมตีเข้ามานานแล้ว ร่างดั่งจอมราชันเจ้าเหนือหัวผู้ปกครองแว่นแคว้น ใช้เก้ากระถางเป็นพลัง พาดขวางกลางห้วงอากาศ อานุภาพไม่อาจขวางกั้น

ตูม โครม!

ฟ้าหม่นมัวดินมืดมิด ห้วงอากาศปั่นป่วน

เพียงพริบตาเท่านั้นทั้งคู่ก็ปะทะโรมรันกันกว่าร้อยกระบวน สภาพการต่อสู้สุ่มเสี่ยง น่าตระหนกตกตะลึง

เพียงแต่อู้หมิงอยู่ในสภาพถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง

อานุภาพบุกโจมตีของหลินสวินเหี้ยมหาญเกินไป แข็งแกร่งไร้ทัดเทียม ทุกท่วงท่าอิริยาบถยิ่งมีอานุภาพยิ่งยง ทุกการโจมตีล้วนสามารถฆ่าราชันอริยะคนหนึ่งอย่างง่ายดาย

ไม่ว่าอู้หมิงจะต่อต้านหรือสลายอย่างไร ล้วนตกอยู่ในสภาพถูกกำราบอย่างไร้เรี่ยวแรงขัดขืน

ไม่ใช่ว่าเขาแข็งแกร่งไม่พอ ตรงกันข้าม ในฐานะหนึ่งในเก้าผู้ทรงฌานแดนกษิติครรภ์ รากฐาน พลังปราณ รวมถึงพลังมหามรรคที่เขาครอบครอง ไม่มีสิ่งไหนไม่ใช่ชั้นยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ถือเป็นพวกแนวหน้า

หากไม่ใช่เพราะมาจากโลกมืด ด้วยศักยภาพของเขาก็สามารถไต่เต้าขึ้นร้อยอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย

เพียงแต่ครั้งนี้เขามาพบกับหลินสวิน พวกร้ายกาจยิ่งยวดที่ข้ามมหาเคราะห์ต้องห้ามแห่งยุค เคี่ยวกรำมรรคาหนึ่งเดียวในใต้หล้า

ว่ากันถึงความเชี่ยวชาญในระดับมกุฎราชันอริยะ ในหมู่ผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันนับแต่อดีตจนปัจจุบัน ล้วนหาไม่ได้สักกี่คนที่สามารถเทียบรัศมีกับหลินสวินได้!

แม้จะไม่ได้ใช้ร่างเดิม ทว่าอาศัยพรสวรรค์แห่งกายมรรคไม้เขียว ก็เพียงพอจะทำให้หลินสวินไม่เกรงกลัวคนรุ่นเดียวกันคนใดแล้ว

อู้หมิง…

ไม่ไหว!

คนไม่น้อยเป็นพยานเห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้านี้ ต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี หวาดผวาไม่สิ้น

จนป่านนี้มีหรือพวกเขาจะดูไม่ออก ว่าภายใต้การปะทะซึ่งหน้า ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์นั่นยังดูด้อยกว่าอยู่หนึ่งช่วง!

เด็กหนุ่มชุดป่านนึกอยากกระโจนออกไปหลายครั้ง ทว่าล้วนถูกหญิงชราขวางไว้ เขาทั้งจนปัญญาทั้งทอดถอนใจ พี่ชายคนนี้เก็บงำไว้ลึกเกินไปแล้ว!

“นายน้อย ต่อไปท่านก็เข้าใจ โลกใหญ่หงเหมิงไม่เคยขาดแคลนคนแบบนี้”

เสียงของหญิงชราราบเรียบ

อันที่จริงในใจนางเองก็เจือแววเสียดายเสี้ยวหนึ่ง โลกใหญ่หงเหมิงไม่ขาดแคลนยอดอัจฉริยะจริงอย่างว่า แต่ยอดอัจฉริยะแบบหลินสวิน สุดท้ายก็ยังมีจำนวนน้อยอยู่ดี

น่าเสียดาย หลังจากวันนี้ไป ยอดอัจฉริยะเช่นนี้เกรงว่าคงต้องหายสาบสูญไปจากโลก…

พรวด!

ในที่นั้นสุดท้ายอู้หมิงก็กลั้นไม่อยู่ ริมฝีปากกระอักเลือด

สีหน้าเขาซีดขาว กลางนัยน์ตาเต็มไปด้วยแววเคร่งเครียด

ตอนนี้เขากล้าฟันธงแล้ว ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นมารนอกรีตคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเป็นแน่

ต่อให้กลิ่นอายของอีกฝ่ายจะถูกซ่อนเร้น ทว่าพลังและฝีมือที่สำแดงออกมา ล้วนมีส่วนคล้ายคลึงกับมารนอกรีตคนนั้นอย่างน่าทึ่ง

“เขาไม่ไหว เจ้าอยากเข้ามาพร้อมกันหรือไม่”

ผมดำของหลินสวินโบกพลิ้ว แสงมรรคสีเขียวรอบกายโปร่งใสราวกับกระจกแก้ว เงาร่างเรืองรอง ท่าทางผงาดผยองและองอาจ

“ข้าคนเดียวก็พอ”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเอ่ยปากเสียงเย็นเยียบ

เงาร่างของนางขยับไหว ดั่งฝันดุจมายา โผล่มาในสนามรบโดยพลัน รวบนิ้วเหมือนกระบี่ เสียงฉัวะดังคราหนึ่ง บั่นเฉือนห้วงอากาศขาดสะบั้น!

คมของมันราวกับสายฟ้า อานุภาพของมันเหมือนสายลม ท่วงทำนองของมันดุดัน บารมีของมันไม่อาจคาดเดา!

“คัมภีร์ลมกรดกระบี่ปั่นป่วน!”

เด็กหนุ่มชุดป่านที่ชมการต่อสู้อยู่ในลานตลอดเวลาร้องโพล่งออกมา กระบี่นี้เป็นมรดกตกทอดสูงสุดของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน เป็นคัมภีร์กระบี่ชั้นยอดที่จักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์สร้างขึ้น!

เงาร่างหลินสวินขยับไหว

ถึงแม้จะหลบเลี่ยงกระบี่นี้ได้ แต่กลับมีผมเส้นหนึ่งร่วงลงมาจากริมหู อีกแค่นิดเดียวก็จะปาดลำคอของเขาอยู่แล้ว

เพียงแต่หลินสวินสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ไหวหวั่นแต่อย่างใด

ดวงตาอู้หมิงวาววาบ แต่สุดท้ายก็ขมกลั้นเอาไว้ ไม่ได้บุกสู้ต่อ แต่ก็ไม่ได้ถอยออกจากวงต่อสู้ด้วยเช่นกัน

เขาไม่ยอมให้หลินสวินถูกคนอื่นสังหาร!

“ทะเลครามปั่นป่วน!”

ทันทีที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยลงมือ ก็สำแดงท่วงท่าแข็งกร้าวดุดันออกมา ปราณกระบี่แน่นขนัดปั่นป่วนเมฆลม

กระบี่แต่ละสายล้วนราวกับแสงไหวเคลื่อนพราวระยับ ปั่นป่วนดุจสายลม มีพลังแห่งเก้าชั้นฟ้าโบกกระหน่ำเหนือห้วงอากาศ มีอานุภาพพลิกม้วนปัญจธาตุ

ชั่วขณะเดียวเงากระบี่แน่นขนัดกลางฟ้าดิน แสงกระบี่วาบประกาย กระบี่ครวญดั่งกระแสเชี่ยวกราก ลำแสงกระบี่ดุจดวงตะวัน!

“พลังมรรคกระบี่ที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

ผู้ฝึกปราณที่จับจ้องการต่อสู้อยู่ในมุมมืดไม่น้อยล้วนแสบตา จิตใจเริ่มสั่นระริกขึ้นมา

จินเทียนเสวียนเยวี่ยในเวลานี้ดุจดั่งเซียนกระบี่หญิงก็ไม่ปาน ท่วงท่าวิจิตรมีสง่า เจตกระบี่สะท้านฟ้า!

“นี่ก็คือพลังของอันดับที่สี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์หรือ”

ขนาดอู้หมิงยังไม่อาจไม่ยอมรับ ความชำนาญในมรรคกระบี่ ความแข็งแกร่งในพลังปราณของหญิงผู้นี้ ล้วนแต่เหนือกว่าเขาหนึ่งช่วง

ทว่าที่ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อก็คือ

ไม่ว่าจะเป็นพลังโจมตีที่ประหนึ่งฝนคะนองลมโหมคลั่งของจินเทียนเสวียนเยวี่ย หรือปราณกระบี่ยิ่งใหญ่นั่นจะหอบม้วนจักรวาลแค่ไหน หลินสวินก็สามารถใช้พลังของเก้ากระถางสยบไว้ได้อยู่ร่ำไป

ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คน ก็เสมือนว่าทันทีที่เก้ากระถางพุ่งออกมา ใต้หล้าแล้วแน่นหนา ไม่อาจสั่นคลอน!

“นี่เป็นไปได้อย่างไร”

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว…”

“เผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่มีพวกร้ายกาจเช่นนี้โผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เสียงฮือฮานับไม่ถ้วนดังขึ้น

การต่อสู้ครั้งนี้ ทันทีที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยลงมือก็สำแดงอานุภาพโดดเด่นเหนือใครออกมา ชื่อเสียงไม่ผิดจากคำเล่าลือ

ทว่าพลังที่หลินสวินสำแดงออกมา กลับยิ่งทำให้ผู้คนประหลาดใจ

ใครก็คิดไม่ถึง ว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่คนหนึ่งจะเก็บงำพลังได้มิดชิดเช่นนี้

ไม่มีใครรู้ ว่านี่หลินสวินยังไม่ได้ใช้คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด รวมถึงนัยเร้นลับคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคที่เชี่ยวชาญที่สุด!

หาไม่ อานุภาพของเขามีแต่จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ชิ้ง!

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเรียกกระบี่มรรคเล่มหนึ่งออกมา เจือแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์ขาวหิมะ ดุจดั่งธารดาราที่โปรยปรายลงมาจากฟ้า

กระบี่นามว่า ‘ควบขาว’ ตกทอดมาจากยุคดึกดำบรรพ์!

สีหน้าของนางราบเรียบ อาภรณ์พลิ้วไหว กระชับกระบี่บุกเข้าไป

คนที่คุ้นเคยกับนางต่างรู้ดี เวลานี้นางได้ใช้พลังเต็มที่แล้ว ไม่ออมมืออีกต่อไป!

ฉัวะ!

กระบี่มรรคควบขาวพุ่งโฉบออกมา ทันใดนั้นพลันกลายเป็นเขตแดนกระบี่แห่งหนึ่ง

เขตแดนกระบี่นี้กว้างใหญ่ถึงที่สุด กลายเป็นเมืองยักษ์ทะเลเมฆแห่งหนึ่ง หอคอยราวกับกระบี่เทียมฟ้า แสงสีขาวเวิ้งว้างไหลเวียนออกมา

ท่ามกลางความเลือนรางราวกับมีเงาร่างกำยำประหนึ่งภาพมายาสายหนึ่งนั่งบัญชาอยู่บนหอกำแพง แผ่บารมีน่าเกรงขามไร้ใดเปรียบ

ตรงไหล่เขา นัยน์ตาชายชราชุดคลุมวาบประกายออกมา เผยแววปิติยินดี “กระบี่สำแดงเมืองจักรพรรดิขาว อานุภาพทะลวงหมื่นกาล! ‘เมืองจักรพรรดิขาว’ ของนาง ในที่สุดก็ควบรวมออกมาแล้ว!”

ใช่แล้ว เขตแดนกระบี่ของจินเทียนเสวียนเยวี่ยมีชื่อเรียกว่า ‘เมืองจักรพรรดิขาว’

เพื่อจะควบรวบเขตแดนกระบี่นี้ นางเคยนั่งบนชั้นเมฆเพียงลำพัง ชมเมืองจักรพรรดิขาวเงียบๆ สามสิบหน ซึมซับท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองจักรพรรดิขาวแล้วผสานเข้ากับมรรคกระบี่แห่งตน

ควรรู้ว่าเมืองจักรพรรดิขาว เดิมเป็นจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์สร้างขึ้นเองกับมือ พื้นที่ทุกแห่งหนของเมืองนี้ล้วนประทับร่องรอยมหามรรคที่จักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์เหลือทิ้งไว้

จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่ดูคล้ายหยั่งถึงเมืองแห่งหนึ่ง ไม่สู้บอกว่ากำลังหยั่งถึงเส้นทางมหามรรคของจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์!

และในวันนี้ นางควบรวมเขตแดนมรรคของตนออกมาแล้ว!

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่นางสำแดง ‘เมืองจักรพรรดิขาว’ ออกมา

ชั่วขณะนั้นทั้งบนล่างของเขารับแขก ในครรลองสายตาทุกคนปรากฏภาพอัศจรรย์สายหนึ่ง…

เมืองโบราณขาวหิมะที่กว้างใหญ่มโหฬารแห่งหนึ่ง ตั้งตระหง่านเหนือชั้นเมฆ อาบชโลมแสงดารา ดุจดั่งนิรันดร์กาลไม่เสื่อมสูญ เงาร่างกำยำสายหนึ่งนั่งบัญชาอยู่ในนั้น เหยียดหยันทั่วหล้า!

ภาพเหตุการณ์ระดับนั้นทำเอาจิตใจผู้คนนับไม่ถ้วนสั่นสะเทือน ล้วนไม่กล้าเชื่อว่านี่จะเป็นปรากฏการณ์ที่เขตแดนมรรคแห่งหนึ่งจะมีได้

“สยบ!”

ภายใต้สายตาจับจ้องตื่นตะลึง ทันทีที่ความคิดของจินเทียนเสวียนเยวี่ยขยับไหว เมืองจักรพรรดิขาวบนชั้นเมฆก็แผ่ครอบลงมา

ไม่อาจบรรยายความน่ากลัวของการโจมตีนี้ได้เลยสักนิด

ก็เหมือนเมืองเทพร่วงจากสวรรค์ กดทับมายังโลก ขาวโพลนแพรวพราวไร้สิ้นสุด ส่องสะท้อนจนดวงตาของผู้คนต่างลืมไม่ขึ้น จิตวิญญาณหนักอึ้ง

นัยน์ตาหลินสวินฉายแววแปลกประหลาด

ก่อนหน้านี้เดิมทีเขาอยากไปโลกใหญ่จินเทียนพร้อมกับหลิ่วชิงเยียน เยี่ยมชมบารมีของเมืองจักรพรรดิขาว กลับคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็น ‘เมืองจักรพรรดิขาว’ ผ่านวิธีเช่นนี้

ชั่วพริบตาเงาร่างของเขาก็ถูกปิดครอบ ปรากฏตัวอยู่ในเมืองจักรพรรดิขาว

ตึกอาคารตั้งเรียงราย ท้องถนนเชื่อมทะลุสี่ทิศแปดทางสะอาดกว้างขวาง มีระบบระเบียบ นอกเวิ้งฟ้าก็คือวัฏจักรฟ้าดาราที่เวิ้งว้างไร้ขอบเขต ไกลออกไปเป็นทะเลเมฆตระการสุดลูกหูลูกตา

บนหอกำแพงมีประทับกระบี่สายหนึ่งลอยแขวน ด้านบนสลักอักษรมรรคโบราณว่า ‘จักรพรรดิขาว’

ยืนอยู่กลางเมืองทอดสายตาไปรอบสารทิศ เมฆเอื่อยลอยล่อง ตึกอาคารเก่าแก่ ราวกับตัวไปโผล่ในเมืองเซียนตามตำนาน ทรงพลัง ใหญ่โต ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะมีอยู่บนโลก!

“ตายอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของเจ้านัก”

น้ำเสียงเยียบเย็นดุจน้ำแข็งของจินเทียนเสวียนเยวี่ยดังขึ้นกลางเมือง แผ่วพลิ้วไร้ร่องรอย

วู้ม!

บนหอกำแพงสูงตระหง่าน ประทับกระบี่ ‘จักรพรรดิขาว’ ที่ห้อยแขวนส่องแสง ทันใดนั้นเงาร่างกำยำสายหนึ่งก็ปรากฏตัว

เขายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น อานุภาพน่าสะพรึงนั่นเสมือนจักรพรรดิขาวเจ้าเมืองคนแรกที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมา กำลังปรายตาเยาะหยันโลกหล้าอยู่

เกือบจะเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิขาวพลันเปล่งแสง ปราณกระบี่สว่างเรืองรองนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากท้องถนน ตึกอาคาร กลางทะเลเมฆ ภายในฟ้าดารา… พุ่งกรูออกไปแน่นขนัด

ดุดัน

แข็งกร้าว

เจิดจ้า

บ้าคลั่ง

พื้นที่ทั่วทั้งเมืองล้วนกลายเป็นฝนกระบี่!

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset